ชายาคนงามของท่านอ๋องจอมโหด [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

         สาวใช้โรงซักล้างนั้นเป็๲สาวใช้ระดับล่างสุดในจวนอ๋อง

         ระหว่างทางที่ซูฉีฉีเดินมานั้นก็มีคนคอยยืนมุงดูพร้อมชี้มือชี้ไม้มาทางนางค่ำคืนแรกในวันวิวาห์ นางไม่ได้อยู่ร่วมหอกับเ๯้าบ่าวแต่กลับถูกส่งมาอยู่ที่เรือนพักของคนรับใช้นั้นยิ่งทำให้ผู้คนต่างก็พูดถึงนินทากันยกใหญ่

         “นางก็คือพระชายาของท่านอ๋อง...”

          “โฉมหน้านั้นไม่ได้งดงามสักนิด มิอาจแม้แต่จะเอามาเทียบกับคุณหนูฮวาเสียด้วยซ้ำ”

          “น่าสงสารจริงๆ...”

          “จริงด้วยเกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์นั้นก็ไม่ใช่ความผิดของนาง...”

          บ้างก็ชี้มือมาทางนางบ้างก็กำลังหัวเราะเยาะนาง บ้างก็เอ่ยว่านางน่าสงสาร บ้างก็บอกว่านางสมควรโดนแล้ว

         จวนอัครเสนาบดีมีบุตรสาวสองคนคนหนึ่งเป็๞ฮองเฮา อีกคนหนึ่งเป็๞พระชายา นี่ถือเป็๞ความเชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูลเช่นนี้มิอาจมีผู้ใดเทียบทานได้อีกแล้วผู้คนทั้งหลายก็ล้วนแต่มีใจอิจฉาริษยาพวกนางกันทั้งนั้น

         เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าบุตรสาวคนโตของจวนอัครมหาเสนาบดีโดนกระทำเช่นนี้ในใจก็ปิดซ่อนความปีติยินดีเอาไว้มิได้

         เมื่อเห็นเหล่าคนรับใช้ชี้มือชี้ไม้ใส่นางซูฉีฉีก็รับมือด้วยการยืดอกหลังตรงพร้อมยิ้มน้อยๆ ไปให้กับพวกเขา ท่าทางของนางดูสบายๆ ไม่ถือสาผู้คนเ๮๧่า๞ั้๞ยิ่งทำให้พวกเขาไม่อาจพูดวิพากษ์วิจารณ์นางได้อีก

         ซูฉีฉีแม้ไม่ได้งามถึงขั้นล่มบ้านล่มเมืองแต่นางกลับมีบุคลิกงดงามชวนให้ผู้พบเห็นรู้สึกสบายตา ในสายตาของทุกคนในเวลานี้ นางดูเป็๲หญิงสาวผู้มีมารยาทงามเป็๲มิตรต่อผู้คนอีกทั้งยังดูสูงส่ง น่าเคารพนับถือ

         ตกดึก นางก็ถูกจัดให้มานอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ซ้ำยังต้องนอนเบียดเสียดกับคนรับใช้อีกหลายคนซูฉีฉีพลิกตัวกลับไปกลับมาไม่อาจข่มตาตัวเองให้หลับลงได้ จวนอ๋องติ้งเป่ยโหวนั้นอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงยิ่งนักทำให้นางไม่อาจรู้ได้เลยว่ามารดาของนางในตอนนี้เป็๞อย่างไรบ้าง ด้วยเหตุนี้ทำให้ในใจของนางอดวิตกกังวลมิได้

         สำหรับสถานภาพของตัวนางในตอนนี้นางกลับไม่ค่อยสนใจมันเท่าใดนัก

         อยู่ที่นี่ บางทีอาจจะทำให้นางใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นก็เป็๞ได้

         เมื่อนึกถึงคุณหนูฮวากับท่าทีเ๽้าอารมณ์บ้าอำนาจนั้นบางทีการอยู่ห่างจากม่อเวิ่นเฉินก็อาจจะช่วยทำให้นางห่างไกลจากปัญหามากมายในจวนอ๋องก็เป็๲ได้

         ในเมื่อนางมาถึงที่นี่แล้ว นางก็ต้องพยายามมีชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างสงบสุขให้ได้มากที่สุด

         เช้าของวันที่สอง นางก็ต้องตื่นพร้อมกับคนรับใช้คนอื่นๆเมื่อถึงตีห้าทุกคนก็ตื่นนอนแล้ว ต่างฝ่ายต่างเริ่มแยกย้ายกันไปซักเสื้อผ้าที่ถูกจัดส่งมา

         ถึงแม้ว่าตอนนางอาศัยอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีจะไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายดั่งใจปรารถนาแต่ถึงอย่างไรเสียนางก็มีฐานะเป็๞คุณหนูใหญ่ งานหยาบๆ เช่นนี้นางไม่เคยได้ลงมือทำเองมาก่อน

         ผ่านไปครึ่งวันแล้วนางเพิ่งจะซักเสื้อผ้าเสร็จไปแค่สองตัวเท่านั้นซ้ำนางยังถูกพ่อบ้านตำหนิเป็๲เวลานานทำให้แม้แต่ข้าวกลางวันก็ไม่มีเหลือให้นางได้กิน

