พรึบ
“เอริ”ขุนศึกเรียกฉันเสียงดังอย่างใอีกครั้งพลางลุกขึ้นยืนด้วยความใที่ฉันเดินเปลือยกายตรงดิ่งไปหาเขา ที่เขาทำท่าใฉันขนาดนี้ก็เพราะว่าปกติฉันไม่เคยเป็แบบนี้มาก่อนน่ะสิ
พรึบ
“เออุ๊บ!”เขากำลังจะเรียกฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันกลับไม่ปล่อยให้เขาได้เรียกฉันเพื่อเตือนสติฉัน ฉันกลับโน้มคอของขุนศึกมาและประกบริมฝีปากอวบอิ่มของเขาทันที
“จ๊วฟฟฟฟ….”ฉันหลับตาพริ้มดูดดึงริมฝีปากล่างของขุนศึกอย่่างอ้อยอิ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมจูบตอบฉันฉันจึงเบียดเสียดร่างกายอวบอิ่มของฉันให้เข้าไปประชิดกับร่างกายหนาของขุนศึกและเริ่มบรรเลงจุมพิตที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุด ขุนศึกก็อดทนไม่ไหวเริ่มจูบตอบฉันด้วยความร้อนแรงเช่นกัน
“แผล๊บจ๊วฟ จ๊วฟ…”เราสองคนดูดดื่มริมฝีปากของกันและกัน มือหนาของขุนศึกก็ยื่นมาโอบเอวคอดของฉันทั้งสองข้าง มือเล็กของฉันก็เริ่มเลื่อนลงมาจากต้นคอเขาลงมาเรื่อยๆจนถึงกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขา ฉันไม่รอช้าปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทันที
“อื้อออ”เราทั้งคู่ครวญครางออกมาอย่างพึงพอใจในรสชาติจูบของกันและกัน
“อึ!”ขุนศึกร้องออกมาอย่างใที่ฉันดันร่างของเขาให้เดินถอยหลังไปยังโซฟาและจัดการผลักร่างของเขาให้นอนหงายลงไปบนโซฟาและตามด้วยร่างของฉันทาบทับไปคร่อมร่างสูงของเขาโดยที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่ยังไม่ได้แยกออกจากกัน
“อื้อออ”ขุนศึกร้องท้วงอีกครั้งเมื่อฉันกัดลิ้นสากของเขาและเริ่มปลุกอารมณ์ของขุนศึกโดยการลูบไล้ปลายนิ้วมือไปทั่วบริเวณหมัดกล้ามหน้าท้องและหน้าอกที่แข็งแกร่งของเขา เพราะขุนศึกเป็คนที่รักษาสุขภาพมากต้องออกกำลังกายเข้าฟิตเนสเพื่อรักษาหุ่นเฟิร์มของตัวเองแทบจะทุกครั้งที่ตัวเขาว่างเสมอ
“อื้ออออ๊าาา”ขุนศึกครวญครางเสียงกระเส่าเมื่อฉันใช้ปลายนิ้วมือหยอกเย้ายอดปทุมถันสีชมพูของเขาไปมาจนมันเริ่มแข็งชูชันสู้ปลายนิ้วฉัน ขุนศึกก็ใช่ย่อยเขาก็ลูบไล้สีข้างทั้งสองข้างของฉันขึ้นลงไปมาก่อนจะไปหยุดที่บั้นท้ายงอนงามของฉันก่อนจะบีบคลึงมันและตีมันอย่างหมั่นเขี้ยว
เพลี๊ย
“อื้อออ!”ฉันร้องขึ้นพลางผละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากนุ่มของขุนศึกและจ้องมองใบหน้าหล่อของเขาที่เราทั้งคู่หอบหายใจเหนื่อยถี่เพราะจูบกันไม่พัก ขุนศึกยื่นมือหนึ่งข้างขึ้นมาจับโครงแก้มของฉันและเราสองคนก็สบตากัน
“ริ….รักขุนรึยัง?”ขุนศึกเอ่ยถามฉันพร้อมกับมองฉันด้วยแววตาลึกซึ้งและจริงจังแววตาคู่สวยของเขามันสื่อความหมายข้างในที่ลึกซึ้ง
“หึ….ถามอะไรอย่างงั้น…?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างขำขันพลางยิ้มกริ่มกับคำถามที่ขุนศึกถามฉัน เราคบกันมาตั้งแปดปีถ้าฉันไม่รักเขา ฉันจะคบเขามาได้ยังไงนานขนาดนี้
“ริบอกว่า….ริจะมีอะไรกับผู้ชายที่ริรัก….เท่านั้น”ขุนศึกเอ่ยออกมา คำพูดของเขาทำให้ฉันแอบใเล็กน้อยที่เขายังคงจำคำพูดของฉันได้ดีทั้งๆที่มันผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เขาก็ยังคงจำมันได้ดีทุกถ้อยคำ
“นี่คือสาเหตุที่ขุนไม่มีอะไรกับริใช่ไหม?”ฉันถามขุนศึกไปอย่างสงสัย
“มันก็ใช่….แต่ไม่ใช่อย่างนี้แค่อย่างเดียว…”
“หมายความว่ายังไง?”ฉันมองขุนศึกอย่างสงสัย เขาก็ยิ้มบางๆให้ฉัน ก่อนจะจับร่างของฉันให้ลุกออกมาจากตัวเขาและจับร่างของฉันนั่งหันหลังให้เขาที่นั่งพิงพนักโซฟาตัวแพงและกอดเอวฉันไว้แน่นพลางเอาใบหน้าหล่อเกยมาไว้ที่ไหล่ของฉัน
พรึบ
“เพราะขุนรักริมาก…”
“มากจนไม่รู้ว่าจะรักใครอื่นนอกจากริได้อีกไหม?”
