“เ้าบื้อ เ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
ฉินเยียนหรานที่อยู่ริมเวทีเอ่ยถามเย่เฟิง พร้อมดวงตาฉายแววขุ่นเคือง ก่อนหน้านี้แพ้ให้กับจงเทา นางรู้สึกไม่ชอบใจเป็อย่างมาก
“ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะแก้แค้นแทนเ้าอย่างไรดี ตัดแขน ทำลายการบ่มเพาะ หรือจะฆ่าทิ้งเลย”
เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มจาง ๆ ราวกับว่าสิ่งที่พูดออกมาเป็เื่ทั่ว ๆ ไป
ฉินเยียนหรานได้ยินเช่นนั้นก็เบ้ปาก เ้าหมอนี่คุยโวโอ้อวดอีกแล้ว
“สวะ เ้ากำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ? คิดอยากตัดแขน ทำลายการบ่มเพาะข้าด้วยลำพังเ้าเนี่ยนะ? ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะทำมันได้หรือไม่!”
เมื่อครู่นี้เย่เฟิงพูดอย่างเปิดเผยโดยไม่ปกปิดแต่อย่างใด จงเทาย่อมได้ยินเป็ธรรมดา เขาหมดแรงไปมากจากการสู้กับฉินเยียนหรานไปก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกผู้คนหัวเราะเยาะ ในใจของเขาจึงเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ
“เห็นหรือยัง มีคนอยากให้ข้าทำเช่นนั้น” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้มขณะมองฉินเยียนหราน
“ถ้าเช่นนั้น เ้าก็สงเคราะห์เขาดี ๆ แล้วกัน” ฉินเยียนหรานกล่าวพลางขยิบตาให้เย่เฟิง
ผู้คนได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนถึงกับพูดไม่ออก เย่เฟิงบ้าบิ่นก็ช่างปะไร แต่เหตุใดฉินเยียนหรานจึงทำตัวเลอะเลือนเช่นนี้? แม้เผชิญหน้ากับจงเทา เย่เฟิงก็ยังคงทำตัวอวดดี และคิดจะตัดแขน และทำลายการบ่มเพาะอย่างนั้นหรือ?
“ได้เลย งั้นเ้ารออยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้าจะรีบไปรีบกลับ!”
เย่เฟิงกล่าวกับฉินเยียนหราน จนบัดนี้เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองจงเทา ราวกับพกความมั่นใจมาแต่เกิด
ครู่ต่อมา เย่เฟิงมาถึงเขตประลอง หลังจากทักทายผู้คุมกฎ ดวงตาคู่นั้นเปลี่ยนไปเย็นะเือย่างฉับพลัน ก่อนจะมองไปที่จงเทา “มัวรออะไรอยู่เล่า ขึ้นมาสิ!”
เพียงแต่เสียงนี้ทำให้ผู้คนต่างชะงักนิ่ง เย่เฟิงผู้นี้ไม่กลัวฟ้ากลัวดินแม้แต่นิดเดียว ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ บางทีอาจก้าวข้ามจงเทาไปไม่ได้
“เ้าเด็กตัวดี ตอนนี้รู้จักการปกป้องแล้วหรือ นังหนูคนนี้อาจจะดูคนไม่ผิด!”
บนอัฒจันทร์หลัก ผู้าุโฉินคิดในใจพลางระบายยิ้ม ยิ่งเวลาผ่านไปเขายิ่งรู้สึกสนใจเย่เฟิงมากขึ้น นิสัยไม่ยอมใครและตรงไปตรงมาเช่นนี้ช่างเหมือนเขาในวัยเยาว์ยิ่งนัก
“เ้าอยากตายมากขนาดนั้นเลยหรือ?”
จงเทากล่าวเสียงเย็น พลันร่างกะพริบ ก่อนจะไปปรากฏตัวที่ใจกลางเขตประลอง พร้อมกับปลดปล่อยพลังปราณเข้ากดดันเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ ก่อนหน้านี้ที่แดนลับยอดเขาเทพโอสถ จงเทาผู้นี้ทำพฤติกรรมตั้งตัวเป็ศัตรูกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังร่วมมือกับผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงมาจัดการเขา
ต่อมาพวกเขากลับถึงสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ก็ยังบังเอิญเจออีกครั้งในเหตุการณ์คลื่นสัตว์อสูรที่ชายแดนเขาเทียนเสวียน จงเทาลอบโจมตีข้างหลังขณะเย่เฟิงสู้กับลู่เจียง ส่งเย่เฟิงเข้าปากวานรสุวรรณ ทำให้เย่เฟิงต้องตกระกำลำบากอยู่ในส่วนลึกของเขาเทียนเสวียนอยู่่หนึ่ง
บัญชีแค้นนี้เย่เฟิงควรชำระนานแล้ว เพราะกฎของงานประลองก่อนหน้านี้ไม่อนุญาตให้ลงมือหนัก แต่บัดนี้กฎเปลี่ยนไปแล้ว โดยที่ไม่จำกัดวิธีในการจัดการฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะสะสางบัญชีแค้นนี้
เื่นี้โทษคนอื่นมิได้ จงเทาใช้วิธีต่ำทรามและชั่วช้าทำร้ายเขา สมควรตายเป็พัน ๆ ครั้ง
ยิ่งกว่านั้น จงเทายังทำกับฉินเยียนหรานอีกครั้ง เย่เฟิงจึง้าระบายโทสะแทนฉินเยียนหราน
“ถ้าเกิดข้าทำลายการบ่มเพาะหรือคร่าชีวิตเ้า ก็อย่ามาโทษข้าแล้วกันว่าลงมือโเี้!”