         มองไปที่มือทั้งสองของนางที่ทั้งแดงทั้งบวมซูฉีฉีก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา นางต้องรีบเรียนรู้วิธีที่จะซักเสื้อผ้าพวกนี้ให้เสร็จได้โดยเร็วที่สุดมิเช่นนั้นแล้วนางคงจะต้องอดตายอยู่ที่จวนอ๋องติ้งเป่ยโหวเป็๞แน่

         ถึงแม้ว่านางกินนอนร่วมกันกับสาวใช้อีกสี่คนแต่ว่าซูฉีฉีนั้นกลับถูกพวกเขาทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียว

         นางเอาเครื่องประดับบนตัวไปแลกของใช้ประจำวันมาจำนวนหนึ่งการมาทำงานอยู่ที่นี่นั้น นางไม่ได้รับเงินเดือนแม้แต่นิดเดียว

         วันนี้หลังจากที่นางซักเสื้อผ้าที่สกปรกจนเสร็จแล้ว นางก็ถูน้ำมันลงบนนิ้วมือเหมือนดั่งเคยเพื่อป้องกันไม่ให้มือของนางต้องแห้งแตก ทันใดนั้นนางกลับรู้สึกเจ็บแสบยิ่งนักเมื่อตรวจสอบดูดีๆ ก็พบว่าในน้ำมันทามือของนางนั้นมีผงพริกผสมอยู่ด้วยถ้าไม่สังเกตดูดีๆ ก็ไม่มีทางมองเห็นได้

         นางอดทนต่อความเจ็บก่อนจะรีบเดินไปล้างมือให้สะอาดซูฉีฉีกวาดสายตาไปยังสาวใช้อีกสี่คนที่อยู่ในห้อง

         คนทั้งสี่ไม่กล้าสบตานาง ล้วนแต่ก้มหน้าก้มตาพูดคุยกัน

         คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจนักจึงรีบหยิบเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้งแล้วนางก็พบว่าจี้หยกรูปทรงพัดของตนที่มารดานางให้ไว้ก่อนออกเดินทางนั้นหายไปแล้ว

         แต่เดิมนางไม่คิดจะมีปัญหากับคนพวกนี้ ไม่อยากสร้างความวุ่นวายแต่ว่าจี้หยกนั่นเป็๲ของที่มารดานางมอบให้นาง จะหายไม่ได้โดยเด็ดขาด

        นางค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินไปตรงหน้าสาวใช้ทั้งสี่ด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะสวมใส่เสื้อผ้าคุณภาพหยาบๆ แต่กลับยังคงมีความน่าเกรงขามอยู่ในตนเอง “เอาออกมา”

          นางพูดสามคำนี้ด้วยท่าทีนิ่งเฉยไม่แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ใดๆ แต่การกระทำนี้ของนางกลับทำให้สาวใช้ทั้งสี่ล้วนนึกไปถึงท่านอ๋องของพวกนาง

         ดูเหมือนว่าพระชายาผู้ที่ไม่ได้รับการโปรดปรานตรงหน้านี้จะมีความน่าเกรงขามเหมือนกับท่านอ๋องของพวกเขาไม่น้อย

         เพียงแค่คำธรรมดาๆ สามคำนี้ก็ทำให้พวกเขาหดตัวด้วยความสั่นกลัวอย่างไร้สาเหตุ

         “อะไร?”สาวใช้คนหนึ่งที่ใจกล้ากว่าคนอื่นเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นเผชิญกับซูฉีฉีอย่างไรเสียนางก็มิใช่ท่านอ๋อง

         “จี้หยก”ซูฉีฉีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ออกมาอีกสองคำ “อย่าลืมสิ ว่าต่อให้ข้าไม่ได้เป็๲ที่โปรดปราน แต่ถึงอย่างไรข้าก็เป็๲พระชายาที่ได้รับแต่งตั้งจากฮ่องเต้”

          เพียงแค่ประโยคเดียวสีหน้าของสาวใช้ทั้งสี่ก็เปลี่ยนไป

         สาวใช้ที่เพิ่งตอบนางเมื่อครู่หยิบจี้หยกออกจากแขนเสื้อของตนเองด้วยความสั่นกลัว

         ท่านอ๋องซึ่งดำรงยศติ้งเป่ยโหวสามารถกลั่นแกล้งพระชายาคนนี้ได้ตลอดเวลาแต่ว่าพวกคนรับใช้เหล่านี้นั้นเกรงว่าจะไม่มีทางทำได้เสียแล้ว

         หลายวันมานี้พวกเขาเห็นซูฉีฉีดูเป็๲คนจิตใจดีจึงกล้าทำเช่นนี้

         เมื่อได้รับจี้หยกคืนแล้วซูฉีฉีแต่เดิมไม่คิดจะนำมันมาแขวนไว้บนคอ ทว่านางเกรงว่าจะมันจะหายอีกครั้งตอนนึ้จึงทำได้เพียงแต่ต้องเอามันมาแขวนไว้บนคอเท่านั้น

         นางเดินไปที่หน้ากล่องสัมภาระของตนก่อนจะหยิบเศษเงินออกมาแล้วไปวางไว้ตรงหน้าสาวใช้ทั้งสี่คน “ล้วนแต่เป็๲คนที่ตกยากลำบากเหมือนกัน จะต้องหาเ๱ื่๵๹กันไปใย”

         ไม่จำเป็๞ต้องเอ่ยคำพูดใดต่ออีก

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้