“เสี่ยวเฟิง” เสียงของชายวัยกลางคนลอยมาจากในลาน ชายคนนี้มีรูปร่างที่สูงเพรียวและกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง ทั้งยังดูคล้ายกับหลินเฟิงอีกด้วย
“ท่านพ่อ” ชายคนนี้ก็คือหลินไห่ ผู้นำตระกูลหลินและยังเป็บิดาของหลินเฟิง การผสานิญญาทำให้หลิงเฟิงมีความคิดของหลิงเฟิงคนก่อน ดังนั้นจึงเรียกอีกฝ่ายว่าท่านพ่ออย่างคุ้นเคย และหลินเฟิงก็ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจใดๆ
“เสี่ยวเฟิง นี่เ้า... หายดีแล้วเหรอ!” รอยย่นบนใบหน้าของหลินไห่สั่นไหว ั้แ่ตอนที่หลินเฟิงถูกส่งตัวกลับมายังตระกูลหลินในสภาพปางตาย เขาก็หมดสติตลอด ทำให้หลินไห่หมดหวัง แม้กระทั่งจัดเตรียมงานศพให้หลินเฟิง แต่ในเวลานี้ลูกชายของเขาได้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแบบมีชีวิต แล้วเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร
“ใช่ ท่านพ่อ ข้าหายดีแล้ว” เมื่อหลินเฟิงเห็นสีหน้าตื่นเต้นของหลินไห่ก็ยิ้มออกมา เขารู้สึกอบอุ่นมาก ในอีกโลกหนึ่งหลังจากที่คุณปู่เสียชีวิตลง เขาต้องเผชิญหน้ากับความอบอุ่นและความเ็าของผู้คนด้วยตัวคนเดียว แล้วก็ไม่เคยรู้สึกอบอุ่นแบบนี้มาก่อน
“เยี่ยม เยี่ยมมาก” หลินไห่ตบไหล่ของหลินเฟิงหนักๆ ขณะที่มองไปยังเสาหินที่กลายเป็ฝุ่นผงด้วยแววตาที่เป็ประกาย พี่น้องของเขาต่างรอให้เขาไร้ทายาทแล้วค่อยแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูล แต่คิดไม่ถึงว่าหลิงเฟิงจะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ พวกคนเลวพวกนั้นจะต้องผิดหวังแน่ๆ
ทันใดนั้นร่างกายของหลินไห่ได้ปลดปล่อยความหนาวเย็นออกมา ทำให้หลิงเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองกำลังถูกแช่แข็ง
“ท่านพ่อไม่เพียงมีจิติญญานักรบที่แข็งแกร่ง แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาก็ยังสามารถแช่แข็งผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอกว่าได้” หลินเฟิงคิดในใจ ขั้นแรกของเส้นทางแห่งนักรบคือ ‘ขอบเขตนักรบลมปราณ’ มันจะคอยดูดซับหยวนชี่ของฟ้าดินเข้าสู่ร่างกาย เพื่อขัดเกลาร่างกายและฝึกฝนจิติญญา จากนั้นก็จะกำเนิดเจินชี่ขึ้นมา เพื่อก้าวเข้าสู่ ‘ขอบเขตแห่งจิติญญา’ ซึ่งสามารถฝึกฝนและควบคุมทักษะที่ทรงพลานุภาพ เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถสังหารคนได้ และกลายเป็คนแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แน่นอนว่าหลินไห่ก็คือผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตแห่งจิติญญา
“เสี่ยวเฟิง ใครเป็คนทำ?” สีหน้าของหลินไห่พลันเคร่งขรึม ตอนที่หลินเฟิงถูกส่งตัวกลับมาในสภาพปางตาย ดูก็รู้แล้วว่าอีกฝ่าย้าชีวิตของหลิงเฟิง และในความเป็จริง ฝ่ายตรงข้ามก็้าชีวิตของ ‘หลินเฟิง’ จริงๆ
“ท่านพ่อ เื่นี้ขอให้ข้าจัดการด้วยตัวเองเถอะ” หลินเฟิงไม่ได้บอกหลินไห่ว่าเขาถูกหลินเหิงบุตรชายของอาสามทำร้าย ในตระกูลหลิน อาสามและลุงใหญ่สมรู้ร่วมคิดกัน เพื่อหวังตำแหน่งผู้นำตระกูล และไม่ว่าจะความแข็งแกร่งหรืออิทธิพลก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินไห่เลย ประกอบกับหลินเหิงมีพร์ที่ไม่เลว ทั้งยังเป็ศิษย์สายนอกที่โดดเด่นของนิกายหยุนไห่ ด้วยเหตุนี้จึงกล้าที่จะทำร้ายหลินเฟิงจนาเ็สาหัสอย่างไม่กลัวเกรง
