นอกเมืองหลวงยังคงมีชีวิตชีวาและมีเสียงดังครื้นเครง ในตอนนี้ผู้คนจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน นั่นก็คือช่องว่างระหว่างนอกเมืองกับเมืองหลวง
ในขณะนั้นรอบนอกเมืองหลวงที่เงียบสงัดนั้น มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่รุนแรงและแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้บรรยากาศแถวนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันมหาศาล
ตอนนี้นอกเมืองล้วนเต็มไปด้วยเงาคนรวมไปถึงม้าพันธุ์ดี ซึ่งเงาคนพวกนั้นต่างสวมชุดเกราะและม้าเ่าั้ล้วนเป็ม้าศึก
ล้อมเมือง!
ตอนนี้มีกองทัพทหารได้ล้อมเมืองไว้ ซึ่งกองทัพนี้มีทหารนับหมื่นนายกำลังตั้งขบวนอย่างเป็ระเบียบดูน่าเกรงขามอย่างมาก
ซึ่งผู้คนที่ผ่านไปมาต่างจ้องมองเหล่าทหารที่อยู่นอกเมือง และพูดคุยเกี่ยวกับพวกเขา
“นั่นกองกำลังทหารม้าโลหิต ไม่คิดเลยว่ากองทหารม้าโลหิตที่แข็งแกร่งจะมาล้อมเมืองหลวงเอาไว้ อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับเมืองหลวงแล้ว กองทัพทหารนับหมื่นนายก็เป็แค่เื่ตลก ไม่เกิดน่าแปลกใจเลยสักนิด”
มีบางคนสังเกตเห็นว่าทหารเ่าั้ล้วนสวมชุดเกราะสีแดงและม้าศึกที่ขี่อยู่ก็ล้วนมีสีแดง กองทัพนี้เป็สัญลักษณ์ของเสวี่ยเยว่ นั่นก็คือกองกำลังทหารม้าโลหิตซึ่งพวกอยู่ใต้บังคับบัญชาของหลิ่วชั่งหลัน
“โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ใครจะรู้ว่าแม่ทัพเทพลูกศรที่แข็งแกร่งนั้น ในวันนี้กลับถูกปะาต่อหน้าสาธารณะ”
บางคนถึงกับส่ายศีรษะและถอนหายใจ เื่ที่เสวี่ยเยว่้าสังหารหลิ่วชั่งหลันนั้น มันไม่ได้เป็ความลับอีกต่อไป
กล่าวกันว่าการบุกโจมตีของโม่เยว่ในครั้งนี้ แม่ทัพเทพลูกศรไม่เพียงแต่ไม่ได้ต่อต้านโม่เยว่เท่านั้น แต่กลับต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ก่อให้เกิดการฏและขัดขวางกองทัพของต้วนเทียนหลางที่ไปช่วย นั่นคือสิ่งที่ทำให้กองทัพโม่เยว่มีโอกาสโจมตีมากขึ้นและทำให้ทหายนับหมื่นนายต้องถูกฝังอยู่ที่นั่น นอกจากนี้องค์หญิงยังต้องถูกพวกคนจากอาณาจักรโม่เยว่จับตัวไป
หากไม่ใช่เพราะแผนของหลินเฟิงที่ทำให้ทหารโม่เยว่นับแสนนายต้องตายในกองไฟ ป่านนี้กองทัพเสวี่ยเยว่ก็คงถูกฝังอยู่ที่นั่นแทน
แต่หลินเฟิงก็ช่างน่าสงสาร เพื่อช่วยองค์หญิงแล้วเขาต้องสู้เพียงลำพังในค่ายของโม่เยว่ด้วยพลังและดาบของเขา แต่องค์หญิงก็ยังมาหายตัวไป โดยไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้จะเป็ตายร้ายดีอย่างไร
ดังนั้นอาณาจักรเสวี่ยเยว่จึงป่าวประกาศออกไปว่าจะปะาหลิ่วชั่งหลันต่อหน้าสาธารณชน เพื่อเป็เกียรติแก่เหล่าทหารที่ตายไป
หลังสิ้นาครั้งนี้ นามเทพลูกศรต้องโรยราไป แต่หลินเฟิงกลับเป็ที่เรียกขาน แต่น่าเสียดายวีรบุรุษที่ยังเยาว์วัย ตอนนี้อาจถูกฝังอยู่ที่ไหนก็เป็ได้
ฝูงชนเหม่อมองท้องฟ้าที่มีแสงแดดสว่างจ้า อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงเวลาปะาของหลิ่วชั่งหลัน
ในขณะนั้นประตูเมืองหลวงถูกปิดสนิท ไม่มีใครสามารถเข้าไปในเมืองได้ แต่ฝูงชนก็อยากเห็นหลิ่วชั่งหลันถูกปะาด้วยตาของตัวเอง
แต่แล้วในขณะนั้นกองทหารก็พากันตื่นตระหนก จากนั้นฝูงชนก็เห็นพวกเขาะโขึ้นไปบนหลังม้าศึกและคว้าธนูจากด้านหลัง
“เพื่อหลิ่วชั่งหลัน กองกำลังทหารเหล่านี้จึงได้ก่อการฏและโจมตีเมืองหลวง”
