ค้อนที่ลุกไหม้สั่นะเือย่างต่อเนื่องพร้อมเสียงดังสนั่น
เกิดแรงลมโหมกระหน่ำไปทั่วบริเวณ อากาศเย็นหลั่งไหลเข้ามา ดวงตาเ็าซึ่งมีเสน่ห์ชั่วร้ายคู่หนึ่งจับจ้องไปยังศิษย์หลักหยวนซิว
เมื่อถูกสะบัดจนต้องถอยกลับ แขนขวาของศิษย์หลักหยวนซิวก็ชา ปากของเขาแตกจนเืหยดลงบนค้อนเกิดเสียงดังฉ่า กลายเป็ตัวเร่งให้เกิดเปลวไฟ
“เพลิงผลาญนภาคำราม!”
ทันทีที่ััได้ถึงวิกฤต ศิษย์หลักหยวนซิวก็เหวี่ยงแขน ค้อนลุกไหม้และโจมตีผ่านห้วงอากาศอันหนาวเย็นราวดาวตกโลหิต ก่อนจะเกิดเสียงแห่งการทำลายล้าง
ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ดวงตาในป่าทึบเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็บรรยากาศที่แปลกตา
หนิงเทียนหลับตาลง รู้สึกถึงความเย็นะเืที่แทรกซึมเข้าไปในหัวใจจนจิติญญาของเขาสั่นสะท้าน
มีบางสิ่งที่ชั่วร้ายและลึกลับซ่อนอยู่ใกล้หลุมลึกนี้ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยสีสัน มันทั้งดุร้ายและเฉียบคม แตกต่างไปจากที่หนิงเทียนคิดอย่างสิ้นเชิง
บงกชสีมรกตหยั่งรากอยู่บนลำต้นของต้นไม้ เงาของมันหดตัวลง กลิ่นอายถูกดึงกลับ
ทหาริญญาเยาเยานิ่งเงียบ ดูไม่ต่างจากกิ่งก้านของต้นที่แห้งเหี่ยว ซึ่งมันก็หลีกเลี่ยงพลังประหลาดนี้ไม่ต่างกัน
ศิษย์หลักหยวนซิวพยายามอย่างหนัก ความแข็งแกร่งของเขาไม่น้อยเลย ค้อนเป็อาวุธิญญา ทว่าเขากลับถูกโจมตีด้วยลางร้าย เปลวเพลิงเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องดังจนน่าใ
เปลวเพลิงดับลงอย่างกะทันหัน ความมืดกลับคืนสู่ผืนป่า ศิษย์หลักหยวนซิวนอนตายอยู่ที่นี่พร้อมค้อนที่ร่วงหล่นลงกระแทกพื้น
เสียงหึ่งๆ มาพร้อมกับกลิ่นอายมืดมน ทำให้ร่างกายของหนิงเทียนตึงเครียดกว่าเก่า
สถานที่แห่งนี้เลวร้ายอย่างยิ่ง เขาตัดสินใจจะถอยไป ทว่ายังต้องรอโอกาส
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด แต่ดวงตาคู่นั้นหายไปแล้ว ความหนาวเหน็บจางไปกับสายลม ทุกอย่างกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครา
หนิงเทียนลืมตาขึ้น ก่อนจะลอบสังเกตการเคลื่อนไหวรอบตัว ร่างของเขาไม่ต่างจากควันจางๆ สีเขียวง ดอกบัวใต้เท้าเงียบงัน พาเขาปรากฏตัวตรงจุดที่ศพของศิษย์หลักหยวนซิวนอนอยู่
เห็นได้ว่าร่างของเขาแห้งเหี่ยวราวถูกดูดเืจนหมดตัว ที่มือซ้ายมีแหวนมิติ ทั้งยังมีค้อนที่แน่นิ่งอยู่ข้างกาย
หนิงเทียนค่อยๆ ถอดแหวนมิติออกและหยิบค้อนขึ้นมา ก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ
ผ่านไปสักพักเขาก็หยุดฝีเท้า บงกชสีมรกตลอยวนเป็วงกลม ยุทธศาสตร์ครอง์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วแล้วะเิพลังลงสู่พื้นดิน เมื่อพฤกษาอสูรในบริเวณใกล้เคียงััได้ถึงกลิ่นอายของเขา ก็มีพฤติกรรมดีขึ้น
หนิงเทียนเปิดแหวนมิติซึ่งเต็มไปด้วยยา มีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน และผลึกิญญามากกว่าแปดสิบก้อน
“นี่คืออะไร?”
