เฉียวเฟยพูดอย่างอดทน “ถึงแม่จะบอกเ้า เ้าจะทำอะไรได้? เ้าจะขัดพระประสงค์ของเสด็จพ่อหรือ?” นางพูดอย่างมีความนัยลึกซึ้ง “จาวฮวา ถึงแม้เสด็จพ่อของเ้าจะรักเ้า แต่ว่าเื่การแต่งงานเป็เื่ใหญ่ ย่อมไม่ปล่อยให้เ้าได้ออกความคิดเอง เสด็จพ่อของเ้าย่อมต้องเลือกคนที่เก่งทั้งบุ๋นบู๊ให้กับเ้า เ้าก็รอแต่งงานอย่างสงบเถิด”
มู่หรงฉางกัดริมฝีปากล่าง ดวงหน้าขาวผ่องฉายความดื้อรั้น
เฉียวเฟยมองสีหน้าของบุตรสาวแล้วก็ลอบถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “จาวฮวา เ้าได้รับความรักจากเสด็จพ่อของเ้า ได้เสพสุขกับเกียรติยศ ความร่ำรวย ได้มีความสุขไปจนถึงบั้นปลายชีวิตไปจะดีที่สุด แต่เ้าก็ต้องแบกรับภาระเอาไว้ด้วย ฟังคำสั่งของเสด็จพ่อเ้าแล้วแต่งงานออกไป ฟังคำแม่ กลับไปพักผ่อนที่ตำหนักเสีย”
บุตรสาวคนนี้ถูกตามใจจนเสียคน นิสัยดื้อรั้น ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะก่อเื่อะไรขึ้นมาอีก
“การแข่งขันคัดเลือกคู่ครองให้ลูกใครเป็ผู้ตรวจสอบการจัดงาน?” มู่หรงฉางถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ดวงตาสีขาวตัดดำฉายแววตัดสินใจ
“เ้าคิดจะทำอะไร?” เฉียวเฟยรู้สึกแปลกๆ ในใจพลันระแวดระวังขึ้นมา
“เป็ผู้ใดตรวจสอบเพคะ?”
“…เป็เสด็จพี่ของเ้า องค์รัชทายาท”
ไม่ทันสิ้นเสียงก็เห็นบุตรสาววิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวสายลม
นางถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล บุตรสาวคนนี้ปกติแล้วเป็คนที่มีความคิดมาก จะทำอะไรก็ดื้อรั้น นางที่เป็มารดาไม่สามารถรั้งได้ หลายครั้งจึงทำได้เพียงปล่อยให้บุตรสาวทำไป
ตำหนักบูรพา
มู่หรงฉือกำลังตรวจทานรายชื่อบรรดาคุณชายจากหลายตระกูลที่กรมพิธีการส่งมาให้ในห้องตำรา ตรวจสอบชาติกำเนิด การศึกษา นิสัยใจคอ คนที่มีข้อบกพร่อง นิสัยไม่ดีย่อมถูกตัดออก
กำหนดการสอบด้านวิชาการจะเริ่มขึ้นอีกสองวันหลังจากนี้ ส่วนข้อสอบมู่หรงเฉิงจะเป็คนออก
ทันใดนั้น ด้านนอกก็มีเสียงดังโวยวาย
“องค์หญิง…องค์หญิงเข้าไปไม่ได้นะเพคะ…” เป็เสียงห้ามของฉินรั่ว
“สุนัขรับใช้ถอยไป!” เป็เสียงตวาดขององค์หญิงจาวฮวาดังขึ้น
มู่หรงฉือวางสมุดรายชื่อลงอย่างจนใจ จาวฮวามาจริงๆ อย่างที่คาด
ถึงแม้นางจะสั่งฉินรั่วและหรูอี้เอาไว้ว่า หากองค์หญิงจาวฮวามาขอเข้าเฝ้าอย่าให้องค์หญิงเข้ามา แต่นางเองก็รู้ องค์หญิงจะต้องบุกเข้ามา ใครก็ห้ามไม่อยู่
มู่หรงฉางรีบพุ่งเข้ามาราวสายลมสายฟ้า ห้องตำราในตอนนี้มืดสลัวราวมีก้อนเมฆอึมครึมปกคลุม
ฉินรั่วเห็นเตี้ยนเซี่ยโบกมือจึงได้ถอยออกมา
“เสด็จพี่ ท่านรับปากว่าจะช่วยน้อง เหตุใดตอนนี้ถึงได้ย้อนกลับมาทำร้ายน้องเล่าเพคะ?”
