Chapter 10
เมื่อรถแท็กซี่สีเหลืองจอดสนิทหน้าสนามฟุตบอลตามในที่อยู่ที่ใครบางคนส่งมาให้ทางไลน์ ใกล้ล้วงหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้คนขับแท็กซี่ก่อนจะลงจากรถ
คนตัวเล็กกอดกระชับเสื้อกลิ่นหอมฟุ้งไว้แนบอก ก่อนจะกวาดสายตามองไปโดยรอบเพื่อหาสนามฟุตบอลหญ้าเทียมที่มีป้ายหมายเลขหนึ่งติดอยู่เหมือนในรูปที่พันลี้ส่งมากำชับเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
เมื่อเห็นสนามฟุตบอลหญ้าเทียมที่เป็เป้าหมายหลัก ใกล้จึงไม่รอช้ารีบสาวเท้าเดินไปที่หน้าประตู ทว่าการ์ดตัวใหญ่สองคนที่ยืนคุมอยู่หน้าประตูทางเข้าทำให้เขาเดินช้าลงจนเกือบหยุดนิ่ง
แต่สุดท้ายใกล้ใจก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ตัวใหญ่ทั้งสองคนนั่นแหละ...
เขากลืนน้ำลายลงคอดังอึกเมื่อโดนสายตาดุ ๆ ปนสงสัยจ้องมอง ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยถามขึ้นก่อน
“สนามนี้มีจัดการแข่งขันอยู่ ผมถูกกำชับมาจากคุณเฮียว่าให้คัดกรองคนที่เข้าชม หากไม่ใช่คนสำคัญของนักฟุตบอลที่ลงแข่ง ผมคงไม่สามารถให้เข้าไปได้ครับ”
ทันทีที่พี่การ์ดพูดจบประโยค ใกล้ก็รู้สึกหัวใจห่อเหี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย เขาเป็แค่คนที่นัดเอาเสื้อมาคืนพันลี้ ไม่ใช่คนสำคัญของนักฟุตบอลขนาดนั้น หากพันลี้ไม่ขอให้อยู่คืนเสื้อเองกับมือ ป่านนี้ใกล้คงโบกรถกลับบ้านเพราะความน้อยใจไปแล้ว
ไม่ได้น้อยใจคุณพระจันทร์หรอก...
น้อยใจคำพูดของพี่การ์ดต่างหาก
แต่เพราะใกล้ต้องอยู่คืนเสื้อให้เ้าของเองกับมือ เขาเลยเลิกน้อยใจแล้วคิดฮึดสู้พี่การ์ดทั้งสองคนที่ยังคงจ้องมองเขาอยู่ แม้อีกคนจะมองเขาั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสีหน้าสงสัย แต่ใกล้ก็เลือกจะนิ่งแทน
“เอ่อ...ใกล้มาหาพันลี้ครับ”
“ว่าแล้ว....” คนที่มองเขาด้วยสีหน้าสงสัยเอ่ยขึ้น “คุณคือคุณใกล้ใจใช่ไหมครับ ? ”
“ครับ ใกล้ใจเองครับ”
“ไอ้แมน...คนนี้แหละ คนสำคัญของคุณพันลี้”
“ถูกแน่นะ กูไม่อยากโดนคุณเฮียด่าอีก”
ใกล้มองพี่การ์ดทั้งสองคนที่เถียงกันอยู่ คนด้านซ้ายพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ ส่วนคนด้านขวาดูกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะตัดสินใจ
“ถูกแน่ คุณพันลี้บอกว่า...คนสำคัญที่คุณพันลี้ให้กูรอรับเข้าไปส่งในสนามชื่อ ‘ใกล้ใจ’ เป็คนน่ารักมาก ๆ น่ารักจนอยากจะเอาไปเก็บไว้ในตู้เซฟ”
ใกล้ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคคำพูดนี้ สาเหตุที่ไม่เขินเพราะไม่อยากเชื่อว่าคุณพระจันทร์พูดแบบนี้ แต่ในใจก็โต้เถียงว่าพี่การ์ดจะพูดชมเขาเพื่ออะไร ทว่าเมื่อสังเกตสีหน้าและท่าทางที่ดูจริงจังอย่างมาก ใกล้เริ่มไม่กล้าคิดว่าอีกฝ่ายเสริมเติมแต่งประโยคขึ้นมาเอง แต่เพื่อยืนยันความจริงให้แน่ใจ ใกล้จึงเลือกเอ่ยถามออกไป
“พันลี้พูดกับพี่แบบนี้เลยเหรอครับ ? ”
ทั้งที่รู้ว่าถ้าพี่การ์ดตอบว่า...
“ครับ”
ใช่...ตอนนี้เขินเป็บ้าเลย ;_____:
เสียงร้องเชียร์ของคนในสนามฟุตบอลหมายเลขหนึ่งที่ดังขึ้นเรียกความสนใจจากใกล้ได้เป็อย่างดี ความเขินอายที่เพิ่งก่อตัวเมื่อครู่ลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ใกล้อยากรู้สถานการณ์ในสนามมากกว่า เขาคิดว่าการแข่งขันคงเริ่มไปได้สักพักแล้ว หากเทียบจากเวลาที่พันลี้บอกไว้ว่าจะเริ่มการแข่งขัน แต่เพราะคุณลุงคนขับแท็กซี่พาหลงวนไปที่อื่นตั้งนาน ใกล้จึงมาถึงที่นี่ช้ากว่าที่คิดไว้
ใกล้ไม่อยากขับรถมาเองเพราะกลัวหลง
แต่นั่งแท็กซี่มาก็ไม่ต่างกัน
เพราะคุณลุงที่บอกว่ารู้จักสนามฟุตบอลแห่งนี้
ก็พาใกล้หลงทางไปซะตั้งนาน....
คงเพราะพี่การ์ดเห็นเขาเขย่งปลายเท้าแล้วชะเง้อคอมองผ่านรั้วเหล็กเข้าไปด้านใน เ้าตัวถึงได้หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันไปเปิดประตูที่ทั้งสองคนยืนบังจนมิดแล้วพยักหน้าเป็เชิงชวน
“ตอนนี้การแข่งขันเพิ่งเริ่มไปได้ไม่นาน เดี๋ยวผมเข้าไปส่งนะครับคุณใกล้...”
“ขอบคุณมากเลยนะครับพี่” ใกล้พูดพร้อมโค้งศีรษะให้อีกฝ่ายอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินตามพี่คนตัวโตเข้าไปด้านใน
ใกล้เชื่อแล้วว่าสนามฟุตบอลหมายเลขหนึ่งถูกคัดกรองคนเข้าชมจริง ๆ เพราะจำนวนของกองเชียร์ที่นั่งอยู่บริเวณสองฝั่งสนามไม่ได้หนาตาอย่างที่คิด ทั้งที่ภายในสนามบอลแห่งนี้สามารถรับคนเข้ามาได้เยอะกว่านี้
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเบา ๆ เมื่อโดนสายตาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างสนามมองอย่างสงสัย บางคนก็ขมวดคิ้วแล้วเอียงคอมองเขาคล้ายกำลังครุ่นคิด จู่ ๆ ใกล้ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาจนอยากจะออกจากสนาม แต่เป็ในตอนนี้ที่เสียงพากย์ของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาได้ยินั้แ่อยู่ข้างนอกช่วยฉุดเขาออกจากความเป็กังวล
ความจริงแล้วคงไม่ใช่คนพากย์ที่ช่วยขับไล่ความเป็กังวลให้เขาหรอก...
“เอาแล้วครับ...สองพี่น้องตระกลูพิสุทธิ์จะบวกกันเองแล้วครับ!!”
แต่คงเป็คุณศศิน พิสุทธิ์ ต่างหากที่ทำให้ใกล้ใจยังอยากอยู่ที่นี่
ใกล้เผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นคนตัวสูงเ้าของเรือนผมสีบอนด์ทองที่เซ็ตผมเปิดหน้าสวมชุดนักบอลสีขาว คุณพระจันทร์ตอนอยู่ในสนามดูเท่สุด ๆ ไปเลย
และรองเท้าสตั๊ดสีเหลืองคู่นั้น...
