หลังจากที่เวินชงเข้ามารายงานว่าคนในตระกูลมารวมกันครบทุกคนแล้วเวินติ่งเทียนก็ยืดตัวลุกขึ้นยืน ทั่วทั้งลานประลองก็เงียบลงในทันที
“วันนี้ข้ามีเื่ที่สำคัญอย่างมากจะประกาศเื่ที่ว่านี้มีความเกี่ยวข้องกับทุกคนทุกชนชั้นในตระกูลเวินของเรา”
เสียงพูดของเวินติ่งเทียนดังก้องกังวานไปทั่วทั้งสถานที่ผู้ฟังทุกคนในที่แห่งนั้นล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม
พวกเขาไม่คิดว่าเวินติ่งเทียนจะให้ความสำคัญกับเื่ที่ครูฝึกสอนอย่างหวังชงถูกฆ่าตายมากขนาดนนี้ถึงขนาดต้องเรียกเหล่าสมาชิกทุกคนของตระกูลมาประชุมพร้อมกันเพื่อจัดการเื่ที่เกิดขึ้น...
เวินติ่งเทียนกล่าวต่อไปว่า“เื่ที่จะพูดถึงนี้ เกี่ยวข้องกับคนนอกตระกูลเวินของเราคนหนึ่ง หลินอี้ท่านก้าวออกมาด้านหน้านี้หน่อย”
นั่นอย่างไร...ท่านประมุขจะจัดการกับเ้าหนูนี่จริงๆ ด้วย!
เกิดเสียงกระซิบพูดคุยดังหึ่งๆ
สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องไปยังหลินหยาง
สายตาของความเป็ห่วงของเวินชิงชิงความได้ใจของเวินโฮ่ว ความเ็าของเวินเทา และอื่นๆ อีกมากมาย
ในที่สุดก็มาถึง่เวลาสำคัญที่จะตัดสินชี้ชะตาของหลินหยางในตระกูลเวินแห่งนี้แล้ว
หลินหยางค่อยๆ ย่างก้าวออกมายืนอยู่ตรงกลางลานประลองแห่งนี้เขาหันหน้าเข้าหาเวินติ่งเทียนด้วย บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม ยืดหลังตรงยกมือขึ้นทำท่าคารวะ “ท่านประมุขเวิน”
เ้าบ้าเอ๊ย
เ้าหลินอี้นี่ในเวลาแบบนี้มันยังทำใจเย็นได้อยู่อีก!
ผู้คนที่กำลังดูอยู่พอเห็นท่าทางของหลินอี้ที่ดูไม่ร้อนรนอะไรเลยแบบนี้ ก็สงสัยว่า ตกลงแล้วหลินอี้นั่นมันใจกล้าหรือเป็บ้าไปแล้วกันแน่โดยเฉพาะเวินโฮ่วนั้นถึงกับกัดฟันกรอด แอบด่าหลินอี้อยู่ในใจว่า
“หน้าสิ่วหน้าขวานแล้วยังทำมาวางท่าอีกดูสิว่าท่านพ่อจะจัดการเ้าอย่างไร!”
เวินติ่งเทียนมองไปที่หลินหยางแล้วจึงผงกหัวให้แววตาของเขาดูลึกลับยากจะคาดเดาว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับประกาศด้วยเสียงอันดังว่า
“ข้าขอประกาศนับจากนี้ไปหลินอี้จะเป็ที่ปรึกษาผู้าุโท่านที่ 5 ของตระกูลเรา!”
หลังจากเสียงเงียบไปเพียงไม่กี่วินาทีทั่วทั้งลานประลองก็เกิดการแตกตื่นกันอย่างจ้าละหวั่น
อะไรนะ!!
เวินโฮ่วตาโตจนลูกตาแทบจะถลนหลุดออกจากเบ้าแล้วเขาดึงหูตัวเองไม่หยุด ตรวจดูว่าไม่ได้หูฝาดไปเองใช่หรือไม่
มันกลายเป็แบบนี้ไปได้อย่างไรกัน?
