“ก็เหยาเฟยอย่างไรเล่าหวางเยี่ยจำไม่ได้เสียแล้วหรือ ฝ่าาเพิ่งจะแต่งตั้งเป็พระสนม ทั้งยังเป็น้องสาวร่วมสายโลหิตกับหวงโฮ่วน้องสาวบุตรอนุของหวงกุ้ยเฟย คุณหนูสามจวนอัครเสนาบดี อืม...ยังเป็ใครอีกนะ...ให้โม่หว่านคิดดูก่อน?” เหยาโม่หว่านยังคงสงบนิ่ง ดวงตาคู่งามราบเรียบไร้กระแสคลื่นดุจดังผิวน้ำเหนือทะเลสาบยามสารทฤดู
“เ้าคงยังไม่ลืมสถานะของจิ้งซินแห่งหออี๋ชุนหรอกกระมัง?”ความกราดเกรี้ยวผุดวาบในแววตาของเย่จวินชิง เอ่ยวาจาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“อ้อ...ถ้าหวางเยี่ยไม่ทรงเตือนสติโม่หว่านก็เกือบลืมไปแล้วจริง ๆ” เหยาโม่หว่านไม่มีเจตนาบ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อย
“ข้าเคยได้ยินโม่ซินเอ่ยถึงน้องสาวว่ามีสติปัญญาไม่สมประกอบมาั้แ่เด็ก แต่เห็นอยู่ชัดเจนว่าเ้าไม่ใช่เ้าคงมิใช่คนของเย่หงอี้ที่สับเปลี่ยนตัวเข้ามาแทนที่ เพื่อสมคบกันทำเื่น่าละอายอยู่กระมัง”เย่จวินชิงคาดการณ์อย่างสมเหตุผล หากไม่ใช่เพราะมีความเกี่ยวข้องกับเหยาโม่ซินเขาก็คร้านจะสนใจสถานะที่แท้จริงของสตรีที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้
“บางทีพี่ใหญ่อาจหลอกลวงท่านก็ได้” เหยาโม่หว่านซ่อนประกายคมปลาบในแววตาก่อนจดจ้องเย่จวินชิงด้วยสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสา
“โม่ซินจะไม่โกหกข้านางมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่พูดก็ได้ แต่ไม่มีวันหลอกลวงข้าแน่นอน” ดวงเนตรคมกล้าโชนแสงลุกวาวเอ่ยวาจาด้วยความเชื่อมั่น ประหนึ่งกล่าวถึงสัจธรรมที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
“ฮึ!เหยาโม่ซินก็แค่คนโง่เขลาคนหนึ่งนั่นแหละ” น้ำตาเอ่อล้นขึ้นมาจากก้นบึ้งแต่เหยาโม่หว่านจำต้องข่มมันกลับเข้าไป นางไม่อาจคาดเดาได้ว่าเย่จวินชิงจะทำสิ่งใดจึงไม่้าให้เขายึดมั่นกับตนเองขนาดนั้น
“เ้า! เ้าไม่มีสิทธิ์มาว่าร้ายโม่ซินมิเช่นนั้นต่อให้เ้าจะเป็ผู้ใดก็ตาม อย่าหาว่าเปิ่นหวางไม่เกรงใจ”ั์ตาของเย่จวินชิงเยียบเย็นปานน้ำแข็ง สีนิลดุจรัตติกาลขุ่นเข้มม้วนเกลียวกลืนกินอยู่ภายใต้ก้นบึ้ง
ทันใดนั้นก็มีเสียงของทิงเยว่ดังมาจากด้านนอก
“ถวายบังคมฝ่าา หวงกุ้ยเฟยและเฉินเพคะ” เสียงของทิงเยว่ค่อนข้างดัง เห็นชัดว่ามีเจตนาเตือนผู้ที่อยู่ด้านใน
เหยาโม่หว่านอดส่ายหน้าไม่ได้ดูเหมือนว่าเหยาซู่หลวนจะไม่ได้เฉลียวฉลาดขึ้นสักเท่าไรถึงได้กระพือข่าวนี้ให้ไปถึงตำหนักของหวงตี้ตามที่นางคาดไว้ไม่ผิดเพี้ยนรอยยิ้มเยียบเย็นน่าขนลุกทอวาบที่มุมปาก แม้จะรวดเร็วปานดอกถานฮวาชั่วข้ามคืน [1]แต่เมื่อตกมาอยู่ในสายตาของเย่จวินชิง กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
“หวางเยี่ยคงไม่หักหน้าโม่หว่านต่อพระพักตร์หรอกกระมังท่านก็รู้ว่าฝ่าาโปรดปรานโม่หว่านมากขนาดไหน” เหยาโม่หว่านลอยหน้าลอยตา ยกยิ้มประหนึ่งเป็การท้าทายเย่จวินชิงก่อนจะเดินไปที่ประตูตำหนัก
