แสงไฟส่องสว่างตามถนนเส้นยาวราวกับเป็ยามเช้า ประหนึ่งัตัวยาวส่องระยิบระยับในเมืองหลวง
เนื่องจากอากาศร้อน บนถนนยังคงครึกครื้น เสียงผู้คนดังจอแจ แต่ถนนเส้นที่หลิงหลงเซวียนตั้งอยู่กลับค่อนข้างเงียบ มีคนเดินค่อนข้างน้อย
รถม้าที่ดูธรรมดาคันหนึ่งแล่นผ่านหน้าร้านหลิงหลงเซวียนไป มู่หรงฉือพูดด้วยความใ “เลยร้านหลิงหลงเซวียนไปแล้ว เหตุใดถึงไม่หยุด?”
มู่หรงอวี้พูดเสียงเรียบ “ไม่รีบ”
ขับต่อไปอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดรถม้าก็หยุดลง
นางพบว่าที่นี่เป็ที่จอดรถม้าของเขาในคืนนั้นที่นางถูกคุณชายชุดทองไล่ฆ่า ในตอนนั้นยังแอบครุ่นคิดว่าเขาใช้วิธีใดเข้าไปในหลิงหลงเซวียนกันแน่
สถานที่ที่เขาใช้ไม่ใช่หน้าร้านหลิงหลงเซวียน แต่เป็ทางเข้าออกห้องใต้ดินของบ้านที่อยู่ติดกับบ้านชาวบ้านหลังนั้น
เรือนหลังนั้นไม่สะดุดตา เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็จังหวะ สามครั้ง ห้าครั้ง สี่ครั้ง จากนั้นก็หยุดลง
ไม่นาน เด็กรับใช้ชายคนหนึ่งเดินออกจากประตูมา พิจารณาพวกเขาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเอ่ยปากถาม “พวกท่านทั้งสองเป็ใครหรือ?”
มู่หรงอวี้ไม่พูดมาก ยกมือขึ้นแสดงสิ่งยืนยันตัวตน
เป็หยกกลมที่ทำออกมาอย่างงดงามหนึ่งชิ้น
มู่หรงฉือจำได้ ครั้งที่แล้วหยกที่หรงจ้านเอาออกมาก็เป็แบบเดียวกันนี้ จากความสามารถกับฝีมือของมู่หรงอวี้จะมีของสิ่งนี้ก็ไม่ใช่เื่ยาก
เพราะแสงสลัว เด็กรับใช้ชุดเขียวจับจ้องหยกชิ้นนั้นอยู่เป็นานจึงจะให้พวกเขาเข้าไป
“ดูจากหน้าตาแล้วคุณชายทั้งสองเพิ่งจะเคยมาเป็ครั้งแรกหรือ?” เขาถามเสียงเย็น
“เ้าเพิ่งจะมาใหม่สินะ ่นี้ข้ามีธุระมากมายจึงไม่ค่อยว่างนัก” มู่หรงอวี้พูดเสียงเข้ม
“สายตาของคุณชายดียิ่ง แค่มองก็รู้ว่าข้าเป็ผู้มาใหม่” เด็กรับใช้ชุดเขียวยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเชิญพวกเขาเข้าไปด้านใน
ในนั้นก็เหมือนกับบ้านชาวบ้านทั่วไป ทั้งการตกแต่ง รูปแบบภายในเรือนถูกออกแบบไว้อย่างหยาบๆ
เด็กรับใช้นำทางพวกเขามาด้านในห้องที่อยู่ด้านหลังห้องโถง ด้านในมืดสลัว เขาเปิดแผ่นไม้ใหญ่บนพื้นออก เผยให้เห็นขั้นบันไดที่ทำจากไม้ทอดตัวลงไปด้านล่าง
มู่หรงอวี้เดินลงไปอย่างชำนาญเส้นทาง ราวกับว่ามาอยู่เป็ประจำ มู่หรงฉือเดินตามลงมา
เด็กรับใช้ชุดเขียวพาพวกเขามา่หนึ่งก็หยุดฝีเท้า ให้พวกเขาเดินไปด้านหน้า ส่วนด้านหน้ามีอีกคนมานำทางพวกเขาต่อ
