“ก็รู้ว่าเ้ารักลูกสาว” ล่าวไท่จุนยิ้มขึ้นมา “เมื่อครู่ข้าเพิ่งจะนึกอยู่ว่าในบ้านของหยีเจี่ยร์ตอนนี้ขาดสาวใช้ไปสองคน อยากจะสั่งให้เลือกคนในเรือนสื่อเซี่ยวที่ดีๆ หน่อยให้หยีเจี่ยร์ วันนี้เ้าได้จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็พอดีเลย”
ฉินหยีหนิงทำเป็ไม่มองฉินฮุ่ยหนิงซึ่งกำลังส่งสายตาอาฆาตราวกับจะฉีกทึ้งนาง ฉินหยีหนิงเพียงยกยิ้มอย่างมีความสุขและคำนับ “ขอบพระคุณล่าวไท่จุน ขอบพระคุณท่านพ่อ”
ถึงแม้ว่าในใจของนางนั้นกำลังต่อต้าน
นาง้าสร้างเรือนเสวี่ยลี่ให้เป็น้ำแกงทองที่แข็งแกร่งเหมือนถังเหล็ก คนที่อยู่ข้างกายจะให้เพิ่มคนของคนอื่นเข้ามาได้อย่างไร?
แต่ท่านพ่อของนาง ทำให้นางมีหน้ามีตา นางไม่สามารถที่จะไม่รู้จักขอบคุณและละทิ้งความโปรดปรานได้ ในเมื่อคนมาแล้วก็ให้มาเถิด วันข้างหน้าจะจัดการอย่างไรก็ได้ ไม่มีความจำเป็ที่จะทำให้ท่านพ่อของนางต้องอึดอัดใจต่อหน้าผู้คนเยอะๆ เช่นนี้
ยามนั้นมีเื่ที่ทำให้ฉินหวยหยวนมีความสุข ทำให้เขารู้สึกสดชื่น เห็นทุกอย่างก็เป็ที่พอใจอยู่หลายส่วนและเมื่อเห็นฉินหยีหนิงขอบคุณอย่างดีใจ เป็ครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้ตระหนักถึงความพึงพอใจของผู้ที่เป็พ่อยามมอบของขวัญให้ลูก ใจของเขายิ่งมีความสุขขึ้นไปอีก
จากนั้นได้พูดคุยกันสักพัก เมื่อเห็นว่าถึงเวลามงคลแล้ว ทุกคนต่างก็ยืนอยู่ตามตำแหน่งของตนเองและจุดธูปก้มกราบไหว้บรรพบุรุษ
แน่นอนว่าฉินหยีหนิงยืนเรียงอยู่ในแถวเดียวกันกับคุณหนูคนอื่นๆ เด็กสาวทั้งหลายต่างก็เดินด้วยเข่าสองก้าว ทั้งสองมือถือธูป ก้มกราบไหว้ป้ายิญญาบรรพบุรุษจากนั้นก็ปักธูปด้วยความเคารพและเดินออกไปตามลำดับ
รอจนกว่าพิธีเสร็จสิ้น กลุ่มผู้ชายก็ออกไปข้างนอกศาลกันหมดแล้ว
ล่าวไท่จุนเอ่ยขึ้น “พวกเ้าก็กลับเรือนตัวเองกันเถิด นายท่านใหญ่จะต้องอยู่ในจวนเพื่อร่วมงานจัดเลี้ยงขอบคุณขุนนางด้วยกัน พวกเ้าก็ระวังตัวไว้ให้ดีหน่อย อย่าวิ่งชนแขกคนสำคัญล่ะ”
ผู้หญิงทุกคนต่างตอบเป็เสียงเดียวกัน “เ้าค่ะ”
ฮูหยินสองคิดๆ แล้วก็ยิ้มและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ลุงใหญ่เป็ถึงพระอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาท ในงานเลี้ยงคิดว่าจะต้องมีองค์ชายรัชทายาทมาร่วมด้วยอย่างแน่นอนกระมัง?”
