แม้นางจะเป็ผู้พลังอันล้ำลึก เยือกเย็นพอจะแช่แข็งโลกทั้งใบ…แต่ในยามนี้ ไป๋เสวี่ยหรง กลับต้องเผชิญกับปัญหาอันพื้นฐานที่สุดของโลกมนุษย์นั่นก็คือเงิน นางหยิบถุงผ้าขนาดเล็กออกมาจากเสื้อพลิกเปิดออกก่อนจะเทเหรียญจำนวนน้อยนิดลงบนฝ่ามือเสียง “กริ๊ง” เบา ๆ ดังขึ้น แต่ฟังดู… เงียบงันอย่างน่าใจหาย
นับรวมทั้งหมด ก็ยังไม่เพียงพอแม้แต่จะเช่าห้องพักในโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ได้หนึ่งคืนไม่ต้องพูดถึงค่าอาหาร หรือวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถหรือสร้างอาวุธนับประสาอะไรกับการเข้าร่วมประมูลของล้ำค่า หรือซื้อข้อมูลข่าวสารในเมืองหลวง
ไป๋เสวี่ยหรงถอนหายใจอย่างเงียบงัน
“มีพลังมากมายมหาศาล… แต่กลับไม่มีเงินพอจะซื้อซาลาเปาร้อน ๆ ได้สักลูก”นางคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่ายปนขำ แม้นางจะมีพลังเพียงพอที่จะยึดทุกอย่างได้ด้วยกำลังแต่สำหรับนางแล้วเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้เหนือกว่าทุกสิ่ง… ไม่จำเป็ต้องแลกกับเศษเงินจากการข่มเหงผู้อื่นสิ่งที่นาง้าไม่ใช่เพียงเงินแต่คือ เส้นทางที่นางจะก้าวเข้าสู่โลกภายนอกอย่างสง่างามในแบบของนางเอง ยามที่ขุนเขาเยือกแข็งเคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองใหญ่ย่อมไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่า... คลื่นพายุลูกใหม่กำลังจะเริ่มต้นจาก หญิงสาวที่แทบไม่มีเงินติดตัว คนนี้
ทันทีที่ ไป๋เสวี่ยหรง ก้าวเท้าเข้าสู่เขตประตูเมืองหลวงสายตาของนางที่เยือกเย็นมั่นคงมาตลอดทางกลับ สั่นไหวเล็กน้อย ราวกับจิตใจสะดุดกับบางสิ่งที่ยากจะกล่าวออกมาเบื้องหน้าคือเมืองหลวงอันกว้างใหญ่โอ่อ่ากำแพงสูงตระหง่านทอดยาวสุดสายตาผู้คนหลั่งไหลเข้าออกไม่ขาดสายเสียงกลองประจำยามดังแว่ว เสียงล้อเกวียน เสียงแม่ค้าขายของประสานกันกลายเป็เสียงชีวิตที่คึกคักกลิ่นเครื่องเทศจากโรงน้ำชาเสียงเคาะเหล็กจากโรงตีอาวุธเสียงหัวเราะของเด็กน้อยที่วิ่งไล่กันไปตามตรอกหินทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...เหมือนดั่งวันวานเมื่อกาลก่อน ที่นางเคยยืนอยู่ตรงนี้
แม้เวลาจะหมุนผ่านไปนับสิบปี...แต่กลิ่นอายของเมืองนี้… ยังคงอบอวลไม่เปลี่ยน แววตาของนางทอดมองไกลออกไปร้านค้าเดิมบางแห่งได้หายไปแล้วโรงเตี๊ยมที่เคยรุ่งเรืองกลายเป็ร้านขายเครื่องประดับราคาถูกผู้คนที่เคยคุ้นตา ล้วนหายไปแต่ก็มีร้านใหม่ ผู้คนใหม่ กำลังเติมเต็มความคึกคักที่ไม่เคยจางแม้นางจะอยู่ในร่างของหญิงสาววัย 20 ปีผิวพรรณนวลเนียน รอยยิ้มอ่อนบาง ดวงตาสงบนิ่งแต่ภายในดวงจิตของนางคือดั่ง ท้องทะเลน้ำแข็งพันปีที่เคยผ่านพายุรุนแรงที่สุดมาแล้ว และยังคงไม่แตกสลาย
ไป๋เสวี่ยหรง เดินช้า ๆ ผ่านประตูเมืองไม่เร่งรีบ แต่เปี่ยมด้วยอำนาจที่มองไม่เห็นฝีเท้าของนางไม่มีใครสังเกตแต่ผู้คนที่เดินสวนทางกลับ หันไปมองนางโดยไม่รู้ตัว ราวกับแรงดึงดูดบางอย่างที่สะกดิญญานางยังไม่รู้ว่า…ขณะนี้เอง การปรากฏตัวของนางได้สั่นคลอนดวงชะตาของเมืองหลวงไปแล้วหนึ่งส่วน
ภายใต้เสียงจอแจของตลาดกลางเมืองหลวงกลิ่นเครื่องเทศและเสียงต่อราคาสินค้าคละคลุ้งอยู่ในอากาศไป๋เสวี่ยหรง เดินทอดน่องอย่างไม่เร่งรีบปล่อยให้สายตากวาดมองรอบด้านทั้งผู้คน ทั้งบรรยากาศ ทั้งร้านรวงที่ตั้งเรียงราย
แต่แล้ว...
