แต่ภายในตัวของไอ้สวะนี่ยังมีพลังสีดำอันชั่วร้ายอีกส่วนหนึ่งที่มันยังเก็บซ่อนเอาไว้อยู่จนถึงขนาดนี้แล้ว ไอ้ชั่วนั่นมันยังเก็บไพ่ตายเอาไว้อยู่อีก
แต่ไม่เป็ไร!
ไม่ว่ามันจะมีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่ก็ตามหลินหยางก็พร้อมที่จะเหยียบย่ำมันทิ้งโดยไม่หวั่นเกรง!
ฟู่
หลังจากจัดการศัตรูไปได้สามคนแล้วพอเขาหันหลังกลับมาดูก็พบว่าซ่างกวันหงได้หายไปแล้ว
ชายชราผู้แก่ประสบการณ์ท่านนี้มองออกถึงความสามารถอันน่าหวาดกลัวของหลินหยางแล้วจึงรีบหลบหนีออกไปจากพระตำหนักั้แ่เมื่อก่อนหน้านี้แล้ว
ว่ากันตามตรงแล้วซ่างกวันหงเองก็รู้สึกใในพลังของหลินหยางอยู่ไม่น้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาตระกูลซ่างกวันจะยอมแพ้แค่นี้
เขาที่เป็ถึงอสูรอัคคีตัวตนที่ถูกเรียกว่าเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปชี่อู่ มีหรือที่จะไม่มีไพ่ตายเก็บไว้ใช้
เพียงแต่กับศัตรูที่มีพลังอันแข็งแกร่งสะท้านฟ้าอย่างหลินหยางนั้นเขาจำเป็ต้องร่วมมือกับหลินไป๋ชวนถึงจะสามารถทำให้ไพ่ตายที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้นั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด
หลังจากที่ซ่างกวันหงล่าถอยไปแล้วภายในพระตำหนักยงเหอก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
ด้านหลังของหลินหยางตอนนี้มีเสียงแสดงความยินดีของคนกลุ่มหนึ่งดังขึ้นโดยมีเวินเทาเป็คนเริ่มเพียงแต่หลินหยางรู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการต่อสู้ครั้งนี้
“พวกเ้ารออยู่ข้างในไม่ต้องออกมา”
เขาเหลียวหลังกลับมาบอกก่อนหนึ่งคำ
อืม อืม อืม
เหล่าคนที่อยู่ด้านในพระตำหนักทุกคนก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยไปตามๆกัน เชื่อฟังคำสั่งอย่างว่าง่ายคล้ายกับลูกหมาน้อยก็ไม่ปาน
แต่นั่นก็เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ในสถานการณ์ที่วิกฤตแบบนี้ผู้ที่เป็ดั่งวีรบุรุษอย่างหลินหยางนั้นย่อมต้องมีบรรยากาศที่น่าเคารพมากพอที่จะทำให้ผู้อื่นยอมเชื่อฟังได้โดยง่ายอยู่แล้ว
พอกล่าวจบก็พุ่งออกไปทันที
เหล่าคนของตระกูลเวินและขุนนางทั้งหมดก็พากันมายืนอออยู่ที่หน้าประตูเพื่อยืนดูหลินหยางแสดงอิทธิฤทธิ์จากด้านในอย่างว่าง่าย
และแน่นอนว่าองค์จักรพรรดิหลินเฮ่ายวนที่เงียบมาตลอดก็เดินตามมาดูด้วยเช่นกันแต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบจนดูไม่ออกว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังรู้สึกอย่างไรอยู่
ด้านนอกพระตำหนักนั่น
เหล่าอำนาจมืดกลับมาตั้งหลักได้ใหม่อีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้แตกต่างจาก่ก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
เหล่านักฆ่าในชุดดำที่ก่อนหน้านั้นดูหยิ่งผยองได้ใจสุดขีดนั้นบัดนี้กลับดูหน้าบูดหน้าเสียกันทุกคน
ซึ่งแต่ละคนตอนนี้ล้วนมีสภาพที่ค่อนข้างยับเยินผมเผ้ารุงรัง เืกบเต็มปาก