รอกระทั่งเขาเดินไปไกลแล้ว มู่หรงอวี้ มู่หรงฉือสบตากันก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย
ระมัดระวัง จะประมาทไม่ได้
เป็อย่างที่คิด ด้านหน้ามีบ่าวรับใช้ชุดเขียวอีกคนมาผลัดนำทางอีกครั้ง เพียงครู่เดียวก็มาถึงสองห้องใหญ่ที่นางเคยมาเมื่อครั้งที่แล้ว
ห้องพนันยังคงอึกทึก เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย เหล่านักพนันต่างหน้าแดงหูแดง ร้องะโกันเสียงดัง
นางเหลือบมองไปยังอีกห้องหนึ่งก่อนจะรีบดึงสายตากลับมา
“ครั้งที่แล้วยังไม่ทันได้ดูอย่างละเอียด ไปดูทางนั้นกันเถิด”
มู่หรงอวี้สังเกตเห็นสายตากับท่าทางของนาง จึงมองไปที่นางอย่างมีความนัยลึกซึ้ง
นางปฏิเสธ “ไม่มีอะไรน่าดู ท่านไปเถิด ข้าจะเล่นพนันอยู่ที่นี่สองตา”
จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าที่นี่ยังจะมีภาพคาวโลกีย์ที่ไม่น่ามองตั้งอยู่อีกด้วย?
เขาจับข้อมือของนางแล้วดึงนางมาข้างตัวพาเดินไปด้วยกัน “ที่นี่อันตราย ทางที่ดีที่สุดพวกเราอย่าแยกกันจะดีกว่า”
“ข้าไม่ไป” มู่หรงฉือปฏิเสธเสียงแข็ง “ครั้งที่แล้วข้าดูไปแล้ว...”
“เ้ารับปากข้าไว้แล้วว่าจะฟังคำสั่งข้า” มู่หรงอวี้พูดด้วยท่าทางจริงจังเป็อย่างมาก
นางทั้งหงุดหงิดทั้งเขินอาย ถูกเขาลากไปยังห้องไร้ยางอายพวกนั้น
ยังเดินไปไม่ถึงก็มีเสียงหัวเราะที่ดูลึกลับดังลอดมา ทำให้คนหน้าแดงใจเต้นรัว
มู่หรงฉือกลอกตาไปมา “ข้าจะไปห้องน้ำ...”
ข้ออ้างไปห้องน้ำก็เป็มุขที่ง่ายที่สุดและมีประโยชน์ที่สุดแล้ว ทว่านางเดินไปได้สองก้าวแขนเสื้อก็ถูกเขาดึงเอาไว้ เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทำเพียงแค่จับแขนเสื้อนางเอาไว้ไม่ได้ทำอะไรอีก
นางจึงเดินกลับมาอย่างหงอยๆ แล้วเดินตามเขาไป ‘แต่โดยดี’ พลางสบถด่าวงศ์ตระกูลเขาไปอีกสิบแปดชั่วคน
“จำฐานะของตัวเองตอนนี้เอาไว้ให้ดี เ้าเป็คุณชายเ้าสำราญเสเพลไม่ได้เื่ได้ราว”
“รู้แล้ว” มู่หรงฉือเก็บอารมณ์ที่แปรปรวนของตนก่อนจะดึง ‘ความกลัว’ ที่ไร้สาเหตุเ่าั้ออกไป สวมบทเป็คุณชายเสเพลขี้เล่นทันที
ยืนอยู่หน้าห้องนั้น เบื้องหน้าก็เห็นบุรุษกับสตรีที่กำลังมัวเมากับการเสพสุข เสียงดังลอดเข้ามาในหู ทำให้ประสาทสั่นคลอน
นางเหลือบมองบุรุษข้างกายก็เห็นเขาสีหน้าเขียวปั๊ด ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ จิตสังหารเริ่มแผ่ไปรอบๆ ตัว
ไอหยา โกรธแล้ว!