ทำให้ใกล้ยิ้มกว้างมากขึ้น
ใกล้ชอบสีเหลืองมาก ๆ และยิ่งชอบมากขึ้นเมื่อเห็นรองเท้าคู่ใจของคุณพระจันทร์
:)
พันลี้วิ่งไปสกัดด้านหน้าของพี่ฟ้าเพื่อจะแย่งลูกบอล ในตอนนี้ใกล้เผลอกลั้นหายใจเพราะรู้สึกลุ้นสุด ๆ เขาแอบเอาใจช่วยให้คุณพระจันทร์แย่งบอลมากจากพี่ฟ้าได้ แต่เขาคิดว่าคงไม่ง่าย เพราะพี่ฟ้าดูคล่องตัวมาก ๆ เ้าตัวสลับเท้าไปมาคล้ายกำลังหลอกล่อพันลี้อยู่
เสื้อนักศึกษาถูกกอดรัดแน่นขึ้นพลางส่งกำลังใจไปให้คุณพระจันทร์ที่พยายามจะแย่งบอลจากพี่ชายให้ได้ ดวงตาเรียวยาวจ้องมองแต่ลูกกลม ๆ สีขาว แต่ในวินาทีถัดมาที่พันลี้ละสายตาจากลูกบอลแล้วมองมาที่ข้างสนาม
...ที่ใกล้ยืนอยู่
“ได้ไหม ? ...พันลี้จะแย่งบอลมาจากหมื่นฟ้าได้ไหม...”
พันลี้เหมือนเสียสมาธิไปชั่วขณะ ก่อนจะก้มหน้ามองลูกกลม ๆ ตรงหน้าอีกครั้ง เ้าตัวกำลังจะแย่งบอลมาจากพี่ชายได้แล้ว แต่ทว่าคนว่องไวอย่างพี่ฟ้าก็พาลูกบอลหลบหลีกไปได้อย่างหวุดหวิด
“ไม่ได้นะครับ ! ...หมื่นฟ้าหลอกล่อเก่งมาก”
คุณพระจันทร์ดูหัวเสียเล็กน้อย เ้าตัวส่ายหน้าน้อย ๆ ขณะวิ่งอยู่ในสนาม ใกล้หันมองพี่การ์ดตัวโตที่กำลังส่งยิ้มเบาบางให้เขา
“ตื่นเต้นใช่ไหมครับ ? ”
คนโดนถามส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนเอ่ย “ครับ เมื่อกี้ใกล้แทบหยุดหายใจเลย”
“งั้นคุณใกล้ไปนั่งเชียร์คุณพันลี้ที่ข้างสนามดีกว่าครับ” พี่ตัวโตพูดปนหัวเราะ ก่อนจะชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวที่มีกองเชียร์หลายคนนั่งอยู่
ใกล้กวาดสายตามองหาพี่เบบกับที่รัก เพราะเมื่อเช้าเขาโทรไปบอกพี่ดอมว่าจะเอาเสื้อมาคืนให้พันลี้ที่สนามฟุตบอล พี่ดอมเลยให้เขาไปนั่งกับสองคนนี้ และเมื่อใกล้เห็นพี่เบบกับที่รักแล้วจึงหันไปไหว้ขอบคุณพี่คนตัวโตที่อุตส่าห์เดินมาส่งถึงในสนาม
คนตัวเล็กพยายามเดินไปที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวให้เร็วที่สุด แต่ในระหว่างทางก็ดันได้ยินบทสนทนาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่บริเวณนั้น
“พันลี้หล่อเนอะ”
“หล่อจริง ฉันถามกอล์ฟแล้ว กอล์ฟบอกว่าโสด”
“ก็น่าจะโสดแหละ ไม่เห็นมีใครมาเชียร์เลย”
“เสียดายที่เพียวไม่ได้มาดูด้วย ถ้าเพียวเห็นพันลี้ต้องชอบมากแน่ ๆ สเปคมันเลยอะ”
“ถ่ายรูปไปให้เพียวดูสิ”
“เร็ว ๆ พันลี้วิ่งมาใกล้ขอบสนามแล้ว”
ใกล้ไม่อยากเป็คนนิสัยไม่ดีเลย แต่เพราะความหวงที่มันพุ่งสูงจนหยุดไม่อยู่ เขาจึงแกล้งหยุดยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อบังไม่ให้คนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปคุณพระจันทร์ได้ ใกล้รู้ดีว่าถึงจะขัดขวางได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะเขาจะต้องเดินไปนั่งตรงที่ว่างข้างที่รักแล้ว
แต่เพราะดวงจันทร์มีดวงเดียว
และคุณศศินมีคนเดียวบนโลก
ขอใกล้ใจหวงหน่อยนะ
แค่ครั้งเดียวก็ได้...
เมื่อเห็นว่าคุณพระจันทร์ที่เขาแสนหวงวิ่งกลับไปที่กลางสนามแล้ว ผู้หญิงที่ยกโทรศัพท์เตรียมถ่ายรูปก็ลดมือลงแล้วหันไปพูดบางอย่างกันด้วยเสียงแ่เบา ใกล้ขอโทษผู้หญิงกลุ่มนี้ในใจ ก่อนจะสาวเท้าไปนั่งข้างเ้าของแก้มย้อย ๆ ที่ไม่ละสายตาออกจากสนามเลย
จนกระทั่งใกล้หย่อนก้นนั่งลงข้างเ้าตัวแล้ว ที่รักก็ยังไม่รู้ตัว เขามองป้ายเชียร์ในมือเ้าตัว ป้ายที่มีคำเชียร์น่ารัก ๆ และรูปของเ้าตัวติดอยู่ทำให้ใกล้หลุดยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจใช้นิ้วสะกิดที่แขนเ้าตัวเบา ๆ
“อ้าว ใกล้...” ที่รักเลิกตาโตเล็กน้อยคล้ายประหลาดใจเมื่อเห็นเขาอยู่ที่นี่ด้วย
“มาเชียร์พี่ฟ้าเหรอ ? ”
ถามไปทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว...
ที่รักคงเป็คนสำคัญของใครไม่ได้...นอกจากเป็คนสำคัญของพี่ฟ้า
“ใช่ ๆ ...ใกล้มาเชียร์ใคร พี่ดอมใช่ไหม ? ”
คนโดนถามกลืนน้ำลายลงคอ ใกล้ไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ก่อนเลย และเขาก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากด้วยว่ามาเชียร์พันลี้ ดังนั้นคำตอบที่ดีที่สุดคือการพูดความจริง
“เอ่อ...เปล่า”
“หือ ? ”
“เราเอาเสื้อมาคืนพันลี้น่ะ...”