มู่หรงฉางหน้าคว่ำเหมือนกับกินดินะเิเข้าไป ประหนึ่งเป็กองไฟที่ถูกฟ้าผ่าลมแรงจนะเิออกจนรอบข้างวอดวายไปหมด ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเ็ปย่ำแย่จนไม่อาจทานทน
เนื่องจากนางวิ่งมาพร้อมกับโทสะรุนแรง ใบหน้าของนางจึงแดงก่ำ หน้าผากขาวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“เหตุใดน้องสาวจึงพูดเช่นนี้เล่า? เปิ่นกงจะทำร้ายเ้าได้อย่างไร?” มู่หรงฉือพูดอย่างไม่รีบร้อน
“ท่านเคยบอกว่าจะคิดหาวิธีโน้มน้าวเสด็จพ่อให้พระราชทานสมรสให้ข้ากับอวี้หวาง แต่ว่าผลเป็อย่างไรกัน?” นางโวยวาย ร้อนใจเหมือนมดเดินอยู่ในหม้อร้อน “ไม่เพียงแต่จะไม่พระราชทานสมรสให้ กลับกันยังหาทางคัดเลือกคู่ครองให้กับข้า! เสด็จพี่ เหตุใดท่านถึงได้ทำเช่นนี้?”
“น้องสาว คนเป็พี่ชายอย่างข้า แน่นอนว่าจะต้องหวังให้เ้าได้แต่งงานกับบุรุษที่ต้องใจ การแข่งคัดเลือกคู่ครองไม่ใช่ข้าที่เป็คนเสนอความคิดออกมา แต่เป็คนอื่น เปิ่นกงเพียงได้รับคำสั่งจากเสด็จพ่อให้เป็คนตรวจสอบดูแล”
“ไม่ใช่เสด็จพี่? เช่นนั้นเป็ผู้ใดที่เสนอความคิดนี้กัน?”
“เ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เฟยผินมากมายในวังหลัง เสด็จพ่อฟังเพียงคนผู้เดียว”
“เซียวกุ้ยเฟย!”
มู่หรงฉางกัดริมฝีปากล่าง ฟันขาวสะอาดเหมือนดาบแหลมคม
มู่หรงฉือลุกขึ้นยืนพลางปลอบโยน “น้องสาว เสด็จพ่อทำเช่นนี้ก็เพราะว่ารักเ้า หวังว่าจะหาคู่ครองที่ดีที่สุด ที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้เ้า เสด็จพ่อไม่พระราชทานสมรสให้เ้าบางทีอาจจะคิดว่าอายุของอวี้หวางค่อนข้างมาก ไม่ค่อยเหมาะสมกับเ้านัก…”
มู่หรงฉางรีบแย้งทันที “อายุมากแล้วอย่างไร? ชีวิตนี้ของข้าหากไม่ใช่เขาข้าก็ไม่แต่ง! จะต้องเป็เซียวกุ้ยเฟยเป่าหูเสด็จพ่อ ให้เสด็จพ่อไม่พระราชทานสมรสให้ข้ากับอวี้หวาง จะต้องเป็นางแน่ๆ!”
“น้องสาว อีกสองวันจะมีการสอบด้านวิชาการ เ้าคิดจะทำอย่างไร?”
“นั่นสิ ข้าควรจะทำอย่างไรดี?”
มู่หรงฉางพูดพึมพำ การแข่งขันคัดเลือกคู่ใกล้เข้ามาแล้ว ไฟลนขนตาแล้วจริงๆ ในเวลาสองวันสั้นๆ นี้จะทำอย่างไรให้เสด็จพ่อเปลี่ยนใจ?