คงเพราะเห็นขุนนางพวกนั้นเข้าถึงได้โมโห
“อย่าเพิ่งโกรธ อย่าเพิ่งโกรธ ตอนนี้หาใช่เวลาที่จะะเิโทสะ”
มู่หรงฉือกล่าวเสียงเบา ก่อนจะเอ่ยเหน็บแหนม “ตอนนี้ท่านก็เป็คุณชายเ้าสำราญผู้หนึ่งเช่นกัน”
มู่หรงอวี้มองนางนิ่ง จากนั้นก็จับแขนเสื้อของนางเดินเข้าไป
คิ้วเรียวของนางขมวดแน่น เข้าไปทำอะไร? ไปมองใกล้ๆ หรือ? นางไม่ได้มีงานอดิเรกแบบนั้นสักหน่อย!
เ้าชอบแบบนี้ เ้าก็ไปเองสิ
นางพยายามดึงแขนเสื้อออก แต่จะทำอย่างไรก็ไม่หลุด จึงทำได้เพียงก่นด่าเขาในใจไปร้อยครั้ง
เขาก้าวเดินอย่างมั่นคง แววตาเย็นเยียบกวาดมองฉากบังลมทั้งสองข้าง
มู่หรงฉือก้มหน้าลงต่ำน้อยๆ ไม่กล้ามอง ทางนั้นเป็ตาแก่กำลังเล้าโลมอยู่กับสตรีอายุน้อย ทางนั้นเป็หมูตอนกำลังพัวพันกับดอกเหมยกุย ส่วนนั่นก็วัวแก่กินหญ้าอ่อน ภาพฉากหฤหรรษ์ตรงหน้าสกปรกเกินไปจนทำให้คนไม่อาจมองตรงๆ ได้
เสียงไม่พึงประสงค์ดังอยู่รอบๆ ภาพวาบหวิวเ่าั้ผ่านตาของนางไป จนใบหน้าเล็กๆ ของนางแดงก่ำ ลำคอก็เริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
“ดูให้ดีว่าคนเหล่านี้คือใคร”
มู่หรงอวี้พูดเสียงต่ำที่ข้างหูของนางอีกครั้ง
หัวใจของนางสั่นไหว จริงด้วย ท่าทางของนางคงจะถูกคุณชายชุดทองสงสัย ในเมื่อมาแล้วย่อมต้องเสแสร้งให้ถึงที่สุด ถึงจะสามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้
นางนิ่งสงบลงเล็กน้อย กวาดสายตามองไป จดจำชื่อคนเ่าั้เอาไว้ทีละคน
ทันใดนั้น ใบหน้าคุ้นเคยสองดวงก็ปรากฏสู่สายตา ว่านฟางกับหวังเทา!
มู่หรงฉือโกรธจนไม่รู้จะระบายออกทางไหน สองคนนั้นเกี่ยวข้องกับหลิงหลงเซวียนจริงๆ!
แต่ว่า แค่เพียงเท่านี้หรือ?
พวกเขาเดินมาจนสุดทางของห้อง มู่หรงอวี้ก็หมุนตัวแล้วยืนนิ่ง ก่อนจะหันมามองนาง
เดิมทีนางเก็บอารมณ์เอาไว้อย่างมิดชิด พยายามไม่คิดอะไรวุ่นวายอีก ตอนนี้กลับถูกสายตาร้อนแรงของเขามองมาจนทำให้หัวใจเต้นระส่ำ
แก้มก็ของนางพลันแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะลามเรื่อยไปจนถึงกกหู นางเบือนหน้าหนีไม่กล้ามองหน้าเขา รู้สึกว่าสายตาของเขาในตอนนี้มีเสน่ห์อย่างประหลาด
ดวงตาดำทั้งสองของเขาราวกับกำลังพรรณนาถึงเื่ราวต่างๆ อันวาบหวิวมากมายที่เกิดขึ้นในอดีต...