“เอาเสื้อมาคืนลี้ ? ” คนถามขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใช่...พอดีเมื่อ่อาทิตย์ก่อนเสื้อเราเปื้อน แล้วเราต้องรีบเข้าเรียนวิชาสำคัญ บังเอิญเจอพันลี้พอดี...พันลี้ก็เลยให้ยืมเสื้อก่อน”
คิ้วเรียวที่ขมวดยุ่งคลายออกในทันที ก่อนที่เ้าของแก้มย้อย ๆ จะพยักหน้าเบา ๆ “อ๋อ...แบบนี้นี่เอง แต่ใกล้อยู่เชียร์บอลด้วยกันก่อนสิ สนุกนะ”
ใกล้ส่งยิ้มให้คนน่ารักที่แสนใจดี ก่อนเอ่ย “…เราก็คงต้องรอจนพันลี้แข่งเสร็จ เพราะเ้าตัวบอกให้รอ”
“โอเคเลย...” เ้าตัวละสายตาจากเขา พี่เบบที่นั่งถัดไปหันมาส่งยิ้มให้พลางส่งมือมาลูบที่ไหล่เบา ๆ เพื่อทักทาย ส่วนที่รักก็ส่งเสียงเชียร์พี่ฟ้าด้วยน้ำเสียงและท่าทางน่าเอ็นดู “พี่ฟ้า ~ ลูกนี้เตะให้เข้านะค้าบ ~”
“มาถึงนานแล้วเหรอใกล้ ? ...ทำไมไม่โทรหาพี่ พี่จะได้ออกไปรับ”
“เพิ่งมาถึงครับพี่เบบ...ใกล้ไม่กล้าโทรครับ เพราะเห็นว่าการแข่งขันเริ่มแล้วด้วย กลัวจะรบกวนพี่เบบ แล้วพอดีว่าพี่การ์ดใจดีเดินเข้ามาส่ง ใกล้เลยคิดว่ามองหาพี่เบบเองดีกว่าครับ”
“ทีหลังไม่ต้องเกรงใจเลยนะใกล้ ถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกพี่ได้เลยนะ”
“ขอบคุณนะครับพี่เบบ”
“จ้ะ...” พี่เบบส่งยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปมองที่สนามเพราะเสียงของคนพากย์ที่เริ่มดังขึ้นทำให้รู้ว่ามี่ให้กองเชียร์ได้ลุ้นกันอีกแล้ว
“เอาอีกแล้วครับท่านผู้ชม…คุณหมื่นฟ้าบุกอีกแล้ว บุกรัว ๆ เลยพ่อเอ๊ยยย ~”
“เหมือนเขาเล่นอยู่คนเดียวในสนามเลยนะครับ ฮ่า ๆ”
“เข้าไม่เข้า…เข้าไม่เข้า!!!”
“เข้า!!!! เข้าไปอีกแล้ว ~”
“โอ้โฮ…คงเป็เพราะรูปน่ารัก ๆ บนป้ายเชียร์แน่ๆ เลยครับที่ทำให้คุณหมื่นฟ้าฮึกเหิมได้ขนาดนี้”
“ไอ้ฟ้า!! มึงเอาบอลกลับไปเล่นบ้านคนเดียวเลยไป ถ้าจะไม่แบ่งให้พวกกูเล่นเลยแบบนี้”
“เอาแล้วครับ…ลูกชายเ้าของสนามฟุตบอลเริ่มงอแงแล้วนะครับ”
“งอแงพ่อมึงสิ! ปีหน้าปลดพวกมันออกจากทีมพากย์ทีนะ กูหงุดหงิดเหลือเกิน”
ใกล้หัวเราะไปพร้อม ๆ กับทุกคนในสนาม เขาจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเคยอยู่ในบรรยากาศสนุกสนานแบบนี้ครั้งสุดท้ายตอนไหน หากให้หวนนึกถึงจริง ๆ คงเป็ตอนที่เชียร์กีฬาสีตอนเรียน ม.3
แต่เป็ในตอนนี้ที่เห็นคุณพระจันทร์ยืนหายใจเหนื่อยหอบอยู่กลางสนาม เ้าตัวเอามือข้างหนึ่งเท้าเอวขณะยกนิ้วชี้พี่ชาย ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายืนพักที่ขอบสนามเพราะเวลาที่ปรากฏอยู่บนนาฬิกาดิจิตอลเรือนใหญ่เหลือน้อยเต็มที ตอนนี้คุณพระจันทร์ยืนห่างจากเก้าอี้ของเขาไม่ไกลมากนัก เ้าตัวยังคงยืนเท้าเอวสังเกตสถานการณ์ในสนามอยู่
“พี่เฮีย ! เล่นบอลนะเว้ย ! ...ไม่ได้เล่นลิงชิงบอล จะไปวิ่งตามเขาแบบนั้นทำไมอะ ? !”
เป็ครั้งแรกที่ใกล้เห็นพันลี้ในมุมจริงจังและดุดันแบบนี้ เ้าตัวส่ายหน้าพลางเอามือข้างหนึ่งดึงชายเสื้อขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้า กล้ามหน้าท้องเป็ลอนสวยของคนตัวสูงทำให้กองเชียร์ที่นั่งอยู่บริเวณใกล้เคียงส่งเสียงร้องฮือฮา คล้ายไม่คาดคิดว่าคุณพระจันทร์จะหุ่นดีขนาดนี้ พันลี้ที่เหงื่อโชกตัวส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อรุ่นพี่ที่ชื่อเฮียพูดเถียงด้วยน้ำเสียงติดงอแง
“เรายังไม่ได้สักลูกเลยนะไอ้ลี้ !”
ใกล้มองคุณพระจันทร์ที่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะก้มหน้ามองรองเท้าของตัวเองเพราะรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบตอนที่เห็นพันลี้ยกมือเสยผมที่หล่นมาปรกหน้าลวก ๆ
คุณพระจันทร์ + กีฬา = So hot !
ใกล้ใจรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลย...
“หมดครึ่งแรก! ทุกคนแยกย้ายไปหาโค้ชทีมตัวเองได้ครับ”
“ใครครับโค้ชของแต่ละทีม”
“กูกับมึงไงครับ…”
จบประโยคคำพูดของคนพากย์ ใกล้ก็เหลือบมองพี่เบบที่ส่งขวดน้ำให้ที่รัก ก่อนเ้าตัวจะบอกบางอย่างกับน้องชาย
“เวลาพักครึ่งแรก…คนที่เป็กำลังใจต้องเอาน้ำไปให้นักบอลนะ”
“อะ อ๋อ…รักไม่เคยมาก็เลยไม่รู้”
อ่า...ใกล้ใจไม่มีน้ำมาให้พันลี้เลย
เพราะไม่รู้เหมือนกัน
ถ้ารู้จะเตรียมเครื่องดื่มเกลือแร่มาให้คุณพระจันทร์ด้วย
ใกล้มองที่รักรับขวดน้ำจากพี่สาวแล้วเดินเอาไปให้พี่ฟ้าที่กำลังวิ่งมาที่ขอบสนาม ทว่าพี่เบบที่นั่งถัดไปขยับเข้ามาใกล้เขาแล้วส่งขวดน้ำที่เหลืออยู่เพียงขวดเดียวให้เขา
“ใกล้...เอาน้ำขวดนี้ไปให้พันลี้สิ”
“...”
“พี่มาเชียร์ดอมทุกปี ไว้ปีหน้าพี่ค่อยเอามาให้ดอมใหม่ ดอมไม่กล้างอแงกับพี่หรอก”
ใกล้มองขวดน้ำในมือพี่เบบ ก่อนจะหันไปมองพี่ดอมที่วิ่งมาหาแฟนสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาใช้มือดันขวดน้ำกลับไปให้เ้าของตัวจริง ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ดอมอาจจะไม่กล้างอแง แต่พี่ดอมจะต้องแอบน้อยใจแน่ ๆ เลยครับ เพราะพี่ดอมคงอยากได้กำลังใจจากพี่เบบเหมือนกัน”
“...”
“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับพี่เบบ”
“แต่...”
“เชื่อใกล้นะครับ...เดี๋ยวของพันลี้ ใกล้จะบอกเ้าตัวเอง”
พี่เบบที่อยากให้กำลังใจแฟน แต่ก็เป็ห่วงเขาพยักหน้ารับ ก่อนจะลุกเอาน้ำไปให้พี่ดอม พี่ชายที่แสนดีส่งยิ้มให้เขา ใกล้พยักหน้าพลางส่งยิ้มกลับไปให้พี่ชาย
ใกล้ก้มหน้ามองเสื้อนักศึกษาในมือพลางถอนหายใจออกมา เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถไปหาซื้อน้ำให้คุณพระจันทร์ได้ทันในเวลาพัก เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเงยหน้ามองไปที่สนาม เป็ในตอนนี้ที่เห็นคนตัวสูงเ้าของรอยยิ้มสดใสกำลังวิ่งมาหา
ใกล้เดินเข้าไปหาพันลี้เช่นกัน ก่อนที่เ้าตัวจะหยุดยืนตรงหน้าเขา ถึงใกล้จะเคยได้ยินประโยค ‘ไม่รู้คือไม่ผิด’ แต่เขาก็อยากขอโทษคุณพระจันทร์อยู่ดี ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นขวดน้ำในมือของพันลี้ก่อน
มีคนเอาน้ำมาให้คุณพระจันทร์แล้วสินะ...