แต่ให้อวี้หวางมาลงชื่อเข้าร่วม จะมีความเป็ไปได้หรือไม่?
มู่หรงฉือกดเสียงเบา “น้องสาว โบราณว่ากันว่า ทำข้าวสารให้เป็ข้าวสุก[1] เขาจะได้ปฏิเสธไม่ได้”
ั์ตาคู่งามของมู่หรงฉางเปล่งประกายราวกับลูกไฟ “จริงสิ ทำไมน้องถึงคิดไม่ได้กัน?” คิ้วของนางขมวดเข้าหากัน พูดอย่างขุ่นเคือง “แต่ว่า หากเขา...ไม่ยินยอม เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”
มู่หรงฉือพูดข้างหูของนางสองประโยค มู่หรงฉางได้ยินแล้วก็พูดอย่างเบิกบาน “ขอบคุณเสด็จพี่ หากวันหลังข้าสมหวังแล้ว จะต้องมาขอบคุณเสด็จพี่อย่างดีแน่นอนเพคะ”
มู่หรงฉือหัวเราะเบาๆ “พวกเราเป็พี่น้องกัน จำเป็ต้องเกรงใจกันด้วยหรือ?”
...
ณ ห้องหนังสือ
ตำหนักใหญ่เงียบเหงา มีเพียงเสียงนกดังมาจากที่ไกลๆ ข้างโต๊ะหนังสือวางถังใส่น้ำแข็งถังหนึ่ง ไอเย็นของน้ำแข็งแผ่กระจายออกมา ขจัดความร้อนของฤดูร้อนนี้
บนชั้นหนังสือมีฎีกากองเป็ูเา จากประสิทธิภาพในการอ่านของมู่หรงอวี้ ูเากองย่อมๆ นั้นถูกจัดวางแบ่งประเภทอย่างเรียบร้อย
นางกำนัลเปลี่ยนถ้วยชา เขาจ้องฎีกาแล้วยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก ก่อนจะยกพู่กันขึ้นมาเขียนอย่างหนักแน่นมั่นคง พู่กันตวัดพลิ้วไหวราวั
ต่อมาก็เปลี่ยนมาเป็ฎีกาอีกเล่ม
เขามีสมาธิจดจ่อ ใบหน้าด้านข้างของเขาราวมีสันของูเามาวางลงบนใบหน้า เป็การรวมความงามของทั้งโลกมนุษย์และ์เอาไว้ ประหนึ่งเทพเซียนสลักออกมา แพขนตามีแสงวิบวับทอประกาย ดวงตาดำลึกล้ำจนมองไม่เห็นก้นบึ้งเปล่งประกาย ราวกับว่าในใต้หล้านี้มีเพียงแค่เขาผู้เดียวไม่อาจมีคนมาเทียบได้ ความหล่อเหลาขั้นนี้ทำให้คนใจเต้นแรง
ในตอนนี้เอง ด้านนอกตำหนักก็มีเสียงองครักษ์กับนางกำนัลรายงาน “องค์หญิงจาวฮวาเสด็จ”
ต่อมาก็เป็เสียงนางกำนัลร้องห้าม พร้อมกับเสียงถือดีขององค์หญิงจาวฮวา “เปิ่นกงมีเื่จะเข้าพบอวี้หวาง พวกเ้าถอยไปให้หมด”
มู่หรงอวี้มองไปทางนางกำนัลที่ยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ “ให้นางเข้ามา”
นางกำนัลรับคำสั่งแล้วเดินออกไป ไม่นาน มู่หรงฉางก็พาหยวนซิ่วนางกำนัลข้างกายเข้ามา
หยวนซิ่วมือถือกล่องไม้เข้ามา โค้งตัวทำความเคารพ “หนูปี้ถวายบังคมท่านอ๋อง”
“ลุกขึ้นเถิด” มู่หรงอวี้พูดเสียงเรียบ “องค์หญิงมาที่ห้องหนังสือมีเื่อะไรหรือ?”
