เหลืออีกหนึ่งสัปดาห์ก่อนสิ้นเดือน ซ่งจื่อฉีและหลัวจ้งซีก็ได้เริ่มจัดตารางงานทั้งของหน้างานและหลังบ้านแล้ว หลังอาหารกลางวันทั้งคู่นั่งอยู่ในออฟฟิศกำลังใช้ Excel จู่ๆ ออฟฟิศก็เต็มไปด้วยผู้คน โดยแต่ละหน่วยงานต้องจัดตารางกะเข้างานอย่างรวดเร็วและอัปโหลดไปยังคลาวด์ ด้วยวิธีนี้แต่ละหน่วยจึงสามารถประสานงานทรัพยากรบุคคลได้ และรู้กำหนดการของกันและกัน
การจัดตารางกะเวลาเข้างานเป็งานที่ต้องใช้ความคิดเป็อย่างมาก ในคอมพิวเตอร์ของหลัวจ้งซีมีกิจกรรมจัดเลี้ยงต่างๆ สำหรับเดือนหน้า ซึ่งเป็ส่วนที่ส่งผลต่อตารางงานมากที่สุด แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างเดือนนี้กับเดือนที่แล้วก็คือไม่ว่ากิจกรรมจะแน่นแค่ไหน เขาก็พยายามที่จะไม่ยืมกำลังคนของโฮบาร์ เพื่อป้องกันไม่ให้จินอิ๋นมาปรากฏตัวอีกครั้งด้วยเหตุผลบางประการ
ซ่งจื่อฉีและหลัวจ้งซีต่างก็มีโน้ตอยู่ในมือมากมาย พวกเขามีวันหยุดแปดวันต่อเดือน ยกเว้นวันจันทร์ซึ่งเป็วันหยุดประจำ ส่วนอีกสี่วันที่เหลือจะสามารถเลือกเองได้ ตราบใดที่มีกำลังคนเพียงพอ พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกคนได้ใช้เวลาพักผ่อนตามวันเวลาที่พวกเขาเลือก
“อี้สี่ไม่ได้กรอกวันลาที่ต้องเลือกด้วยตัวเองสี่วัน เธอบอกว่าไม่มีธุระอะไรเป็พิเศษ นายอยากจัดวันให้เธอหน่อยไหม?” ซ่งจื่อฉีถามหลัวจ้งซี
“สัปดาห์ที่สองฉันค่อนข้างว่าง นายช่วยจัดวันหยุดให้เธอวันอาทิตย์และวันจันทร์ด้วย ฉันจะพาเธอไปเที่ยว” หลัวจ้งซีพูด เมื่อพูดถึงเื่การจัดกำหนดการเข้างาน พวกเขามีสิทธิ์ที่จะจัดการได้
“แล้วอีกสามวันที่เหลือล่ะ?”