“พันลี้...”
“ว่าไงคะ ? ...เื่เสื้อเอาไว้คืนหลังจากลี้แข่งบอลเสร็จนะคุณใกล้...” พันลี้อมยิ้ม เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยต่อ “เชียร์บอลสนุกไหมคะ ? ”
“อื้อ สนุกมาก ๆ เลย แต่เราอาจจะไม่ได้ส่งเสียงเชียร์พันลี้ดัง ๆ เพราะเราเกรงใจคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ...” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันในตอนที่ความร้อนวิ่งผ่านใบหูลงสู่พวงแก้มทั้งสองข้าง “แต่เราคอยส่งกำลังใจให้พันลี้ตลอดเลยนะ ครึ่งหลังเราจะเชียร์พันลี้ให้เต็มที่กว่านี้ เราขอหาวิธีเชียร์พันลี้ก่อนนะ เราไม่มีป้ายเชียร์แบบที่รักด้วย”
คนฟังยิ้มขำ ก่อนเอ่ย “แค่คุณใกล้มานั่งข้าง ๆ สนาม...” มือหนาเอื้อมมาบีบจมูกเขาเบา ๆ ก่อนจะถอนออกไป “แค่นี้ลี้ก็มีกำลังใจมากแล้วค่ะ”
“...”
“แต่ที่ลี้ยังเตะไม่เข้าสักลูก ไม่ได้เป็เพราะคุณใกล้ส่งเสียงเชียร์ไม่ดังมากพอ แต่มันเป็เพราะทีมพี่ฟ้าฝีเท้าเทพกันเกินไป ส่วนทีมลี้พอเตะไม่เข้าก็งอแงกันเหมือนเด็ก ๆ ”
ใกล้หัวเราะ ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้อีกคน “แต่พันลี้เทพที่สุดในสนามเลยนะ”
“ลี้ว่าไม่ใช่ในสนามหรอก...แค่ในสายตาคุณใกล้มากกว่ามั้งคะ”
ใกล้ยอมรับว่ากลั้นยิ้มไม่ได้เลย เขาพยักหน้าเบา ๆ คล้ายยอมรับ ก่อนจะหุบยิ้มฉับพลันเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “พันลี้...เราไม่รู้ว่าต้องเตรียมน้ำมาให้นักบอลด้วย เราก็เลย...”
“ใกล้ใจ...” คุณพระจันทร์เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาจึงละสายตาจากขวดน้ำในมือเ้าตัว แล้วสบกับดวงตาเรียวยาว พันลี้อมยิ้มเหมือนเคย ก่อนเอ่ย “...อยู่กับลี้ต้องแหกทุกกฎค่ะ”
“...”
“คนอื่นต้องเตรียมน้ำมาให้นักบอลใช่ไหมคะ ? ”
“อื้อ...”
“งั้นลี้จะพาคุณใกล้แหกกฎเดิม ๆ ...” ขวดน้ำที่อยู่ในมือหนาถูกยื่นมาตรงหน้าเขา รอยยิ้มสดใสเปื้อนบนใบหน้าคุณพระจันทร์ “…แล้วสร้างกฎของเราขึ้นมาใหม่”
“...”
“นักบอลคนนี้ขอเป็คนเตรียมน้ำไว้ให้กองเชียร์เองนะคะ”
ใกล้ใจส่ายหน้าเบา ๆ พลางถอนหายใจอย่างโล่งอก เขายอมรับว่าแอบคิดมากที่เห็นพันลี้ถือขวดน้ำติดมือมาด้วย เพราะคิดว่ามีคนเอาน้ำมาให้พันลี้ แต่พอรู้ว่า....
คุณศศินยังคงเป็คนใจดีไม่เปลี่ยนแปลง
และไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
คำขอบคุณที่อยู่ในใจจึงมีจำนวนเท่า ๆ กับหัวใจที่พองโตขึ้นเรื่อย ๆ
“ขอบคุณนะพันลี้” ใกล้เอ่ยพร้อมรับขวดน้ำมา
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“…”
“ถ้าปีหน้า...คุณใกล้ได้มาเชียร์ลี้อีก...” พันลี้ยิ้ม ก่อนเอ่ยต่อ “...คุณใกล้ก็เอากฎของเรามาใช้นะ”
ใกล้พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะยกมือทำท่าโอเค “โอเคเลย”
“ลี้ขอตัวกลับไปที่สนามก่อนนะคะ”
“อื้อ...” ตอบพลางมองคนตัวสูงที่ก้าวถอยหลังไปทีละน้อย พร้อมส่งยิ้มให้เขา ใกล้ยกมือชูสองนิ้วก่อนเอ่ย “สู้ ๆ นะพันลี้”
พันลี้หัวเราะชอบใจกับประโยคคำพูดของเขา ก่อนเอ่ย “กำลังใจมาแล้ว...ลี้จะสู้สุดตัวเลยค่ะใกล้ใจ”
ใกล้ใจ...จะพยายามสู้เหมือนกันนะ
เพื่อให้คุณพระจันทร์ได้รับรู้บางอย่าง
ใกล้ใจขอเวลาหน่อยนะคุณพระจันทร์…
คนตัวเล็กเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวยาวเหมือนเดิม ดวงตาเรียวรีมองขวดน้ำในมือของตัวเองพลางคิดหาวิธีส่งกำลังใจให้คุณพระจันทร์ เพราะเ้าของแก้มย้อย ๆ ยกป้ายเชียร์โบกไปมาทำให้ความคิดบางอย่างผุดขึ้นในหัว
มือเรียวล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นป้ายเชียร์ที่ใกล้เคยโหลดไว้ใช้ตอนอยู่ปีหนึ่ง ดีที่เขายังไม่ได้ลบออกหลังจากใช้ตอนไปดูคอนเสิร์ตวันงานเฟรชชี่ ใกล้พิมพ์ประโยคหนึ่งลงในแอพพลิเคชั่นแล้วกดเลือกขนาดของตัวอักษรและสี แม้ว่าหน้าจอโทรศัพท์ของเขาจะไม่ใหญ่มาก แต่ใกล้คิดว่าคุณพระจันทร์คงจะเห็นป้ายเชียร์ของเขาบ้าง
‘พันลี้ สู้ ๆ นะ’
ตัวอักษรสีเหลืองที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้ประโยคนี้ดูโดดเด่นขึ้นมา ใกล้ถือโทรศัพท์เป็แนวนอนก่อนจะยกขึ้นโบกไปมาเพื่อให้คนตัวสูงที่กำลังวิ่งอยู่ในสนามได้เห็น
และเหมือนว่าคุณพระจันทร์จะเห็นป้ายเชียร์ของเขาแล้ว เพราะพันลี้ที่วิ่งวอร์มอยู่ในสนามก่อนจะเริ่มการแข่งขันในครึ่งหลังยกนิ้วโป้งแล้วส่งยิ้มมาให้ ใกล้เผยรอยยิ้มหวานพลางส่งเสียงเชียร์อีกคน
“พันลี้ สู้ ๆ นะครับ”
เมื่อใกล้เอ่ยประโยคคำพูดนี้ ผู้หญิงหลายคนที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็หันกลับมามองทันควัน ก่อนจะหันกลับไปพูดกระซิบกระซาบกัน แต่ใกล้ไม่ได้สนใจอะไร เขาเจอเื่แบบนี้มาจนชินแล้ว คนเดียวที่เขาควรสนใจคือคุณพระจันทร์ และสิ่งเดียวที่เขาควรทำในตอนนี้คือเชียร์พันลี้ให้เต็มที่
การแข่งขันครึ่งหลังเริ่มขึ้นอย่างดุเดือด พันลี้โชว์ทักษะการเล่นบอลได้อย่างดีเยี่ยม เ้าตัวฝีเท้าดีไม่ต่างจากพี่ชายเลย หากทีมของพี่ฟ้าจะหาคนที่น่ากลัวของฝ่ายตรงข้าม
ใกล้คิดว่าคงเป็พันลี้ของเขานี่แหละ
กับคุณพระจันทร์น่ะ...ประมาทไม่ได้เลยนะ
“เริ่มแล้วครับท่านผู้ชม...ศึกฝีเท้าของสองพี่น้องตระกูลพิสุทธิ์เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้วครับ !”
