ใช่ว่าหลี่เฉิงไม่รู้ว่าเฉินต้าฮวาสะกดรอยตามเขามา แต่เขาขี้คร้านจะสนใจนาง อย่าได้พูดถึงหญิงชาวบ้าน แม้แต่คุณหนูตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง เมื่อพบเจอเขาแล้วก็วิ่งแจ้นมาหาเขากันทุกคน เขาชินเสียแล้ว
ตอนเดินไปถึงทางเข้าจวน เขาเห็นบรรดาสตรีแทะเมล็ดทานตะวันพลางพูดคุยกัน เมื่อพวกนางเห็นเขา ก็ขยิบตาเอามือป้องปากหัวเราะคิกคัก
หลี่เฉิงรู้สึกเพียงว่าสตรีเหล่านี้ช่างหยาบคายยิ่งนัก เขาจึงเร่งฝีเท้าด้วยความไม่สบอารมณ์ แล้วสตรีคนหนึ่งก็พูดขึ้นช้าๆ ว่า “หนุ่มน้อย เ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนเดินตามหลังเ้า?”
หลี่เฉิงหยุดเดินทันที เขาหันกลับไปมองเฉินต้าฮวา ดวงหน้าของเฉินต้าฮวาแดงระเรื่อ นางยิ้มแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความกระมิดกระเมี้ยน
หลี่เฉิงรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่งนัก เขาหมุนตัวหันหลังแล้วเดินหนีไปทันที ขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินสตรีอีกคนพูดหยอกล้อเฉินต้าฮวา
“ต้าฮวา เมื่อวานเ้าเพิ่งผลักสตรีของเขาลงสระน้ำ วันนี้กลับเดินตามหลังผู้ชายของนาง? ไม่กลัวเขาทุบตีทำร้ายเ้าหรือ?”
สตรีอีกคนหนึ่งพูดขึ้นทันที “ต้าฮวาแทบอยากจะให้เขาตีนาง ทางที่ดีที่สุดคือฟาดบั้นท้าย ยิ่งฟาดแรงยิ่งดี!”
เฉินต้าฮวาถูกหยอกล้อ นางทั้งเขินอายทั้งโมโห ด่าทอสตรีเ่าั้กลับ
หลี่เฉิงขมวดคิ้วแล้วมองไปที่เฉินต้าฮวาด้วยแววตาเยือกเย็น จากนั้นก็สาวเท้าเดินกลับเรือนของซ่งอวี้ไป
หลี่เฉิงต้มน้ำร้อนหนึ่งกาแล้วยกไปวางบนโต๊ะ พร้อมกับอาหารที่ซื้อมา มีขนมเปี๊ยะสดสามสี่ชิ้นและยังมีเนื้อหมูสุก ส่งกลิ่นหอมไปทั่วทุกสารทิศ
กลิ่นอาหารดึงดูดซ่งอวี้ทันที นางมองอาหารเ่าั้แล้วลอบกลืนน้ำลาย
หลี่เฉิงเห็นสีหน้าทุกอย่างของนาง สีหน้าของเขาฉายความเอ็นดูออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาเทน้ำร้อนให้นาง “รีบกินเถอะ กินอิ่มแล้วจึงจะมีเรี่ยวแรงรักษาร่างกาย”
อาจจะเป็เพราะเมื่อหลายปีก่อนเ้าของร่างเดิมกลัวความหิวโหยกระมัง เวลานี้เมื่อซ่งอวี้เห็นอาหาร นางจึงมีความสุขยิ่งนัก นางไม่เกรงใจหลี่เฉิง หยิบขนมเปี๊ยะสดขึ้นมาแล้วกินคำโต
หลี่เฉิงเห็นนางกินอย่างเอร็ดอร่อย เขาจึงกินด้วย
เมื่อทั้งสองกินอาหารไปประมาณหนึ่งแล้ว หลี่เฉิงก็มองไปที่นางแล้วถามด้วยความจริงจัง “วันนี้ข้าออกไปข้างนอก เจอเพื่อนบ้านของเ้า เมื่อวานนางเป็คนผลักเ้าตกน้ำหรือ? ”
สีหน้าของซ่งอวี้หม่นหมอง ตอบเสียงอ่อน “ใช่ นางคอยหาเื่ข้าอยู่ร่ำไป ทั้งยังฉวยโอกาสขโมยของในเรือนตอนที่ข้าไม่อยู่ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีวิธีจัดการนาง”
ซ่งอวี้ยิ่งพูดยิ่งหงุดหงิด ไม่ช้าก็เร็วนางต้องจัดการเฉินต้าฮวาให้สาสม!
“นางลอบมาดูความเป็อยู่ของเ้าอยู่ร่ำไป? ” หลี่เฉิงถามอีกครั้ง
ซ่งอวี้พยักหน้า
หลี่เฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ซ่งอวี้แปลกใจเล็กน้อย จึงเดินตามออกไปดู เห็นเขาขุดหลุมที่นอกหน้าต่าง ขุดหลุมขนาดใหญ่แล้วเทน้ำลงไป ใส่กิ่งไม้ลงไปเพื่อช่วยพยุง จากนั้นเอาดินมากลบให้กลายเป็เหมือนเดิม คนที่ไม่รู้ย่อมดูไม่ออกว่าที่ตรงนี้เคยมีคนขุดหลุม
ซ่งอวี้เข้าใจทันที “ท่านทำหลุมพราง อยากจะให้เฉินต้าฮวากรรมตามสนอง?”
