เย่เฟิงหรี่ตามองการกระทำของหลี่เฟิงและทหารจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเื่พวกนี้
“อี๋ ถุย!” หลี่เฟิงเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มจากตำหนักไท่จี๋หลังจากถอดหน้ากาก สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนคือใบหน้าที่ถูกไฟไหม้จนน่าเกลียดน่ากลัวอย่างยิ่ง
เพราะหน้ากากถูกถอดออก เด็กหนุ่มจึงถลาเข้าเตะต่อยทหารของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติด้วยความคลั่ง แต่เป็เพราะพลังปราณถูกยับยั้ง มันจึงเป็เพียงความพยายามที่ไร้ประโยชน์
“น่าเกลียดอะไรขนาดนี้ แกทำให้ฉันใแทบแย่” หลี่เฟิงร้องด้วยความใ ก่อนยกเท้าถีบเด็กคนนั้นเต็มแรงจนทำให้เด็กหนุ่มกลิ้งไปบนพื้น
ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยู่บริเวณโดยรอบอดก่นด่าหลี่เฟิงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าตัวเอง้าถอดหน้ากากเด็กหนุ่มเพื่อประจานต่อหน้าคนอื่นหรอกหรือ แต่กลับโทษเด็กหนุ่มคนนั้นว่าทำให้ตัวเองใ แน่นอนว่าถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครออกหน้าช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นสักคน
ไม่มีผู้าุโของตำหนักไท่จี๋คนใดอยู่ที่ทะเลตะวันออก และเด็กหนุ่มคนนี้เป็เพียงศิษย์ธรรมดาที่มาที่นี่เพื่อสืบข่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้แต่ตำหนักไท่จี๋ก็ไม่กล้ามีปัญหากับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ฉะนั้นจึงไม่มีใครเต็มใจออกมาปกป้องเด็กหนุ่มเลย โดยเฉพาะหลี่เฟิงที่เป็ถึงผู้นำของหน่วยนี้ เพราะมันไม่ใช่เื่ที่เจรจาแล้วจะจบได้ง่ายๆ แน่
และไม่ใช่ทุกคนจะเพี้ยนแบบหลงโม่หราน
เด็กหนุ่มถูกเตะจนล้ม ทั้งตัวเปียกโชกจากสายฝน เนื้อตัวเต็มไปด้วยกรวดหินและเม็ดทรายจนเด็กหนุ่มอยู่ในสภาพอเนจอนาถ เด็กหนุ่มคว้าเม็ดทรายมากำไว้แน่น อีกทั้งิัตามมือของเขาเริ่มช้ำและมีเืไหล
เขาจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว!
ตำหนักไท่จี๋เป็สำนักที่มีชื่อเสียงในยุทธจักรยิ่งนัก เพียงออกคำสั่งประโยคเดียว ทั้งตระกูลหลงและตระกูลถังต่างก็เคารพยำเกรง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาวุธล้ำสมัยของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าหวาดกลัวอาวุธเ่าั้จริงๆ
แต่เขาไม่อยากทนอีกต่อไปแล้ว!
หลี่เฟิงผู้นี้ถอดหน้ากากของเขาเพื่ออะไร? หากผู้าุโของตำหนักไท่จี๋อยู่ก็คงไม่เป็เช่นนี้ แต่ตอนนี้เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว และถึงแม้ผู้าุโจะทราบเื่นี้แล้ว ก็ไม่มีทางหาแก้แค้นสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติได้เลย เพราะตำหนักไท่จี๋จะไม่ล่วงเกินสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพื่อเขาแน่นอน
“หึ น่าเบื่อสิ้นดี” หลี่เฟิงแค่นเสียงก่อนดันแว่นตาขอบทองขึ้นด้วยความเคยชิน แต่เขานึกได้ว่าแว่นตาของตัวเองถูกทำลายด้วยดาบของหลงโม่หรานเป็ชิ้นๆ ก็ยิ่งรู้สึกเดือดพล่านในใจ
เขากระทืบเด็กหนุ่มตำหนักไท่จี๋ไม่หยุด เมื่อไม่สามารถจัดการหลงโม่หรานได้สำเร็จ จึงระบายความโกรธแค้นไปที่เด็กหนุ่มตรงหน้า
ตุบ! ตุบ!