“พันลี้ไปแล้วครับ...แย่งบอลจากหมื่นฟ้าได้แล้วครับท่านผู้ชม”
เมื่อพันลี้ได้โอกาสบอล เ้าตัวก็พาลูกบอลหลบหลีกฝ่ายตรงข้ามได้อย่างคล่องแคล่ว คุณพระจันทร์ชะลอฝีเท้าให้วิ่งช้าลงในตอนที่เข้าใกล้โกลของอีกทีม พันลี้ที่อยู่ห่างจากโกลพอสมควรใช้เท้าขวาเตะอัดลูกบอลอย่างเต็มแรง ลูกกลม ๆ รอดพ้นจากฝ่ามือของโกลฝ่ายตรงข้ามจนทะลุเข้าไปถึงตาข่ายสีขาวด้านใน
“เฮ้ ~”
เป็ในตอนนี้ที่ทุกคนลุกขึ้นยืนแล้วร้องเฮลั่นสนาม พร้อมปรบมือเสียงดัง เพราะคุณพระจันทร์คนเก่งสามารถทำคะแนนให้ทีมได้ ใกล้ยืนมองคุณพระจันทร์วิ่งมาทางเขา เ้าของรอยยิ้มสดใสมาหยุดยืนที่ขอบสนามแล้วใช้นิ้วทั้งสองข้างชี้มาหาเขา ก่อนที่สมาชิกคนอื่นในทีมจะกรูกันเข้ามากอดพันลี้ไว้ด้วยความดีใจ
ใกล้ยิ้มหัวเราะเมื่อเห็นภาพที่น่าประทับใจตรงหน้า เขายกมือขึ้นแล้วชูนิ้วโป้งให้อีกคนที่ยืนยิ้มกว้างอยู่ พันลี้พยักหน้ารับก่อนที่เ้าตัวกับสมาชิกในทีมจะวิ่งกลับไปที่กลางสนามเพราะเวลายังคงดำเนินต่อไป และการแข่งขันในครึ่งหลังยังไม่จบ
คนตัวเล็กหย่อนก้นนั่งลงที่เดิมแล้วยกป้ายเชียร์ของตัวเองขึ้นโบกไปมา เป็อีกครั้งที่ผู้หญิงกลุ่มข้างหน้าหันมามองเขา ก่อนจะหันกลับไปพยักหน้าให้กันเบา ๆ คล้ายแน่ใจแล้วว่าเขามาเชียร์ใคร
แม้จุดประสงค์แรกของใกล้คือการเอาเสื้อมาคืนพันลี้
แต่ถ้าให้ใกล้ตอบตอนนี้อีกรอบ
มันก็...
ใช่...ใกล้ใจมาเชียร์พันลี้แข่งบอล
:)
#ใกล้แค่พันลี้
การแข่งขันในครึ่งหลังยังคงสนุกสนามและตื่นเต้นเหมือนเดิม ใกล้ลุ้นจนเหนื่อยไปหมด แต่เมื่อการแข่งขันจบลง ผลคะแนนที่ปรากฏอยู่บนบอร์ดขนาดใหญ่ช่วยยืนยันให้รู้ว่าทีมฝีเท้าเทพของพี่ฟ้าเป็ฝ่ายชนะ แต่ใกล้คิดว่าไม่ว่าผลการแข่งขันครั้งนี้จะออกมาเป็อย่างไร นักฟุตบอลของทั้งสองทีมและกองเชียร์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสุข
เพราะรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าของทุกคนบอกแบบนั้น
:)
เมื่อกี้ใกล้เพิ่งคืนเสื้อให้พันลี้ไป เ้าตัวขอให้เขานั่งรออยู่ในสนามก่อน เพราะอยากเอาเสื้อไปเก็บไว้ในรถ ใกล้คิดว่าพันลี้คงมีบางอย่างอยากพูดกับเขาถึงให้อยู่รอ เขาจึงนั่งรอคุณพระจันทร์อยู่กับเ้าของแก้มย้อย ๆ ที่ตอนนี้ชมพี่ฟ้าคนโปรดให้ฟังไม่หยุด
“ใกล้เห็นลูกสุดท้ายที่พี่ฟ้าเตะเข้าโกลไหม ?”
“เห็นครับ”
“เท่สุด ๆ ไปเลยเนอะ”
ใกล้หัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นอีกคนพยักหน้าหลังพูดจบ คล้ายอยากให้เขาเห็นด้วยกับประโยคคำพูดของเ้าตัว “ใช่ เท่สุด ๆ ไปเลย”
“พี่ฟ้าน่ะนะ...ไม่เคยพูดอวดเลยว่าตัวเองเตะบอลเก่ง แต่พอเราได้มาดูพี่ฟ้าแข่งบอล พี่ฟ้าน่ะเก่งสุด ๆ ไปเลย”
ใกล้พยักหน้ารับพลางส่งยิ้มให้ที่รัก “ถ้าพี่ฟ้าได้ยินรักชมพี่ฟ้าแบบนี้ เ้าตัวคงดีใจน่าดูเลย”
“...” เ้าของแก้มย้อย ๆ ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินอาย ที่รักคงกำลังจินตนาการถึงสีหน้าของพี่ฟ้าตอนได้ยินคำชมจากปากตัวเองอยู่สินะ
“ไอ้แก้มย้อย !”
“อะ อะไรเล่าลี้หน้าหมา !”
เสียงเอ่ยเรียกที่ดังมาจากด้านหลังของเขาทำให้ที่รักสะดุ้งด้วยความใ ไม่ต้องเดาใกล้ก็รู้ว่าเป็คุณพระจันทร์ เขาแอบยิ้มขำกับสรรพนามที่ที่รักใช้เรียกพันลี้
คุณพระจันทร์ของเขากลายเป็ ‘ลี้หน้าหมา’ ไปได้ยังไงนะ
คนตัวสูงที่ยังอยู่ในชุดบอลสีขาวสะพายกระเป๋าสีดำแบรนด์ดังมาหยุดยืนตรงหน้าเราสองคน พันลี้เอื้อมมือไปผลักหัวทุยของเพื่อนสนิทเบา ๆ ใกล้รีบส่งมือไปประคองหลังหัวทุยทันทีที่เ้าตัวทำท่าจะหงายหลัง ที่รักหันมาพยักหน้าให้เขาเพื่อขอบคุณที่ช่วยเ้าตัวไว้ ก่อนจะหันกลับไปจ้องเขม็งใส่คุณพระจันทร์
“ลี้หน้าหมา ! ถ้ากูหงายหลังตกจากเก้าอี้นะ กูจะฟ้องพี่ฟ้า !”
ใกล้พอจะเดาได้แล้วว่าฉายา ‘ลี้หน้าหมา’ เกิดขึ้นได้ยังไง
คงเพราะคุณพระจันทร์ชอบแกล้งที่รักแน่ ๆ เลย
“โม้อะไรให้คุณใกล้ฟัง...กูเห็นมึงพูดไม่หยุดปากเลยไอ้แก้มย้อย”
“ไม่ได้โม้ กูกำลังชมพี่ฟ้าให้ใกล้ฟังอยู่”
“เกินไปมาก ๆ ถามคุณใกล้หรือยังว่าเขาอยากฟังหรือเปล่า ? มึงต้องหยุดชมพี่ฟ้าบ้าง...” พันลี้หันมาสบตากับเขา ก่อนจะอมยิ้มเหมือนที่ชอบทำ “...เพราะบางทีคุณใกล้อาจจะอยากชมใครบางคนให้ฟังเหมือนกัน”
“ไม่มีหรอก....วันนี้ใกล้ไม่ได้มาเชียร์ใคร ใกล้แค่เอาเสื้อมาคืนให้มึงเฉย ๆ ”
“มึงรู้ได้ยังไงว่าคุณใกล้แค่เอาเสื้อมาคืนกู ?”
