สาวใช้โรงซักล้างนั้นเป็สาวใช้ระดับล่างสุดในจวนอ๋อง
ระหว่างทางที่ซูฉีฉีเดินมานั้นก็มีคนคอยยืนมุงดูพร้อมชี้มือชี้ไม้มาทางนางค่ำคืนแรกในวันวิวาห์ นางไม่ได้อยู่ร่วมหอกับเ้าบ่าวแต่กลับถูกส่งมาอยู่ที่เรือนพักของคนรับใช้นั้นยิ่งทำให้ผู้คนต่างก็พูดถึงนินทากันยกใหญ่
“นางก็คือพระชายาของท่านอ๋อง...”
“โฉมหน้านั้นไม่ได้งดงามสักนิด มิอาจแม้แต่จะเอามาเทียบกับคุณหนูฮวาเสียด้วยซ้ำ”
“น่าสงสารจริงๆ...”
“จริงด้วยเกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์นั้นก็ไม่ใช่ความผิดของนาง...”
บ้างก็ชี้มือมาทางนางบ้างก็กำลังหัวเราะเยาะนาง บ้างก็เอ่ยว่านางน่าสงสาร บ้างก็บอกว่านางสมควรโดนแล้ว
จวนอัครเสนาบดีมีบุตรสาวสองคนคนหนึ่งเป็ฮองเฮา อีกคนหนึ่งเป็พระชายา นี่ถือเป็ความเชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูลเช่นนี้มิอาจมีผู้ใดเทียบทานได้อีกแล้วผู้คนทั้งหลายก็ล้วนแต่มีใจอิจฉาริษยาพวกนางกันทั้งนั้น
เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าบุตรสาวคนโตของจวนอัครมหาเสนาบดีโดนกระทำเช่นนี้ในใจก็ปิดซ่อนความปีติยินดีเอาไว้มิได้
เมื่อเห็นเหล่าคนรับใช้ชี้มือชี้ไม้ใส่นางซูฉีฉีก็รับมือด้วยการยืดอกหลังตรงพร้อมยิ้มน้อยๆ ไปให้กับพวกเขา ท่าทางของนางดูสบายๆ ไม่ถือสาผู้คนเ่าั้ยิ่งทำให้พวกเขาไม่อาจพูดวิพากษ์วิจารณ์นางได้อีก
ซูฉีฉีแม้ไม่ได้งามถึงขั้นล่มบ้านล่มเมืองแต่นางกลับมีบุคลิกงดงามชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกสบายตา ในสายตาของทุกคนในเวลานี้ นางดูเป็หญิงสาวผู้มีมารยาทงามเป็มิตรต่อผู้คนอีกทั้งยังดูสูงส่ง น่าเคารพนับถือ
ตกดึก นางก็ถูกจัดให้มานอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ซ้ำยังต้องนอนเบียดเสียดกับคนรับใช้อีกหลายคนซูฉีฉีพลิกตัวกลับไปกลับมาไม่อาจข่มตาตัวเองให้หลับลงได้ จวนอ๋องติ้งเป่ยโหวนั้นอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงยิ่งนักทำให้นางไม่อาจรู้ได้เลยว่ามารดาของนางในตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง ด้วยเหตุนี้ทำให้ในใจของนางอดวิตกกังวลมิได้
สำหรับสถานภาพของตัวนางในตอนนี้นางกลับไม่ค่อยสนใจมันเท่าใดนัก
อยู่ที่นี่ บางทีอาจจะทำให้นางใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นก็เป็ได้
เมื่อนึกถึงคุณหนูฮวากับท่าทีเ้าอารมณ์บ้าอำนาจนั้นบางทีการอยู่ห่างจากม่อเวิ่นเฉินก็อาจจะช่วยทำให้นางห่างไกลจากปัญหามากมายในจวนอ๋องก็เป็ได้
ในเมื่อนางมาถึงที่นี่แล้ว นางก็ต้องพยายามมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุขให้ได้มากที่สุด
เช้าของวันที่สอง นางก็ต้องตื่นพร้อมกับคนรับใช้คนอื่นๆเมื่อถึงตีห้าทุกคนก็ตื่นนอนแล้ว ต่างฝ่ายต่างเริ่มแยกย้ายกันไปซักเสื้อผ้าที่ถูกจัดส่งมา
ถึงแม้ว่าตอนนางอาศัยอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีจะไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายดั่งใจปรารถนาแต่ถึงอย่างไรเสียนางก็มีฐานะเป็คุณหนูใหญ่ งานหยาบๆ เช่นนี้นางไม่เคยได้ลงมือทำเองมาก่อน
ผ่านไปครึ่งวันแล้วนางเพิ่งจะซักเสื้อผ้าเสร็จไปแค่สองตัวเท่านั้นซ้ำนางยังถูกพ่อบ้านตำหนิเป็เวลานานทำให้แม้แต่ข้าวกลางวันก็ไม่มีเหลือให้นางได้กิน