ท่ามกลางพายุฝนโหมกระหน่ำ เด็กหนุ่มถูกกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็เกียรติยศ ศักดิ์ศรี หรือสิ่งใดก็ตาม ทั้งหมดต่างโดนเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าหลี่เฟิงอย่างไม่มีชิ้นดี
“หลี่เฟิงคนนี้ ทำแบบนี้มันจะเกินไปแล้ว” หลงหว่านเอ๋อร์กัดฟันกรอดด้วยความโมโห
ถึงแม้ทั้งสองคนจะมาจากที่อื่น แต่ในเวลานี้ไม่มีใครสนใจพวกเขาสักคน เพราะภาพเหตุการณ์ ‘น่าติดตาม’ ของหลี่เฟิงอีกด้านดึงดูดความสนใจของผู้คนไปหมด
เย่เฟิงไตร่ตรองหลังจากััได้ถึงอารมณ์ของหลงหว่านเอ๋อร์ ‘หลี่เฟิงคนนี้มองผู้ฝึกวรยุทธ์เป็ศัตรู อีกทั้งมีตำแหน่งสูงในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากนี้เขาต้องนำปัญหามากมายมาให้คนในยุทธจักรแน่นอน ให้บทเรียนอีกฝ่ายสักหน่อยก็ดี...’
หลี่เฟิงคนนั้นแค่เห็นใครสวมหน้ากากก็ต้องเข้าไปถอดหน้ากากของคนคนนั้น หากเขาและหลงหว่านเอ๋อร์ถูกจับได้ คงต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้แน่นอน แทนที่จะรอให้เจอสถานการณ์เช่นนั้น มันคงดีกว่าหากให้บทเรียนอีกฝ่ายไปเสีย เย่เฟิงมีเหตุผลพอที่จะจัดบทเรียนให้อีกฝ่าย จึงลงมือโดยไม่ลังเล
“ฉันจะจัดการเขาเอง” เย่เฟิงกระซิบบอกหลงหว่านเอ๋อร์
“เดี๋ยวก่อน แต่นายฆ่าเขาไม่ได้นะ” หลงหว่านเอ๋อร์รีบเอ่ยขั “หลี่เฟิงเป็คนระดับสูงและเป็บุคคลสำคัญของประเทศ หากเขาตายไป ยุทธจักรของพวกเราต้องไม่สงบสุขแน่นอน...”
“งั้นฉันจะตัดแขนเขาสักข้างแล้วกัน” เย่เฟิงพูดเสียงลอดไรฟัน
เขามองบรรดาผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ดูการกระทำของหลี่เฟิงทีละคน แต่ไม่มีใครกล้าออกมาหยุดอีกฝ่าย นั่นทำให้เขาดูแคลนผู้คนเหล่านี้
เป็ถึงผู้ฝึกวรยุทธ์แต่กลับไม่มีเืนักสู้ ช่างอ่อนแอยิ่งนัก หากอยู่ในโลกเทวะ เหตุการณ์จะไม่เป็แบบนี้ หากเจอสถานการณ์ที่บีบคั้นหรือสิ้นหวังเช่นนี้ พวกเขาจะสังหารหลี่เฟิงทันที จะไม่มีใครปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยไม่ลงมือทำอะไรแน่นอน
ขณะเขาเริ่มควบแน่นพลังชี่ที่แหวนกระบี่ัโบราณ ทันใดนั้นเด็กหนุ่มที่ถูกหลี่เฟิงเหยียบย่ำก็ขว้างทรายในมือใส่หลี่เฟิง
หลี่เฟิงหลบได้ทันที เพราะเขาเป็ถึงหนึ่งในหัวหน้าของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ สมรรถภาพทางกายของเขาอยู่ในระดับดีเยี่ยม อีกทั้งเด็กหนุ่มถูกยับยั้งพลังปราณไว้ ความเร็วของทรายที่ขว้างจึงไม่มากนัก หลี่เฟิงจึงไม่ได้ัักับเม็ดทรายเ่าั้แม้แต่นิดเดียว
“โอ้ กล้าหาญไม่เบานี่ถึงขว้างทรายใส่ฉันแบบนี้!” หลี่เฟิงยิ้มเหี้ยม น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบมากขึ้น พร้อมคว้าปืนลำแสงสีน้ำเงินของทหารที่อยู่ข้างตัวก่อนจ่อปืนที่หัวของเด็กหนุ่ม “ฉันให้เวลาแกแปดนาที คุกเข่าขอโทษฉันซะ ไม่อย่างนั้นหัวแกได้ะเิแน่!”