“ก็ใกล้เป็คนบอกกูเอง…ใช่ไหมใกล้ ?”
ที่รักหันมาถามเขา ใกล้กำลังจะพยักหน้าตอบรับ เพราะเขาพูดกับที่รักไปอย่างนั้นจริง ๆ แต่ทว่าคนตัวสูงที่ตอนนี้เสหน้ามองไปทางอื่นคล้ายน้อยใจจนไม่อยากฟังบทสนทนาของเราสองคนทำให้ใกล้หลุดยิ้มออกมา
นิ้วเรียวเอื้อมไปจิ้มที่ท่อนแขนหนาเบา ๆ เพื่อเรียกให้อีกคนมีส่วนร่วมในบทสนทนาด้วยกัน คุณพระจันทร์ยอมหันมามองกันอย่างว่าง่าย แต่เ้าตัวทำหน้าบูดบึ้งและไม่ยอมยิ้มเลยสักนิด
“นอกจากเอาเสื้อมาคืนเ้าของแล้ว...เราก็ตั้งใจมาเชียร์พันลี้ด้วยนะ”
รอยยิ้มสดใสที่ปรากฏบนใบหน้าคุณพระจันทร์ในตอนนี้...
ทำให้ใกล้ลืมสีหน้าบูดบึ้งเมื่อกี้ไปเลย
“โธ่...ลี้หน้าหมาขี้น้อยใจ ที่แท้ก็อยากให้ใกล้บอกว่ามาเชียร์ตัวเอง”
“พูดมาก เดี๋ยวก็โดนหยิกแก้มขาดหรอกไอ้แก้มย้อย...” พันลี้พูดพลางส่งมือไปหยิกแก้มที่รักจนเ้าตัวยกมือขึ้นตีมือหนาเบา ๆ คล้ายส่งสัญญาณว่าเจ็บเกินไปแล้ว
“อะ โอ๊ย...”
“พันลี้...หยุดเลยนะ”
แม้ใกล้จะรักคุณพระจันทร์มากแค่ไหน แต่เขาก็ทนดูคนน่ารักเจ็บไม่ได้ มือเรียวเอื้อมไปตีที่มือของคุณพระจันทร์ดังแปะ เ้าตัวยอมปล่อยมือออกจากแก้มนุ่ม ใกล้ใช้มือลูบแก้มขาวเนียนที่ตอนนี้มีรอยแดง
“พันลี้...” เขาหันไปมองคุณพระจันทร์ด้วยสายตาดุ ๆ ก่อนเอ่ย “…แก้มรักเป็รอยแดงเลย”
“เดี๋ยวก็หาย...ลี้หยิกแก้มมันบ่อย”
“ลี้หน้าหมา ! ถึงรอยแดงจะหาย แต่ความเ็ปที่ฝังอยู่ในหัวใจไม่มีทางหายไปได้หรอก !”
ใกล้พยายามกลั้นยิ้ม เขาเอ็นดูสีหน้าและท่าทางของที่รักมากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่พันลี้จะอดใจไม่แกล้งเ้าตัวไม่ไหว “เจ็บมากไหมรัก ?”
“มาก ๆ เลยใกล้” คนขี้อ้อนยกมือวางทาบบนมือของเขาที่กำลังลูบแก้มเ้าตัวเบา ๆ พลางส่งสายตาละห้อยมาให้
“โอ๋ ๆ นะครับ เดี๋ยวก็หายแล้วเนอะ”
“อื้อ...” ที่รักตอบรับพลางส่งยิ้มให้เขา เป็รอยยิ้มที่ทุกคนเห็นแล้วคงชื่นใจ
“อ้อน...อ้อนไปทั่วเลยนะไอ้แก้มย้อย”
“ตอนนี้ลี้หน้าหมาไม่มีสิทธิ์พูด...ทำกูเจ็บแล้วยังจะพูดมากอีกนะ”
ใกล้หัวเราะให้กับประโยคคำพูดที่น่าเอ็นดูของที่รัก ก่อนคนที่เป็ต้นเหตุทำให้คนน่ารักไม่พอใจจะเอื้อมมือมาคว้ามือของเขาไว้แล้วพยักหน้าเป็เชิงชวนให้ลุกขึ้นยืน
“ลี้หน้าหมาจะชวนใกล้ไปไหน ?”
“กูจะชวนคุณใกล้ไปกินข้าวเป็เพื่อน...” พูดพลางมองเขาด้วยสายตาออดอ้อนไม่ต่างจากเพื่อนสนิทของเ้าตัว ก่อนเอ่ยต่อ “คุณใกล้ไปกินข้าวเป็เพื่อนลี้หน่อยได้ไหม ?”
อ้อนซะขนาดนี้...ใกล้จะปฏิเสธได้ยังไง “ดะ ได้สิ”
พันลี้ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะดึงเขาให้ลุกขึ้นยืน ใกล้ยอมเป็เด็กดีของคนขี้อ้อนโดยลุกไปยืนข้าง ๆ เ้าตัวอย่างว่าง่าย
“ส่วนมึง...ต้องนั่งรอพี่ฟ้าอยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปดื้อที่ไหน เข้าใจไหม ?”
“ไม่เข้าใจ...”
“ไอ้แก้มย้อย !”
“รู้แล้วล่ะน่า...ดุอยู่นั่นแหละ”
“แล้วพี่เบบไปไหนเหรอรัก ?” ใกล้เอ่ยถามเพราะกลัวเ้าตัวจะนั่งเหงาอยู่คนเดียว
“พี่เบบออกไปคุยโทรศัพท์เื่งานกับเพื่อน เดี๋ยวก็กลับมา...ใกล้ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเราหรอก ~”
“ใช่...คุณใกล้ไม่ต้องห่วงไอ้แก้มย้อยหรอก เดี๋ยวคนโปรดของมันก็มาหา”
“แน่นอนอยู่แล้ว...” คงเป็เพราะน้ำเสียงและสีหน้าขณะพูดของเ้าตัวที่ทำให้พันลี้มันเขี้ยวมาก ๆ ถึงได้ส่งมือไปผลักหัวทุยเบา ๆ อีกครั้ง
“ฮึ่ย ! ลี้หน้าหมาเอาอีกแล้วนะ !”
ใกล้มองพันลี้ที่หัวเราะชอบใจ “กูไปก่อนนะ”
“ไปเลย...เบื่อลี้หน้าหมาแล้ว ชอบแกล้ง”
“เราไปก่อนนะรัก”
“ค้าบ ไว้เจอกันนะใกล้”
“ครับ”
ใกล้โบกมือลาเ้าของแก้มย้อย ๆ ที่ส่งยิ้มมาให้เขา ก่อนจะเดินตามคนตัวสูงที่จูงมือพาออกมาจากสนามบอล หากเป็แต่ก่อนใกล้คงจะหัวใจเต้นแรงที่โดนคุณพระจันทร์จับมือแบบนี้ ทว่าตอนนี้เขาพอจะมีภูมิคุ้มกันบ้างแล้ว ใกล้จึงไม่หัวใจเต้นแรง
แต่ยังคงรู้สึกอบอุ่นหัวใจทุกครั้ง
ที่เราได้จับมือกัน...
“คุณใกล้...ลี้ขอแวะไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำ ก่อนไปกินข้าวได้ไหมคะ ?”
“อะ อาบน้ำเหรอ ?” ตอบกระอึกกระอักพลางมองกระเป๋าสะพายข้างของคนตัวสูง
“ใช่ค่ะ...เวลาลี้เตะบอลเสร็จแล้ว ลี้จะต้องอาบน้ำก่อนไปทำอย่างอื่น...” คุณพระจันทร์พูดพลางหันมามองเขา ก่อนเอ่ยต่อ “ลี้ไม่อยากไปกินข้าวกับคุณใกล้ทั้งที่ตัวเหม็นเหงื่อ”
ใกล้ทำจมูกฟุดฟิดคล้ายกำลังดมกลิ่น ก่อนจะตอบความจริงกับเ้าตัวไป “ตัวพันลี้ไม่เหม็นนะ”
“แต่เคยหอมกว่านี้ใช่ไหมล่ะคะ ?”