ล่าวไท่จุนยิ้มพลางส่ายศีรษะ “งานเลี้ยงขององค์ชายรัชทายาทจะต้องรออีกสามวันหลังจากนี้ องค์ชายรัชทายาทจะต้องมาเยือนจวน เพื่อเข้าพบพระอาจารย์ ถึงตอนนั้นพวกเราจะมีเื่ต้องทำอีกหลายอย่าง”
“องค์ชายรัชทายาทเยือนจวน?” ฮูหยินสามปรบมือด้วยรอยยิ้ม “แหมๆ นั่นเป็เื่ที่มีเกียรติมากเชียวนะ ครอบครัวของเราดีมากๆ! ที่มีลุงใหญ่ ทำให้มีความรุ่งโรจน์เช่นนี้”
คำพูดของนางทำให้ล่าวไท่จุนมีความสุขมาก จนรอยย่นบนใบหน้าของนางปรากฏขึ้นมาหลายเส้นเพราะรอยยิ้มอย่างเบิกบานของนาง
ฮูหยินสองโอบกอดไหล่ของฉินหยีหนิง “ดังนั้นข้าว่าหยีเจี่ยร์ของพวกเราเป็ดาวฤกษ์แห่งความโชคดีนะ หลังจากกลับมาที่บ้านแล้ว ก็มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นแล้วใช่หรือไม่”
พี่สาวน้องสาวทุกคนต่างก็ยิ้มตามและเห็นด้วย
ทว่าฉินฮุ่ยหนิงได้ยินคำพูดนั้น กลับทำให้นางกำมือแน่น คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร หรือเพราะว่าเมื่อก่อนนี้นางเป็ลูกสาวคนโต ท่านพ่อถึงไม่ได้เป็พระอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทหรือ?
ล่าวไท่จุนพยักหน้าเห็นด้วย สองมือของนางพนมขึ้นมา จากนั้นก็หันไปทางศาลบรรพบุรุษเพื่อกราบไหว้ พร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าก็รับรู้แล้วว่า หลังจากที่หยีเจี่ยร์กลับมาแล้ว การงานของลูกชายคนโตก็ราบรื่น ขอบพระคุณที่บรรพบุรุษคุ้มครอง เืเนื้อเชื้อไขของตระกูลเราที่ได้หายไป นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถหาเจอราวกับเข็มในมหาสมุทรและในที่สุดก็พากลับมาได้แล้ว”
ฮูหยินสองและฮูหยินสามต่างทำตามล่าวไท่จุน และกราบไหว้ไปสามครั้งอย่างจริงใจ
ฮูหยินสามยิ้มและเอ่ยขึ้น “เอาเถอะ วันนี้เื่ในจวนก็มีเยอะมาก พวกเราแยกย้ายกันกลับเรือนของตัวเองกันเถิด ท่านแม่ ข้ากับพี่สะใภ้รองไปส่งท่านแม่นะเ้าคะ”
ล่าวไท่จุนพยักหน้า
แม่นมฉินได้เรียกบ่าวร่างใหญ่แบกเกี้ยวเล็กๆ มาก่อนนี้แล้ว จากนั้นเมื่อดูแลล่าวไท่จุนขึ้นเกี้ยวเรียบร้อย ฮูหยินสองและฮูหยินสามก็พาบ่าวเดินติดตามไปด้วย โดยเดินนำออกไปก่อน
