จ้าวจือจุ่นแสดงท่าทีชัดเจนว่ารู้อะไรบางอย่าง แต่เหมือนเขาไม่ได้อยากพูดนัก เมื่อเป็เช่นนี้ เฉียนจี้หวั่งย่อมมีวิธีรับมือ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ต้องให้จ้าวจือจุ่นพูดให้มากความ พร้อมกับตัดสินการเนรเทศโดยตรง รอจนอีกฝ่ายได้สติ สิ่งที่ตน้ารู้ย่อมสามารถรู้ได้เอง
ชีเหนียงได้ยินก็เพียงแค่คร่ำครวญเบาๆ เดิมทีก็คาดเดาได้แล้ว ตอนนี้ความจริงเปิดเผย จึงอดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจจ้าวจือชิงกว่าเดิม
“สมองไม่ดีก็ไม่เป็ไร การมีชีวิตอยู่และกินอิ่มนอนหลับได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว”
ท่าทีของชีเหนียงทำให้หลิงชางไห่รู้ว่านางไม่ถือสาสิ่งเหล่านี้ แต่เขาเองไม่แน่ใจว่าเหตุใดจ้าวจือชิงจึงไม่ให้ตนพูดความจริงกับชีเหนียง อีกอย่างตนรับปากเ้าหนุ่มนั่นไว้ว่าจะช่วยเื่เกี้ยวพาชีเหนียง เพียงแต่ท่าทีของชีเหนียงกลับไม่ได้เป็เช่นนั้น
ดังนั้นเขาจึงตั้งใจหยั่งเชิงความคิดของชีเหนียงก่อน
เขาข่มเสียงต่ำและกระซิบข้างหูชีเหนียง “เ้าเคยคิดอยากแต่งงานใหม่หรือไม่?”
ชีเหนียงถลึงตาใส่เขา “ไม่เคย!”
น้ำเสียงไม่ดีอย่างชัดเจน ทำให้หลิงชางไห่จับทางไม่ถูกอยู่บ้าง
“นางเป็อะไรไป?”
“ไม่ทราบว่าเมื่อครู่ท่านตาพูดอะไรกับท่านแม่หรือ?” ลั่วจิ่งเฉินรู้สึกว่าต้องเป็คำพูดของเขาที่ทำให้ท่านแม่โมโห จึงเป็เช่นนี้
หลิงชางไห่นึกดู ถึงอย่างไรชีเหนียงแต่งงานใหม่ คงเลี่ยงไม่ได้ต้องให้เ้าเด็กทั้งหลายรับรู้ จึงไม่ได้ปิดบัง “ข้าเพียงแค่ถามว่านางอยากแต่งงานใหม่หรือไม่”
ปรากฏว่าพอพูดจบ เด็กทั้งหลายก็เบะปากเดินหนี ใครจะยินดีสนใจเขาอีก มีเพียงไหลไหลน้อยที่เห็นเขาเก้ๆ กังๆ จึงมาอธิบายเื่ที่พี่หลิวโน้มน้าวให้ชีเหนียงแต่งงานใหม่เมื่อครู่
เขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าตนเองเหมือนเอาปลายลูกศรมาจ่อหัวใจ เพียงแต่ทั้งหมดก็เพราะเ้าหนุ่มจ้าวจือชิงทั้งนั้น หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความจริงใจของเขาที่มีต่อชีเหนียง ตนไม่มีทางช่วยแน่
......