ส่วนเฉินเฉาเกอนั่นยิ่งหนักเข้าไปใหญ่บนหน้าของเขามีรอยเท้าขนาดใหญ่ประทับอยู่เต็มหน้า เืกำเดาไหลเต็มจมูก เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมด
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น
หลินหยางค่อยๆ เดินไปหาศัตรูพร้อมกับดาบในมือเพียงคนเดียว
ท่าทางและบรรยากาศของเขานั้นดูองอาจและน่าเกรงขามราวกับเ้าชายขี่ม้าขาวที่กำลังเผชิญหน้ากับพวกโจรป่าอยู่ก็ไม่ปาน
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าแผนการสังหารโหดที่ยอดฝีมือระดับสูงอย่างซ่างกวันหงและหลินไป๋ชวนวางเอาไว้นั้นจะถูกหลินหยางเพียงคนเดียวขัดขวางจนพังเละเทะไม่เป็ท่าแบบนี้
คราวนี้ ทั้งซ่างกวันหง หลินไป๋ชวนและเฉินเฉาเกอล้วนอารมณ์เสียกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนแทบบ้าไปแล้ว
หลินไป๋ชวนกัดฟันะโใส่หลินหยางว่า “หลินอี้ ไม่คิดเลยว่าเ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้!”
หลินหยางตอบกลับอย่างเ็าว่า “ธรรมะย่อมชนะอธรรม พวกเ้าดูถูกกฎแห่ง์มากเกินไป...”
ซ่างกวันหงได้ยินเข้าก็โมโหจนกล้ามเนื้อทุกส่วนของใบหน้าล้วนสั่นกระตุกลูกตาเบิกโต มีควันพุ่งออกมาจากในจมูก
“หลินอี้ เ้าอย่าโอหังให้มากนักเ้าคงไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังจะชนะแล้วหรอกนะ? หึข้าจะทำให้เ้าได้รู้เองว่า การดิ้นรนต่อต้านของพวกเ้ามันไร้ความหมายมากเพียงไหน!!”
กล่าวจบซ่างกวันหงก็หยิบเอาของชิ้นหนึ่งออกมา
ซึ่งของชิ้นนั้นคือยุทธภัณฑ์ที่เหนือชั้นกว่าระดับวิถีราชันขั้นกลางไปแล้วซึ่งมันไม่ใช่ของที่ตระกูลซ่างกวันคิดค้นขึ้นมาเองแต่เป็สมบัติสำคัญที่นิกายอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เื้ันั่นมอบให้กับซ่างกวันหงเพื่อใช้บดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
“หลินไป๋ชวนเ้ามาช่วยข้า!”
“ได้!”
ซ่างกวันหงและหลินไป๋ชวนตกลงร่วมมือกันทันใดนั้นตรงเบื้องหน้าของทั้งสองก็มีประกายแสงสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาแต่ในตอนนั้นเอง ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงขั้นกลางทั้งสองคนก็ตัวสั่นหงึกขึ้นมาพร้อมกัน
ในใต้หล้านี้สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนนี้หวาดกลัวจนถึงกับตัวสั่นนั้นแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำแต่ของที่อยู่ในมือของหลินหยางนั้นถือเป็ข้อยกเว้น
มันคือขนนกสีแดงที่มีขนาดประมาณนิ้วมือหนึ่งเส้น
ขนนกนี่มีลักษณะโปร่งใสเหมือนกับผลึก เปล่งประกายสีแดงสดออกมาดูๆ แล้วมันก็เหมือนจะเป็แค่ผลงานศิลปะชั้นยอดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตเท่านั้น
แต่พอลองััถึงพลังที่อยู่ในนั้นแล้วก็พบว่าภายในขนนกชิ้นนี้นั้นอัดแน่นไปด้วยพลังงานจำนวนมหาศาลจนน่ากลัวไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกสิ้นหวังถ้าหากต้องเผชิญหน้ากับมัน
หลินหยางแสยะยิ้มเ็าไปทางพวกซ่างกวันหงตรงหน้าเขาที่ยังคิดจะต่อต้านเขามันไม่ใช่พวกงี่เง่าที่ยอมรอให้อีกฝ่ายได้ใช้ไพ่ตายออกมาก่อนอยู่แล้ว
ถ้าจะเล่นงานมันก็ต้องเล่นมันให้ตายในทีเดียวไปเลย!