หนิงเทียนหยิบตำราเล่มหนึ่งขึ้นมา หลังจากลองอ่านดูแล้วก็ได้รู้ว่าสิ่งนี้คือบันทึกวิชากรงเล็บเพลิงปาริชาติ วิชาต่อสู้ของหยวนซิวซึ่งอยู่ในระดับนิลกาฬขั้นกลาง
หนิงเทียนทำการค้นคว้าบางอย่าง ก่อนจะพบว่ากรงเล็บเพลิงปาริชาตินั้นทรงพลังมาก ทว่าเขาไม่สามารถฝึกมันได้เพราะไม่มีพลังทางสายเืที่สอดคล้องกัน
หนิงเทียนหดหู่เล็กน้อยแล้วมองไปยังค้อนอีกครั้ง มันเป็อาวุธิญญาระดับต่ำที่ได้รับการขัดเกลาโดยปรมาจารย์หยวนซิว ซึ่งเขาไม่อาจใช้งานได้เช่นกัน
“หากใช้ไม่ได้ก็ทำได้เพียงขายทิ้ง”
เขาแยกผลึกิญญาออกมา จากนั้นจึงหันกลับไปมองป่าทึบที่มีหลุมลึกตั้งอยู่ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตหมกมุ่นอยู่กับมัน แต่หนิงเทียนจะเข้าใกล้มันอย่างปลอดภัยได้อย่างไร?
สถานะในยามนี้ของยุทธศาสตร์ครอง์ต่ำเกินไป กายาสุวรรณะนิรันดร์ก็ยังไม่เพียงพอ เห็นได้ชัดว่าธนูจันทรามรกตไม่อาจต้านทานได้ วิชาผสานระหว่างพู่กันิญญาและทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ก็ยังไม่แข็งแกร่ง ส่วนน้ำเต้าเจ็ดสีนั้นก็ใช้งานค่อนข้างลำบาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หนิงเทียนก็สรุปได้ว่าระดับของเขายังต่ำเกินไป หากท่านอาจารย์อยู่ที่นี่คงไม่มีปัญหาในการบุกเข้าไป แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ไม่อยู่
“ไม่รู้ว่าถ้าดึงดูดเหล่ายอดฝีมือหยวนซิวทั้งหมดเข้ามา ข้าจะสามารถผ่านไปได้หรือไม่?”
หนิงเทียนกำลังคิดจะยืมมีดฆ่าคน แต่ขอบเขตสูงสุดในที่แห่งนี้คือขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า เกรงว่าอาจไม่มีประโยชน์ในการทะลวงเข้าไป
เื่นี้ต้องจัดการอย่างชาญฉลาด หนิงเทียนจึงตกอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้งครู่หนึ่ง
เสียงอสูรคำรามดังมาแต่ไกล สิ่งนี้ทำให้หนิงเทียนเกิดแรงบันดาลใจ เหตุใดไม่นำอสูรที่ทรงพลังเ่าั้เข้าไปในป่าเล่า?