“นายจัดการตามแผนของนายก่อนเลย แล้วฉันจะดูขั้นสุดท้ายเอง การลาของฉันต้องสอดคล้องกับอามีและก็กับนายด้วย ถ้าทั้งสี่วันฉันเป็คนกำหนดก็จะไม่ยุติธรรมกับพวกนาย” หลัวจ้งซีพูด มีกฎบางอย่างในการจัดการวันหยุดพักผ่อน หลัวจ้งซีและอามีไม่สามารถลาพักร้อนพร้อมกันได้ หลัวจ้งซีและซ่งจื่อฉีเองก็ไม่สามารถลาพักร้อนพร้อมกันได้เช่นกัน ส่วนซ่งจื่อฉีและอาเฉียงก็ไม่สามารถลาพักร้อนพร้อมกันได้ ด้วยจะต้องมีหัวหน้างานหรือหัวหน้าคนงานอยู่ทั้งในและหน้างานทุกวัน
“นายก็มีจิตสำนึกนี่” ซ่งจื่อฉียิ้ม “เธอยังเด็กอยู่เลย นายจริงจังกับเธอเหรอ?” ภายในห้องมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น ซ่งจื่อฉีจึงได้เอ่ยถามเขาออกมา
“ใช่” หลัวจ้งซีตอบอย่างหนักแน่น
“รู้สึกว่านายแตกต่างไปจากเมื่อก่อนนะ ค่อนข้างขี้อวด แต่ก่อนนายอายมากที่ต้องให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในที่ทำงานแบบนี้ เพราะกลัวว่าจะดูไม่ดี” ซ่งจื่อฉีรู้สึกได้ว่าหลัวจ้งซีไม่เหมือนเดิม
“เก็บตัวเงียบมานานแล้ว มีบางคนพยายามหาทางขัดขวาง” หลัวจ้งซีพูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ เขารู้สึกว่าจินอิ๋นไม่ได้ลังเลที่จะหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความสงสัยเลยแม้แต่น้อย และเขาก็ไม่ได้สู้ลับหลัง แต่เป็ต่อหน้าตรงๆ เมื่อมีหลายคนสับสนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสามคน จินอิ๋นก็เพียงแค่ปล่อยให้ทุกคนคิดว่าหลัวจ้งซีและอี้สี่คบกันอยู่ และครั้งถัดไปที่จินอิ๋นปรากฏตัวอีกครั้ง จินอิ๋นและอี้สี่จะต้องกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนอื่นไม่มากก็น้อย เขาเป็คนรอบคอบมากและวางแผนไว้นานแล้ว
แน่นอนว่าซ่งจื่อฉีไม่เข้าใจว่าใครจะพยายามหาทางทำเช่นนั้น รู้สึกแค่ว่าคราวนี้เขาขี้หวงมาก น่าจะเป็ความรู้สึกวิกฤตของการกินหญ้าอ่อนใน่วัยกลางคนหรือเพราะว่าอี้สี่ค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกับใครคนหนึ่ง “ฉันคิดว่าเธอค่อนข้างเหมือนกับเสี่ยวกวา และกลิ่นอายก็ค่อนข้างเหมือนเพ่ยจวน เป็ผู้หญิงประเภทที่นายชอบ” ซ่งจื่อฉีพูด เสี่ยวกวาเป็อดีตภรรยาของหลัวจ้งซี
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะเหมือนใครเลย ก็แค่ชอบเธอแบบที่อธิบายไม่ได้” เขาพูด แต่บางทีซ่งจื่อฉีอาจจะพูดถูก เขารู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่าง ดังนั้นจึงได้สนใจเธอ
“ฉันกำลังพูดถึงลักษณะเฉพาะตัว มีความคล้ายกับเสี่ยวกวาเล็กน้อย และก็มีความเป็ตัวของตัวเองของเพ่ยจวนด้วย อี้สี่ดูเชื่อฟังมาก แต่ฉันก็รู้สึกได้ว่าเธอไม่เหมือนอย่างที่เห็น” ซ่งจื่อฉีสามารถสังเกตผู้คนได้ดีมาก อันที่จริงแล้วคนๆ หนึ่งจะไม่หลุดจากคอมฟอร์ทโซนของตัวเองได้ หากไม่ได้มีความกล้าที่มากเพียงพอ
“เธอไม่เชื่อฟังเลยสักนิด และก็ควบคุมไม่ได้ด้วย เธอไม่ฟังฉันเลย แต่เพราะฉันอายุเยอะกว่า ฉันก็ต้องเป็คนที่ทนนั่นล่ะ” หลัวจ้งซีค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก
“นายพูดอะไรที่ไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนี้ออกมาได้ยังไงกัน? เมื่อวานก็อยู่ด้วยกัน วันนี้ก็มาทำงานพร้อมกัน ดูรักกันดีไม่ใช่เหรอ นายจะต้องทนกับอะไรอีก? หรือว่าเธอเ้าอารมณ์และก็นิสัยไม่ดีเหรอ?” ซ่งจื่อฉีคิดว่าคำตอบของหลัวจ้งซีแปลกประหลาดมาก
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถบอกความสัมพันธ์ระหว่างอี้สี่และจินอิ๋นได้ นั่นถือเป็การไม่ให้เกียรติกันมากเกินไป หลัวจ้งซีจึงทำเพียงถอนหายใจแล้วพูดว่า “มันยากที่จะพูด ก็เหมือนนายและไหลลานั่นแหละ มันยากที่จะพูด”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซ่งจื่อฉีก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบ โดยที่แต่ละคนต่างก็มุ่งความสนใจไปที่งานของตัวเอง ภายในหัวของหลัวจ้งซีกำลังคิดเื่หนึ่งอยู่ เขารู้สึกว่าอี้สี่ชอบเขา ดังนั้นจะเป็อย่างไรถ้าเขาขอให้เธอยุติความสัมพันธ์กับจินอิ๋น? เขาครุ่นคิดอยู่นาน เื่นี้ต้องทำไปทีละขั้นตอน หากทำให้รู้สึกเหมือนถูกบังคับ อี้สี่อาจจะจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก
เมื่อได้เวลากลับมาทำงาน หลัวจ้งซีก็ดูตารางงานแล้วเอ่ยเตือนซ่งจื่อฉีว่า “คุณเฉินจะชิมอาหารด้วยตนเองในงานเลี้ยงอาหารค่ำ และในงานเลี้ยงอาหารค่ำก็มีคุณนายสวี่ที่ทานมังสวิรัติอยู่หนึ่งที่”
“ฉันได้เตรียมส่วนผสมสำหรับเมนูมังสวิรัติไว้แล้ว จะทำในวันพรุ่งนี้”
“งานนั้นมีผู้คนจำนวนมาก ดังนั้นฉันจึง้ารายละเอียดต่างๆ โดยเร็วที่สุด” หลัวจ้งซีพิมพ์ตารางงาน ซ่งจื่อฉีอ้าปากหาวพลางขยี้ตาโดยไม่สามารถซ่อนความเหนื่อยล้าของเขาได้ “ใน่วันหยุดนายทำการบ้านไปมากขนาดไหนเนี่ย? ดูเหนื่อยอะไรขนาดนี้?” แน่นอนว่าหลัวจ้งซีไม่พลาดโอกาสที่จะหยอกล้อเขา
“ฉันไม่เหมือนนายนะที่กินหญ้าอ่อนเพื่อบำรุงสายตาและร่างกาย” แน่นอนว่าซ่งจื่อฉีเองก็ไม่ใช่ย่อย ต้องโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อถึงเวลาปิดร้าน วันนี้หลัวจ้งซีจะต้องกลับบ้าน แต่เขาก็ยังคงรออี้สี่อยู่ ด้วยอยากจะไปส่งอี้สี่กลับบ้านก่อน แต่อี้สี่ก็ปฏิเสธ “ไม่ต้องส่งฉันหรอกค่ะ ฉันนั่งรถไปเองได้ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” เธออยู่ที่หน้าประตูร้านกำลังบอกลาเขา
“งั้นผมจะไปส่งคุณขึ้นรถ”
“ไม่เอาค่ะ” อี้สี่ปฏิเสธอีกครั้ง “หลังจากนี้ฉันไม่อยากให้คุณมารอกันหลังเลิกงาน แล้วก็ไม่อยากให้คุณมารับฉันส่งฉันด้วย พวกเราไม่ได้เดทกัน และเนื่องจากวันนี้เราทั้งคู่ก็มีจุดหมายที่ต่างกัน งั้นแค่แยกย้ายกันไปก็พอ”
อี้สี่ไม่เกาะแกะเลยสักนิด และหากสาวๆ ทั้งหมดที่เขาเคยควงด้วยก่อนหน้านี้ไม่มายุ่งวุ่นวายกับเขาแบบนี้ หลัวจ้งซีก็จะต้องคิดว่ามันเป็เื่ที่ดีแน่ แต่ “เราไม่ได้เดทกัน” ประโยคนี้เมื่อเขาฟังแล้วก็ค่อนข้างรู้สึกเป็กังวล และลึกๆ ก็แอบเจ็บเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่หลัวจ้งซีไม่ใช่เด็กแล้ว เขาจึงไม่มุ่งความสนใจไปที่ตรงจุดนี้ และก็ไม่มีประโยชน์ที่จะโต้แย้งเกี่ยวกับเื่นี้ด้วย แน่นอนว่าจะต้องเริ่มจากตรงอื่น