“แปดปีที่เราคบกันมา….”
“ริคอยอยู่ข้างๆขุนเสมอมา…คอยให้คำปรึกษาเื่เรียนพอเรียนจบก็คอยให้คำปรึกษาเื่งาน….”
“คอยอยู่เื้ัความสำเร็จของขุน….ทุกอย่าง”
“มาตลอด…..”
“ถ้าขุนไม่มีริอยู่ข้างๆแบบนี้….ขุนก็ไม่รู้เหมือนกัน…ว่าขุนจะประสบความสำเร็จในชีวิตแบบนี้ไหม…”
“ขุนจำตอนที่ชีวิตของขุนไม่มีริไม่ได้แล้ว….”
“และขุนไม่อยากเสียริไป….”
“ขุนไม่อยากได้ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับริ….แต่ขุนอยากมีความสัมพันธ์กับริไปทั้งชีวิต”
“ขุนอยากจะเก็บครั้งแรกของริ….ไว้ในคืนแต่งงานของเรา”
“แต่งงานเหรอ?”ฉันผละร่างออกมาจากขุนศึกและเอ่ยแทรกถามขุนศึกไปอย่างใและแปลกใจที่เขาพูดเื่แต่งงานกับฉัน เพราะเขาไม่เคยพูดเื่นี้เลยและฉันก็ไม่เคยคิดมาก่อนด้วยว่าเขาจะขอฉันแต่งงาน
พรึบ
“ครับ….”ขุนศึกเอ่ยรับคำฉันอย่างแ่เบาก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มฉันอย่างอ้อยอิ่ง
ฟอดดดดด ฟอดดดด
พรึบ
ขุนศึกผละใบหน้าหล่อออกไปจากแก้มของฉันอย่างช้าๆก่อนจะยื่นมือมาจับมือข้างซ้ายของฉันไปกุมไว้ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงผ้าเนื้อดีของเขา
“เป็เ้าสาวของขุนนะครับ….”ขุนศึกเอ่ยขึ้นพร้อมกับสวมใส่แหวนเพชรเม็ดโตลงมาบนนิ้วนางข้างซ้ายของฉันอย่างแ่เบา
“ขุนศึก….”ฉันเรียกเขาเสียงแ่เบาก่อนจะหันไปจ้องมองหน้าหล่อๆของเขาที่ยิ้มละมุนให้ฉันอย่างอ่อนโยน ฉันทั้งดีใจทั้งอัดอั้นตันใจจนพูดไม่ออก ฉันร้องไห้ออกมาก่อนจะโผ่เข้าสวมกอดร่างของขุนศึกอย่างไว
“ขุนรู้….ว่าที่ริคบกับขุนเพราะริจำเป็ที่จะต้องใช้เงิน…”
“แต่ริรู้ไหม….ว่าขุน…รักริจริงๆ….”ขุนศึกบอกรักฉันเสียงจริงจังและอ่อนโยน ฉันค่อยๆดันร่างของฉันออกมาจากอ้อมกอดของขุนศึก
พรึบ
“จ๊วฟ จ๊วฟ….”ฉันจูบปากของขุนศึกเพื่อเป็การบอกให้เขาเลิกพูด ฉันดูดดื่มริมฝีปากล่างของขุนศึกริมฝีปากนุ่มนิ่มและหวานมากของเขาทำให้ฉันติดใจ ขุนศึกเองก็จูบตอบฉันกลับเป็จูบที่อ้อยอิ่งและนุ่มนวล
พรึบ
ฉันผละริมฝีปากออกมาจากริมฝีปากของขุนศึกอย่างช้าๆ
“ริรู้….ว่าขุนคิดยังไงกับริ….”ฉันเอ่ยออกไปพลางจ้องมองหน้าขุนศึกไปด้วย ฉันรู้ว่าเขาคิดยังไงกับฉัน เพราะถ้าเขาไม่รักฉันแบบที่คุณจอมพลบอก เขาคงไม่มาขอฉันแต่งงานแบบนี้หรอก เพราะการแต่งงานเป็เื่ที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับผู้ชายคาสโนว่าอย่างขุนศึก แต่การที่เขาคิดจะแต่งงานกับฉัน ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าขุนศึกรักฉันมากแค่ไหน
“แต่…?”ฉันเอ่ยต่อแต่เว้น่ไว้ทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันอย่างสงสัย คิ้วหนาของเขาขมวดกันจนเป็ปม
“แต่อะไรครับ?”เขาเอ่ยถามฉันมาในที่สุดเมื่อฉันไม่ยอมพูดต่อ
“แม่ของขุน…คงไม่ยอมให้เราแต่งงานกัน….”ฉันเอ่ยขึ้นพลางมองหน้าขุนศึกด้วยความกังวลใจและรู้อยู่แล้วว่ายังไงคุณแม่ของขุนศึกก็ไม่มีทางยอมให้ฉันแต่งงานกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านเป็แน่ๆ ท่านแสดงออกอย่างชัดเจนว่าท่านรังเกียจและไม่ชอบฉัน
