“เอ้อร์โก่ว! ขาเอ้อร์โก่วขาด!”
“ช่วยด้วยฉัน...ฉันหามือไม่เจอ!”
“ฉิบหาย! มีกับะเิ! ใครมันซื่อบื้อเหยียบวะ!”
เย่าจู่ติดตั้งะเิทหารแบบห่วงโซ่ไว้ พื้นที่ะเิขยายไปในรัศมี 5 เมตรในชั่วอึดใจ สมาชิก 6 นายของหน่วยรบด้านหน้าถูกะเิกระแทกลงกับพื้น 3 ราย เสียชีวิตคาที่ ส่วนอีก 3 รายมือเท้าขาด บางคนถึงกับลำไส้หลุดออกมา เหมือนตายทั้งเป็
“ไอ้สัตว์ร้าย พรากชีวิตผู้คนอีกแล้ว!” เจิ้นถิงโกรธเกรี้ยว แต่โชคดีที่ชายชรานั้นเดินตามมาทางด้านหลัง ไม่อย่างนั้นคนที่นอนอยู่ที่นั่นตอนนี้อาจจะเป็ผู้ใหญ่บ้านก็ได้
พวกเขาได้แต่ลากศพและผู้าเ็ออกไป ไม่ได้บอกให้ทิ้งใครไว้คอยดูแล อีก 20 กว่านายที่เหลือ เมื่อคว้าปืนยาวได้ก็ออกวิ่ง เปิดตะเกียงไฟฉาย ชุลมุนกันเข้าไปในถ้ำแดนสนธยา
แต่ทุกคนก็ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดและระมัดระวังตัวกันมากขึ้น นี่หรือคือลักษณะของนักรบป่า นอกจากความดุร้ายแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้น่ายกย่องอีก มือถืออุปกรณ์ส่องสว่างไว้ ย่างกรายเข้าไปโดยที่ไม่มีสิ่งใดปกป้อง เป็มือปืนคิดแต่จะไล่ล่าอย่างเดียว หากเย่าจู่ยังมีใจ สอยทีละนัด พวกเขาคงได้ดับกันหมดกองก่อนที่จะมาถึง
หลังจากเดินไปได้ครึ่งทางของถ้ำ ทันใดนั้น แสงสว่างก็ปรากฏขึ้นในความมืดฝั่งตรงข้าม ตำรวจหลายนายกลัวจนกระทั่งยกปืนขึ้นพร้อมยิง แต่พวกเขากลับถูกหยุดไว้ด้วยสายตาอันว่องไวของเจิ้นถิง
เพราะไพรซึ่งยกตะเกียงสูง กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“สาวน้อย! ที่แท้ก็เธอนี่เอง! รีบมานี่เร็วเข้า!” เจิ้นถิงกล่าวด้วยความสนิทสนม
“เสิ่นิบอกให้พวกเขาทั้งหมดหยุดอยู่ที่นี่ แค่ผู้าุโเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถติดตามฉันเข้าไปได้” ไพรประกาศอย่างไม่เต็มใจ
“หมายความว่ายังไง? บอดี้การ์ดนั่นอยู่ฝั่งเราไม่ใช่หรือ?” ผู้กำกับซึ่งมอบะุให้เสิ่นิกล่าวขึ้น
“เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เนื่องด้วยภัยคุกคามของผู้ใหญ่บ้าน ภารกิจจึงเป็อันเสร็จสิ้นลง ตอนนี้เขาทำงานให้เย่าจู่ เขาได้เริ่มงานใหม่แล้ว ส่วนฉันเป็แค่ผู้ส่งสาร คุณไม่เห็นฉันยกมือเหรอ ตอนนี้ทุกคนอยู่ในอันตรายแล้ว” ไพรยักไหล่
“อย่ามาล้อเล่นน่า! ไอ้ชาติชั่วนั่นแปรพักตร์ ไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้!” นายพรานคนหนึ่งเพิ่งพูดจบ ะุก็ทะลุเข้าที่น่องของเขา เืกระเซ็นออกไปไกล 2 เมตร