“พระตำหนักยงเหอนี่...คงจะทนต่อไปไม่ไหวแล้วกระมัง... รู้สึกผิดจัง...”
หลินหยางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆจากนั้นพลันสะบัดมือออกไปเรียกเอาูเาหินแร่ขนาดมหึมาออกมาหลายลูกเพื่อตั้งขวางพระตำหนักยงเหอเอาไว้ซึ่งเขาทำไปก็เพื่อที่จะปกป้องพวกพ้องของเขา
ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่ศัตรูด้วยแววตาเหี้ยมเกรียม จากนั้นก็เขวี้ยงขนนกเส้นเล็กๆ นี่ออกไป
ไม่นะ!!
ซ่างกวันหงและหลินไป๋ชวนสองคนก็ร้องะโออกมาเสียงดังด้วยความหวาดกลัว
เมื่ออยู่ต่อหน้าขนนกของหลินหยางแล้วพวกเขาก็ไม่เหลือสภาพของตัวตนอันแข็งแกร่งอะไรนั่นอยู่เลยพวกเขาในตอนนี้ใกลัวราวกับกระต่ายน้อยที่ใจนฉี่แตกจากนั้นก็พากันหนีเข้าไปหลบอยู่หลังสมบัติที่ซ่างกวันหงเพิ่งเรียกออกมานั่น
สมบัติชิ้นนี้คือโล่ทรงกลมที่มีขนาดใหญ่เท่าตัวคนๆหนึ่ง บนโล่ใบนั้นถูกสลักไว้ด้วยสัญลักษณ์รูปหน้าผีที่มีฟันอันแหลมคมอยู่เต็มปากแค่ดูอย่างเดียวก็ทำให้รู้สึกขนลุกแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ซ่างกวันหงคงไม่มีโอกาสได้แสดงประสิทธิภาพของโล่ชิ้นนี้แล้วขนนกอันทรงพลังนั่นของหลินหยางกำลังลอยมาใกล้จะถึงตัวพวกเขาแล้วแรงกดดันที่มันส่งมานั้นทำเอาคนทั้งหมดของอีกฝ่ายพากันเสียขวัญ
“อวิ๋นเอ๋อร์ รีบมาเร็ว!!”
ซ่างกวันหงรีบเรียกลูกชายของตัวเองอย่างซ่างกวันอวิ๋นให้มาหลบภัยอยู่หลังโล่อันนี้ทันทีแต่ในจังหวะนั้นเอง ก็มีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งเข้าไปหาพวกเขาอย่างกะทันหัน
เฉินเฉาเกอ!!
เดี๋ยวก่อนเฉินเฉาเกอตอนนี้ดูผิดปกติแปลกๆ!!
สภาพของเฉินเฉาเกอในตอนนี้ดูแปลกประหลาดทั่วทั้งตัวมันมีพลังอันชั่วร้ายชนิดหนึ่งล้อมรอบเอาไว้เป็พลังแบบที่แตกต่างกับพลังมืดอันน่ากลัวดุจภูตผีของซ่างกวันหงแถมยังดูน่าจะทรงพลังมากกว่าเยอะเลยด้วย
ร่างกายของมันนั้นขยายใหญ่ขึ้นสามส่วนเสื้อถูกฉีกขาดเนื่องจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อดูๆ แล้วมันมีสภาพราวกับภูตผีปีศาจก็ไม่ปานไม่เหลือสภาพของมนุษย์อยู่เลย
“หลีกไปซะ!!”