จงเทากล่าวเสียงเย็นขณะมองเย่เฟิง แม้ก่อนหน้านี้เย่เฟิงจะฆ่าลู่เจียงได้อย่างง่ายดาย แต่จงเทายังคงเชื่อมั่นว่าจะฆ่าเย่เฟิงให้ตายได้ ถึงอย่างไรพลังของลู่เจียงก็เทียบเขาไม่ได้
“สวบ!” จงเทาเดินออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะวาดฝ่ามือที่แฝงด้วยพลังชั่วร้ายและมีไอสีดำม่วงแผ่ออกมาโจมตีเย่เฟิง
งานประลองสำนักยุทธ์่แรก ๆ จงเทายังไม่เปิดเผยพลังต่อหน้าผู้คน แต่ในตอนสู้กับเฉินอ้าวเทียนก็ได้สำแดงิญญาาอสรพิษบุปผาออกมา
ฝ่ามือของจงเทาผสานด้วยคุณสมบัติพิเศษของสัตว์อสูรอสรพิษบุปผา ทั้งกระหายเืและป่าเถื่อน เขาจะใช้ประโยชน์จากวิธีเรียบง่ายที่สุดนี้จัดการเย่เฟิง
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!”
เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นวาดฝ่ามือโจมตีที่ผสานด้วยพลังหอกและรายล้อมไปด้วยอำนาจฟ้าดิน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น ฝ่ามือทั้งสองเข้าปะทะกัน ก่อนคลื่นพลังทำลายล้างจะแพร่กระจาย ทั้งสองต่างถอยหลังคนละหนึ่งก้าว และยังจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นเยือก
“ตายซะเถอะ!”
จงเทาแผดเสียงคำรามพร้อมกับเหวี่ยงหมัดโจมตี ห้วงอากาศต้องสั่นไหว รังสีหมัดนั้นยังแฝงด้วยพลังหยวนอันน่าสะพรึงกลัวราวกับจะทะลวงทุกสิ่ง
เย่เฟิงเดินออกมาพร้อมร่างเปล่งแสงดาว พลังดาราแปรเปลี่ยนเป็เส้นด้ายพันรอบร่าง อักขระโคจรอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวบางเบาดุจก้อนเมฆ แม้จะไม่ว่องไว แต่กลับหลบหลีกรังสีหมัดของจงเทาได้อย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกันนั้น เย่เฟิงวาดฝ่ามือโจมตีร่างจงเทา ซึ่งทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ฝ่ามือนี้ของเย่เฟิงจึงเป็ภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อชีวิตจงเทา
จงเทาหน้าถอดสี ก่อนจะหนีไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดโจมตีมาอีกครั้งจนเซถอยหลังไปหลายก้าว
“พลังโจมตีของเย่เฟิงคนนี้ร้ายกาจมาก ซัดจงเทาจนถอยหลัง ข้าล่ะสงสัยว่าเขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 3 จริง ๆ หรือ?” ผู้คนต่างใเล็กน้อยขณะมองศึกของเย่เฟิงกับจงเทา
ทุกศึกต่อสู้ที่เย่เฟิงเข้าร่วมล้วนถูกประเมินในระดับต่ำทั้งสิ้น แต่ตอนที่ผู้คนประเมินเขาไว้ต่ำ เขาก็มักจะสำแดงพลังที่แข็งแกร่งออกมาจัดการคู่ต่อสู้เสมอ
ดังนั้นทุกคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเย่เฟิงแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่
“วูบ!”
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ภายใต้สถานการณ์บีบบังคับจากการโจมตีของเย่เฟิง จงเทาชักดาบอ่อนออกมา ก่อนจะตวัดดาบโจมตีเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล มันเคลื่อนที่ดุจอสรพิษที่ว่องไวปานวอก
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อเปลี่ยนทิศทาง รังสีดาบนั่นจึงเฉียดตัวเขาไป แต่เย่เฟิงรู้สึกได้ถึงความเ็ปจากแรงลมของปราณดาบที่ทิ้งรอยแผลบนผิวของเขา
“หอกดุจั!”
เย่เฟิงแผดเสียงะโอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นหอกัเงินประกายปรากฏในมือเขา ก่อนจะมีรังสีหอกพุ่งเข้าหาจงเทา รังสีหอกนั้นกลายเป็ลำแสง ทะลวงห้วงอากาศ ราวกับทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
เมื่อจงเทาััถึงพลังของหอกนี้ได้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอึมครึมเล็กน้อย ก่อนจะกะพริบร่างหลบหนี ทว่ารังสีหอกนั่นเร็วเกินไป มันแทงทะลุหน้าอกของเขา จนเสื้อคลุมของเขาขาดเป็รูขนาดใหญ่
จงเทาต้องเหงื่อแตกพลั่ก เขารับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากตัวเย่เฟิง ทว่าแรงกดดันเช่นนี้แม้แต่เฉินอ้าวเทียนก็ยังไม่มี
“ตาย!”
เสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง หอกของเขาทั้งเร็ว แม่นยำ และไร้ความปรานี นอกจากนี้ทุก ๆ คมหอกยังอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าทึ่ง เพียงพอจะปลิดชีวิตผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันได้ในเสี้ยวพริบตา