แปดนาทีอีกแล้ว!
ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างแตกตื่น หลี่เฟิงคนนี้เป็อย่างข่าวลือที่ได้ยินมา เขาชอบให้เวลาคนอื่นตัดสินใจเพียงแปดนาทีเท่านั้น
เด็กหนุ่มพยายามดิ้นหนี ใบหน้าที่ถูกไฟไหม้ปรากฏร่องรอยแห่งความกลัว แต่ภายใต้สายฝนเช่นนี้ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มไม่เอื้ออำนวยต่อการหนีเลย
“ถุย!” เด็กหนุ่มถ่มน้ำลายใส่หลี่เฟิงเพื่อแสดงออกว่าตนไม่มีวันยอมอีกฝ่ายเด็ดขาด!
หลี่เฟิงสะบัดน้ำลายอีกฝ่ายทิ้ง ดวงตาฉายแววเย็นเยียบ ตนอุตส่าห์ให้โอกาสเด็กเมื่อวานซืนแต่มันกลับถ่มน้ำลายใส่เช่นนี้ ช่างโง่เขลาสิ้นดี วันนี้มันต้อง—
“บุคคลนี้แสดงความดูิ่ต่อหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ หากพูดตามกฎแล้ว เรามีสิทธิ์ลงโทษจนถึงชีวิตได้!” เขาหยิบปืนลำแสงสีน้ำเงินที่มีความแม่นยำเล็งที่หัวของเด็กหนุ่ม เตรียมพร้อมเหนี่ยวไกทันที!
ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยู่บริเวณนั้นต่างทนดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ เพราะพวกเขารู้อานุภาพของปืนกระบอกนั้นดี การยิงศีรษะโดยตรงเช่นนี้ แม้จะเป็เทพเ้าก็คงช่วยเด็กหนุ่มไว้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาหยุดหลี่เฟิงเลย
ในยุทธจักรมีคนต้องตายอยู่ทุกวัน ทำไมพวกเขาต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงกับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติเพื่อช่วยเด็กหนุ่มที่ไม่รู้หนักเบาจนทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่พอใจแบบนั้น?
ดวงตาเด็กหนุ่มเบิกกว้าง ชีวิตที่น่าสังเวชของเขาจะจบลงวันนี้แล้วสินะ? แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองไปยั่วโมโหคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติตอนไหน!
เป็เพราะเขาสวมหน้ากาก? หรือเพราะเขามีใบหน้าอัปลักษณ์? หรือเป็เพราะเขาแข็งข้อต่ออีกฝ่าย?
แต่เขาจะไม่มีวันยอมอีกฝ่ายแน่นอน!
ขณะหลี่เฟิงกำลังจะเหนี่ยวไกปืนก็ปรากฏความโหดร้ายในดวงตา ทว่าประกายแสงสีทองกลับปรากฏขึ้นตัดผ่านอากาศ จนทำให้ผู้คนโดยรอบใไปตามๆ กัน
เปรี้ยง!
เืสีแดงสดสาดกระเซ็นรอบบริเวณ!
หลี่เฟิงถูกกระบี่ฟันแขนข้างหนึ่งจนขาด แขนของเขาร่วงลงพื้นอย่างแรงจนเม็ดทรายแตกกระจายเป็วงกว้าง
“อ๊าก—” ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างเงียบเป็เป่าสากด้วยความใ ภายใต้พายุฝนเช่นนี้กลับมีเพียงเสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปของหลี่เฟิง
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าคำรามดังต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถกลบเสียงกรีดร้องของหลี่เฟิงได้เลย ช่างน่าแปลกใจที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตรอดไปได้แม้จะถูกตัดแขนไปข้างหนึ่ง
ทุกคนในบริเวณนั้นต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น ก่อนพากันมองด้านหลังของหลี่เฟิง
ทันใดนั้นชายสวมหน้ากากสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับภูตผี กระบี่สีทองเล่มยาวในมือยังมีคราบเืติดอยู่ แสงจากกระบี่ส่องประกายท่ามกลางสายฝน
สังเวียนเืของยุทธจักรควรเป็เช่นนี้!
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองชายสวมหน้ากาก ดวงตาฉายแววตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาช่วยตนในสถานการณ์แบบนี้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้