“ถูกต้อง!” หลี่เฉิงตอบด้วยรอยยิ้ม
ซ่งอวี้เองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน ทั้งสองสนุกสนานราวกับเด็กซุกซน
ตอนกลางคืน หลี่เฉิงและซ่งอวี้จุดไฟนั่งพูดคุยกันในห้อง ซ่งอวี้คิดถึงหลุมพรางเ่าั้ที่อยู่ด้านนอก ตอนพูดคุยจิตใจจึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเอง หลี่เฉิงก็โน้มตัวลงแล้วโอบกอดนางเอาไว้ กระซิบข้างหูนาง “กรีดร้อง”
ซ่งอวี้เบิกตากว้างมองเขา ไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด หลี่เฉิงจึงใช้เล็บหยิกนางหนึ่งครา นางร้องด้วยความเ็ปทันที “โอ๊ย!”
“เสียงดังหน่อย ร้องอีก!” ั์ตาของหลี่เฉิงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ซ่งอวี้เข้าใจทันที ดวงหน้าของนางแดงระเรื่อ แดงไปจนถึงใบหู
“หากเ้าไม่ร้องข้าจะหยิกเ้าอีก!” หลี่เฉิงก้มหน้าลงขยับเข้าไปใกล้นาง พูดกระซิบเสียงเบาข้างหู
ซ่งอวี้ดวงหน้าแดงก่ำ ร้องะโ “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย”
เวลาเพียงไม่นาน ด้านนอกหน้าต่างก็เหมือนจะมความเคลื่อนไหว ตามด้วยเสียงร้องด้วยความเ็ป ใบหน้าของซ่งอวี้ฉายความดีใจทันที “ตกลงไปแล้วหรือ?”
หลี่เฉิงพยักหน้า พานางเดินไปที่หน้าต่าง ชายหนุ่มเปิดหน้าต่าง ก่อนจะสาดน้ำร้อนถ้วยหนึ่งออกไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียง “โอ๊ย” ดังขึ้นด้วยความเ็ปอีกครั้ง
ครั้งนี้ซ่งอวี้ได้ยินอย่างชัดเจน นี่คือเสียงของเฉินต้าฮวา ช่างสะใจยิ่งนัก! ผู้ใดใช้ให้นางมาแอบฟัง ใช้ให้นางมาทำร้ายตน สมน้ำหน้า!
ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ริมหน้าต่างเห็นเฉินต้าฮวาเปียกปอนไปทั้งตัว นางคลานออกมาจากหลุมด้วยความอเนจอนาถ วิ่งโซเซกลับไปที่เรือน ซ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะด้วยความสะใจ
เมื่อเห็นนางหัวเราะ หลี่เฉิงก็หัวเราะด้วย ทั้งสองยิ่งหัวเราะก็ยิ่งมีความสุข ยิ่งหัวเราะเสียงก็ยิ่งดัง แต่เมื่อหัวเราะจนถึงตอนหลัง จู่ๆ ซ่งอวี้ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา น้ำตารินไหลโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นนางร่ำไห้ ความสงสารเอ็นดูพลันแล่นผ่านแววตาของหลี่เฉิง เขายื่นมือออกไปซับน้ำตาให้นาง แล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน “เหตุใดเ้าจึงร้องไห้”
ซ่งอวี้ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา “ข้าไม่ได้ร้องไห้ ข้าเพียงแค่ดีใจ ของขวัญวันเกิดที่ท่านมอบให้ข้า ข้าชอบมากเ้าค่ะ!”
วันนี้เป็วันเกิดของซ่งอวี้หากนับตามยุคปัจจุบัน เดิมทีคิดว่าทะลุมิติมายังยุคสมัยนี้ นางไม่มีทั้งญาติมิตรและสหาย นับจากนี้อย่าได้คิดถึงเื่วันเกิดอีก ทว่าคิดไม่ถึงว่านางจะได้รับของขวัญเช่นนี้มา
หลี่เฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวหันหลังแล้วเดินออกไป
ซ่งอวี้รีบถามทันที “ท่านจะไปที่ใด?”
หลี่เฉิงหันกลับมา แล้วยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน “เ้ารอข้าในเรือนก่อน ประเดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว เ้าอย่าออกมา ด้านนอกอากาศหนาวนัก”
ผ่านไปประมาณชั่วเวลาทานอาหาร เขาเดินกลับเข้ามา ในมือถือบะหมี่หยางชุน [1] เข้ามาด้วยาหนึ่งถ้วย
หลี่เฉิงวางบะหมี่เอาไว้บนโต๊ะ แล้วร้องเรียกซ่งอวี้ด้วยความกระตือรือร้น “มาๆๆ ฉลองวันเกิดก็ต้องกินบะหมี่”
เชิงอรรถ
[1] บะหมี่หยางชุน เป็บะหมี่สไตล์ซู แต่เดิมเรียกว่าบะหมี่น้ำใส ขึ้นชื่อในรสชาติที่นุ่มนวล น้ำซุปอ่อนใส มันเงา ไม่มีเครื่องหน้า เป็อาหารว่างดั้งเดิมของคนเซี่ยงไฮ้