ทุกคนชลมุนวุ่นวายวิ่งกันไปมาทะลุผ่านตัวเ้าวั่งซูไป องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่ง์ เรียกประชุมรวม เหล่าทวยเทพเทวดา และบรรดาเซียนเพื่อแก้วิกฤตที่เกิดขึ้น เื่ราวความวิปริตของธรรมชาติไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ภพภูมิมนุษย์ แต่เป็อีกสองภพต้นกำเนิดขององค์ชายและเผ่าพันธุ์ั ภพ์ และ ภพเดรัจฉาน ทั้งสองภพต่างได้รับแรงกระเพื่อมจากการแตกสลายขององค์ชายแห่งัผู้ควบคุมกระแสน้ำทั้งสามภพ เ้าวั่งซูรีบเดินตามเหล่าทวยเทพเซียนไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ประชุม เหล่าเทพเซียนมากมายเข้าแถวยืนเป็ระเบียบ สักพักองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีแห่ง์ก็เสด็จออกมา
“ตัวจริงก็ยังหนุ่มสาวนะเนี๊ยะ ทำไมพวกเทพเซียนนี่ไม่รู้จักแก่ คงกินท้อพันปีกัน จนต้นนั้นโตออกลูกออกผลไม่ทัน” เ้าวั่งซูคิด
“องค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินีขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี” เหล่าทวยเทพเซียนประสานเสียงกล่าวสรรเสริญ
“วันนี้ มีผู้ให้เกียรติเข้าร่วมประชุมกับพวกเรา ท่านผู้ปกปักภพเดรัจฉานและผู้นำจิติญญาแห่งเหล่าสรรพสัตว์
“ฉีเทียนลู่” ฉีเทียนลู่เ้าแห่งภพเดรัจฉานนั่นมีรูปร่างเป็กวางสง่างาม ว่ากันว่าปกติอยู่ที่ภพเดรัจฉานร่างกายใหญ่โตสูงเทียมฟ้ากว่าครึ่งูเา ท่านคือจิติญญาแห่งสรรพสัตว์ กายร่างเป็สีขาวโปร่งแสงสว่าง ตากวางยาวสวยงามในตาดำขลับลึกลับทรงพลัง เขาโค้งแผ่กว้างสูงและมีกิ่งก้านสาขาแตกแขนงมากมายเหมือนมงกุฎขนาดใหญ่บนหัว เดินสง่างามเข้ามาแหวกกลางโถง ด้วยร่างกายที่ถูกย่อลงให้เหลือขนาดที่เหมาะสมกับสถานที่ สี่เท้าก้าวย่างเดินขึ้นบันได ไปนั่งลงบนตั่งทองคำที่ถูกเตรียมไว้ ข้างๆ ที่ประทับองค์จักรพรรดิและองค์จักรพรรดินี
“นั่นคือ! ฉีเทียนลู่! หรอ ผู้นำแห่งภพเดรัจฉานหรอ เคยได้ยินแต่ชื่อ ตัวจริงเป็กวางหรอเนี๊ยะ แต่ตัวสว่างวาบเลย”
“ยินดีและรู้สึกเป็เกียรติที่ท่านฉีเทียนลู่สละเวลามาเยือนภพ์ของเราในวันนี้ เพื่อหารือเื่สำคัญ และหาแนวทางแก้ปัญหา” องค์จักรพรรดิกล่าวทักทายฉีเทียนลู่
“รู้สึกยินดี และเป็เกียรติเช่นกัน เรามาเริ่มเลยเถิด ตอนนี้สถานะการณ์ภพเดรัจฉานนั้น ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเงามืด แม่น้ำลำธาร หนองบึง ทะเล และมหาสมุทรล้วนเจือไปด้วยสีแดงจากน้ำตาั คลื่นลมในน้ำแปรปรวน และดูดกินทุกสรรพชีวิต” ฉีเทียนลู่ลุกขึ้นยืนและเริ่มเล่าสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดบนภพเดรัจฉาน ด้วยเสียงสงบแต่ก้องกังวาน โดยที่ปากนั้นไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“แล้วพวกสหายที่อยู่ในน้ำหล่ะ พวกเค้าเป็อย่างไรบ้าง” องค์จักรพรรดินีตรัสถามเพิ่ม