เมื่อเห็นผู้าุโต่างกลับไปกันหมดแล้ว เด็กสาวทั้งหลายก็เดินกลับไปที่เรือนของตน
คุณหนูสามกับคุณหนูแปดมีความใกล้ชิดกับฉินหยีหนิงั้แ่แรก ในระหว่างทางจึงได้พูดคุยหัวเราะกันเหมือนทุกๆ ครั้ง คุณหนูเจ็ดไม่ค่อยสนิทกับฉินหยีหนิงสักเท่าใดนัก แต่ก็สามารถเห็นได้ชัดว่านางมีความเคารพและเป็มิตรมากกว่าเมื่อก่อนอยู่หลายส่วน
ฉินฮุ่ยหนิงกับคุณหนูหกเดินอยู่ข้างหลังพวกนาง เห็นหลายคนห้อมล้อมฉินหยีหนิงราวกับดวงดาวล้อมรอบดวงดาราอย่างไรอย่างนั้น จึงอดใจไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่น
คุณหนูหกหัวเราะเยาะขึ้นมา ก่อนเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะสถานะสูงส่งเช่นไร ก็ไม่ใช่ว่าเบื้องบนคดเคี้ยวเบื้องล่างก็เลยคดเคี้ยวด้วยหรอกหรือ บ่าวเคียงข้างตนเองเป็นักต้มตุ๋น ในครั้งนี้พึ่งท่านป้ากับท่านลุงไม่ได้แล้วสิ? ตอนนี้นางอยู่เคียงข้างเ้านานเลยสิ”
บรรยากาศแต่เดิมที่มีความปีตินั้น ได้ถูกคุณหนูหกทำลายไปแล้ว
ฉินฮุ่ยหนิงดึงแขนของคุณหนูหกและส่ายไปส่ายมา “ซวงเจี่ยร์ เ้าอย่าพูดเื่เหล่านี้สิ พวกเรารีบกลับไปเถิด” ในขณะที่พูดอยู่นั้น นางดูมีความเก้อเขินและมองไปในทิศทางฉินหยีหนิง ราวกับว่านางถูกรังแกจนกลัวแล้ว
เมื่อคุณหนูหกเห็นฉินฮุ่ยหนิงเป็เช่นนั้น ในสมองของนางคล้ายได้เห็นภาพเหตุการณ์จำนวนมากมายในยามที่ฉินหยีหนิงกดขี่ข่มเหงฉินฮุ่ยหนิง และยิ่งรู้สึกไม่มีความยุติธรรมต่อฉินฮุ่ยหนิงมากขึ้นไปอีก
“เ้าอย่ากลัวเลย ต้องมีคนไม่ประจบสอพลอบ้างล่ะ เ้ายังมีข้านะ”
ฉินฮุ่ยหนิงแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจออกมา พลางจับมือคุณหนูหก ดวงตาทั้งสองเหมือนมีคลื่นมาเป็ระลอกๆ คล้ายจะร้องไห้ออกมา
ฉินหยีหนิงมองไปที่คุณหนูสาม คุณหนูเจ็ดและคุณหนูแปด จากนั้นทั้งสี่คนก็พากันเดินไปข้างหน้าด้วยความเข้าใจและสงบเสงี่ยม
เมื่อฉินฮุ่ยหนิงและคุณหนูหกมองไปข้างหน้าอีกครั้ง หลายคนนั้นก็เดินไปข้างหน้าไกลสิบก้าวแล้ว
คุณหนูหกโมโหราวกับฟ้าผ่า “นางกล้าไม่สนใจข้า”
หลังเดินนำห่างออกมาพอสมควร ฉินหยีหนิงได้พูดกับคุณหนูสามว่า “ปล่อยให้พวกนางหาเื่ไปเถิด หรือว่าจะลดสถานะของตนเองไปทะเลาะกับพวกนางหรือ?”