เขาหยิบธนูจันทรามรกตออกมาแล้วเริ่มมองหาเป้าหมาย ในไม่ช้าก็พบอสูรประหลาดที่มีหัวเหมือนอินทรี ปีกนกนางแอ่น และหางคล้ายงู ทั้งยังมีหกกรงเล็บแหลมคม และมีดวงตาอยู่ที่หาง
หนิงเทียนไม่เคยเห็นอสูรประเภทนี้มาก่อน แต่เขารู้สึกถึงความดุร้ายของมัน ลูกศรยิงออกไปพร้อมกับเสียงดังฟิ้ว
“ใช้ได้! โดนแล้ว!”
หนิงเทียนหัวเราะพร้อมลูกศรที่พุ่งเข้าใส่ปีกของอสูร ทำให้มันโกรธเคืองทันที
เขาะโขึ้นไปในอากาศและหนีไปทางหลุมลึก แต่ก็ยังคงหันหลังกลับมายิงธนูเป็ครั้งคราวเพื่อจงใจยั่วยุ
ในไม่ช้าหนิงเทียนก็วิ่งมาถึงเขตป่าทึบ เขาหันกลับไปมองอสูรตนนั้นก่อนจะพบว่ามันหยุดห่างออกไปสิบจั้ง และไม่กล้าเข้ามาในป่าทึบแห่งนี้
“บ้าเอ๊ย! เ้าตัวขี้ขลาด มากินข้าสิ ข้ากลัวจนตัวสั่นแล้ว!”
หนิงเทียนสาปแช่ง ขณะที่เ้าอสูรร้องคำราม แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
“ดูเหมือนจะใช้วิธีนี้ไม่ได้เช่นกัน” หนิงเทียนหดหู่ใจ
ในเมื่อไม่อาจบุกเข้าไปอย่างเข้มแข็งหรือยืมพลังผู้อื่นได้ ก็ทำได้เพียงถอยกลับก่อนไม่ใช่หรือ?
เขาเบือนหน้าหนีและใช้ทางอ้อมข้ามป่าทึบเดินลึกเข้าไปในพื้นที่สาธารณะ
...
หนึ่งชั่วยามต่อมา หลุมั์อันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นตรงหน้า มันมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสามพันจั้ง ลึกจนมองไม่เห็นก้น ชั้นหินใต้ดินถูกเผยออกมา ซี่งหินเ่าั้ล้วนแหลมราวคมมีด แง่งหินใต้ดินก่อตัวร้อยเรียง
หลุมั์ไม่ต่างจากเหวลึก ด้านล่างเต็มไปด้วยหมอกแปรปรวน นอกจากนี้ยังมีคลื่นผันผวนที่น่าสะพรึงกลัว และทำให้จิตใจของหนิงเทียนตื่นตระหนก
กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเริ่มเคลื่อนไหว ราวกับััได้ถึงของดีที่ซ่อนอยู่ด้านล่างหลุมั์
แต่สถานที่แห่งนี้น่ากลัวยิ่งกว่าหลุมลึกในป่าทึบก่อนหน้านี้ แม้หนิงเทียนจะยืนอยู่บนขอบหลุมและทำเพียงมองลงไป หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัวแล้ว
“เ้าสิ่งนี้ก่อตัวขึ้นได้อย่างไร? นี่คือจุดประสงค์ของสำนัก์ที่จัดชุมนุมล่าสัตว์ฤดูเหมันต์ครั้งนี้ขึ้นมาใช่หรือไม่?”