"อืม..." แววตาของนางพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เกือบลืมไป… ข้ายังมีสิ่งของ 'ล้ำค่า' อยู่นี่นา”
นางเอื้อมมือเข้าไปในแขนเสื้อ หยิบถุงผ้าเล็กสีเทาเข้มออกมาจากมิติพกพาแสงเย็นวาบเบา ๆ ราวกับกลิ่นอายแห่งความตายแทรกซึมออกมาจากภายในถุงในนั้นคือชิ้นส่วนสำคัญของ “จักรพรรดิแมงมุมอสูร” สัตว์อสูรระดับตำนานที่แม้แต่ยอดฝีมือยังหลีกเลี่ยงกรงเล็บซ้ายของมันต่อมน้ำพิษเส้นใยิญญาและแกนกลางพลังอสูรขนาดเท่ากำปั้น...
"ข้าคงต้องเริ่มต้นหาโรงประมูล… หรือร้านประเมินของล้ำค่าเสียแล้ว" สายตาของไป๋เสวี่ยหรงเริ่มมองหาจุดหมายไม่ใช่ร้านค้าทั่วไปที่วางสมุนไพร หรือผ้าไหมธรรมดาแต่เป็สถานที่ที่ผู้มีอำนาจใช้แลกเปลี่ยนสมบัติล้ำค่าที่ซึ่งเงินทองสะพัด และข่าวลือคือสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่าอาวุธโรงประมูลหลักของเมืองหลวง
โรงประมูลแห่งนี้ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางย่านการค้าชั้นสูงของเมืองหลวง อาคารสูงเจ็ดชั้นสร้างจากหินิญญาดำล้วน แวววาวดั่งอัญมณีในยามต้องแสง กลิ่นอายของพลังสะท้อนอยู่ในอากาศรอบบริเวณ แม้เพียงแค่ยืนใกล้ ๆ ก็ััได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่แฝงอยู่ในรากฐาน ภายในห้องนิทรรศการลับ ชั้นลึกสุดของโรงประมูลซากร่างของ จักรพรรดิแมงมุมอสูร ถูกแช่แข็งอยู่ภายในโดมน้ำแข็งิญญาขนาดใหญ่เปล่งประกายสีเงินอ่อนดุจดวงจันทร์ที่ถูกจองจำตลอดกาล
ร่างอสูรั์นั้นยังคงความน่าเกรงขามแม้มันไร้ชีวิตแม้เวลาจะผ่านไปถึง 5 ปีแม้ผู้คนจะไม่สามารถััปราณจากมันได้อีกแล้วแต่เพียงแค่มองหัวใจของผู้ฝึกตนหลายคนยังสะท้านแต่… หากสังเกตอย่างละเอียดชิ้นส่วนสำคัญของมัน หายไป ทั้งหมด กรงเล็บหลักที่สามารถฉีกเกราะิญญาระดับสูง ต่อมน้ำพิษที่เชื่อกันว่าหลอมโอสถได้ระดับ์ แกนกลางิญญาอสูรที่อัดแน่นด้วยปราณพันปีใยิญญาที่ไร้ผู้ใดลอกเลียนได้
เ้าโรงประมูล คือชายวัยกลางคน ดวงตาคมเฉียบ สีหน้าเ็าอยู่เป็นิจแต่ยามเขาเดินผ่านซากร่างอสูรนี้ สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป “ช่างน่าเสียดาย... หากได้ชิ้นส่วนเ่าั้มาด้วย ราคาจะสามารถะเืทั้งแผ่นดินได้” เขาเคยเชื่อมาโดยตลอดว่าผู้ที่สามารถสยบอสูรในตำนานนี้ได้คือ ฉินเยว่หาน เซียนน้ำแข็งในยุคปัจจุบัน.