นายพรานกรีดร้องและล้มตัวลงกับพื้นพลางกุมขาที่มีเืออก ทำเอาคนที่เหลือพากันผวายืนชิดติดกำแพง
“ไม่มีประโยชน์ ฉันเคยเห็นเทคนิคการซุ่มยิงของเขาแล้ว ด้วยความเร็วของพวกคุณ ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ทุกคนจะถูกฆ่าก่อนที่จะออกจากถ้ำนี้ด้วยซ้ำ” ไพรแนะนำให้ทุกคนทำตามคำสั่งของเขา
“เขาอยากเจอฉันเหรอ?” เจิ้นถิงถาม
“ไม่ใช่เขาที่อยากเจอคุณ แต่เป็ลูกชายของคุณต่างหากที่อยากเจอคุณ”
“ไปกันเถอะ พาฉันไปดูหน้าเ้าสัตว์ร้ายตัวนั้น!” เจิ้นถิงส่งสัญญาณให้คนที่เหลือรออยู่ที่นี่
ไพรนำเจิ้นถิงไปยังทะเลดอกฝิ่นซึ่งกำลังเบ่งบานอีกครั้ง เสิ่นิถือ Mosin Nagant เล็งมายังทางเดิน เพื่อให้แน่ใจว่าเหยื่อจะไม่ทำเื่เหลวไหล
กลิ่นน้ำมันเบนซินลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้เจิ้นถิงขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ
“สัตว์ร้ายเอ๋ย แก้าเล่นลูกไม้อะไร?” เจิ้นถิงดุว่าในขณะที่มองไปยังเย่าจู่ซึ่งนั่งอยู่บนเตียงไม้ในระยะไกล
“ไม่มีลูกไม้อะไร ผมเหนื่อย ไม่อยากสู้รบกับพ่ออีกต่อไปแล้ว พ่อ ต่อให้พ่อจะทำสิ่งที่เลวร้ายไว้มากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมก็ยังฆ่าพ่อไม่ได้ บางทีผมอาจจะไม่ใช่ลูกที่ดีของพ่อั้แ่แรก ผมไม่สามารถโเี้ได้เหมือนพ่อ” เย่าจู่ยิ้ม
“แกคิดว่าฉันจะยอมจำนน ถ้าแกเผาที่นี่อย่างนั้นเหรอ? การแต่งงานของแกกับแม่จัณฑาล ฉันจะไม่มีวันยอมรับแม้กระทั่งถึงวันที่ตาย” เจิ้นถิงคิดว่าเย่าจู่้าเจรจาต่อรอง
“ไม่ต่อรองแล้ว ผมยอมแพ้ ขอบคุณที่พ่อเลี้ยงดูผมมา ผมไม่มีอะไรที่พอจะตอบแทนพ่อได้ก็จะไปเสียแล้ว กะทันหันนิดหน่อย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย...หลายปีมานี้ ผมก่อปัญหาให้พ่อกับแม่ปวดหัวมากมาย ต้องโทษที่ผมหัวดื้อ ไม่เข้าใจว่าพ่อกับแม่รักผมมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมมีครอบครัวเป็ของตัวเองแล้ว ถ้าไม่อาจมีชีวิตที่มีความสุขบนโลกนี้ได้ ผมก็คิดว่าอย่างน้อยในโลกอีกใบหนึ่ง บางทีเราอาจจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข?” เย่าจู่โอบเหวินจิ้งไว้ข้างตัว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“ฮะ? ไอ้...เย่าจู่! แกคิดจะทำอะไร? ออกมานะ! ออกมาเดี๋ยวนี้!” ในที่สุดเจิ้นถิงก็ตระหนักได้ว่าเด็กคนนั้นไม่ได้คิดจะเผาแค่แดนสนธยาของหมู่บ้านเบเลอร์ แต่อยากเผาแม้กระทั่งตัวเอง
“ลาก่อนพ่อ ดูแลตัวเองด้วย อากาศเริ่มเย็นแล้ว ระวังข้อเข่าด้วย” เย่าจู่พูดจบก็ชูคบเพลิงขึ้น