“ฝ่าาหว่านเอ๋อร์ไม่อยากกินข้าวกับซู่ชินหวางอีกแล้วและไม่้าให้เขาเข้ามาในห้องของหว่านเอ๋อร์ด้วย” ทันทีที่ประตูเปิดเข้ามาเหยาโม่หว่านก็บีบน้ำตา พูดไปร้องไห้ไปเปลี่ยนสีหน้ารวดเร็วจนเย่จวินชิงแทบจะกัดลิ้นตนเองกับทุกสิ่งที่ได้เห็น
เมื่อเห็นท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจของเหยาโม่หว่านเย่หงอี้ก็รั้งตัวนางเข้ามากอดในอ้อมอก ลืมจุดประสงค์ที่มาในตอนแรกจนหมดสิ้นเขาทนเห็นน้ำตาของแม่ตุ๊กตาน้อยที่บอบบางราวกับกระเบื้องเคลือบคนนี้ไม่ได้จริง ๆ
“เกิดเื่อะไรขึ้น บอกเจิ้นมาซิเดี๋ยวเจิ้นจะจัดการให้เ้าเอง”เย่หงอี้กวาดสายตาไปที่เย่จวินชิงด้วยสีหน้ากรุ่นโทสะแต่ทว่ายามรั้งกลับมามองเหยาโม่หว่านกลับนุ่มนวลอ่อนโยนปานสายลมวสันต์เดือนสี่
“ซู่ชินหวางจะเอาชีวิตเ้าปุกปุยของหว่านเอ๋อร์หว่านเอ๋อร์ไม่ยอม แต่เขายังรั้นจะลงมือให้ได้ ฝ่าา ทรงขับไล่เขาออกไปเลยเพคะ”เหยาโม่หว่านใช้เสียงกระเง้ากระงอดเหมือนเด็ก ๆ พลางชี้นิ้วไปทางเย่จวินชิงดวงหน้าน้อยงอง้ำ อาบไปด้วยหยาดน้ำตาราวกับดอกสาลี่พร่างพิรุณชวนให้ผู้อื่นรู้สึกเวทนาสงสาร
เย่จวินชิงมุมปากกระตุกที่หน้าผากปรากฏรอยคล้ำสามเส้น เกิดความสับสนในตนเองอย่างยิ่งยวดสตรีผู้นี้ช่างเสแสร้งได้เหมือนยิ่งนัก สมควรตายแท้ ๆเขาแทบอยากจะเข้าไปกระชากหน้ากากจอมปลอมของนางทิ้งเสียเดี๋ยวนี้แต่จำเป็ต้องอดกลั้นไว้
“จวินชิงเอ๋ย เ้าทำแบบนี้ไม่ถูกต้องดีชั่วอย่างไรก็เป็ถึงหวางเยี่ย จะถือสาหาความกับเดียรัจฉานตัวหนึ่งไปไยเล่าชีวิตของเ้าปุกปุยอยู่ในความคุ้มครองของเจิ้น หากเ้าไม่พอใจก็ให้มาหาเราอย่าไปสร้างความลำบากใจให้เหยาเฟย” ยิ่งเอ่ยวาจาน้ำเสียงก็ยิ่งเ็ามากขึ้นตามลำดับ สายตาที่มองเย่จวินชิงเปี่ยมไปด้วยโทสะ
“กระหม่อมมิกล้า”เย่จวินชิงไม่คิดจะอธิบายเหมือนเช่นที่เคยเป็เพลานี้เหยาซู่หลวนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเย่หงอี้กลับเดือดดาลจนหัวใจแทบลุกเป็ไฟเ้าแมวสมควรตายตัวนั้นถึงกับได้รับการปกป้องจากหวงตี้ดูท่ายาพิษที่ตนเองเตรียมมาคงจะเปล่าประโยชน์เสียแล้ว เื่เดียรัจฉานตัวนี้คงต้องปล่อยไปก่อนชั่วคราววันเวลายังอีกยาวไกล ไหนเลยจะต้องกลัวว่าจะหมดโอกาสได้สังหารมัน
“ฝ่าาอย่าทรงตามใจหว่านเอ๋อร์นักเลยเพคะบัดนี้นางขวัญกล้าขึ้นทุกวัน กล้าแม้กระทั่งผลักเฉินเฟยตกน้ำ”
“หว่านเอ๋อร์เ้าควรจะเปลี่ยนนิสัยของตนเองเสียที เมื่อก่อนยามอยู่จวนอัครเสนาบดีทุกคนต่างเอาอกเอาใจเ้า แต่นี่คือวังหลวงไม่ว่าอย่างไรก็ควรวางตัวสงบเสงี่ยมสักหน่อย เข้าใจหรือไม่?”เหยาซู่หลวนซ่อนความเกรี้ยวกราดในแววตาเอาไว้ ก่อนเดินเข้ามาหาเหยาโม่หว่านแม้น้ำเสียงจะนุ่มนวลอ่อนโยน แต่กลับเต็มไปด้วยการตำหนิติเตียน
...
เชิงอรรถ
[1]ดอกถานฮวาเป็ดอกไม้สีขาวที่เบ่งบานยามราตรี แต่มีระยะเวลาเบ่งบานเพียง 3-4ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นสำนวนดอกถานฮวาชั่วข้ามคืนจึงมีความหมายถึง่เวลาที่สั้นมาก หรือความสุขที่ไม่ยั่งยืน