เฉินเฉาเกอพุ่งเข้าไปประชิดที่ตรงกลางระหว่างหลินไป๋ชวนและซ่างกวันหงจากนั้นใช้สองมือตบใส่ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นกลางทั้งสองคนด้วยพลังอันมหาศาลจนทั้งสองคนนั้นถูกซัดจนปลิวกระเด็นออกไปคนละทิศโล่ที่ดูชั่วร้ายสุดแสนนั่นก็ถูกเฉินเฉาเกอคว้าเอาไว้ในมืออย่างแ่า
เื่ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นในเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้น จากนั้นไม่นาน ขนนกอัคคีก็เกิดะเิขึ้น
ราวกับเวลาทั้งหมดได้หยุดลงในพริบตานั้น
ผู้คนเหมือนจะเห็นขนนกชิ้นนั้นค่อยๆ แตกสลายออกไปจากนั้นก็มีดวงไฟดวงเล็กๆ ปรากฏขึ้นมาจากข้างในนั้นตามด้วยการะเิอันรุนแรงและน่ากลัวจนยากจะอธิบาย
ตูมม
ประชาชนชาวอวิ๋นเฉิงแทบจะทุกคนต่างก็ได้ยินเสียงะเิอันดังกระหึ่มเกิดขึ้นอีกทั้งยังััได้ถึงแรงสั่นะเือันรุนแรงที่ตามมาด้วย
ท้องฟ้าอันมืดมิดยามราตรีพลันส่องสว่างขึ้นราวกับมีดวงอาทิตย์ดวงที่สองแสงสว่างจ้านั่นทำเอาทัศนียภาพในรัศมีร้อยเมตรรอบๆ นั้นเกิดแสงสว่างจ้าจนเห็นทุกอย่างเป็เพียงแค่สีขาวเท่านั้น
ควันรูปหัวเห็ดขนาดมหึมาค่อยๆ ลอยสูงขึ้นแรงอัดกระแทกอันมหาศาลนั่นพุ่งกระจายไปรอบๆ พร้อมกับทำลายทุกๆ อย่างที่ขวางทางจนแหลกละเอียดโดยมีขนนกนั่นเป็ใจกลาง
เหล่าฆาตกรชุดดำที่นึกว่าพวกตัวเองจะสามารถปราบอาณาจักรชูอวิ๋นลงได้อย่างง่ายดายนั้นตอนนี้พวกมันล้วนถูกแรงะเิบดขยี้จนแหลกเละกลายเป็เศษเนื้อเศษเืกระจัดกระจายเต็มไปหมด
น่ากลัวเหลือเกิน...
น่ากลัวมากเกินไปแล้ว...
ว่ากันตามตรงแล้วแม้แต่หลินหยางเองยังรู้สึกใกับพลังของขนนกอัคคีของปี้ฟังที่ถูกสลักอักษระเิลงไปชิ้นนี้
ตัวเขาที่สวมชุดเกราะราชันเหล็กขาวไว้แล้วพร้อมกับใช้พลังป้องกันขั้นสูงสุดที่เกิดจากพลังฟ้าดินธาตุพสุธามาช่วยป้องกันด้วยแต่ตัวเขาก็ยังคงโดนแรงะเิอัดจนตัวลอย
เวรเอ๊ย...
โชคดีที่ตัวเองเตรียมการป้องกันเอาไว้ด้วยูเาหินแร่อันแข็งแกร่งขนาดมหึมาหลายลูกนั้นน่าจะมากพอที่จะช่วยป้องกันการโจมตีให้คนอื่นๆ ในวังได้
เพียงแต่หลินหยางก็ยังดูถูกพลังของขนนกนั่นมากไปอยู่ดี
ูเาหินแร่เ่าั้ที่ล้วนเป็วัตถุดิบระดับสามขั้นกลางที่ขึ้นชื่อในเื่ของความทนทานนั้นกลับถูกแรงะเิสลายจนละลายกลายเป็เพียงฝุ่นผงแม้แต่พระราชวังยงเหอที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนั่นก็ถูกแรงะเิทำลายจนหายไปโดยสิ้นเชิง
แต่สิ่งที่ทำให้หลินหยางอึ้งก็คือหลังจากที่เขากลับมาตั้งหลักทรงตัวได้แล้วก็มองเห็นพลังฟ้าดินขนาดมหึมาสายหนึ่งห้อมล้อมคนนับร้อยเอาไว้ข้างในมันสามารถป้องกันแรงะเิเอาไว้ได้โดยที่ไม่มีใคราเ็เลย
ต้วนเทียนหยา!