มองไปที่มือทั้งสองของนางที่ทั้งแดงทั้งบวมซูฉีฉีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา นางต้องรีบเรียนรู้วิธีที่จะซักเสื้อผ้าพวกนี้ให้เสร็จได้โดยเร็วที่สุดมิเช่นนั้นแล้วนางคงจะต้องอดตายอยู่ที่จวนอ๋องติ้งเป่ยโหวเป็แน่
ถึงแม้ว่านางกินนอนร่วมกันกับสาวใช้อีกสี่คนแต่ว่าซูฉีฉีนั้นกลับถูกพวกเขาทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียว
นางเอาเครื่องประดับบนตัวไปแลกของใช้ประจำวันมาจำนวนหนึ่งการมาทำงานอยู่ที่นี่นั้น นางไม่ได้รับเงินเดือนแม้แต่นิดเดียว
วันนี้หลังจากที่นางซักเสื้อผ้าที่สกปรกจนเสร็จแล้ว นางก็ถูน้ำมันลงบนนิ้วมือเหมือนดั่งเคยเพื่อป้องกันไม่ให้มือของนางต้องแห้งแตก ทันใดนั้นนางกลับรู้สึกเจ็บแสบยิ่งนักเมื่อตรวจสอบดูดีๆ ก็พบว่าในน้ำมันทามือของนางนั้นมีผงพริกผสมอยู่ด้วยถ้าไม่สังเกตดูดีๆ ก็ไม่มีทางมองเห็นได้
นางอดทนต่อความเจ็บก่อนจะรีบเดินไปล้างมือให้สะอาดซูฉีฉีกวาดสายตาไปยังสาวใช้อีกสี่คนที่อยู่ในห้อง
คนทั้งสี่ไม่กล้าสบตานาง ล้วนแต่ก้มหน้าก้มตาพูดคุยกัน
คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจนักจึงรีบหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้งแล้วนางก็พบว่าจี้หยกรูปทรงพัดของตนที่มารดานางให้ไว้ก่อนออกเดินทางนั้นหายไปแล้ว
แต่เดิมนางไม่คิดจะมีปัญหากับคนพวกนี้ ไม่อยากสร้างความวุ่นวายแต่ว่าจี้หยกนั่นเป็ของที่มารดานางมอบให้นาง จะหายไม่ได้โดยเด็ดขาด
นางค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปตรงหน้าสาวใช้ทั้งสี่ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะสวมใส่เสื้อผ้าคุณภาพหยาบๆ แต่กลับยังคงมีความน่าเกรงขามอยู่ในตนเอง “เอาออกมา”
นางพูดสามคำนี้ด้วยท่าทีนิ่งเฉยไม่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ใดๆ แต่การกระทำนี้ของนางกลับทำให้สาวใช้ทั้งสี่ล้วนนึกไปถึงท่านอ๋องของพวกนาง
ดูเหมือนว่าพระชายาผู้ที่ไม่ได้รับการโปรดปรานตรงหน้านี้จะมีความน่าเกรงขามเหมือนกับท่านอ๋องของพวกเขาไม่น้อย
เพียงแค่คำธรรมดาๆ สามคำนี้ก็ทำให้พวกเขาหดตัวด้วยความสั่นกลัวอย่างไร้สาเหตุ
“อะไร?”สาวใช้คนหนึ่งที่ใจกล้ากว่าคนอื่นเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นเผชิญกับซูฉีฉีอย่างไรเสียนางก็มิใช่ท่านอ๋อง
“จี้หยก”ซูฉีฉีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ออกมาอีกสองคำ “อย่าลืมสิ ว่าต่อให้ข้าไม่ได้เป็ที่โปรดปราน แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็พระชายาที่ได้รับแต่งตั้งจากฮ่องเต้”
เพียงแค่ประโยคเดียวสีหน้าของสาวใช้ทั้งสี่ก็เปลี่ยนไป
สาวใช้ที่เพิ่งตอบนางเมื่อครู่หยิบจี้หยกออกจากแขนเสื้อของตนเองด้วยความสั่นกลัว
ท่านอ๋องซึ่งดำรงยศติ้งเป่ยโหวสามารถกลั่นแกล้งพระชายาคนนี้ได้ตลอดเวลาแต่ว่าพวกคนรับใช้เหล่านี้นั้นเกรงว่าจะไม่มีทางทำได้เสียแล้ว
หลายวันมานี้พวกเขาเห็นซูฉีฉีดูเป็คนจิตใจดีจึงกล้าทำเช่นนี้
เมื่อได้รับจี้หยกคืนแล้วซูฉีฉีแต่เดิมไม่คิดจะนำมันมาแขวนไว้บนคอ ทว่านางเกรงว่าจะมันจะหายอีกครั้งตอนนึ้จึงทำได้เพียงแต่ต้องเอามันมาแขวนไว้บนคอเท่านั้น
นางเดินไปที่หน้ากล่องสัมภาระของตนก่อนจะหยิบเศษเงินออกมาแล้วไปวางไว้ตรงหน้าสาวใช้ทั้งสี่คน “ล้วนแต่เป็คนที่ตกยากลำบากเหมือนกัน จะต้องหาเื่กันไปใย”
ไม่จำเป็ต้องเอ่ยคำพูดใดต่ออีก