“งั้นก็ได้ ส่งไลน์มาบอกผมด้วยเมื่อคุณถึงบ้านแล้ว ให้ผมได้สบายใจก็พอ” หลัวจ้งซีพูด ด้วยข้อเสนอที่ถอยกลับไปหนึ่งก้าว อี้สี่ก็ตกลงและพยักหน้า
เขาหันหลังกลับเดินจากไป อี้สี่คิดว่าเขาจะจากไปแล้วจึงไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อหลัวจ้งซีหันกลับมากอดอี้สี่ไว้ เชยคางเธอขึ้นมาแล้วประทับจูบลงบนริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว “เฮ้! ทำไมคุณน่ารำคาญนักนะ!” อี้สี่ไม่ได้ตั้งตัวเลย เธอรู้สึกทั้งหนักใจเล็กน้อยและกรุ่นโกรธนิดๆ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขา บนใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มกวนๆ ปรากฏอยู่ ไม่ได้ดูรู้สึกผิดเลยสักนิด ด้วยตรงนี่ยังคงเป็ทางเข้าของฉือเซ่ออยู่ และผู้คนต่างก็ทยอยเดินออกมาทีละคน ซึ่งก็อาจจะมีเพื่อนร่วมงานอยู่ด้านหลังพวกเขาสองคนด้วย ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ไม่กล้าหันกลับไปเลย เธอจึงผลักเขาออกไปแล้ววิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว
จากมุมมองของหลัวจ้งซีนั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีใครอยู่ข้างหลังหรือไม่ ซึ่งก็มีคนอยู่ข้างหลังจริงๆ เป็ซ่งจื่อฉีที่เพิ่งเดินออกมา “นายอายุเท่าไหร่แล้วถึงได้ยังทำอะไรแบบนี้อยู่อีก ดูสิว่าสาวๆ พากันไม่พอใจแล้ว” ซ่งจื่อฉีรอให้อี้สี่วิ่งหนีไปก่อนถึงพูด
“การหยอกล้อที่พอเหมาะนั้นก็เป็การจีบประเภทหนึ่ง โกรธก็คือเขิน แต่ภายในใจยังรู้สึกหวานหอมอยู่” หลัวจ้งซีพูดอย่างไม่อาย
“มั่นใจมากเกินไปจะนำไปสู่การโดนลงโทษ” ซ่งจื่อฉียิ้มเบาๆ
หลัวจ้งซีเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านเกมอารมณ์และเทคนิคการจีบสาวมาโดยตลอด โดยปกติแล้วถ้าเขาคิดจะลงมือ ไม่ว่ากระบวนการจะเป็เช่นไรก็จะประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด แต่ผลกรรมย่อมมาในตอนสุดท้ายและจะมาอย่างรุนแรง ไม่ใช่การผลกรรมที่ล้มเหลวในการไล่ล่าหญิงสาว แต่เป็ผลกรรมที่ทำให้เขาเปลี่ยนบทบาทจากผู้ไล่ล่ามาเป็คนอกหัก
เมื่อหลัวจ้งซีกลับมาถึงบ้าน หลัวโม่โม่ก็เลิกเรียนแล้วและรอเขาอยู่ที่บ้าน
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว การที่จะได้เจอพ่อไม่ใช่เื่ง่ายเลยจริงๆ” หลัวโม่โม่พูดด้วยความโกรธ เธอมีใบหน้าเข้มเหมือนกับหลัวจ้งซี ดวงตากลมโต สันจมูกโด่ง ทว่าละเอียดอ่อนกว่า ผิวขาวราวกับตุ๊กตา ดูเป็สาวสวย แต่ค่อนข้างทำตัวแก่แดดเกินวัย
“ใน่วันหยุดพ่อก็อยากมีชีวิตเป็ของตัวเองบ้าง และพ่ออายุมากพอที่จะดูแลตัวเองได้” หลัวจ้งซีเพิ่งกลับมาถึงบ้านจึงค่อนข้างรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เขาเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์เย็นๆ ออกมา แล้วยกขึ้นดื่มสองสามอึก
“พ่อมีแฟนเหรอ?”