“ขุนจะไปพูดกับท่านเอง”ขุนศึกมองหน้าฉันพลางพูดออกมาด้วยความจริงจังและมั่นใจว่าคุณแม่เขาจะยอมเชื่อเขาแต่ฉันรู้ว่าคุณแม่ของเขาไม่มีทางยอมแน่ๆเพราะท่านไม่ชอบฉัน
“แต่ท่านไม่มีทางยอม”ฉันเอ่ยออกไปอย่างจริงจัง แววตาของฉันคงจะดูจริงจังมากเพราะขุนศึกถึงกลับเงียบไปพลางทำสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
“อย่าถอดนะครับ….”ขุนศึกเอ่ยออกมาอย่างใพลางยกมือขึ้นมาจับมือฉันที่กำลังจะถอดแหวนเพชรที่เขาเพิ่งจะสวมใส่ให้เพื่อคืนเขา
“พรุ่งนี้ขุนจะไปคุยกับคุณแม่….เื่ของเรา….”ขุนศึกเอ่ยออกมาพลางจ้องมองหน้าฉัน แววตาของเขาดูมุ่งมั่นมากจริงๆ
“ทำไมอยู่ดีๆขุนถึงอยากแต่งงานกับริล่ะ?”ฉันอดที่จะอยากรู้ไม่ได้จึงเลือกที่จะถามเขาไป พลางมองจ้องเข้าไปในดวงตาของขุนศึกว่าเขากำลังแกล้งทำให้ฉันตายใจอยู่รึเปล่า
“เพราะวันนี้….ที่ริหายไป….ขุนรู้ว่าริโกรธขุนที่ไม่ยอมตอบข้อความและโทรหาริเลย….”
“แต่ขุน….มีความจำเป็จริงๆนะ…”
“ความจำเป็อะไร….หรือโทรหาไม่ได้….เพราะทำกิจกรรมกับสาวๆของขุนอยู่?”ฉันพูดสวนขุนศึกไป
“ริ”ขุนศึกเอ่ยเรียกฉันเสียงแ่เบาและหาคำตอบให้ฉันอีกไม่ได้ เพราะฉันคงจะจับทางเขาได้แล้วน่ะสิว่าที่เขาโทรหาฉันไม่ได้เพราะเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นจริงๆ
“ริอยากรู้มากเลยขุน….”ฉันพูดต่อทันทีด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
“ว่าทำไมทั้งๆที่ขุนก็มีริอยู่แล้วแต่ขุนก็ยังจะไปนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอยู่ได้?”
“มันเป็นิสัยเ้าชู้หรือ…”
“เห็นแก่ตัว?”
“หรือสันดานกันแน่?”
“ถ้าเป็ที่นิสัย….ก็คงจะแก้ได้…”
“แต่ถ้าเป็สันดานคงแก้ไม่ได้…”ฉันพูดต่อรัวเป็ชุดทำให้ขุนศึกมองหน้าฉันนิ่ง เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แขนที่เคยโอบกอดฉันอยู่เขาก็ค่อยๆปล่อยกอดออกจากฉัน ฉันจึงตัดสินใจที่จะลุกขึ้นออกมาจากตัวเขา เพราะนี้ก็เป็ครั้งที่สองแล้วที่ฉันแก้ผ้าต่อหน้าขุนศึกและเขาก็ปฏิเสธฉันเป็ครั้งที่สองอีกแล้วเหมือนกัน?……บางทีฉันก็ไม่รู้เลยว่าไอ้คำที่ขุนศึกบอกฉันว่ารักมันจริงรึเปล่าหรือเป็แค่ลมปากของคนเ้าชู้ที่บอกรักคนอื่นไปทั่ว
“ถ้าจะกลับบ้าน….ก็ล็อคห้องให้ริด้วยนะ….”
“เพราะถ้าเป็ผู้ชายคนอื่น….เห็นริไปยืนแก้ผ้าต่อหน้าเขาแบบนี้….”
“เขาคงจะไม่ปฏิเสธริ….เหมือนที่ขุนทำ….”ฉันลุกขึ้นยืนหันหลังให้ขุนศึกและเอ่ยบอกเขาไป เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันนิ่ง ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรแต่ตอนนี้ฉันกำลังจะร้องไห้……มันเ็ปในหัวใจ ทำไมๆทำไมขุนศึกมีแค่ฉันคนเดียวไม่
ได้ เขาไม่เคยล่วงเกินฉันแต่เขากลับนอกกายฉันอยู่ตลอดเวลาและทุกวัน