คุณหนูสามเห็นด้วยและพยักหน้า “วันนี้ท่านลุงใหญ่มีงานเลี้ยงกับแขก ทำให้เื่น้อยยังดีกว่าเื่มาก น้องสี่อย่าไปคิดอะไรมาก ใช้ชีวิตอย่างสงบปลอดภัยนั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่า”
ฉินหยีหนิงล้อคุณหนูสาม “ก็ถึงได้บอกอย่างไรล่ะ ว่าพี่สามเป็แม่ศรีเรือนที่สุดแล้ว วันข้างหน้าจวนเจี้ยนป๋อโชคดีมากเลยน่ะ”
ใบหน้าของคุณหนูสามกลายเป็สีแดงระเรื่อ นางหยิกใบหน้าฉินหยีหนิงและเอ่ยขึ้น “เ้ามาล้อข้า ข้าอยู่ลำดับที่สาม เ้าอยู่ลำดับที่สี่ หลังจากนี้ก็เป็ตาของเ้าแล้ว ตอนนี้ท่านลุงใหญ่ได้รับตำแหน่งไท่ซืออันทรงเกียรติ ตระกูลสามีของเ้าไม่เป็คนรวยก็คงจะเป็ขุนนาง ยังจะมีเวลาว่างมาล้อข้าเล่นอีกหรือ”
คุณหนูเจ็ดกับคุณหนูแปดพลอยหัวเราะขึ้นมา
คุณหนูแปดเอ่ยขึ้น “พี่สามพูดถูก ข้ายังได้ยินคนคาดเดามาว่า อนาคตของพี่สี่จะได้เป็ชายาเอกขององค์ชายรัชทายาท”
คุณหนูเจ็ดพยักหน้า “ก็เป็เช่นนั้นแหละ ตอนนี้ดูเื้ัของเ้าแล้ว เป็ชายาขององค์ชายรัชทายาทถึงจะเหมาะสมมากที่สุด ได้ยินมาว่าองค์ชายรัชทายาทเป็คนอ่อนโยนและอบอุ่น ทั้งยังสง่างามมากและเก่งด้านการประดิษฐ์ตัวอักษร การวาดภาพ ความสำเร็จในการประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดของเขาก็มาถึงจุดสูงสุดแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีชายารองอยู่ แต่ชายารองก็คือชายารอง ในอนาคตองค์ชายรัชทายาทจะต้องสืบทอดอำนาจราชบัลลังก์ แต่ว่าชายาเอกถึงจะได้เป็หวงโฮ่วนะ”
“โอ้โห พวกเ้าเริ่มมีความอุกอาจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ ฮ่องเต้สุขภาพยังดีอยู่เลย ดูสิ่งที่พวกเ้าพูดสิ เป็คำพูดอะไรกัน” ฉินหยีหนิงจิกคุณหนูเจ็ดให้คันๆ เล็กน้อย “ข้าควรจะบอกทุกสิ่งเหล่านี้ให้กับแม่นมจาน จะดูสิแม่นมจานจะตีพวกเ้าหรือไม่”
คำพูดครึ่งประโยคแรกของฉินหยีหนิงทำให้หัวใจของคุณหนูสาม คุณหนูเจ็ดและคุณหนูแปดอยู่ในภาวะสับสน พลอยคิดในใจว่าพวกนางมีความผิดที่พูดเช่นนั้น ถ้าคำพูดดังกล่าวถูกนำไปพูดต่อและแพร่งพรายออกไปข้างนอก จะถือว่าไม่เป็การให้ความเคารพเลย
ประโยคหลังเป็เื่ไร้สาระ ตั้งใจที่จะทำให้เื่นี้เปลี่ยนเป็เื่อื่น คุณหนูเจ็ดกับฉินหยีหนิงหัวเราะดังขึ้นมา แต่ในใจแอบคร่ำครวญว่าฉินหยีหนิงมีความคิดที่ลึกซึ้งและเฉลียวฉลาด นางเริ่มรู้สึกใกล้ชิดกับฉินหยีหนิงอยู่หลายส่วนแล้ว
เมื่อถึงทางแยก ฉินหยีหนิงได้ลาจากเหล่าพี่สาวน้องสาวและกลับไปที่เรือนเสวี่ยลี่
ทุกอย่างในเรือนเสวี่ยลี่ยังเป็เหมือนกับที่เคยเป็ ยกเว้นไม่มีรุ่ยหลานเสียแล้ว
หลังจากที่เข้าไปพบแม่นมจาน ฉินหยีหนิงก็กลับไปที่ห้องเพื่อนั่งพักผ่อน
ชิวหลู่และหลิ่วหยาทั้งสองคนกำลังรับใช้อยู่ข้างๆ ชิวหลู่มีท่าทีเป็ปกติ แต่หลิ่วหยากลับดูไม่มีความสุขอยู่หลายส่วน