“อวี้หวางทำงานทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อเสด็จพ่อ เป็ตัวอย่างของขุนนางทั้งหลาย เปิ่นกงที่เป็องค์หญิง จึงมาเตือนท่านอ๋องแทนเสด็จพ่อว่าจะต้องดูแลร่างกายของตัวเองด้วย” ใบหน้างดงามราวบุปผาของมู่หรงฉางเหมือนดอกไม้สีแดงสวยกำลังเบ่งบาน “นี่เป็สาคูเหม่ยกุยที่เปิ่นกงสั่งให้โรงครัวทำออกมา ยังมีผลไม้สดที่ถูกแช่ในน้ำแข็ง ท่านอ๋องลองดื่มสักหน่อย ลองชิมน้ำใจที่เปิ่นกงเอามาให้”
“วางเอาไว้เถิด น้ำใจขององค์หญิงเปิ่นหวางรับเอาไว้แล้ว” เขายังคงห่างเหินเ็าเหมือนเดิม “แดดกำลังแรง องค์หญิงกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักเถิด”
สายตาเ็ามองไปยังสตรีที่อยู่ตรงหน้า องค์หญิงจาวฮวาสวมชุดคอบัวสีเขียวอ่อน สวมกระโปรงสีเขียวน้ำทะเล บนกระโปรงทับไว้ด้วยผ้าโปร่งตาข่ายสีขาวให้ความรู้สึกเหมือนหิมะและสายหมอก ยิ่งเพิ่มความสง่างามและปราดเปรียว นางที่สวมสีชุดสีเขียวทั้งตัวช่วยขับผิวให้ขาวผ่อง เหมือนกับหยกที่อยู่ในสายน้ำเย็น สีเขียวทอประกายความบริสุทธิ์งดงาม เส้นผมสีดำสนิทประดับไว้ด้วยไข่มุก ปักปิ่นทองห้อยด้วยหยก ยิ่งเพิ่มความงดงามอ่อนช้อยน่าหวั่นไหว
การแต่งหน้าวันนี้ต่างจากปกติ วันนี้ประณีตงดงาม โทนสีสดใสสดชื่นล้อไปกับอาภรณ์สีเขียวปราดเปรียว เหมือนก้อนหยกที่ถูกแกะสลักจากธรรมชาติ
มู่หรงฉางเชื่อว่าแววตาของตัวเองไม่มีทางผิดพลาด
อวี้หวางที่หล่อเหลาสง่างาม สตรีปกติธรรมดาไม่มีทางเข้าตาเขาได้
ดังนั้น วันนี้นางจึงคิดวางแผนมากมายตอนที่แต่งหน้า
ครั้นเห็นแววตาที่มองค้างมายังตนเองเสี้ยวหนึ่งของเขา นางพลันรู้สึกยินดี ท่าทีก็ยิ่งทวีความอ่อนหวาน รอยยิ้มก็ยิ่งอ่อนโยน น้ำเสียงก็ยิ่งใสกังวาน “ท่านอ๋องลองชิมสาคูเหม่ยกุยดูเถิด”
ต่อมาก็มองไปทางหยวนซิ่วกับนางกำนัลเป็การบอกให้พวกเขาถอยออกไป
นางกำนัลดูแลอวี้หวางที่ห้องหนังสือมาห้าปี รู้จักนิสัยของเขาเป็อย่างดี จึงไม่กล้าถอยออกไปเพียงเพราะสายตาขององค์หญิง
จนกระทั่งอวี้หวางส่งสายตามา นางกำนัลถึงได้ออกไป
เมื่อประตูปิดลง ภายในตำหนักก็มืดลงมาหลายส่วน ท่ามกลางแสงแดดสลับร่มเงา มู่หรงฉางส่งสายตาหลงใหลไปให้เขา
“ท่านอ๋อง ชาตินี้ทั้งชาติ เปิ่นกงจะแต่งงานกับท่านเพียงผู้เดียว”
เสียงของนางอ่อนหวาน เอ่ยปากฝากรักบอกความรู้สึกกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
คำพูดที่แสนเรียบง่ายแต่กลับสร้างความตราตรึงใจเป็ที่สุด