สภาพร่างกายของจ้าวจือชิงดีขึ้นไม่น้อย สำหรับเื่ราวที่เกิดขึ้นผ่านผนังอีกฝั่ง เขาได้ยินมันทั้งหมด
แม้ไม่เห็นท่าทางของชีเหนียง แต่จากน้ำเสียงของนางไม่มีความไม่เต็มใจแต่อย่างใด เพียงแต่กลัวว่าความคิดของนางคงสมใจลั่วจิ่งเฉิน ทว่าคนที่เขาหมายปอง เขาไม่มีทางปล่อยมือง่ายดายเช่นนี้แน่
วันที่สาม จ้าวจือชิงทานอาหารเช้าเสร็จและช่วยชีเหนียงเก็บถ้วยชาม จู่ๆ ก็เอ่ยว่าจะขอตัวลาจาก
“เดิมทีก็ต้องไปอยู่แล้ว หากมิใช่เพราะเกิดเื่ ตอนนี้ข้าคงจากไปนานแล้ว เพราะถึงอย่างไรครอบครัวเ้าก็ไม่ชอบข้า…”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่กระตือรือร้นเหมือนเคย กลับกลายเป็อยากรีบสลัดความสัมพันธ์ ไม่รู้เพราะเหตุใด ชีเหนียงถึงรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง
“…” นางไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด เพียงแต่ใช้คำพูดของเฉียนจี้หวั่งมาปฏิเสธ “ไม่ได้ ข้ารับเงินใต้เท้าเฉียนมา ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูแลเ้าให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน ่ระหว่างนี้เ้าอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”
พูดจบก็ไม่รอให้เขาปฏิเสธ จากนั้นรีบเก็บข้าวของและออกไป
ชีเหนียงเองไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงปฏิเสธ ต้องเป็เพราะใกล้ปีใหม่แล้ว เขายังมีอาการเจ็บ คนในครอบครัวมีทั้งเสียชีวิตและถูกเนรเทศ ตนเองสงสารจึงไม่ยอมให้จ้าวจือชิงปฏิเสธ
หลายวันมานี้ ชีเหนียงเหมือนจะจงใจหลบหน้าจ้าวจือชิง ถึงขั้นออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกอย่างต่อเนื่องหลายวัน
“นี่ก็เพราะจนปัญญา ใกล้จะปีใหม่แล้ว ร้านค้ากิจการไม่เลว ่นี้มีขนมกับสินค้าใหม่ๆ ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงเลี่ยงไม่ได้ต้องคอยดูอยู่ทางนั้น”
ลั่วชีเหนียงยุ่งกับการผัดผัก จึงคิดคำตอบอย่างเรียบง่ายให้แก่คำถามของหลิงชางไห่
หลิงชางไห่ไม่เคยทำมาค้าขาย จึงไม่เข้าใจ เพียงแต่หลังจากถามก็ดึงลั่วจิ่งซีมา “สิ่งที่ท่านแม่เ้าพูดคือความจริงหรือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่านางร้อนตัวเล็กน้อย?”
ลั่วจิ่งซีไตร่ตรองได้ว่า่นี้ท่านแม่ดูจะยุ่งจริงๆ แต่ที่ร้าน สาวใช้ของท่านน้าตู้ก็ดูจะทำงานเป็หมดแล้ว เหมือนท่านแม่ไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าใดนัก
“่นี้ท่านแม่นอกจากจะจัดการร้าน ยังต้องเร่งดูแลที่บนเขา ย่อมต้องยุ่งอยู่แล้ว” ลั่วจิ่งซีนึกถึงแผนการของนางก่อนหน้านี้ จึงดึงหลิงชางไห่มาถาม “ท่านตา ร่างกายของท่านลุงจ้าวเป็อย่างไรบ้าง? เดิมทีท่านแม่คิดจะยกงานบนเขาให้ท่านลุงจ้าว แต่ความคิดของท่านแม่คือตอนนี้ลุงจ้าวตัวคนเดียว ไม่มีที่ไป มิสู้ให้ช่วยงานที่บ้านเรา จะได้ไม่ต้องปล่อยให้เขาผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่คนเดียวข้างนอก”
คำพูดนี้คือสิ่งที่ชีเหนียงเคยบอกกับพวกเขาพี่น้องตอนซื้อที่บนูเา ภายหลังได้เกิดเื่แผนถอยเพื่อก้าวะโของจ้าวจือชิง ชีเหนียงจึงลืมเื่นี้ไปหมดสิ้น ตอนนี้พอลั่วจิ่งซีเอ่ยถึงก็เพิ่งนึกได้ ตนเองถึงขั้นได้เริ่มวางแผนเพื่อจ้าวจือชิงั้แ่ตอนนั้นแล้ว
เมื่อได้ยินลั่วจิ่งซีพูดถึงความคิดของชีเหนียง เขาแอบตื้นตันใจเล็กๆ ชีเหนียงยังคงละเอียดอ่อนใส่ใจเหมือนเช่นเคย