เวินเทาที่อยู่ข้างกันนั้นก็ยืนเอ๋อไปเป็ที่เรียบร้อย
เขานึกว่าฉากต่อไปที่จะได้เห็นคือการลงโทษหลินอี้อย่างโเี้ของเวินติ่งเทียนกระทั่งตัวเขาเองยังหวังที่จะลงไปเป็ผู้ลงโทษมันด้วยตัวเองเลยแต่เื่ราวมันดันกลับตาลปัตรไปจากสิ่งที่เขาคิดไว้แต่แรกอย่างสิ้นเชิง
“ท่านพ่อ!”เวินเทาหันไปถามว่า “ท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่เ้าหลินอี้นี่มันเป็ฆาตกรที่ฆ่าครูฝึกหวังจนตายนะ!”
จริงด้วย!
ผู้คนที่มาประชุมในที่แห่งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วต่างก็รู้กันว่าหลินอี้เคยทำอะไรเอาไว้ พวกเขาจึงไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินบนใบหน้าของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยเครื่องหมายสงสัย
“ฆาตกร?”เวินติ่งเทียนมองหน้าบุตรชายคนที่สองของตัวเองสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “แค่จะจับฆาตกรคนหนึ่ง เ้าทำถึงขั้นพาคนของตระกูลไปที่เลี่ยนเทียนเฮ่าอีกทั้งยังสั่งหยุดกิจการของเลี่ยนเทียนเฮ่าไปหนึ่งวันเต็มโดยพลการด้วยใช่หรือไม่?”
เวินเทาพยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่กล้าเถียงกลับไปแม้แต่คำเดียว
ป้าบ
เสียงฝ่ามือตบเข้าที่หน้าคนดังสนั่น
เวินเทาถึงกับถอยเซไปด้านหลังหลายก้าวการตบของเวินติ่งเทียนครั้งนี้ดุดันหนักหน่วงมาก แต่คำพูดต่อมานั้นเจ็บแสบยิ่งกว่า
“เป็ถึงคุณชายลำดับที่สองของตระกูลเวินแต่กลับเป็คนแหกกฎเสียเอง แถมยังก้าวก่ายกิจการของครอบครัวเสียมารยาทกับผู้าุโของตระกูล ทำลายชื่อเสียงของตระกูลเวินที่สั่งสมกันมานานนับร้อยปี...ท่านผู้าุโถัง ทำตามกฎของตระกูล หักแขนมันทิ้งข้างหนึ่งแล้วค่อยขับไล่มันออกจากตระกูล!”
ซวยแล้ว โหดร้ายมาก!
ผู้คนรอบๆ นั้นถึงกับอึ้งไปนี่มันการประชุมเพื่อตัดสินโทษของหลินอี้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงกลายเป็คุณชายสองที่ถูกลงโทษแทนเล่าแถมยังโดนโทษหนักขนาดนั้นอีก ท่านประมุขไม่ใจดำ ไร้เมตตาเกินไปหน่อยหรือ...
มีเพียงหลินหยางเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมประมุขตระกูลเวินผู้นี้ถึงสามารถควบคุมตระกูลและดูแลกิจการที่ใหญ่โตแบบนี้ได้ ถ้าเขาไม่มีความเด็ดขาดพอและไร้ซึ่งความยุติธรรมแล้วเขาจะสามารถควบคุมคนหมู่มากแบบนี้ได้หรือ?
ความนับถือที่มีต่อเวินติ่งเทียนนั้นเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
ส่วนผู้าุโอีกท่านหนึ่งที่อยู่ข้างๆกันนั้นรีบออกปากขอความเมตตาแทน “ท่านประมุข ถึงคุณชายสองจะทำผิดจริงแต่ก็เป็การทำผิดครั้งแรก ได้โปรดให้อภัยเขาด้วยเถอะ!”