“ความรักขององค์หญิง เปิ่นหวางมิบังอาจรับไว้” มู่หรงอวี้ลุกจากโต๊ะหนังสือ น้ำเสียงยังคงเ็าราวน้ำเย็นดังเดิม “เื่การแต่งงานเป็เื่ใหญ่ของชีวิต องค์รัชทายาทกับกรมพิธีการได้จัดการแข่งขันเลือกคู่ครองให้กับองค์หญิงแล้ว อีกไม่นานจะเลือกคู่ครองให้องค์หญิง ขอโปรดทรงอดใจรอ”
“ท่านอ๋องจิตใจกว้างขวาง จะไม่มีพื้นที่ให้เปิ่นกงที่เป็สตรีอ่อนแอคนหนึ่งเชียวหรือ?” ความหมายของเขา นางเข้าใจดี นางรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นราดลงบนหัว ทั่วทั้งตัวเย็นไปหมด แต่ก็โกรธเพราะความขี้ขลาดของเขา โทสะพวยพุ่งขึ้นไม่หยุด “ท่านอ๋องไม่กล้าขัดพระประสงค์ของเสด็จพ่อหรือ? ท่านอ๋องกุมอำนาจในราชสำนัก มีอำนาจมากมาย ความสามารถในการตัดสินใจก็มี เช่นนี้ย่อมสามารถ…”
“องค์หญิงเข้าใจผิดแล้ว คู่ครองขององค์หญิงจะเป็ลูกหลานของสี่ตระกูลก็ดี จะเป็คุณชายจากตระกูลชั้นสูงก็ได้ แต่จะต้องไม่ใช่เปิ่นหวางแน่นอน”
“เพราะเหตุใด?”
“องค์หญิงได้รับความรักมากมาย เป็ธิดาของฮ่องเต้ เป็องค์หญิงที่มีเกียรติที่สุดของแคว้นเยี่ยน มีขุนนางหนุ่มมากมายหลงรัก คุณชายตระกูลใหญ่มากมายอยากจะขอแต่งงาน ส่วนในใจของเปิ่นหวางมีแว่นแคว้น มีสังคม มีปวงประชา สิ่งเดียวที่ไม่มีคือองค์หญิง”
น้ำเสียงหนักแน่นเนิบช้าเ็าของมู่หรงอวี้เป็ประหนึ่งมีดอันแหลมคมที่แทงเข้ามาจนเืซิบ บอกกับนางตรงๆ ว่า เขาไม่ได้ชอบนาง
ขาทั้งสองข้างของมู่หรงฉางอ่อนแรง ถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่อาจควบคุม
มีดแหลมทิ่มเข้าไปในใจของนาง ทะลุผ่านิญญาไป
ใบหน้าของนางซีดเผือดไปหมด ทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบหมือนกับถูกก้อนน้ำแข็งล้อมเอาไว้
เพราะเหตุใด?
นางมีอะไรไม่ดี เขาถึงได้ปฏิเสธนางเช่นนี้ ปฏิเสธความรู้สึกของนางอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้
นางจ้องเขา ท่าทางน่าสงสารเหมือนอยากจะร้องไห้ ดวงตาคู่งามมีน้ำเอ่อคลอ
นี่มันเพราะอะไรกันแน่?
“ท่านอ๋องมีคนที่ชมชอบแล้วหรือ?” นางพยายามสะกดกลั้นโทสะของตนเอาไว้ จึงไม่เสียกิริยาออกไป
“ใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร?” ดวงตามีเพียงความเ็าแผ่ออกมา ใบหน้ามีความถือดี “เปิ่นหวางชาตินี้จะแต่งงานกับสตรีที่อยู่ในใจของเปิ่นหวางเท่านั้น สตรีผู้นั้นย่อมไม่ใช่องค์หญิงอย่างแน่นอน”
เชิงอรรถ
[1] 生米煮成熟饭 (shēng mǐ zhǔ chéng shú fàn ) หมายถึง เื่ราวเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนได้อีก ความหมายใกล้เคียงกับสำนวนไทยว่า “สายเกินแก้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้