หนิงเทียนตระหนักรู้ถึงบางสิ่ง เขาเดินวนรอบหลุมั์เป็เวลาสองชั่วยาม ก่อนจะเดินลึกเข้าไปในพื้นที่สาธารณะต่อ
ครึ่งชั่วยามต่อมา ทะเลสาบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า พื้นที่ทะเลสาบมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่น้ำกลับเป็สีเขียวเข้ม โครงกระดูกอสูรบางส่วนผุดขึ้นจากกลางทะเลสาบ และบนกระดูกสีขาวหนาทึบก็มีเปลวเพลิงเริงระบำอยู่
ทะเลสาบแห่งนี้เงียบสงบและลึกลับ และน้ำสีเขียวเข้มดูหนาแน่นมาก
เมื่อหนิงเทียนอยู่ห่างเพียงไม่กี่จั้ง บงกชสีมรกตก็ััได้ถึงอันตรายและไม่กล้าเข้าใกล้
ทะเลสาบมีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายพันจั้ง หนิงเทียนเดินวนโดยรอบ ก่อนจะพบว่ามีอสูรมากมายในบริเวณใกล้เคียง เพียงแต่พวกมันหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้เป็ที่สุด
กระดูกอสูรในทะเลสาบนั้นหนาแน่นมาก เมื่อมองแวบแรกดูเหมือนจะเป็อสูรที่ทรงพลัง ไม่อาจรู้ได้เลยมันตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เมื่อก้าวไปข้างหน้าต่อไป ในที่สุดหนิงเทียนก็มาถึงจุดสิ้นสุดของพื้นที่สาธารณะซึ่งมีข้อจำกัด เขาสามารถมองเห็นูเาสูงตระหง่านในระยะไกล ซึ่งนั่นคือยอดเขาหมื่นอสูรที่แท้จริง
“สำนัก์อนุญาตให้ยอดฝีมือหยวนซิวเข้าร่วมได้ จุดสนใจอยู่ที่ทะเลสาบ หลุมั์ และหลุมลึก เหตุผลที่หยวนซิวเข้ามามีส่วนร่วมก็คงเพื่อสำรวจความลึกลับในหลุมั์เช่นกัน และการมีอยู่ของพื้นที่เขตหนึ่งและสองก็เพื่อปกป้องจื๋อซิวเท่านั้น เช่นนี้จะยังมีความลึกลับอื่นอยู่เื้ัอีกหรือไม่?”
หนิงเทียนวิเคราะห์อย่างถ้วนถี่ เขาเห็นทางเข้าเขตหนึ่งตอนขากลับ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้
“มีเวลาเก้าวัน ข้าต้องคิดหาวิธีลองดู ข้าไม่อาจเสียเวลาที่นี่อย่างไร้ค่าได้”
เมื่อผ่านหลุมั์ หนิงเทียนก็รีบวิ่งไปยังหลุมลึกในป่าทึบ ระหว่างทางเขาตกอยู่ในอันตรายหลายครั้ง ด้วยมีอสูรที่น่ากลัวคอยโจมตีมนุษย์
ทันใดนั้น ปราณกระบี่สายหนึ่งก็เฉือนผ่านห้วงอากาศ พุ่งเข้าหาหนิงเทียน
เขาเคลื่อนตัวหลบด้วยสายตาที่เ็าเล็กน้อย
“เ้าคือหนิงเทียนศิษย์ของสำนักร้อยบุปผาใช่หรือไม่?”
ชายชุดเขียวถือกระบี่เดินออกมาจากหลังต้นไม้ เขาอายุยี่สิบกลางๆ มีเงากระบี่สะท้อนอยู่ในดวงตา บนใบหน้ามีแววเยาะเย้ย ดวงตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“เ้าคือผู้ใด?” หนิงเทียนมีสีหน้าเ็า คงไม่มีผู้ใดมีความสุขหากถูกลอบโจมตี
“เซี่ยจินกวง ศิษย์หลักแห่งสำนักหานเทียน! ข้าได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเ้าสูงถึงหนึ่งแสนจิน แต่ข้าไม่เชื่อ ดังนั้น ข้าจึงมาลองพิสูจน์ด้วยตนเอง!”
สีหน้าของชายถือกระบี่ดูน่ากลัว ปากบอกว่าตนไม่เชื่อ ทว่าใจจริงกำลังคิดหาโอกาสสังหารหนิงเทียน
“สำนักหานเทียน! ฮ่าๆ!” หนิงเทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความเกลียดชังในดวงตาฉายแววขึ้นจนน่าประหลาดใจ
หากเขาเป็ศิษย์หยวนซิวสำนักอื่น บางทีเขาอาจ้าวัดความแข็งแกร่งของตนจริงๆ ซึ่งมีเพียงสำนักหานเทียนเท่านั้นที่มีจุดประสงค์ซ่อนเร้น
“เ้ารู้จักนางสุนัขตัวเมีย[1]ซูอวิ๋นหรือไม่?”