ตึง
เวินโฮ่วที่ยืนอยู่ข้างๆเวินเทาเองก็รีบคุกเข่าลงทันทีพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา “ท่านพ่อที่พี่รองทำไปทั้งหมดก็เพราะ้าจะล้างแค้นให้หัวหน้าครูฝึกหวังชงนะคนที่ฆ่าครูฝึกหวังก็คือเ้าหลินอี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นละ ถ้าจะลงโทษจริงๆท่านก็ลงโทษเ้าหมอนั่นก่อนสิ!”
“ใช่แล้วขอรับท่านประมุขฆาตกรฆ่าคนยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แถมมันยังทำร้ายคุณชายสองจนาเ็อีกท่านประมุขควรลงโทษฆาตกรก่อนนะขอรับ”
ลูกสมุนสิบกว่าคนที่ก่อนหน้านี้ได้ติดตามเวินเทาไปที่เลี่ยนเทียนเฮ่าด้วยและถูกหลินหยางซัดหมอบเ่าั้ต่างก็พากันชี้นิ้วไปที่หลินหยางพร้อมกับเรียกร้องให้เอาผิดหลินหยางด้วย
ต้องลงโทษฆาตกรก่อน ไม่อย่างนั้นพวกข้าไม่ยอม!
พอคนเหล่านี้พูดพร้อมกันมันก็พอจะมีแรงกดดันอยู่บ้าง เวินติ่งเทียนหันมามองพวกมันด้วยสีหน้าเรียบเฉยหลังจากนั้นก็มองไปยังเวินเทาที่ยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจอยู่ จากนั้นประมุขประจำตระกูลก็ถอนหายใจเบาๆดังหึ
“ลงโทษฆาตกรก่อนหรือ...ก็ดี ถ้าไม่ทำอย่างนั้น เ้าพวกโง่ไร้สมองอย่างพวกเ้าคงจะไม่มีทางรู้ตัวแน่ว่าตัวเองผิดตรงไหน”
เขาหันไปมองที่หลินหยางแล้วเอ่ยถามว่า“หลินอี้ ท่านเป็คนฆ่าหวังชงหรือไม่?”
แน่นอนว่าหลินหยางต้องส่ายหัวปฏิเสธ“ข้าไม่ได้ทำ!”
เวินติ่งเทียนหันไปหาพวกที่คัดค้านกันอยู่“พวกเ้าได้ยินแล้วใช่หรือไม่? เขาบอกแล้วว่าไม่ได้เป็คนฆ่าหวังชง”
เวินโฮ่วที่ได้ยินอย่างนั้นก็แสดงความไม่พอใจทันที“เดี๋ยวสิท่านพ่อ นั่นมันแค่คำพูดจากหลินอี้แค่ฝ่ายเดียวเองนะมันบอกไม่ได้ฆ่าก็คือไม่ได้ฆ่า แค่นั้นหรือ?”
เวินติ่งเทียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น“แล้วเ้าเห็นหลินอี้ฆ่าคนหรือเปล่า?”
“อะ...ข้าไม่เห็นหรอกท่านพ่อ แต่วันที่เกิดเื่น่ะ คนที่ครูฝึกออกไปหาเพื่อจะสั่งสอนคือหลินอี้แถมบนตัวของครูฝึกก็มีตัวอักษรที่เกิดจากการถูกมีดกรีดด้วยมันเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครเป็คนทำ” เวินโฮ่วอธิบายเพิ่มเติม
เวินติ่งเทียนกล่าวต่อว่า“หลินอี้ ท่านจะอธิบายเื่นี้อย่างไร?”