แต่เดิมนางเป็บ่าวระดับสามของฉินหยีหนิง หลิ่วหยามีความคิดอยากเลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้บ่าวระดับสองที่กดตนอยู่นั้นได้ออกไปแล้ว ดังนั้นทำเื่อะไรก็แล้วแต่ ย่อมน่าจะเลื่อนตำแหน่งให้บ่าวที่อยู่ในบ้านก่อน โดยไม่มีใครคาดคิดว่าคุณหนูของตนถูกกักบริเวณไม่ได้พูดอะไร แต่กลับถูกบ่าวที่ทำงานห้องสมุดแย่งตำแหน่งนี้ไปแล้ว
อีกอย่างเหยาฉินกับยวี้ฉีทั้งสองคนต่างก็เป็บ่าวระดับหนึ่ง มีระดับที่สูงกว่ารุ่ยหลานกับหยูเซียงเสียอีก
หลิ่วหยารู้สึกราวกับไฟไหม้รัง ถ้าอย่างนั้น นางก็ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมและนอนดึกมากกว่าเดิมอีกสินะ
ฉินหยีหนิงกำลังเล่นกับถ้วยน้ำชา และดูเหมือนว่ากำลังเหม่อลอยมองไปที่หน้าต่าง แต่กลับเห็นสายตาที่ไม่พอใจเล็กน้อยของหลิ่วหยาได้ชัดเจน
นางไม่เข้าใจว่าหลิ่วหยาเป็อะไร แต่ก็ไม่อยากเห็นคนข้างๆ ต้องมีหน้าหม่นหมองเช่นนั้น จึงเอ่ยขึ้น “หลิ่วหยาไปพักผ่อนก่อนเถิด ส่วนชิวหลู่อยู่ที่นี่”
หลิ่วหยามีความขุ่นเคืองอยู่ในใจ ไม่มีใครอยู่รอบตัวนางแล้ว แม้แต่คุณหนูก็ยังปฏิเสธที่จะใช้ให้นางทำงาน
ไม่ต้องทำแล้ว ข้าเต็มใจที่จะไปพักผ่อน ถึงอย่างไรก็เป็บ่าวระดับสามเหมือนกัน ทำงานเยอะกว่านี้ก็ไม่เห็นจะได้เงินมากกว่านี้
หลิ่วหยาคำนับแล้วก็หันหลังเดินออกไป
รอให้ในห้องมีเพียงแค่ฉินหยีหนิงกับชิวหลู่ ผู้เป็บ่าวถึงได้เอ่ยขึ้น “คุณหนูอย่าถือสากับนางเลยเ้าค่ะ”
“ข้าก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพียงแต่ว่าข้าไม่รู้ว่านางเป็อะไรไป หลายวันมานี้มีเื่อะไรเกิดขึ้นหรือ?”
ชิวหลู่ส่ายหน้า “นอกจากเื่พี่รุ่ยหลานแล้ว ก็ไม่มีเื่อื่นเกิดขึ้นอีกเลยเ้าค่ะ คุณหนู พี่รุ่ยหลานตอนนี้เป็อย่างไรบ้างเ้าคะ? ทุกคนต่างบอกต่อ ๆ กันมาว่านางโดนตีจนตายแล้ว ท่านไม่อยู่บ้าน บ่าวทั้งหลายก็ถูกกักบริเวณไม่อนุญาตให้ออกไปไหน แม่นมจานถึงแม้ว่าจะสามารถไปไหนมาไหนได้ แต่ว่าบ่าวก็ไม่กล้าถามเ้าค่ะ”
ฉินหยีหนิงหัวเราะขึ้นมา ดึงมือชิวหลู่และเอ่ยขึ้น “เ้าสบายใจได้ รุ่ยหลานอยู่ที่โรงเตี๊ยมท่าหยุน กำลังรักษาแผลอยู่ นางอยู่ด้วยกันกับคุณหนูถาง ข้ายังมีอีกเื่หนึ่งที่อยากจะทำ อาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเ้า
เื่อาจจะใช่ก็ได้ ข้าเพียงแค่คาดเดาเท่านั้น วันนี้ท่านพ่อของข้าจัดงานเลี้ยงขอบคุณ ข้าคิดว่า หนึ่งในนั้นจะต้องมีคนของสตรีชั้นสูงมาด้วย ตอนนี้ข้าพาคุณหนูถางกลับมาได้ พวกเขาจะต้องรู้เป็แน่ ดูเหมือนพวกนางมีความเป็ห่วงคุณหนูถาง แน่นอนว่าจะต้องมีการทำอะไรบ้างนั่นแหละ ข้าอยากจะใช้เื่นี้...” คำพูดหลังจากนั้น ฉินหยีหนิงใช้น้ำเสียงแสนเบาอยู่หลายประโยค
ชิวหลู่ใเบิกตาโตขึ้น “คุณหนู อย่างนี้จะดีหรือเ้าคะ?”