อ่า...ปกติคุณพระจันทร์จะตัวหอมฟุ้งเลยล่ะ
“ไม่ต้องคิดมากนะพันลี้ เราโอเค”
“ลี้ขอเวลายี่สิบนาทีนะคะใกล้ใจ...เดี๋ยวลี้จะรีบอาบน้ำให้เร็วที่สุดเลย”
คงเป็เพราะสายตาออดอ้อนของเ้าตัวที่ทำให้เขาพยักหน้าตอบรับ
“อื้อ”
#ใกล้แค่พันลี้
เมื่อมาถึงห้องอาบน้ำที่อยู่ข้างหลังสนามฟุตบอล พันลี้ก็พาเขาเข้ามาถึงข้างใน บรรยากาศภายในห้องอาบน้ำไม่ต่างจากห้องพักของนักกีฬาที่เคยเห็นในซีรีส์ไฮสคลู
ในห้องกว้างมีล็อกเกอร์อยู่ขนาบสองฝั่งทางเดิน และมีเก้าอี้ไม้ตัวยาววางอยู่ตรงกลาง เมื่อมองตรงไปจะเห็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่อยู่ไกล ๆ ใกล้เดาว่าหลังประตูบานนั้นคงเป็ห้องที่เอาไว้อาบน้ำ
“เดี๋ยวคุณใกล้นั่งรอลี้ตรงนี้ก่อนนะคะ”
“อื้อ...”
ใกล้พยักหน้ารับหงึกหงักพลางหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวยาว เขากวาดสายตาสำรวจรอบ ๆ ห้องกว้างอีกครั้ง ใกล้คิดว่าคงไม่ค่อยมีคนมาใช้ห้องอาบน้ำแน่ ๆ เพราะสภาพของล็อกเกอร์และสิ่งของต่าง ๆ ดูไม่ค่อยผ่านการใช้งานมาเลย
“รอลี้แป๊บนะคะคุณใกล้”
คนตัวสูงพูดพลางส่งมือมาลูบหัวเขาเบา ๆ ก่อนจะหิ้วกระเป๋าสีดำเดินไปที่ประตูบานเลื่อน ใกล้มองจนเ้าตัวคล้อยหลังหายไป แล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้เหงา โดยส่วนมากใกล้ไม่ค่อยเล่นโซเชียลมากนัก เขาแค่ตามข่าวสารต่าง ๆ ผ่านทางเฟสบุ๊ค หากไม่มีข่าวน่าสนใจแล้ว ใกล้ก็จะเข้าไปดูรายชื่อของหนังสือวรรณกรรมแปลที่ออกใหม่ในร้านหนังสือที่อยู่ในทวิตเตอร์
แต่่นี้ใกล้จะเข้าทวิตเตอร์บ่อยกว่าเฟสบุ๊ค
เพราะในทวิตเตอร์ข่าวสารค่อนข้างไวมาก
ครืด ~
ทว่านิ้วเรียวที่กำลังไล่เลื่อนดูรายชื่อหนังสือต้องหยุดชะงักเมื่อมีสายเรียกเข้าจากเพื่อนสนิท ใกล้ไม่รอช้ารีบกดรับสายพายทันที
“ว่าไงพาย ?”
[อยากจะเอาหัวโขกกำแพงห้องมาก]
“หือ ? ...พายเป็อะไรครับ ?” เพราะน้ำเสียงของเพื่อนไม่ค่อยดี ใกล้จึงต้องพูดด้วยถ้อยคำอ่อนโยน
[ใกล้จำวิชาคาร์โก้ที่อาจารย์บอกว่าจะให้แต่ละกลุ่มมาทำงานร่วมกันได้ปะ ?]
“อ๋อ...ที่อาจารย์บอกว่าจะให้พวกเราเลือกกลุ่มที่อยากทำงานร่วมกันมาหนึ่งกลุ่มใช่ไหม ?”
[ใช่ ๆ แล้วอาจารย์ก็เพิ่งเปลี่ยนใจเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าอาจารย์จะเป็คนจับคู่ให้แต่ละกลุ่มเอง]
“อ่า ๆ เราจำได้”
[เมื่อกี้เลยจ้ะ...อาจารย์เพิ่งโพสต์รายชื่อของแต่ละกลุ่มที่ต้องทำงานร่วมกันลงในเฟสบุ๊ค]
“กลุ่มเฟสบุ๊คของวิชานี้ใช่ไหม ?”
[ใช่ ๆ ]
“ทำไมของเราไม่แจ้งเตือนเลยนะ ปกติเวลาอาจารย์โพสต์อะไรก็จะแจ้งเตือนตลอด”
[ดีแล้วที่ไม่แจ้งเตือน ไม่งั้นได้ปวดหัวแน่ ๆ ...แต่ถึงยังไงก็ต้องปวดหัวอยู่ดีแหละ]
“...”
[กลุ่มเราได้คู่กับกลุ่มนิวนะ มีนิว ทศ อร เ้าเดิมเลย]
“โอ้โห...” ใกล้ร้องเสียงแ่อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะพยายามทำใจยอมรับในสิ่งที่เพิ่งรับรู้มา “...ถ้าอาจารย์จับคู่ให้เอง คงขอเปลี่ยนไม่ได้หรอก”
[นี่ไง...เราปวดหัวเพราะอาจารย์คนนี้ไม่ให้เปลี่ยนหรอก ครั้งที่แล้ววินไปขอเปลี่ยนกลุ่มเพราะมีปัญหากับเพื่อน อาจารย์ยังบ่นยับเลย]
“เราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจยอมรับแหละพาย เราแค่ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด...ก็หวังว่ากลุ่มนั้นคงจะแยกแยะเื่งานกับเื่ส่วนตัวได้นะ”
[…]
“ตอนทำงานก็ให้ลืมไปว่าเราเคยมีปัญหากัน แล้วให้ความสำคัญที่งานอย่างเดียว พอจบงานไปแล้วเราก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม”
[เราว่าพวกนั้นก็ปวดหัวไม่ต่างจากพวกเราหรอก]
ใกล้ยิ้มบาง ก่อนเอ่ย “แล้วเมย์รู้หรือยัง ?”