นี่เขายังมีพลังเก็บซ่อนอยู่อีกหรือนี่??
กลุ่มคนเ่าั้ พอได้เห็นพลังของขนนกอัคคีของปี้ฟังแล้วก็ล้วนแสดงท่าทางใจนฉี่แทบแตกออกมาแม้แต่พวกของเวินติ่งทียนเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหลินหยางยังมีไพ่ตายแบบนี้เก็บซ่อนเอาไว้อยู่
แต่มีเพียงจักรพรรดิหลินเฮ่ายวนที่เป็พ่อของเขาเท่านั้นที่ถึงจะมีสีหน้าใแต่ก็เป็การใแบบธรรมดาๆเท่านั้น
อย่างกับเขาแค่เห็นเด็กคนหนึ่งหยิบเอาของเล่นที่ค่อนข้างทรงพลังออกมาเล่นก็เท่านั้นไม่ได้ทำให้เขาหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
หลินหยางเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไปๆ มาๆ ยิ่งมองเบื้องลึกเื้ัของต้วนเทียนหยาและพ่อผู้เป็คนธรรมดาไม่ออกมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว...
ฝั่งของหลินหยางและต้วนเทียนหยาสามารถปกป้องคนของตัวเองจนปลอดภัยไร้าแได้สำเร็จแต่สำหรับพวกโจรชั่วใจอำมหิตพวกนั้นแล้วการะเิเมื่อครู่ก็ไม่ต่างอะไรกับวันสิ้นโลก
ไม่เหลือเลย...
ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย...
อาณาเขตของพระราชวังยงเหอตอนนี้กลายเป็พื้นที่ราบเรียบอันกว้างขวางไปแล้วเงาร่างของศัตรูที่เมื่อครู่นี้ยังเหลืออยู่ประมาณยี่สิบกว่าคนนั้นตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้น
ทั้งเ้าชายสามัญชน ซ่างกวันอวิ๋นและผู้าุโระดับอวิ้นหลิงผู้น่าสงสารที่ยังไม่เคยได้แสดงฝีมือเลยั้แ่เริ่มนั้นล้วนกลายเป็เศษเนื้อไปหมดแล้ว
ขนาดยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิงขั้นต้นยังมีสภาพแบบนั้นแล้วพวกมือสังหารที่มีระดับพลังอยู่แค่ระดับเซียนเทียนนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงแม้แต่ซากก็ยังไม่เหลือ
คนที่ยังเหลือรอดมาได้นั้นมีแค่สามคน
ซ่างกวันหงที่ตอนนี้ได้ก้าวเข้าสู่ยมโลกไปครึ่งก้าวแล้ว
ตอนแรกที่เพิ่งออกโรงนั้นเขายังดูองอาจน่าเกรงขามเหลือคณาอยู่เลยแต่ตอนนี้ร่างกว่าครึ่งของเขาได้แหลกเละไปแล้วมีกระดูกสีขาวหลายชิ้นที่ทิ่มแทงออกมาข้างนอก บนร่างกายมีรอยไหม้เกรียมอยู่เต็มตัวพอลมพัดก็มีกลิ่นคาวเือันเหม็นคลุ้งชวนอ้วกลอยโชยไปทั่ว
ส่วนหลินไป๋ชวนที่อยู่อีกฝั่งนั้นมีสภาพที่อนาถยิ่งกว่าซ่างกวันหงเสียอีก