แค้นนี้หลินเฟิงจำเป็ต้องชำระมันด้วยตัวเอง ในเส้นทางแห่งนักรบไม่อาจปล่อยให้เม็ดทรายแม้เพียงนิดตกหล่นได้ จิตใจด้านลบใดๆ ล้วนเป็อุปสรรคต่อผู้ฝึกยุทธ์
หลินไห่มองลูกชายของตัวเองอย่างแปลกใจ ท่าทางของหลินเฟิงในตอนนี้เปลี่ยนไปจากอดีตมาก ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว มองไม่เห็นถึงความขี้ขลาดเลยสักนิด
ดูเหมือนว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแฝงอยู่ ในใจของหลินไห่รู้สึกยินดีเป็อย่างมาก “พรุ่งนี้เข้าร่วมการประชุมของตระกูลกับข้า ดูสิว่าพวกมันจะไล่ข้าลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูลยังไง”
…
กลางดึก ความเงียบสงบดุจสายน้ำ
ณ ป่าไผ่ม่วงของตระกูลหลิน หลินเฟิงที่นั่งสมาธิอยู่บนพื้น โดยที่ด้านหลังของเขามีเงามืดอยู่ ซึ่งเงามืดนี้แทบจะกลมกลืนไปกับความมืด และมันก็คือจิติญญาแห่งความมืด
หลินเฟิงได้ค้นพบบางอย่างในระหว่างการฝึก เวลาที่เขาใช้จิติญญาแห่งความมืด ความเร็วในการฝึกฝนของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็ 5 เท่า ดังนั้นเขาจึงใช้จิติญญาแห่งความมืดตลอดเวลา โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยล้าทางจิติญญาของเขา ในเมื่อพระเ้ามอบโอกาสกลับมาเกิดใหม่ให้แก่เขา แน่นอนว่าคราวนี้เขาจะต้องมีชีวิตที่ดีให้ได้ ในทวีปเก้า์คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพนับถือและถูกผู้คนยกย่อง รวมไปถึงสามารถเรียกลมเรียกฝนได้
ท่ามกลางความมืด ได้เกิดแสงสว่างสีขาวจางๆ ราวกับหิ่งห้อย ปกคลุมไปทั่วร่างของหลินเฟิง ปรากฏการณ์นี้จะปรากฏขึ้นได้ต่อเมื่อระดับของหยวนชี่ฟ้าดินเข้มข้น
สำหรับผู้มีพร์แล้ว ความเร็วในการฝึกฝนจะเร็วมาก ทำให้หยวนชี่ฟ้าดินมารวมตัวอยู่รอบกายและกลายเป็กลุ่มแสง ซึ่งตอนนี้หลินเฟิงก็อยู่ในสภาวะนี้ด้วย
ในเวลานี้หลินเฟิงหายใจอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าของเขานิ่งสงบ หยวนชี่ฟ้าดินกำลังไหลอยู่ในร่างกายของเขาและหลอมรวมเข้ากับเื ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาแข็งแกร่งขึ้น
เป็เวลานานที่แสงสว่างกะพริบ ร่างกายของหลินเฟิงกลายเป็ถ้ำที่ถมไม่เต็ม แต่ทันใดนั้นหยวนชี่ฟ้าดินสีขาวที่อยู่รอบตัวก็ถูกกลืนเข้าไปในร่างจนหมด
เมื่อลืมตาขึ้นมา ประกายแสงพลันสว่างวูบราวกับลำแสงที่แล่นผ่านอย่างรวดเร็ว หลินเฟิงยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนมุมปาก เพียงคืนเดียวเขาก็สามารถทะลวงไปยังขั้นถัดไปได้ ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นที่ 6 ของขอบเขตนักรบลมปราณแล้ว
แต่ทว่าหลินเฟิงก็ยังไม่พอใจ จากความทรงจำของเขาขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 9 ก็เป็เพียงจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะเท่านั้น มันเทียบไม่ได้กับผู้แข็งแกร่งที่สามารถลอยอยู่ในอากาศ หรือท่องเที่ยวอยู่นอกทวีปเก้า์ ความอิสรเสรีแบบนั้นเหมือนกับพระเ้าในโลกก่อนของเขาไม่มีผิด
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินเฟิงก็เริ่มกำหมัดและชกออกไป หมัดลมดังกึกก้องก่อนจะพุ่งไปยังไม้ไผ่แล้วะเิออกมา เพียงแค่หมัดลมที่แข็งแกร่งก็สามารถบดขยี้ไม้ไผ่ให้เป็จุณได้