เซี่ยจินกวงตะคอกกลับ “โอหังนัก! ศิษย์น้องซูเป็อัจฉริยะที่สำนักหานเทียนของเรามุ่งเน้นในการเลี้ยงดู เ้ากล้าดีอย่างไรมาเรียกนางว่าสุนัขตัวเมีย? เ้าคนสมควรตาย!” เขาหมุนข้อมือแทงกระบี่ยาวออกมา
ปราณกระบี่เยือกแข็งพุ่งอย่างรวดเร็วราวกับงูหิมะ ทั้งยังแผ่กลิ่นอายเย็นเฉียบและพลังอันน่าทึ่ง
เมื่อมีการกล่าวถึงซูอวิ๋น ความเกลียดชังของหนิงเทียนก็ลุกโชน เขาหวังว่าจะกินนางสุนัขตัวเมียนั่นทั้งเป็
เมื่อเผชิญกับปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัว จิติญญาการต่อสู้ของหนิงเทียนก็ทะยานขึ้น เขาชกด้วยออกไปด้วยหมัดขวา การโจมตีอันทรงพลังนับแสนครั้งทำให้ห้วงอากาศแตกกระจาย ปราณกระบี่แหลกสลาย ศัตรูร่นถอยไปไกลหลายฉื่อ
“มีแค่การใช้กำลังอันดุร้าย ถึงขนาดกล้ามายังที่แห่งนี้ด้วยขอบเขตอันต่ำต้อย ข้าจะช่วยส่งเ้ากลับบ้านเก่าเอง!”
เซี่ยจินกวงไม่คิดปกปิดเจตนาสังหาร กระบี่ยาวในมือเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แสงกระบี่ข้างกายกลืนพลังิญญาฟ้าดิน ก่อนจะปลดปล่อยพลังโจมตีที่รุนแรงออกมา
หนิงเทียนใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์ หมัดของเขาเปล่งประกายด้วยแสงสีทอง เดือดดาลราวเปลวเพลิงที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้ผู้เทียบเทียม ซึ่งทำให้แขนของเซี่ยจินกวงชา และกระบี่ยาวในมือเริ่มสั่นเทา
“คิดต่อต้านอย่างดื้อรั้นหรือ? จงตายเสีย!” เซี่ยจินกวงคำราม
กระบี่ในมือของเขาสั่นะเืด้วยเสียงกึกก้อง เส้นลมปราณในร่างปลดปล่อยพลังแห่งสายเืออกมาอย่างรุนแรง ทั้งร่างทรงพลัง เสากระบี่หกแห่งปรากฏขึ้นรอบกาย ซึ่งบ่งบอกว่าเขามาถึงขอบเขตผนึกดาราขั้นหกแล้ว
หนิงเทียนััได้ถึงภัยคุกคาม เขาจึงใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ร่วมกับกายาสุวรรณะนิรันดร์เพื่อปลดปล่อยทะลวงพันชั้น ซึ่งเป็การโจมตีที่สามารถทำให้ศัตรูมึนงงได้
เกิดเสียงดังสนั่น ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ปราณกระบี่แผ่ขยายแตกสลายไปทุกทิศทาง มันบดขยี้เสื้อผ้าของหนิงเทียน และโจมตีเขาจนเกิดเสียงปะทะ
ปากแผลของเซี่ยจินกวงเปิดออก เืหยดลงพื้น เขาถอยไปสามก้าวแล้วส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
หนิงเทียนใบหน้ามืดมนและถอยไปไกลถึงสิบจั้ง พื้นโดยรอบแตกร้าว คลื่นกระแทกอันน่าสยดสยองทำให้เืในกายของเขาเดือดพล่าน