“โดยปกติแล้วพวกสหายในน้ำนั้นสามารถปรับตัว บ้างก็โดนคลื่นดูดกลืน บ้างก็ยังสามารถอยู่ในน้ำสีเืนั่นได้ และอีกบางส่วนก็สามารถขึ้นมาหลบภัยบนบกได้ชั่วครู่ชั่วคราว แต่น้ำตาเืแห่งันั้นแปลก น้ำตานี้มีพลังจักรากล้าแกร่งยิ่งนัก สหายบางคนสีร่างกายเริ่มเปลี่ยน บางคนหงุดหงิดและไม่สามารถทนอยู่ได้ บ้างก็ซึมไร้พลัง และหลั่งน้ำตาเืเฉกเช่นองค์ชายั” ฉีเทียนลู่เล่ากังวล
“รายงานสถานการณ์ ท่านเทพทั้งสิบสองสมุทร” องค์จักรพรรดิเอ่ยถาม
“ทะเลทางใต้คือจุดริ่มต้นของความแปรปรวนผู้คนต่างไร้อาหาร สเบียง น้ำอาหารเริ่มร่อยหรอ อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน” ทอผู่เซียน (เซียนแห่งทะเลทางใต้) รายงานสถานการณ์อันเลวร้ายของทะเลทางใต้
“เมื่ออาทิตย์ที่แล้วความวิปริตแผ่ผ่านทะเลตะวันตก และ ตะวันออกทุก ที่ถูกกลืนกิน และเริ่มมีซากสิ่งมีชีวิตลอยขึ้นมาเพราะไอพิษั” หลางเซ่อเซียนและหลูหลินเซียน (เซียนทางทะเลตะวันออกและตะวันตก)
“ตอนนี้ภาวะน้ำทะสีเื และ เหล่าสัตว์น้ำตายเริ่มแผ่เข้าสู่ทะเลทางเหนือ อีกไม่ถึงสัปดาห์ก็คงถึงชายฝั่ง และคงเริ่มขยายวงขึ้นแหล่งน้ำบนผืนบก” โพถ่อเซียน (เซียนแห่งทะเลเหนือ)
แปดเซียนแห่งทะเลฤดูกาลเดินขึ้นหน้าพระพักตร์ต์ และ เริ่มรายงานด้วยสีหน้าสิ้นหวังและเคร่งเครียด “ผ่านมาร่วมเดือนทะเลฝน ทะเลลม ทะเลแดด ทะเลหมอก ทะเลน้ำค้าง ทะเลเหือดแห้ง ทะเลโลกันตร์ ทะเลลูกเห็บ ทุกห้วงทะเล ล้วนโดนน้ำตา และไอพิษจากองค์ชายักลืนกิน ไอพิษสีน้ำเงินทำให้ขาดอากาศ และ น้ำตาสีเืนั่นทำให้ สิ่งมีชีวิตในทะเลและพืชล้มตายกันถ้วนหน้า และ อีกทั้งในทะเลก็ปั่นป่วนคลื่นลมดูดกลืนชีวิต ตอนนี้ในทะเลนั้นเหมือนนรกที่ดูดกลืนทุกสิ่งลงไป”
“ข้า ช่างตงเหลาเทพเ้าสายฟ้า หยูหย่งอี้เทพเ้าพายุ เหวยซีซ่งเทพเ้าสายฝน ข้าน้อยทั้งสามไม่อาจควบคุมหรือหยุดอะไรได้เลย พลังขององค์ชายัแข็งแกร่ง และกินบริเวณทั้งหมด พายุฟ้าฝนตกผิดเพี้ยนทุกอาณาบริเวณ”
“แล้วตอนนี้ องค์ชายฮวาเฟยฟา เป็ยังไงบ้าง” จักรพรรดินีแห่ง์ตรัสถาม เทพแห่งแสงอาทิตย์ และ เทพธิดาแห่งั
“ตอนนี้ลูกกระหม่อมยังหลับไหลไม่ได้สติ ลูกแก้วัจิติญญาประจำตัวลอยเปล่งแสงอ่อนแรงยู่เหนือร่างกาย ไม่กลับเข้าพิทักษ์ภายในเหมือนอย่างเคย เกล็ดัสีฟ้าขาวเริ่มตายซีดและหลุดร่อน น้ำตาเืยังหลั่งไม่ขาดสาย ข้ากระหม่อมก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร ไร้การตอบรับ เหมือนไม่มีชีวิตอยู่ด้านใน” เทพแห่งแสงอาทิตย์ตอบพร้อมน้ำตาเอ่อในดวงตา
“แล้วท่านหล่ะ เทพธิดาฮวาสี่เอ๋อ (ธิดาัมารดาฮวาเฟยฟา) ท่านมีข้อแนะนำในการหยุดพลังจักราของลูกชายเ้าไม๊” องค์จักรพรรดินีตรัสถามผู้เป็แม่