"พลังเยือกแข็งระดับนั้น ทั้งยังคงสภาพศพได้สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครอื่น... ไม่มีทาง"จนกระทั่งวันนี้...ขณะที่เขากำลังเดินตรวจสอบระบบพลังปราณรอบโดมน้ำแข็งพลังเย็นเยียบชนิดหนึ่ง… ที่แหลมคมและลึกซึ้งยิ่งกว่า จู่ ๆ ก็ไหลเข้ามาในขอบเขตรับรู้ของเขาไม่ใช่พลังเยือกแข็งธรรมดาแต่มันมีระดับความเสถียรที่ลึกล้ำเกินขอบเขตของเซียนเยว่หานเสียด้วยซ้ำ
“...ใครกัน?” ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนเขาหันตัวออกจากชั้นลึก เดินขึ้นอย่างเร่งรีบก้าวเท้าฉับไว ราวกับจิตััของเขากำลังถูกกระชาก“ข้าอาจ… จะได้พบเ้าของชิ้นส่วนที่ขาดหายไปเสียที”
เบื้องหน้าของโรงประมูลหญิงสาวในชุดเรียบง่าย สะพายถุงผ้าสีซีด เดินทอดเท้าเข้ามาอย่างสงบนิ่งรูปลักษณ์ของนางนั้นงดงามและดูสูงส่งไม่เพียงแค่นั้นเมื่อผู้ฝึกตนระดับสูงคนใดมองนาง...พวกเขาจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างเย็นะเื... ลึกล้ำ... และน่าหวาดหวั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
และในวินาทีนั้นเองเ้าโรงประมูลก็หยุดอยู่ตรงบันไดดวงตาของเขาเบิกโพลง จับจ้องไปยังหญิงสาวผู้นั้นอย่างไม่กะพริบ"นาง... นางคือคนที่ตัดชิ้นส่วนนั้นไป...!"ไม่ใช่เพราะพลังของนางเพียงอย่างเดียวแต่เป็...กลิ่นอายของ "แกนพลังอสูรจักรพรรดิ" ที่นางพกติดตัวมาด้วยมันประทับอยู่ในพลังของนางแหล่งเดียวกับซากศพเบื้องล่าง ไม่มีผิดเพี้ยน
“เชิญคุณหนูเข้าด้านใน...” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเปลี่ยนไปเป็สุภาพลึกแววตาฉายความเคารพและความตื่นตระหนกเพราะเขารู้ดี…คนที่กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าของเขานี้ ไม่ใช่แค่ ‘เ้าของชิ้นส่วน’ เท่านั้นแต่คือ ตัวตนที่สามารถโค่นจักรพรรดิอสูรได้เพียงลำพัง
ภายในห้องรับรองพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินิญญาระดับสูง ผนังทั้งสี่ด้านถูกล้อมด้วยม่านพลังกันเสียงและพลังตรวจจับทุกรูปแบบ แสงเทียนส่องแ่เบาให้บรรยากาศขึงขังและสงบสุขอย่างที่สุดแต่ในเวลานี้ความสงบเ่าั้กลับถูก แรงกดดันบางอย่าง กลืนกินไปจนหมดสิ้น
เ้าของโรงประมูล คือชายวัยกลางคนที่ผ่านการพบเจอเหล่าขุนพล ราชสำนัก เซียนผู้ฝึกตนจากทั่วทุกแคว้นมานับไม่ถ้วนเคยยืนอยู่ต่อหน้าจักรพรรดิผู้กุมอำนาจครึ่งแผ่นดินแต่ในวันนี้…
มือของเขากลับสั่นเทา… ไม่ใช่ด้วยความเครียด แต่ด้วยความกลัว ที่แทรกซึมลงในกระดูกเบื้องหน้าของเขาคือหญิงสาวร่างบางในชุดเรียบง่ายไร้เครื่องประดับ…ไร้บ่าวรับใช้…ไร้ตราสัญลักษณ์ตระกูลใด ๆ
แต่รูปลักษณ์ของนางกลับโดดเด่นเกินคำว่า สามัญ ผิวพรรณงดงามประหนึ่งหยาดน้ำค้างในฤดูหนาวดวงตาคู่นั้น… เยือกเย็นสงบแต่ลึกเกินหยั่งการเคลื่อนไหวทุกก้าวของนางราบเรียบ ดั่งลมหนาวที่ไร้เสียงแต่กลับบีบหัวใจของผู้มองให้สั่นสะท้านอย่างประหลาด
เ้าของโรงประมูลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากภายในใจเขาโหมกระหน่ำไปด้วยความคิดที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยออกมา
“นาง… นี่มันไม่ใช่เพียงแค่ผู้มากฝีมือ...นี่มันคือ เซียนเยือกแข็งที่แท้จริง…” พลังงานที่แผ่ออกมาจากร่างของนางแม้เพียงเบาบาง แต่กลับ บริสุทธิ์และคมกริบเหมือนผลึกน้ำแข็งที่ถูกสลักมาเป็หมื่นปีปราณเยือกแข็งที่แฝงในอากาศรอบตัวนาง… บริสุทธิ์จนแทบจะขาวสะอาดเกินขอบเขตธรรมดาของผู้ฝึกตนใด ๆ
“เป็ไปไม่ได้… พลังเยือกแข็งของเซียนเยว่หานยังไม่ถึงเพียงนี้หรือว่า...นางเป็ปีศาจเฒ่าที่หลบซ่อนอยู่ในร่างเด็กสาว?”
เขายิ่งเพ่งมอง สีหน้าเยือกเย็นของนางก็ดูเหมือนจะแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยเป็รอยยิ้มบางเบา… แต่เปี่ยมไปด้วยความ เหนือชั้นราวผู้มองโลกมานับร้อยปีชายผู้เป็เ้าของโรงประมูลก้มศีรษะลงอย่างช้า ๆ ดวงจิตของเขาสั่นสะท้านด้วยความเคารพอย่างแท้จริงนางคือผู้ที่สามารถกำราบ จักรพรรดิแมงมุมอสูร ได้ด้วยตนเองและตอนนี้ นางมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยตนเอง… พร้อมด้วย ชิ้นส่วนที่หายไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้