[รู้แล้ว ๆ เมย์ยังไลน์มาบอกอยู่เลยว่าเดี๋ยวจะเป็คนตั้งกลุ่มในไลน์ให้เอง เพราะยังมีไลน์ของนิวอยู่ แล้วค่อยให้ใกล้เข้าไปแบ่งงานให้ทุกคนหลังจากอาจารย์โพสต์หัวข้องานพรุ่งนี้]
“โอเคเลย...ถ้าเมย์ตั้งกลุ่มแล้ว ให้เมย์เชิญเราเข้ากลุ่มได้เลยนะ”
[โอเค ๆ งั้นเดี๋ยวเราขอไปคุยกับเมย์ต่อก่อนนะ]
“ครับ”
[ขอโทษที่โทรมารบกวนในวันหยุดแบบนี้นะใกล้ แต่เื่นี้ไลน์ไม่ได้จริง ๆ ต้องโทรเท่านั้น]
ใกล้หัวเราะ เพราะเสียงที่ดูจริงจังปนเหนื่อยหน่ายของเพื่อนสนิท “ไม่เป็ไรเลย โทรมาได้ตลอดเลยนะ”
[โอเคจ้า]
หลังวางสายจากเพื่อนสนิท คนตัวเล็กก็พรูลมออกจากปากเบา ๆ แค่คิดว่าจะต้องรับมือกับสามคนนั้น ใกล้ก็รู้สึกเหนื่อยรอแล้ว แต่เขาคิดว่างานชิ้นนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ใกล้จะทำในส่วนของตัวเองให้เต็มที่
ไลน์ ~
ใกล้ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้น นิ้วเรียวปัดหน้าจอเพื่อกดรับคำเชิญเข้าร่วมกลุ่มในไลน์ เมื่อเข้าไปในห้องแช็ตก็เห็นว่ามีสมาชิกครบแล้ว
MaMay : ทุกคนเข้ามาครบแล้วนะ
MaMay : เดี๋ยวพรุ่งนี้อาจารย์โพสต์หัวข้องานแล้ว ค่อยให้ใกล้มาแบ่งงานให้อีกทีนะ
Newz : ok
เขามองประโยคตอบกลับสั้น ๆ ของนิวพลางส่ายหน้าเบา ๆ แม้เ้าตัวจะดูไม่ค่อยเต็มใจที่จะทำงานร่วมกัน แต่อย่างน้อย ๆ ใกล้ก็ยังโล่งใจที่อีกฝ่ายตอบสนองกลับมาบ้าง
ความรู้สึกของอีกกลุ่มคงไม่ต่างจากกลุ่มของเขา
แค่ทำในส่วนของตัวเองให้ดี...เมื่อจบงานก็แยกย้ายกันเหมือนเดิม
ใกล้กดออกจากห้องสนทนาเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรสำคัญแล้ว ก่อนจะหันไปมองทางด้านหลังเพราะได้ยินเสียงประตูบานเลื่อนเปิดออก
เป็ในตอนนี้ที่เขาเห็นคนตัวสูงกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดเรือนผมสีบลอนด์ทองที่เปียกหมาดอยู่ คุณพระจันทร์ใส่เสื้อเชิ้ตสีกรมลายใบไม้เล็ก ๆ สีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำ ใกล้จะไม่รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบเลย ถ้าคุณพระจันทร์ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ดี ๆ ก่อนออกมาจากห้องอาบน้ำ
เพราะเ้าตัวไม่ยอมติดกระดุมเลยสักเม็ด จึงเผยให้เห็นหน้าอกแกร่งและกล้ามหน้าท้องที่ทำให้กองเชียร์ให้สนามส่งเสียงฮือฮา พันลี้เดินมานั่งลงข้าง ๆ เขา
ใกล้ละสายตาจากอีกคนแล้วเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ อุณหภูมิความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นถูกส่งผ่านจากใบหูลงสู่ปลายเท้าอย่างรวดเร็ว
ใกล้ไม่ได้คิดทะลึ่งอะไรเลย...
ที่เขินก็เพราะไม่เคยเห็นใครโป๊แบบนี้
“เมื่อกี้คุยไลน์กับใครอยู่คะ ? ...เสียงไลน์ดังไม่หยุดเลย”
“พะ เพื่อนเราเอง” ตอบโดยไม่หันไปสบตากับอีกฝ่าย
“เพื่อนจริง ๆ หรือเปล่า ~”
“อื้อ...เพื่อนจริง ๆ ”
เสียงหัวเราะเบา ๆ และกลิ่นประจำกายที่หอมฟุ้งทำให้ใกล้อยากจะวิ่งออกไปจากห้องอาบน้ำ เขาไม่รู้ว่าจะเก็บอาการไปได้อีกนานแค่ไหน ไม่ต้องส่องกระจกใกล้ก็พอจะรู้ว่าหูและแก้มของตัวเองต้องแดงมากแน่ ๆ
“คุณใกล้ เมื่อวานลี้ไปซื้อรองเท้าสตั๊ดแล้วบังเอิญเห็นอันนี้...”
คนที่โดนล่อด้วยของบางอย่างยอมหันไปมองคุณพระจันทร์ทั้งที่ยังเขินอายอยู่ “อะไรเหรอ ?”
พันลี้หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าสะพายสีดำ สมุดโน้ตรูปกระต่ายตัวน้อยที่นั่งห้อยขาอยู่บนพระจันทร์เสี้ยวถูกยื่นมาตรงหน้าเขา ใกล้หลุดยิ้มออกมาแล้วเงยหน้าสบตากับคุณพระจันทร์
“สมุดโน้ตค่ะ...ลี้เห็นแล้ว....”
“…”
“คิดถึงใกล้ใจ”
“...”
“ลี้ก็เลยซื้อมาฝาก...หวังว่าคุณใกล้จะชอบนะคะ”
“เราชอบ...” พูดพลางส่งยิ้มให้คุณพระจันทร์
“ปกติคุณใกล้ชอบจดอะไรลงในสมุดโน้ตไหมคะ ?”
“ส่วนมากเราจะพกสมุดโน้ตติดตัวตลอด เพราะเราชอบจดงานสำคัญ ๆ ไว้ในสมุดโน้ต”
“อ๋อ...งั้นดีเลยค่ะ”
“…”
“ต่อไปนี้คุณใกล้จะได้พกสมุดเล่มนี้ไปเรียนด้วย”
ใกล้พยักหน้าหงึกหงัก “...”
“เวลาเห็นสมุดเล่มนี้แล้วต้องคิดถึงลี้ด้วยนะคะ”
ใกล้หัวเราะ ก่อนเอ่ย “อันนี้ถือเป็ข้อแลกเปลี่ยนใช่ไหมนะ ?”
“ไม่ใช่ค่ะ...เวลาเห็นสมุดโน้ตแล้วต้องคิดถึงลี้ อันนี้เป็สิ่งที่คุณใกล้ควรทำเป็ประจำทุกวัน”
“...”
“แต่ข้อแลกเปลี่ยนจริง ๆ คือ...” พันลี้ดึงสมุดโน้ตที่ยื่นให้เขากลับไปแนบอกตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างคนเ้าเล่ห์ “คุณใกล้ต้องทำตาปิ๊ง ๆ ให้ลี้ก่อนค่ะ”
คนตัวเล็กเลิกตาโตเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “ทะ ทำตาปิ๊ง ๆ เหรอ ?”
“ค่ะ...ทำตาปิ๊ง ๆ เหมือนสติกเกอร์กระต่ายที่คุณใกล้ส่งให้ลี้ทางไลน์”
คุณพระจันทร์คงชอบกระต่ายทำตาปิ๊ง ๆ มากเลยสินะ
ใกล้คิดว่า...ถ้าตัวเองเลียนแบบเ้ากระต่ายตัวนั้นให้ได้มากที่สุด
บางทีคุณพระจันทร์อาจจะชอบใกล้ใจบ้างก็ได้
คนตัวเล็กไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมาสู้กับสติกเกอร์ไลน์ตัวโปรดที่ใช้เป็ประจำ แต่เพื่อทำให้คุณพระจันทร์ประทับใจในตัวเขาบ้าง ใกล้จึงตัดสินใจทำอย่างที่เ้าตัวขอ
ใกล้สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะสบตากับคุณพระจันทร์ที่กำลังอมยิ้มอยู่ เป็ในตอนนี้ที่ใกล้กะพริบตาปริบ ๆ สองครั้ง เพื่อทำตาปิ๊ง ๆ ส่งไปให้อีกคน
พันลี้หัวเราะชอบใจ มือหนาเคลื่อนมาบีบจมูกเขาเบา ๆ อย่างที่เ้าตัวชอบทำ ก่อนจะยื่นสมุดโน้ตมาให้พร้อมเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา
“มันเขี้ยว...”
“ขอบคุณนะพันลี้”
“ขอเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็ทำตาปิ๊ง ๆ อีกรอบได้ไหมคะ ?”
ใกล้เป็เด็กดีของคุณพระจันทร์เสมอ เขาละสายตาจากสมุดโน้ตที่เพิ่งรับมาแล้วทำตาปิ๊ง ๆ ให้คุณพระจันทร์อีกครั้ง “ครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
“โอเคค่ะ”
พันลี้พูดปนหัวเราะ ก่อนจะก้มหน้าติดกระดุมเสื้อของตัวเอง ใกล้ลอบมองคุณพระจันทร์ที่มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าพลางคิดว่า...
ไม่เคยคิดเลยว่า...เราจะได้อยู่ใกล้กันขนาดนี้
และไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...ใกล้ใจจะทำให้คุณพระจันทร์ยิ้มได้
:)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้