มู่หรงฉืออดก้มหน้าลงไม่ได้ กระทั่งเขาชื่นชมท่าทางเขินอายของนางจนพอใจถึงได้เดินกลับไปที่ห้องพนัน
โต๊ะพนันที่ใหญ่ที่สุดโต๊ะนั้นรวมการพนันน้อยใหญ่ที่พื้นฐานที่สุด เป็โต๊ะที่มีผู้คนมากที่สุด พวกเขาแฝงตัวเข้าไปในนั้น เสียงโหวกเหวกโวยวายดังเข้ามาในหูจนน้ำในหูสั่นะเื
การพนันขันต่อครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เสี่ยวเอ้อออกแรงเขย่าลูกเต๋า จากนั้นก็วางลงบนโต๊ะ ให้ผู้เล่นวางเดิมพัน
มีคนลงแต้มสูง บางคนลงแต้มต่ำ ทั้งสองฝั่งลงจำนวนเงินเดิมพันกัน
มู่หรงอวี้หยิบเศษตำลึงออกมาหนึ่งก้อนแล้วแทงลงไปที่แต้มต่ำ มู่หรงฉือกลับรู้สึกว่าตานี้ควรลงแต้มสูง
ท่ามกลางเสียงร้องะโ เสี่ยวเอ้อเปิดออกให้เห็นว่าเป็แต้มต่ำ
มีคนร้องออกมาด้วยความดีใจ พร้อมกันนั้นก็มีคนโอดครวญ เสียงดังไปหมด
เขากวาดเงินตำลึงกับตั๋วเงินที่ควรจะได้มาด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับคนเจนสนามยิ่งนัก
มู่หรงฉือบ่นอุบ เขาชนะตาแรกก็เพียงแค่โชคดีเท่านั้น
แต่เขากลับชนะติดต่อกันสามตา ได้เงินไปแล้วสามสิบตำลึง
เด็กหนุ่มที่เป็คนทอยแต้มมองมาที่เขาอย่างสงสัย รู้สึกหวั่นใจอยู่เล็กน้อย กังวลว่าจะถูกเขาเดาถูกอีก
นักพนันคนอื่นๆ ก็เริ่มมีไหวพริบ พากันเลือกตามมู่หรงอวี้ มีน้อยคนที่ยังยืนยันในการตัดสินใจของตัวเอง
ส่วนนักพนันในโต๊ะนี้มีสามสี่คนที่เป็ขุนนาง
มู่หรงฉือแอบหงุดหงิดในใจ ตานี้เขาจะต้องแพ้!
แต่เื่ก็ไม่ได้เป็ดังหวัง เขาเดิมพันที่แต้มสูง เปิดออกมาก็เป็แต้มสูง
เสี่ยวเอ้อคนนั้นถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็มองไปยังจุดๆ หนึ่งตรงหน้า นางเห็นการกระทำของเขาก็ยกยิ้มเย็น อีกประเดี๋ยวคงจะมีคนมาหาเื่พวกเขาแล้ว
มู่หรงอวี้หันมาพูดที่ข้างหูนาง “ข้าเล่นอยู่ที่นี่ เ้าก็มองไปรอบๆ ทางที่ดีที่สุดจงหาสิ่งที่อาจเกี่ยวข้องกับฝิ่นให้ได้”
นางพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
นางเดินไปรอบๆ โต๊ะพนันโต๊ะอื่นๆ หยุดเล่นเสียสองตา ต่อมาก็ค่อยๆ เดินไปตามกำแพงรอบๆ อย่างช้าๆ ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ปล่อยจุดใดให้รอดพ้นไปสักแห่ง
หลิงหลงเซวียนลอบขายฝิ่นหรือไม่?