แน่นอนว่าหลินหยางตอบกลับไปตรงๆตามความจริง “วันนั้นข้าจัดการสั่งสอนหวังชงไปจริงๆแต่ข้าไม่ได้ทำถึงขั้นลงมือสังหารเขา ถ้าข้า้าจะปลิดชีพมัน ข้าจะสลักตัวอักษรเหลือไว้เป็หลักฐานทำไม? ข้าทำลายศพทิ้งไปเสีย ไม่ให้พวกท่านหาศพเจอไม่ดีกว่าหรือ? แล้วถ้าข้าเป็คนทำจริงๆ ข้าหนีไปให้ไกลๆ เลยดีกว่า จะอยู่ที่เลี่ยนเทียนเฮ่ารอให้พวกท่านตามมาจับตัวอีกทำไม? ถ้าข้าเป็ฆาตกรจริงๆ ข้าก็ยิ่งไม่จำเป็ต้องกลับมาที่คฤหาสน์แห่งนี้อีก...”
คำถามที่หลินหยางถามกลับไปทุกข้อล้วนยิงเจาะได้ตรงประเด็น ทำเอาเวินโฮ่วอ้าปากค้าง เวินติ่งเทียนที่ยืนมองอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางกล่าวว่า
“เวินโฮ่วเ้าทำให้บิดาผิดหวังอย่างมาก... เหตุผลง่ายๆ แค่นี้ เ้ายังต้องให้หลินอี้มาสอนเ้าไม่อายชาวบ้านเขาเลยหรือ?”
“แต่ว่า...แต่ว่า...”เวินโฮ่วตอนนี้พูดได้แค่คำว่าแต่ว่า หาคำอื่นมาเถียงไม่ได้เลย
หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีหันไปตะคอกใส่ทั้งเวินโฮ่ว เวินเทา และพวกลูกสมุนเ่าั้ “เวินโฮ่วมันคิดไม่ได้แล้วเ้าที่เป็พี่รองเล่าเวินเทา เ้าเองก็โง่เง่าไร้สมองด้วยรึ? แล้วก็พวกเ้าด้วยเหมือนกัน มีแต่พวกปัญญาอ่อนหรืออย่างไร!!”
การแสดงความพิโรธครั้งนี้รุนแรงดุจคลื่นั์สาดซัดเข้าใส่ทำเอาผู้คนในลานประลองแทบจะหยุดหายใจ
และในจังหวะที่ทุกคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั้นเวินติ่งเทียนก็เรียกชื่อของคนๆ หนึ่งออกมากะทันหัน “เซี่ยเฉียงได้ยินว่าปกติเ้าจะฉลาดหลักแหลมมีไหวพริบนี่ เหตุผลที่คนเหล่านี้คิดไม่ออกทำไมคราวนี้แม้แต่เ้าเองก็คิดไม่ออกด้วย?”
สีหน้าของคนที่ชื่อเซี่ยเฉียงถึงกับเปลี่ยนไปกะทันหันพูดแบบอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ข...ข้าน้อย ข...ข้าน้อย ข้าน้อยเองก็ แค้นจนไม่ทันได้คิดน่ะขอรับ...”
“ไม่เ้าไม่ได้แค้น...” เวินติ่งเทียนมองไปที่มันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“มันเป็เพราะเ้ารู้อยู่แล้วว่าใครคือฆาตกรตัวจริง หลินอี้มันก็แค่แพะรับบาปแทนเ้าใช่หรือไม่?”
อะไรนะ?
คำพูดนี่ราวกับอสนีบาตที่ฟาดลงมาจากท้องฟ้าทำเอาผู้คนทั้งหมด ณ ที่แห่งนั้นถึงกับอ้าปากค้าง
ส่วนเซี่ยเฉียงก็มองไปที่เวินติ่งเทียนด้วยสีหน้าประหลาดใจ“ข้าน้อยไม่รู้ว่าท่านประมุขกำลังพูดเื่อะไรอยู่”
เวินติ่งเทียนก็คร้านจะไปสนใจละครลิงที่เซี่ยเฉียงแสดงแล้วจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “แต่เดิมแล้วเื่ที่เ้ารับเงินของตระกูลโอวหยางในขณะที่อาศัยในคฤหาสน์ของข้าข้าก็ไม่ว่าอะไรนะเซี่ยเฉียง แต่ความผิดของเ้าในครั้งนี้มันร้ายแรงเกินไป เวินชงใน่ที่ข้าไม่อยู่นี่ เซี่ยเฉียงมันทำอะไรไว้บ้าง เ้าเล่าให้ทุกคนฟังเถอะ...”