“อย่า!” เจิ้นถิงหมายที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยความตื่นตระหนก แต่แขนของชายชรากลับถูกเสิ่นิฉุดรั้งเอาไว้
“แกกำลังทำอะไร?! ปล่อยฉันนะ! นั่นลูกฉันนะ!” เจิ้นถิงคำราม
“ขออภัย ผมรับคำสั่งจากเขาแล้ว เขา้าจากโลกนี้ไปอย่างสงบ บางทีเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง อย่าฝืนอีกเลย ลูกชายของคุณได้เรียนรู้แล้ว คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” เสิ่นิถอนหายใจ
เจิ้นถิงไม่มีแรงเถียงกับเสิ่นิ เขาเฝ้ามองเย่าจู่โยนคบเพลิงลงไปในทะเลดอกฝิ่นข้างๆ เขา เสียงดังปัง ไฟลุกลามไปรอบทิศอย่างรวดเร็วเหมือนกับสัตว์ร้าย ชั่วพริบตาเดียว ทั้งทะเลดอกฝิ่นก็กลายเป็กองเพลิง
ไฟที่โหมกระหน่ำรอบเตียงไม้ เย่าจู่นอนกอดเหวินจิ้งอยู่บนเตียง ระหว่างพวกเขามีกระดูกของลูกอยู่ด้วย
“ไม่! จบกัน ทั้งหมดจบลงแล้ว” เจิ้นถิงคุกเข่าลงกับพื้น เย่าจู่เคยบอกว่าจะให้เจิ้นถิงได้ััถึงความเ็ปของการสูญเสียสิ่งที่เขารักมากที่สุด แต่สิ่งที่เย่าจู่ไม่มีวันเข้าใจก็คือ แดนสนธยาไม่ใช่สิ่งที่ชายชรารักมากที่สุด หมู่บ้านเบเลอร์ซึ่งร่ำรวยอยู่ทุกวันนี้ ต่อให้ไม่ได้ค้ายา ก็ใช่ว่าจะอยู่รอดต่อไปไม่ได้
แต่การเสียชีวิตของลูกชายต่างหาก ที่ทำให้เขาเหมือนตายทั้งเป็…
“แสงอาทิตย์อบอุ่นมาก อย่าได้ปลุกฉัน” เหวินจิ้งปิดตาลงอิงแอบอย่างมีความสุขในอ้อมอกของเย่าจู่
“ถ้าสบายก็นอนต่อเถอะ เมื่อพระอาทิตย์ตกแล้ว ฉันจะพาเธอและลูกกลับบ้านเอง” เย่าจู่ยิ้มและหลับตาลง
ไฟที่ลุกโชนแผดเผาไปทั่วทั้งแดนสนธยา ควันฟุ้งพร้ะกอนลอยออกมาเป็ระยะทางหลายร้อยไมล์ ในที่สุดแดนสนธยาของหมู่บ้านเบเลอร์ก็ประกาศให้โลกได้ทราบด้วยกองไฟอันลุกโชน วิธีการที่หมู่บ้านเบเลอร์ใช้เลี้ยงดูคนทั้งหมู่บ้านก็ได้ถูกเปิดเผย
่เวลาหนึ่งที่คณะทำงานจำนวนมากถึง 300 คนจากแผนกรักษาความปลอดภัยของจังหวัดได้เข้ามาในหมู่บ้าน พวกเขาร่วมมือกับกองกำลังจากหน่วย SWAT ทำการกวาดล้างคดีและอาชญากรรมต่างๆ ที่แอบซ่อนอยู่ในหมู่บ้านทั้งหมด
สำหรับแดนสนธยาแล้ว จำนวนผู้ที่รู้เห็นและช่วยเหลือในการจัดซื้อเครื่องมือการผลิตยามีมากถึง 100 คน ทั้งหมดถูกควบคุมตัว เ้าหน้าที่ในสถานีตำรวจหมู่บ้านเบเลอร์ก็ถูกควบคุมตัวไปด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาตรวจสอบคาดว่ามีเงินผิดกฎหมายใน่หลายปีที่ผ่านมาจำนวนมากกว่า 5 พันล้าน สินค้าหมุนเวียนไปทั่วโลก แหล่งผลิตหนึ่งในสามของประเทศมาจากที่นี่ เรียกได้ว่าเป็คดียาเสพติดรายใหญ่แห่งศตวรรษ!