จากเบาะแสที่ได้มา หลักฐานไม่ได้ชี้มาที่หลิงหลงเซวียนทั้งหมด แต่ที่นี่ลึกลับเกินไป คุณชายชุดทองก็ลึกลับเกินไปจนทำให้คนอดคิดไปไกลไม่ได้
มู่หรงฉือยืนอยู่หน้าชั้นวางของโบราณหลังหนึ่ง แสร้งทำเป็ชื่นชมของมีค่า
จะมีกลไกติดตั้งเอาไว้ที่ชั้นวางของหรือตามของล้ำค่าพวกนี้หรือไม่นะ?
นางหยิบของขึ้นมาทีละชิ้นทำทีเป็ชื่นชม ดูครู่เดียวก็วางกลับไป
“คุณชาย ท่านทำอะไรอยู่หรือ?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชืดดังขึ้นจากด้านหลัง ใกล้กับนางมาก
ร่างของนางสั่นสะท้าน หันกลับไปทันที เห็นเด็กรับใช้ชุดเขียวคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างนางด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
มู่หรงฉือพูดเสียงเย็น “ของมีค่าพวกนี้ดูแล้วมีราคามาก ข้าก็แค่มาดูไปเรื่อยเปื่อย คิดอยากดูว่าจะมีของที่เหมือนกันหรือไม่จะได้ซื้อกลับไปเล่นที่บ้านสักชิ้นสองชิ้น”
“คุณชายอาจจะไม่รู้ ของมีค่าพวกนี้ไม่สามารถแตะต้องได้ตามใจชอบ” เขาพูดเสียงเย็น “คุณชาย เชิญขอรับ”
“อย่างนั้นหรือ? เหตุใดถึงไม่สามารถแตะต้องได้เล่า? ของมีค่าพวกนี้วางเอาไว้ตรงนี้มิใช่เพื่อให้คนมาชื่นชมหรือ? หากไม่สามารถแตะต้องได้ เช่นนั้นก็เก็บไปเสียไม่ดีกว่าหรือ” นางทั้งประหลาดใจทั้งไม่เข้าใจ
“คุณชาย ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบ ข้าน้อยเพียงได้รับคำสั่งมาจากเ้านาย คุณชายอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยขอรับ” บ่าวรับใช้ชุดเขียวไม่สบายใจเล็กน้อย
“ข้าไม่ทำให้เ้าลำบากใจหรอก ข้าเพียงแต่แปลกใจว่าเหตุใดจึงไม่สามารถแตะต้องของมีค่าพวกนี้ได้ มีคนเคยแตะต้องมันหรือไม่?” นางถามด้วยความประหลาดใจ
“ข้าน้อย...ขอพูดความจริงกับคุณชาย เมื่อเดือนก่อนมีคนที่ทำงานกับข้าน้อยแตะต้องหยกแกะสลักจึงถูกหัวหน้าตีไปสิบที ทั้งยังถูกไล่ออกไปด้วย” เขาพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว
“ลงโทษหนักเกินไปแล้ว” มู่หรงฉือพูด “เช่นนั้นข้าไม่ทำให้เ้าลำบากใจแล้ว ข้าจะไปทางนั้นก็แล้วกัน”
เด็กรับใช้ชุดเขียวเดินออกไปแล้ว นางค่อยๆ เดินไปรอบๆ สองห้องนี้ สุดท้ายก็กลับไปตรงหน้าชั้นวางอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนย้ายก้อนหยกแกะสลักสีขาวตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
เป็อย่างที่คิด ที่ล้างพู่กันหยกสีขาวนี่ขยับได้
กำแพงด้านหลังเลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นเส้นทางที่สามารถให้คนๆ หนึ่งเดินผ่านไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้