“ปกติั จะหลั่งน้ำตา สละดวงจิตออกจากร่าง รวมถึงคืนสู่ร่างต้นกำเนิดคือั ก็ต่อเมื่อพวกเราถึงอายุขัยที่ต้องดับสูญ หรือ จะมีัที่สืบสายรุ่นต่อไปถือกำเนิดก็เป็ธรรมเนียมที่จะสละร่าง และ ส่งต่อเขี้ยวและดวงจิตก่อนเข้าสู่การหลับนิรันดร์ ณ “กระบี่สุสานั” แต่ในกรณีนี้ยังไม่ถึงเวลาถือกำเนิดใหม่ของั ข้าคิดว่าเวลาของลูกชายข้ายังไม่หมด ข้าคิดว่าเค้าต้องหาทางกลับออกมาและฟื้นขึ้นมาเองให้ได้ มีเค้าคนเดียวที่จะสามารถต่อสู้กับความแตกสลายเ็ปและก้าวข้ามมัน เมื่อนั้นร่างเค้าก็ฟื้นคืนกลับ เพราะเพลานี้ยังไม่ถึงเวลาดับสูญของเค้า” เทพธิดาัใบหน้างามเสียงไพเราะผู้เป็แม่พูดอย่างหนักแน่น มีเหตุผล และอ่อนโยน แต่เศร้าในดวงตาเมื่อนึกถึงชะตากรรมอันโหดร้ายนี้ที่ลูกชายต้องพบเจอ”
“ในเมื่อทางเดียวคือ รอลูกชายท่านตื่นแบบมีสติทุกอย่างถึงกลับเป็ปกติ แต่การหลับและการตื่นของลูกชายท่านในตอนนี้มีแต่สร้างแรงกระแทก และ ความเสียหาย อีกทั้งหลายดวงิญญาต้องดับสูญลง ท่านทั้งสองต้องหาทางแก้หรือหยุดเหตุการณ์นี้ให้ผลกระทบนี้น้อยลงหรือหยุดชั่วขณะ แล้วคนอื่นๆ หล่ะมีวิธีไหนเสนอไม๊” องค์จักรพรรดิแห่ง์ร้อนใจลุกขึ้นะโบอกเทพแห่งดวงอาทิตย์ และ ธิดาัให้หาทางหยุดวิกฤตนี้ให้ได้ รวมถึงถามเทพเซียนคนอื่นถึงทางเลือกที่เป็ไปได้
“หยุดชั่วขณะหรอ งั้นข้าก็นึกทางออกแล้วมีอยู่ทางหนึ่ง ที่จะทำให้หายนะนี้หยุดลง” เทพธิดาหยางสี่เอ๋อกล่าว
“ยังไง เ้ารีบว่ามา สี่เอ๋อ” จักรพรรดินีรีบถาม
“เราต้องทำให้ ร่างกำเนิดของลูกข้า เข้าสู่การจำศีลสุตตะ (จำศีลลึก) ถ้าวิธีนี้ ร่างกาย และ จิติญญาจะไม่ถูกทำลาย และ อำนาจอื่นๆ และพลังจักราที่เกี่ยวเนื่องกับการเกิดวิปริตแห่งธรรมชาติก็จะหยุดลงด้วย เผ่าพันธุ์ัแบบเราเมื่อเข้าสู่การจำศีล ดวงจิตจะสงบนิ่งทำสมาธิญาณและจะฟื้นพลังในนั้น จนเมื่อเราตื่นอีกครั้ง และเมื่อชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาเชื่อมรวมกันเป็หนึ่งเดียว เราก็จะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
“แล้วจะทำยังงัยให้ลูกชายท่านจำศีล เพราะตอนนี้เค้าก็หลับอยู่หนิ” เทพซงขุย แทพแห่งาหันมาถามเทพธิดาหยางสี่เอ๋อ
“ต้องหาความทรงจำที่มีค่าที่สุดมาให้เค้า และใช้มนต์กักขัง และ สะกดให้ดวงจิตวิ่งอยู่ในความทรงจำนั้น” เทพธิดาสี่เอ๋อเอ่ยหนักใจ
“ความทรงจำที่มีค่าที่สุด และมันคืออะไรอยู่ที่ไหน พวกเราจะรู้ได้ยังไงกัน” องค์จักรพรรดิถามหนักอึ้งในใจ
“ถ้าเริ่มมองหาจากสาเหตุที่ทำให้องค์ชายแห่งัอยู่ในสภาพนี้ ข้าคิดว่าข้าพอจะหาความทรงจำนั้นเจอได้ไม่ยาก” เทพธิดาสี่เอ๋อหันมองตาเทพพระอาทิตย์แบบรู้กัน