คดีะเืขวัญทำให้หมู่บ้านเบเลอร์ซึ่งปฏิเสธการเข้ามาของบุคคลภายนอก เนืองแน่นไปด้วยผู้คนอยู่เป็เวลานาน ชาวบ้านที่มักจะยิ้มแย้มแจ่มใสกลับกลายเป็เศร้าโศก
พวกชาวบ้านไม่พอใจที่ลูกชายของเจิ้นถิงทำความเสียหายให้กับหมู่บ้าน แต่ไม่มีใครประณามเจิ้นถิงถึงการที่เขาปฏิบัติต่อเย่าจู่อย่างโเี้เลย และไม่มีใครกล่าวถึงความเลวทรามอันน่ารังเกียจที่ผู้ใหญ่บ้านส่งเหล่าคนชรานับไม่ถ้วนไปที่แดนสนธยาเพื่อผลิตยาและรอความตาย
คนเราก็เป็แบบนี้ เมื่อเป็เื่ของผลประโยชน์ มุมมองก็ถูกบิดเบือนไปได้ตาม้า
อย่างไรก็ตาม ธุระของเฝิงเฉวียนก็ถือว่าจบลงแล้ว แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิต 3 ราย แต่เจิ้นถิงผู้รอดชีวิตก็ถูกลุงตำรวจจับทั้งเป็ การไม่เป็ปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล เป็ปรัชญาของตระกูลเฝิง พวกเขาได้แต่เฝ้ามองเจิ้นถิงขึ้นรถคุมขังไป
หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์ไฟไหม้ ข้อเข่าของเจิ้นถิงก็ไม่มีอาการเสื่อมอีกเลย แต่อาการเส้นเืในสมองแตกก็เกือบจะคร่าชีวิตเขา โชคดีที่การปฐมพยาบาลของเสิ่นิเป็มืออาชีพมาก แต่เมื่อเจิ้นถิงถูกจับกุมตัว เขาก็พูดไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ เขาเป็อัมพาตไปเรียบร้อยแล้ว
เสิ่นิสามารถทำธุรกรรมได้สองรายการภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน รายได้รวมเกิน 6 ล้าน ยังไม่รวม Z4 น้อยที่จอดอยู่ที่บ้านอีก หยกโบราณในมือนั้นเรียกได้ว่าล้ำค่า
แม้แต่รถไฟขากลับ เขาก็ซื้อเป็ตั๋วตู้นอนสี่ใบ แต่ทั้งตู้นอนนั้นกลับแผ่กันอยู่แค่สองคน ไม่ต้องถามว่าทำไม ก็รวยแล้ว จะซื้อกี่ใบก็ได้
นอกจากรถหรูและหยกโบราณแล้ว พวกเขายังได้รับของขวัญอีกหนึ่งชิ้น...ซึ่งอยู่ในกรง มันจะต้องกินปลาแซลมอนทุกวัน นกกระยางขาว แพนด้า ผู้ที่ต้องขัดสีฉวีวรรณด้วยน้ำอุ่น
ก่อนที่พ่อบ้านไท่จะถูกจับไปสอบสวน เขาได้มอบความไว้วางใจให้กับเสิ่นิและเซี่ยวอี๋ แม้ว่าจะเป็นกที่ฉลาด แต่ก็สูญเสียความสามารถในการดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ถ้าไม่มีคนคอยดูแลมัน มันก็จะตาย พ่อบ้านไท่ถอนหายใจในขณะที่คฤหาสน์จักรพรรดิวุ่นวายเพราะการหาเื่ใส่ตัว แต่แพนด้าในฐานะสมาชิกของคฤหาสน์ก็ต้องอยู่รอดต่อไป นอกจากนี้ มันยังถือได้ว่าเป็ร่องรอยแห่งการดำรงอยู่ของคฤหาสน์จักรพรรดิ