“ขอรับ”
พ่อบ้านชราเวินชงที่ยืนอยู่ข้างๆเขานั้น ก้าวออกมายืนอยู่ด้านหน้า แล้วจึงเล่าพฤติกรรมของเซี่ยเฉียงใน่ครึ่งเดือนมานี้ออกมาอย่างละเอียดเขารู้แม้กระทั่งเวลาที่เซี่ยเฉียงออกไปติดต่อกับพวกตระกูลโอวหยางและเื่ของเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่หวังชงไล่ตามหลินหยางออกไปเซี่ยเฉียงเองก็ตามออกไปด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นก็แอบๆ กลับเข้ามานอกจากนี้ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอื่นๆ ไม่ว่าจะเื่เล็กเื่ใหญ่ก็ถูกบันทึกเอาไว้หมดทุกการกระทำ
หลินหยางเมื่อได้ยินเื่นี้เข้าก็รู้สึกนับถือในตัวเวินติ่งเทียนมากขึ้นไปอีกหลายส่วน
ถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ แต่ก็ยังสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคฤหาสณ์ได้อย่างละเอียดแม่นยำทั้งวิธีการและแิแบบนี้ ช่างเหมาะที่จะเป็พันธมิตรด้วยจริงๆ!
“ท่านประมุขโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยข้าน้อยตอนนั้นหน้ามืดตามัวจนเผลอทำผิดครั้งใหญ่ ท่านโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด!!”เซี่ยเฉียงคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้โฮ ร้องขอชีวิตกับเวินติ่งเทียนแต่มันคงไม่มีโอกาสให้แก้ตัวอีกแล้ว
ผู้าุโก้าวออกมาจากด้านหลังของเวินติ่งเทียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจากนั้นก็ใช้ฝ่าเท้าเหยียบลงไปบนกระดูกสันหลังของเซี่ยเฉียงจนหักครึ่งภายในครั้งเดียวจากนั้นจึงกระทืบซ้ำลงไปบนร่างกายท่อนบนของมันจนแหลกละเอียดลงมือสังหารด้วยวิธีที่เรียบง่ายและรวดเร็ว กำจัดหนอนบ่อนไส้อย่างไร้ปรานี
ส่วนเวินติ่งเทียนนั้นไม่แม้แต่จะมองศพของมัน แต่เขากลับมองไปที่ลูกชายไม่ได้ความทั้งสองของตน
“ที่นี้พวกเ้าก็สมใจอยากกันแล้วใช่หรือไม่?”
เวินเทาที่ก่อนหน้านี้ยังทำตัวแข็งกระด้างไม่ยอมรับความผิดนั้นตอนนี้ก็ยอมก้มหัวอย่างไร้เรี่ยวแรงแล้ว “เป็ลูกเองที่โง่เขลาท่านพ่อโปรดลงโทษลูกด้วยเถอะ!!”