“อ่า! พ่อมีคนที่ชอบแล้ว”
โดยทั่วไปแล้วหลัวโม่โม่มีความเป็ผู้ใหญ่มากเกี่ยวกับเื่นี้ เธอเองก็คาดหวังว่าหลัวจ้งซีจะมีคนอยู่เป็เพื่อน จึงไม่มีปัญหาเื่ที่ว่าเขามีแฟนเลย “บัตรกำนัลของพ่อ หนูขอหน่อย” เธอยื่นมือออกมา ซึ่งหลัวจ้งซีก็ชินมาตั้งนานแล้ว การที่ลูกสาวที่โตขนาดนี้จะมาคิดถึงพ่อก็มักจะ้าขอของขวัญ หรือไม่ก็คือมีเงินใช้ไม่พอ
เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาและมอบเงินสามพันหยวนให้เธอ “นี่เป็ค่าอาหารหนึ่งสัปดาห์”
“บัตรกำนัลล่ะคะ?” เธอยื่นมือออกมาอีกครั้ง
“พ่อใช้มันเลี้ยงเพื่อนไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว วันศุกร์พ่อจะโทรมาหาก่อน พวกลูกก็ลงบัญชีไว้ได้เลย แล้วพ่อจะไปจ่ายให้” นี่เป็วิธีหนึ่งที่เขาคิดได้ เพื่อที่จะสามารถจับตาดูและเพื่อไม่ให้หลัวโม่โม่เสียหน้า บางทีเธออาจจะสัญญากับเพื่อนของเธอไว้แล้ว
“พ่อจะไม่ใช้สิ่งนี้เป็ข้ออ้างในการไปงานปาร์ตี้สาวๆ ของพวกเราใช่ไหม?” หลัวโม่โม่มองกลอุบายของหลัวจ้งซีออกได้อย่างรวดเร็ว
“พ่อจะไปรูดบัตรเพื่อจ่ายเงิน และถือโอกาสคุยเื่งานด้วย” สิ่งที่พูดนั้นช่างดูสมเหตุสมผลและมั่นใจมาก ทว่าอันที่จริงแล้วหลัวจ้งซีรู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อยเมื่อถูกลูกสาวมองออก
“หนูโตแล้ว และหนูก็ไปดื่มกับเพื่อน พ่อจะกังวลเื่อะไรอีก!” หลัวโม่โม่กอดอก รู้สึกไม่ไว้วางใจและก็ไม่มีความสุขมากนัก
“มีเื่มากมายให้ต้องกังวล กังวลว่าลูกจะถูกหลอก กังวลว่าจะรู้จักคนอื่นได้ไม่ดีพอ” ด้วยมีลูกสาวที่แสนสวยขนาดนี้ ในฐานะพ่อมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกังวลมากมาย
“พูดมาทั้งหมดแล้ว พ่อกังวลว่าหนูจะเมาแล้วไปเปิดห้องกับคนอื่นงั้นเหรอ?” หลัวโม่โม่พูดตรงๆ พาให้หลัวจ้งซีไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี “แต่พ่อคะ หนูมีแฟนั้แ่อายุสิบหกแล้ว และสมัยนี้การมีแฟนจะยังมาจับมือกันใสๆ ก็ไม่ใช่ ตอนหนูอายุสิบหกก็ได้มีเซ็กส์แล้ว และหนูก็คิดมาตลอดว่าพ่อเองก็รู้ ตอนนี้หนูโตแล้ว ถ้าหนูเมาแล้วไปเปิดห้องกับใครเข้าก็เป็เพราะหนูยินยอม พ่อไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเลย”