ฝูงชนต่างตกตะลึง เมื่อเห็นทหารนับหมื่นนายจะโจมตีเมืองหลวง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการรนหาที่ตาย เพราะทหารของเมืองหลวงต้องลงมือสังหารพวกเขาอย่างไม่ลังเล หนทางของผู้บุกรุกกลุ่มนั้นมีเพียงตายเท่านั้น
เป็ไปตามคาด เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเหล่าทหารที่อยู่ด้านล่าง แม่ทัพนายหนึ่งจึงยิ้มเยาะอย่างเ็า ซึ่งแม่ทัพคนนี้มีนามว่าเิกู่เฟิง ในตอนนี้เขาประจำตำแหน่งบนประตูเมืองและแน่นอนว่าเขารู้ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องทำดี เขาจะใช้ประโยชน์จากการก่อฏของทหารเหล่านี้ และหวังที่จะกำจัดองค์รัชทายาทอีกด้วย
ข้างเิกู่เฟิงมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ชายผู้นี้สวมชุดเกราะดูน่าเกรงขาม หากหลินเฟิงอยู่ที่นี่ล่ะก็ เขาจะต้องรู้จักอย่างแน่นอน ชายผู้นี้ก็คือเิชง ในวันนั้นที่ป่าเซียงซือหลินเฟิงได้ทำลายการบ่มเพาะของเิชงไปแล้ว ซึ่งเิชงก็คือบุตรชายของแม่ทัพเิกู่เฟิงนั่นเอง
“เิชง ศึกครั้งนี้ข้าจะให้เ้าเป็คนออกคำสั่ง เ้าคิดว่ายังไง?”
เิกู่เฟิงกล่าวทั้งรอยยิ้ม ทำให้เิชงดูมีความสุข ศึกครั้งนี้เิกู่เฟิงจะให้บุตรชายของเขาเป็คนออกคำสั่ง ซึ่งจะทำให้เขามีสถานะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเหตุนี้เขาจึงรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ตกลง”
เิชงตอบรับขณะยิ้ม เขาเดินไปที่ริมกำแพงเหนือประตูเมืองหลวงและยกมือขึ้น ทันใดนั้นเหล่าทหารเสวี่ยเยว่จำนวนมากต่างง้างธนูเตรียมยิงอีกฝ่าย
ขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้น เิชงรู้สึกได้ว่าเขามีพลังอำนาจล้นเหลือจนสามารถตัดสินใจได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งทำลายกองทัพเล็กๆ ก็สามารถทำได้
“หลินเฟิง น่าเสียดายที่เ้าตายไปแล้ว มิฉะนั้นข้าจะต้องฆ่าเ้าด้วยตัวของข้าเอง”
เิชงภาคภูมิใจและรู้สึกถึงอำนาจในมือ ราวกับตอนนี้เขาสามารถสังหารหลินเฟิงได้อย่างง่ายดาย
ไม่มีการบ่มเพาะแล้วอย่างไร อย่างน้อยเขาก็มีอำนาจสั่งการทหารนับหมื่นนายได้
จิตสังหารอันเข้มข้นได้แผ่กระจายไปทั่ว เหล่าทหารที่อยู่ด้านล่างต่างเผยสีหน้าว่าพวกเขาเตรียมใจยอมรับความตายมาขนาดไหน
“ศึกครั้งนี้ ไม่มีอะไรอื่นนอกจากความยุติธรรม”
เริ่นชิงขวังะโขณะยืนอยู่ด้านหน้าและจ้องมองผู้คนเหนือประตูเมือง พวกเขาต่อสู้เพื่ออาณาจักรเสวี่ยเยว่ แต่อาณาจักรเสวี่ยเยว่กลับปฏิบัติต่อพวกเขาเช่นนี้?
ความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน?
“ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?”
เหล่าทหารนับหมื่นต่างะโอย่างโกรธเกรี้ยว ทำให้ผืนดืนต้องสั่นะเื แม้กระทั่งหัวใจของผู้คนยังต้องสั่นไหว
นอกจากคนเหล่านี้จะไม่กลัวตายแล้ว พวกเขายังถามหาความยุติธรรมอีกหรือ?
เิชงและพ่อของเขาที่อยู่เหนือประตูเมืองกำลังยิ้มอย่างเ็า
“ความยุติธรรม ความแข็งแกร่ง และอำนาจก็คือความยุติธรรม ในใต้หล้ายังมีความยุติธรรมที่แท้จริงอยู่อีกหรือ?”
ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเิชง หลังจากที่เขาถูกหลินเฟิงทำลายการบ่มเพาะไป หัวใจของเขาก็กลายเป็บิดเบี้ยวไปโดยสมบูรณ์
“เหล่าพี่น้อง นี่จะเป็ศึกครั้งสุดท้ายที่เราต่อสู้เคียงข้างกัน พวกเราจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ!”