“ท่านพ่อเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็ความผิดของข้าเองพี่รองแค่อยากล้างแค้นให้ครูฝึกหวังเท่านั้น ถ้าจะโทษก็โทษข้าเถอะ ท่านอย่าขยี้พี่รองทิ้งเลยนะ!”เวินโฮ่วที่อยู่ข้างๆ เองก็พังทลายอย่างย่อยยับแล้วเช่นกันตอนนี้ใจคิดเพียงแค่เื่หาทางปกป้องพี่ชายของเขาให้ได้
“ท่านพ่อโปรดเมตตาด้วยเถอะ”เวินอวี่ที่อยู่ข้างๆ กันก็ช่วยขอร้องอีกครั้ง
“ท่านประมุขความผิดของคุณชายสองไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดนั้นเลยนะ...” เหล่าผู้าุโระดับเซียนเทียนต่างก็ช่วยกันออกปากขอร้อง
“ท่านประมุขโปรดเมตตาด้วยเถอะ!”เหล่าผู้คนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ช่วยกันออกปากร้องขอความเมตตาให้เวินเทาถึงอย่างไรเขาก็ยังหนุ่มยังแน่น แถมยังเป็ความหวังของตระกูลเวินในด้านวรยุทธ์ด้วยไม่ควรที่จะถูกขยี้ทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้
อี้สิงอวิ๋นเองก็ออกปากช่วยขอด้วยเช่นกัน“เอาน่า เอาน่า ท่านประมุขเวิน เื่ในวันนี้ก็ปล่อยผ่านมันไปเถอะเ้าหนูเวินเทาถึงจะมุทะลุไปหน่อย แต่มันก็เป็เด็กที่กล้าหาญแค่สั่งสอนมันดีๆหน่อยก็พอแล้ว”
เมื่อเป็แบบนี้เวินติ่งเทียนจึงทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆ ออกมาทีหนึ่ง “เอาละ...เวินเทา เห็นแก่ที่ทุกคนขอร้องไว้ เ้าจงไปรับโทษ ‘เฆี่ยนโบยฝึกกระดูก’หนึ่งร้อยครั้งและไปทำงานใช้แรงที่พื้นที่เพาะปลูกของตระกูลเวินเราหนึ่งเดือนเถอะ”
โทษเฆี่ยนโบยฝึกกระดูกหนึ่งร้อยครั้ง!
คนที่รู้ถึงบทลงโทษของตระกูลเวินนั้นต่างก็พากันใจหายแทนเวินเทาเพราะนั่นเป็การลงโทษที่รุนแรงถึงขั้นเืตกยางออกเลยทีเดียว โดนไปร้อยครั้งก็เหมือนกับชีวิตหายไปแล้วครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ถ้าเทียบกับการที่ต้องถูกขยี้แขนทิ้งไปข้างหนึ่งโทษนี้ก็ถือว่าเมตตามากแล้ว
เมื่อเวินเทาฟังจบแล้วก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา เขาทำเพียงโขกหัวคำนับแรงๆ “เวินเทาขอขอบพระคุณที่ท่านพ่อเมตตา”
“ส่วนเ้าเวินโฮ่ว!” คราวนี้เวินเทาหันไปมองที่ลูกชายคนที่สามที่โง่เง่ามากที่สุด
เวินโฮ่วรีบหมอบกราบลงไปจนหัวติดพื้นร้องไห้งอแงว่า “ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้ว...”
เวินติ่งเทียนมองไปยังลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้แล้วก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไรกับมันดี ในที่สุดก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมา “ความผิดของข้าเองเ้าไม่ควรที่จะมาอยู่เมืองอวิ๋นเฉิงั้แ่แรกอยู่แล้ว ั้แ่พรุ่งนี้ไปเ้าต้องกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเก่าในทิศใต้เสีย และถ้าข้าไม่อนุญาตเ้าไม่มีสิทธิกลับมาที่เมืองอวิ๋นเฉิงเด็ดขาด!”
“ท่านพ่อ!!”
พอเวินโฮ่วรู้ว่าตัวเองถูกเนรเทศแล้วก็เข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยสีหน้าอันสิ้นหวังทันที
ถ้าเขารู้ว่าเื่ราวจะกลายเป็แบบนี้เขาคงไม่มีทางเลือกที่จะเป็ศัตรูกับหลินอี้แน่นอน ต่อให้เอาของวิเศษจากไหนมาแลกก็ตาม!