หลัวจ้งซีแทบจะพ่นเบียร์ที่ดื่มอยู่ในปากออกมา เขาสำลักจนไอออกมา ในฐานะพ่อ แน่นอนว่าต้องมี่ที่กังวลเื่ลูกสาวจะมีแฟน แต่ก็ไม่เคยพูดคุยเื่นี้อย่างเปิดเผยขนาดนี้ คำพูดของเธอทำให้หลัวจ้งซีถึงกับพูดไม่ออก
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ร่างกายของลูก ลูกเป็คนตัดสินใจเอง แต่ไม่เป็จินอิ๋นได้ไหม?”
“ทำไมคะ?”
“พ่อรู้ว่าลูกดีกว่าเขา เขาจะทำให้ลูกเสียใจ” นี่คือสิ่งที่หลัวจ้งซีกังวลมากที่สุด
“ถึงจะต้องเสียใจแต่หนูก็เต็มใจ”
“ลูกยังเด็ก ลูกไม่เข้าใจหรอก”
“ความเ็ปก็เป็สิ่งหนึ่งที่ทำให้เติบโต ซึ่งผู้ใหญ่ก็ไม่ได้เข้าใจดีไปกว่ากันหรอก” หลัวโม่โม่พูด แม้ว่าเธอจะไม่พอใจกับการสนทนาในวันนี้ แต่เธอก็ได้เงินค่าอาหารมาแล้ว หลัวจ้งซีเองก็ยอมจะไปจ่ายเงินให้ เธอจึงไม่อยากพูดอีก เด็กสาวจึงหยิบกระเป๋าสะพายหลังแล้วเดินเข้าไปในห้อง
“หลัวโม่โม่ ลูกต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของลูกเอง พ่อจะไม่เข้าไปยุ่ง และจะไม่พูดถึงความจริงอันโหดร้ายอีก แต่พ่อขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” หลัวจ้งซีพูด หลัวโม่โม่หันกลับมามองเขา “สวมถุงยางและต้องป้องกันตัวเองด้วย” เขาพูด เื่บางเื่ก็ลึกซึ้งและมีราคาแพง หากพูดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวกวาอดีตภรรยาผู้แสนดีของเขา นั่นก็คือตอนที่เธอได้เจอเขาขณะที่ทำงานในร้านอาหารเมื่อตอนที่อายุสิบแปด หลังจากนั้นไม่นาน หลัวโม่โม่ก็เกิดขึ้นมา และชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปั้แ่นั้นเป็ต้นมา ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังสนุกสนานกับวัยรุ่น เธอกลับกลายเป็แม่คน และเพราะหลัวโม่โม่โตแล้ว ตอนนี้เมื่อมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าบางทีอาจจะเป็โชคชะตา แต่มีเพียงผู้ที่เคยประสบพบเจอมาแล้วเท่านั้นถึงจะรับรู้ได้ถึงความยากลำบากนี้ได้
หลัวจ้งซีถอนหายใจ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดไลน์ แล้วมองดูไลน์ของอี้สี่ “ถึงแล้ว” แม้จะเป็คำสั้นๆ แต่เขาก็รู้ว่าเธอก็ยังคงสนใจเขาอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้