ขอบเขตนักรบลมปราณถูกแบ่งออกเป็ 9 ขั้น และในแต่ละขั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งหนึ่งพันจิน ซึ่งตอนนี้หลินเฟิงอยู่ในขั้นที่ 6 ของขอบเขตนักรบลมปราณ จึงมีพลังหกพันจิน ถ้าเขาใช้คลื่น์เก้ากระแทกที่ฝึกฝนได้ถึงขั้นที่หก เขาก็จะสามารถปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งถึงหกพันห้าร้อยจิน แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่พอสำหรับหลินเฟิง ถ้าหากว่าเขาสามารถฝึกคลื่น์เก้ากระแทกถึงขั้นที่เจ็ด คลื่นกระแทกที่ทรงพลังที่สุดก็ควรจะเป็เจ็ดพันจิน ซึ่งเทียบได้กับพลังของผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในขั้นที่ 7 ของขอบเขตนักรบลมปราณ
พลังที่มากกว่าหกพันจิน ได้ทำลายไม้ไผ่ที่เปราะบางจนเหี้ยน และเปลี่ยนพื้นที่ทั้งหมดกลายเป็มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ เหลือเพียงแค่เสียงคำรามของคลื่นลมและหมัด
ตอนนี้เองท่ามกลางหมัดลมมีต้นไผ่ต้นหนึ่งที่โค้งงออยู่ไกลๆ ซึ่งหมัดลมไม่สามารถทำลายได้ มิหนำซ้ำยังดีดกลับมาเหมือนเดิม เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของหลินเฟิง ทำให้ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปทางนั้น ความเร็วของหมัดก็เริ่มช้าลงเรื่อยๆ
“คลื่น์เก้ากระแทก เป็ทักษะที่สร้างเลียนแบบคลื่นทะเล คลื่นลูกใหม่มีความแข็งแกร่งและดุดันกว่าคลื่นลูกเก่า แต่ในเมื่อคลื่นทะเล นอกจากจะมีด้านที่ดุดันแล้ว ก็ยังมีด้านที่อ่อนโยนเหมือนกัน ถ้าเพียงหลอมรวมความอ่อนโยนเข้าด้วยกัน มันก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้แน่ๆ”
ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัว หมัดของหลินเฟิงไม่ได้มีแค่ความแข็งกร้าวอีกต่อไป เขาค่อยๆ ชกออกไปอย่างช้าๆ ในจังหวะที่ไม่รุนแรงและนุ่มนวลจนเกินไป
“ย๊า!” หลินเฟิงะโขณะปล่อยหมัดออกไป
“ตูม ตูม ตูม…”
เสียงะเิดังถึงหกครั้ง เจ็ดครั้ง… แปดครั้ง!
หมัดลมที่ปล่อยออกไป ทำให้ต้นไผ่สีม่วงทั้งหมดกลายเป็ผุยผง
“แปดคลื่นกระเเทก ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก” หลินเฟิงหยุดออกหมัดและสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เมื่อเข้าใจแก่นแท้ของคลื่น์เก้ากระแทก เขาก็สามารถพัฒนาได้ถึงสองขั้น จนสามารถปล่อยแปดคลื่นกระแทกได้ ต้องรู้ว่าการฝึกทักษะจะยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับของผู้ฝึก คนที่อยู่ในระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 จะสามารถทำความเข้าใจคลื่น์เก้ากระแทกขั้นที่ห้าได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 8 กลับไม่สามารถเข้าใจคลื่น์เก้ากระแทกขั้นที่แปดได้ อย่างไรก็ตามหลินเฟิงกลับทำได้
“ตอนนี้ข้าควรจะมีพลังเจ็ดพันห้าร้อยจินแล้ว ขอเพียงแค่ข้าเข้าใจแก่นแท้ของความอ่อนโยน ก็จะบรรลุทักษะคลื่น์เก้ากระแทกได้” ในใจของหลินเฟิงพลันรู้สึกยินดีขึ้นมา การฝึกฝนทักษะต่อจากนี้คงจะยากขึ้นเรื่อยๆ แต่พลังจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ตอนนี้เขามีพลังเท่ากับเจ็ดพันห้าร้อยจินแล้ว แม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 เขาก็สามารถสู้ได้
หลินเฟิงคนก่อน กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 ก็ไม่สามารถสู้ได้ และมักจะถูกผู้คนรังแกเสมอ แต่หลินเฟิงตอนนี้ที่เพิ่งมายังโลกนี้แค่หนึ่งวัน กลับมีพลังที่เทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 7 สามารถก้าวข้ามถึงสองขั้น!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้