เสิ่นิทนดูฉากหดหู่เช่นนี้ไม่ไหว ผีอะไรไม่รู้เข้าสิง เขาจึงได้ตกปากรับคำพ่อบ้านไท่ไป จนได้กลายมาเป็เ้าของคนใหม่ของแพนด้า
แม้ว่าเกือบจะเล่นเกมย่างนกกับเ้าตัวนี้ แต่ั้แ่ที่เขาได้กลายมาเป็เ้าของมัน จู่ๆ เซี่ยวอี๋ก็เกิดมีสัญชาตญาณของความเป็แม่ เธอรู้สึกว่านกตัวนี้มันมุ้งมิ้งเป็พิเศษ
นกกระยางขาวเป็สัตว์คุ้มครองชั้นสองของชาติ เป็เหตุผลว่าไม่สามารถเก็บไว้เป็สมบัติส่วนตัวได้ แต่ใน่ปีแรกๆ เจิ้นถิงได้ทำใบรับรองพิเศษให้กับแพนด้า เขาจึงสามารถเก็บมันไว้ได้เพื่อใช้ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์
เฝิงเฉวียนมาส่งเสิ่นิด้วยท่าทางสนิทสนม เขากล่าวทักทายและยิ้มให้ตลอดทาง “พี่ชายเอ๋ย ถ้าฉันเจอนายครั้งหน้า ฉันจะต้องฆ่านายแน่ๆ”
“จะฆ่ากันก็ไม่เป็ไร แต่รอไว้นายสูงกว่านี้ก่อนแล้วกัน” เสิ่นิยิ้มตอบ คู่ขา คงเป็แบบนี้สินะ
หลังจากร่ำลา ไพรผู้หน้านิ่งก็มาถึงตรงหน้าของเสิ่นิ สีหน้าของเธอแสดงออกได้อย่างซับซ้อนมาก “แค้นใหม่ยังไม่ได้ชำระ แค้นเก่ายังไม่หายไป วันหนึ่งฉันจะไปเอาชีวิตหมาๆ ของนาย”
“งั้นก็รอไปก่อนก็แล้วกัน” เสิ่นิยิ้ม
“แต่ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยรักษามันไว้เป็ความลับ” ไพรกำลังพูดถึงเื่การเผชิญหน้ากันในบ่อน้ำพุร้อน
“รักษาไว้จนตัวตาย สาบานต่อหน้าดวงอาทิตย์” เสิ่นิไขว้มือเป็กากบาท
“จะไม่รักษาเป็ความลับก็ได้ ถึงตอนนั้น นายก็แค่แต่งงานกับฉัน รับนายเข้ามาเป็ทาสตระกูลเฝิง” สีหน้าจริงจังของไพรทำเอาเสิ่นิรีบหดคอ จะมีเมียเพิ่มอีกคนแล้วหรือเรา
“ฉันเป็ได้แค่ทาสธนบัตร ตาเฒ่าเฝิงสูงส่งเกินไป ไม่เหมาะกับฉัน” เสิ่นิพูดจบก็รีบวิ่งขึ้นไปบนรถไฟพร้อมกับเซี่ยวอี๋และแพนด้า
“เธอชอบเขาเหรอ?” เฝิงเฉวียนซึ่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามไพร
“เขาเป็ไอ้หัวขโมยสัปดน แต่ก็เป็ชายหนุ่มผู้ไม่ย่อท้อ” ไพรกล่าวถ้อยคำในใจออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังเสียดาย
“ไม่เป็ไร เดี๋ยวก็ได้พบกันอีก” เฝิงเฉวียนยิ้มอย่างเ็า