“่ระหว่างนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว ไม่เห็นหรือว่าเขาไม่มีอะไรทำก็มักจะออกมาเดินเล่น ไม่รู้ว่าเขากำลังยุ่งอะไร เห็นออกไปแต่เช้าแล้วกลับดึกเหมือนแม่เ้า”
ขณะพูด จ้าวจือชิงก็เพิ่งกลับมาจากข้างนอก
“ตาเฒ่าหลิง เ้ากำลังว่าร้ายอะไรข้าอยู่หรือ? ข้าแค่ออกไปทำธุระ” ขณะพูดจ้าวจือชิงก็โยนไก่ป่าที่ไปจับมาจากบนเขาไว้ในเล้าไก่ แม้อากาศจะหนาวเย็นเพียงนี้ แต่ขอเพียงเขาออกโรงย่อมไม่เคยคว้าน้ำเหลว
อันที่จริง่นี้จ้าวจือชิงก็ยังรู้สึกไม่วางใจ ตอนนั้นเื่ของจ้าวกวงจบลงง่ายเกินไป ที่ผ่านมาเขายังสืบเื่คนบงการเื้ัไม่ได้ คนเ่าั้เหมือนจะรับรู้ว่ามีคนคอยสืบเื่ราวเช่นกัน จึงไม่ได้ส่งคนมาและกำจัดจ้าวกวงทิ้ง ่นี้กลยุทธ์ที่เขาปล่อยออกไปเริ่มมีการตอบสนองแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะต้องจับตาดูให้มาก
ส่วนเื่ของเขา นั่นคือเื่ของอนาคต แม้ว่าตนเองจะตัดสินใจจากไป แต่เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหาคนเื้ัที่คิดร้ายกับสกุลลั่วให้ได้ก่อนจึงจะดี
หลิงชางไห่ส่งเสียงในลำคอ “ฮึ่ม เพิ่งจะหายดีก็ออกไปเตร็ดเตร่ข้างนอกทุกวัน หากเ้าป่วยขึ้นมาอีก ข้าจะไม่รักษาเ้าแล้วนะ”
“ตามใจ”
ขณะพูดก็เดินเข้าห้องและหยิบถ้วยชาที่เย็นแล้วขึ้นมาดื่ม ชีเหนียงออกจากครัวมาเห็นและมีใจอยากห้าม แต่ก็รู้สึกว่าเื่อะไรถึงต้องห่วงเขา จึงปล่อยให้เขาดื่มชาเย็นชืดต่อ
ทั้งสองคน คนหนึ่งเดินเข้าห้อง คนหนึ่งก็รีบออกมา ท่าทางขัดเขินมีมาดนั้นทำให้หลิงชางไห่อยากขำ เดิมทีคิดว่าเื่ของจ้าวจือชิงนั้นยังไม่มีวี่แวว คิดไม่ถึงว่าชีเหนียงเองก็…เพียงแต่ดูจากท่าทางของชีเหนียง เกรงว่าคงยังไม่รู้ตัว
ชีเหนียงไม่ได้รู้ความคิดของหลิงชางไห่แต่อย่างใด เมื่อวานตู้ิเจวียนบอกกับนางว่า ้าขยายกิจการชานมไปยังอำเภอละแวกใกล้เคียงหลายแห่ง ก่อนและหลังปีใหม่ ทั้งสองคงเลี่ยงไม่ได้ต้องหาคนที่ไว้ใจได้ไปทำงาน แต่คนที่นางไว้ใจได้มีไม่มาก อิงจากการวางแผนก่อนหน้านี้ คนแรกที่นางคิดถึงก็คือจ้าวจือชิง มีเขาอยู่มักจะรู้สึกปลอดภัย
แต่ตอนนี้ใช้งานเขาไม่ได้แล้ว หลิวเหยียนบ้านพี่หลิวเป็คนซื่อตรง ออกไปทำการค้าคงยากจะเลี่ยงถูกคนปอกลอก ใช้ไม่ได้เช่นกัน ลั่วจิ่งซีอายุน้อย ยังทำงานไม่สุขุมหนักแน่น จะถูกคนอ่านทะลุปรุโปร่ง ก็ไม่ได้เช่นกัน ไม่ได้การ หลังจากปีใหม่คงต้องรับสมัครคนกลุ่มใหม่และอบรม แล้วค่อยว่ากัน เพราะถึงอย่างไรบนเขาก็ยัง้าผู้ช่วย อย่างมากก็ไปซื้อคนจากตลาดค้าทาสมาสักหน่อย
ชีเหนียงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะพาลั่วจิ่งซีไปลองดูที่ตลาดค้าทาสก่อนปีใหม่ ใครจะรู้ว่าลั่วจิ่งซีกลับเป็หวัดไม่สบายเพราะหลายวันก่อนมัวแต่ห่วงเล่น ตอนนี้แม้ลั่วจิ่งเฉินจะดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายก็ยังใช้งานได้ไม่สมบูรณ์ หากอากาศหนาวก็ต้องอยู่แต่ในห้องหลุมดิน ออกไปไม่ได้
เวลานี้กลับไม่มีคนที่ใช้งานได้ อันที่จริงเื่นี้นางไปด้วยตนเองก็สามารถทำได้ เพียงแต่มีคนเพิ่มขึ้นก็มีคนให้หารือเพิ่ม ในใจก็มีความมั่นใจ จากที่ดูตอนนี้คนที่ใช้ได้มีเพียงจ้าวจือชิง แต่ตนเองกลับไม่อยากพบหน้าเขา ชั่วขณะนั้นชีเหนียงจึงอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
-----