“มีอะไรไม่ดีหรือ? ข้าไม่ได้ทำร้ายคนบริสุทธิ์เสียหน่อย แต่ถ้ามีความคิดที่ไม่ดีจริงๆ ก็คงหนีไม่พ้น”
หลังจากที่พูดจบ ข้างนอกก็มีเสียงของหลิ่วหยาะโเข้ามา “คุณหนู ข้างนอกมีคนมาส่งของขวัญให้คุณหนูเ้าค่ะ”
ตาของชิวหลู่ยิ่งเบิกโตขึ้น “คุณหนู ท่านคาดเดาได้ถูกต้องมาก”
เมื่อสักครู่ฉินหยีหนิงพูดเื่ วันนี้จะต้องมีคนส่งของขวัญมาให้อย่างแน่นอน
ฉินหยีหนิงยิ้มแย้มและได้ให้ชิวหลู่ไปช่วยหลิ่วหยาไปรับของขวัญมาให้
ของขวัญที่ส่งมานั้นเป็ภาพวาดหนึ่งม้วน ฉินหยีหนิงเปิดภาพวาดออกมา เมื่อดูแล้วก็ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง
ภาพนี้ไม่ใช่ว่าเป็ภาพซึ่งแขวนไว้ที่จวนของท่านอ๋องหนิงหรอกหรือ ‘ภาพอาชาแปดตัว’ นางนำภาพมากางไว้บนโต๊ะสี่เหลี่ยม ฉินหยีหนิงใช้ปลายนิ้วถูรูปภาพและสุดท้ายก็เห็นมีลงนามปากกาที่มุมล่างซ้าย
วันนั้นตอนที่อยู่ที่จวนท่านอ๋องหนิง ภาพนี้ยังไม่มีเขียนนามปากกานี่
แต่วันนี้ บนภาพนี้ได้มีนามปากกาและลงตราประทับแล้วด้วย เขียนว่า “ชิงเยี่ยนผู้สันโดษ”
ชิงเยี่ยนผู้สันโดษ นามปากกานี้ คนที่มีความรู้ทั่วไปเล็กน้อยต่างก็สามารถรู้ได้ เมื่อก่อนนี้ฉินหยีหนิงก็ไม่รู้ นางรับรู้เพราะแม่นมจานได้เคยพูดไว้
องค์ชายรัชทายาทมีความหลงใหลในเื่การเขียนและการวาดภาพ และเป็ผู้ประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาดที่มีความชำนาญมาก ‘ชิงเยี่ยนผู้สันโดษ’ เป็นามปากกาที่องค์ชายรัชทายาทมักใช้ในการทรงงานอักษรและงานวาดภาพ มีความหมายว่า ‘เมื่อโลกมีความสมดุล โลกสันติภาพก็จะเกิดขึ้น’
ภาพนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็ภาพขององค์ชายรัชทายาทวาดด้วยตัวพระองค์เองหรือ!?
ในตอนนั้นเองหลิ่วหยายิ้มและเอ่ยขึ้น “คุณหนู คนของจวนท่านอ๋องหนิงที่มาส่งภาพนี้ยังรออยู่ข้างนอก บอกว่าท่านอ๋องหนิงมีเื่จะพูดกับคุณหนูเ้าค่ะ” คนที่มาจากจวนท่านอ๋องหนิง แน่นอนว่านางจะต้องไปเจอด้วย
ฉินหยีหนิงชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็รีบพยักหน้า “รับทราบแล้ว ชิวหลู่ไปเป็เพื่อนข้าเถิด”