กายาสุวรรณะนิรันดร์เข้าสู่ระดับสี่แล้ว ร่างกายของเขาแข็งราวเหล็กกล้า ทั้งยังคงกระพันต่ออาวุธและะุ อย่างไรก็ตาม เขายังคงอยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองเท่านั้น ซึ่งมีช่องว่างระหว่างเขากับเซี่ยจินกวงสิบสามขอบเขต เป็ความแตกต่างที่มากจนน่าหวาดหวั่น
เยาเยาสั่นะเื แสงแห่งจิติญญาบนพื้นรวมตัวกัน แล้วก่อตัวเป็รูปแบบลึกลับ ก่อนจะดูดหนิงเทียนเข้าไป
ครู่ต่อมาหนิงเทียนปรากฏตัวห่างออกไปสองร้อยลี้ นี่คือทักษะโดยกำเนิดของทหาริญญาเยาเยา
“ทิ้งชีวิตสุนัขของเ้าเสีย! วันนี้เ้าต้องตาย!” เซี่ยจินกวงคำรามด้วยความโกรธ และไล่ล่าหนิงเทียนพร้อมปล่อยปราณกระบี่
หนิงเทียนคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แม้จะไม่เต็มใจแต่เขาจำเป็ต้องหลบหนี
การเผชิญหน้ากับศัตรูในขอบเขตผนึกดาราขั้นหกไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ หากอยากสู้ก็ต้องสู้อย่างชาญฉลาดเท่านั้น
หนิงเทียนหยิบธนูจันทรามรกตออกมาแล้วมุ่งหน้าไปทางป่าทึบ ก่อนหันมองเซี่ยจินกวงที่ไล่ตามด้วยความเร็วสูง ประกายแสงเย็นเยียบฉายแววในดวงตาทันที
หนิงเทียนถือคันธนูในมือซ้ายและดึงสายธนูด้วยมือขวา เมื่อเขาเรียกใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ เส้นลมปราณใหญ่สองเส้นในร่างก็สั่นะเืและส่งเสียงคำราม แผนที่จิติญญาม้วนตัว พร้อมปล่อยพลังงานลึกลับออกมา
บงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวหยั่งรากลงดิน เขายึดครองป่าทั้งหมดด้วยพลังจากยุทธศาสตร์ครอง์ และนำพลังของพฤกษาอสูรเข้าสู่คันธนูจันทรามรกต
ขนาดของคันธนูเพิ่มขึ้นเป็สองเท่าพร้อมเปล่งแสงสีเขียว ปลายด้านหนึ่งฝังอยู่ในดิน โดยมีใบไม้เขียวขจีงอกออกมาจากปลายอีกด้าน
ดวงตาของหนิงเทียนสว่างราวคบเพลิง เขาเล็งไปยังศัตรูที่แข็งแกร่ง ่เวลาที่เซี่ยจินกวงทะยานมาในป่า สายธนูในมือของเขาสั่นไหว ลูกศรพุ่งเข้าทะลุเมฆา เขาเลือก่เวลาที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน
ลูกศรไม้สีเขียวทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ มันเล็งไปยังหัวใจของเซี่ยจินกวงจนเขาหลบหลีกไม่ทัน
เซี่ยจินกวงคำรามอย่างโกรธเคือง เขาดันกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วพยายามออกแรงผลัก ทว่ากระบี่ของเขากลับหักพร้อมเสียงที่คมชัด จากนั้นเขาก็กระเด็นไปด้านหลังพร้อมเสียงกรีดร้อง
---------------------------------------
[1] สุนัขตัวเมีย (小贱人) เป็คำด่าที่ใช้เรียกหญิงสาว แปลว่า ผู้หญิงชั้นต่ำหรือผู้หญิงที่เลวร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้