เริ่นชิงขวังขึ้นไปบนหลังม้าศึก เขาในตอนนี้กำลังบ้าคลั่ง แม้ต้องตายเขาก็ไม่สนอีกต่อไปแล้ว
เสียงลูกศรถูกบรรจุเข้าไปในคันธนู ขณะนั้นจิตสังหารได้แผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
“เตรียมพร้อม”
ขณะนั้นเิชงได้ยกมือให้สัญญาณ รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาเริ่มเยือกเย็นขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเขาก็ก้าวถอยหลังอย่างช้าๆ และซ่อนอยู่ด้านหลังเหล่าทหาร
เริ่นชิงขวังที่อยู่นอกกำแพงเมืองก็ยกมือขึ้นเช่นกัน สายลมอ่อนๆ ที่อยู่ในอากาศ พัดเส้นผมของเขาให้โบกพลิ้วในสายลม เพราะเขาไม่ได้สวมหมวกเหล็ก
เริ่นชิงขวังเริ่มลดมืออย่างเชื่องช้า เมื่อมือของเขาลดลง เสียงระฆังแห่งความตายก็จะดังขึ้น
“ตูม!!!”
เสียงกีบเท้าม้าดังมาแต่ไกล ทว่าไม่มีใครสนใจและผู้คนต่างก็มองทหารที่อยู่ด้านในและด้านนอกเมืองหลวงอย่างลุ้นระทึก
เริ่นชิงขวังให้สัญญาณอีกครั้ง เหล่าทหารจึงเตรียมยิงลูกศรออกไป
“หยุด!”
เสียงฝีเท้าม้ายังคงดังสนั่นส่งผลให้ผืนดินสั่นะเือย่างต่อเนื่อง จนฝุ่นทรายคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ซึ่งเสียงนี้ทำให้เริ่นชิงขวังต้องค่อยๆ ลดมือลง
“หยุดได้แล้วเริ่นชิงขวัง นี่ข้าเอง”
หลินเฟิงะโออกมาอีกครั้งอย่างบ้าคลั่งขณะอยู่บนหลังม้า เหล่าทหารที่เห็นต่างหลบทางให้เมื่อเห็นเขา
เมื่อได้ยินเสียงนี้ มือของเริ่นชิงขวังถึงกับแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น แววตาพลันส่องประกายคมปลาบ หลินเฟิง… นี่เป็เสียงของหลินเฟิง!
“ทุกคนจงหยุด”
เริ่นชิงขวังคำรามออกมากะทันหัน ทำให้เหล่าทหารต้องตกตะลึง ทำไมพวกเขาต้องหยุดลงมือ? แล้วเสียงที่ได้ยินนั้นเป็ของใคร?
แน่นอนว่าเริ่นชิงขวัง้าให้พวกเขาหยุดโจมตี หากพวกเขายิงออกไปล่ะก็ มันจะเป็การก่อฏ และเหล่าทหารบนกำแพงเมืองก็จะมีเหตุผลในการสังหารพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขายังไม่ลงมือ พวกเขาก็ยังคงเป็ทหารของเสวี่ยเยว่และอีกฝ่ายจะไม่มีเหตุผลในการสังหารพวกเขา
ในตอนแรกเขายอมสละชีพตัวเอง แต่หลินเฟิงผู้ถูกเสวี่ยเยว่ยกย่องให้เป็วีรบุรุษได้มาถึงที่นี่แล้ว แม้หลินเฟิงจะถูกยกย่องเช่นนั้น แต่หลิ่วชั่งหลันกลับกลายเป็คนทรยศ ในตอนนี้จึงมีเพียงหลินเฟิงเท่านั้นที่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปได้
เริ่นชิงขวังหันไปมองหลินเฟิงและคนอื่นๆ ในระยะไกลทั้งรอยยิ้ม หัวใจของเขากำลังเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“หลินเฟิง!”
นอกจากหลินเฟิงแล้วยังมีผู้คนที่ติดตามมาอีกด้วย รวมไปถึงองค์หญิงต้วนซินเยี่ยและหลิ่วชั่งหลัน
“หลินเฟิง!”
เมื่อทหารนับหมื่นนายได้ยินชื่อที่ออกจากปากของเริ่นชิงขวัง มันทำให้พวกเขาต่างประหลาดใจ อาณาจักรเสวี่ยเยว่ได้ปั้นให้หลินเฟิงเป็วีรบุรุษ และแน่นอนว่าเขายังเป็วีรบุรุษในใจของพวกเขาอีกด้วย หลินเฟิงได้นำกองกำลังดาบนภาโลหิตไปสังหารผู้คุ้มกันทมิฬของโม่เยว่ และเป็เขาที่พลิกสถานการณ์ของาไปได้
ในตอนนี้หลินเฟิงได้ปรากฏตัวแล้ว!
“หลินเฟิง!”
บนกำแพงเมือง เมื่อเิชงเห็นร่างเงาที่อยู่ไกลตา สายตาของเขากลับปรากฏแววเคร่งขรึมและชั่วร้ายออกมา