ณ ป่าห่างไกลแห่งหนึ่ง ภายในสำนักจิตพฤกษา
สำนักนี้เป็สำนักหญิงล้วน…มีศิษย์ไม่กี่ร้อยคนเพียงแต่…เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีผู้าุโชายปรากฎขึ้นมาคนหนึ่ง
ผู้าุโท่านนั้นนามว่า ิฝาน เป็ตัวตันระดับก่อกำเนิดท่าหนึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้าุโเนื่องจากช่วยชีวิตเ้าสำนักเอาไว้ทั้งยังเป็พี่น้องกับผู้าุโคนหนึ่งในสำนัก...แน่นอนว่าไม่พ้นิเหยาตอนนี้ นางมีตบะอยู่ที่ระดับก่อกำเนิดขั้น 1 ส่วนิฝานพุ่งทะยานไปถึงก่อกำเนิดขึ้น 6
ขณะนี้ิฝานกำลังนั่งบำเพ็ญอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งในส่วนลึกของสำนักจู่ๆเขาก็ลืมตาขึ้นมา...
"อาจารย์..." ิฝานเบิกตากว้างเนื่องจากเขาได้แผ่จัตััออกไป จึงได้ทราบข่าวคราวมาว่าให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่ทำไปสูู่เาที่สลักนามว่า 'สงบจิต' เมื่อรู้ข่าวเขาก็ใมากเนื่องจากไม่คิดว่าบ้านของตนจะกลายเป็แดนต้องห้ามไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกจากด่านไปเอ่ยอธิบายอะไรเนื่องจากเื่นี้ไม่ได้ส่งผลเสียอันใดต่อท่านอาจารย์
ผ่านมาหลายปีเพียงนี้เขาคิดถึงท่านอาจารย์ยิ่งนัก แต่จนใจเขาดันไปล่วงเกินตัวตน ทรงพลังผู้หนึ่งเขาตอนนี้จำต้องหลบซ่อนอยู่ในสำนักจิตพฤกษา เนื่องจากบรรพชนของสำนักสามารถคุ้มครองเขาได้แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่าต้องเขาร่วมสำนักเป็เวลาอย่างน้อยร้อยปี
ที่เป็เช่นนี้เพราะพร์ของเขาเข้าตาบรรพชนผู้นั้นยิ่ง เขาสามารถสู้ข้ามขั้นได้แม้จะมีตบะเพียงก่อกำเนิดขึ้นสามแต่สามารถต่อกรกับระดับครึ่งขั้นจิติญญาได้แล้ว
พร์เช่นนี้มองทั่วทั้งทวีปก็นับว่าหายากยิ่ง ความแตกต่างระหว่างก่อกำเนิดขั้น 9 กับขั้นครึ่งจิติญญานั้นห่างกันเกือบสิบเท่าเลยทีเดียวผู้มีพร์ส่วนใหญ่ล้วนติดอยู่ที่ระดับครึ่งจิติญญา
แต่หากสู้ข้ามขั้นได้เมื่อิฝานกลายเป็ครึ่งจิติญญา เกรงว่าแม้แต่ระดับจิติญญาขั้น 9 เองก็อาจจะสู้เขาไม่ได้
ระดับจิติญญาแต่ละขั้นนั้นไม่ต่างกันมากนัก เนื่องจากระดับนี้เน้นเสริมไปที่พลังิญญา ล้วนเน้นไปที่การเสริมพลังป้องกันนำมาใช้สู้ยากยิ่งนัก เว้นเสียแต่มีวิชาพิเศษที่ใช้พลังิญญาสู้แต่วิชาเช่นนี้มีน้อยเสียจนนับนิ้วได้...
"ให้เหยาไปเยี่ยมอาจารย์แทนจะไหวไหมนะ..." ิฝานมองไปด้านนอกด้วยสีหน้าขมขื่น ิเหยา ปิดด่านอยู่ตลอดเวลา ห้าปีจะโผล่หน้ามาให้คนในสำนักเห็นสักครั้ง แต่เมื่อศิษย์คุยด้วยล้วนทำสีหน้าเ็าใส่ตลอดทำเอาเหล่าศิษย์กลัวกันมาก...
หารู้ไม่ที่จริงแล้วิเหยาไม่ได้ทำหน้าตาเ็าแต่กำลังกลัวอยู่ต่างหาก
ิฝานชอบเรียกนางว่าน้องกระต่าย เนื่องจากอายุเท่ากันเขาจึงอยากเป็พี่มาโดยตลอด!
ิเหยาเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเนื่องจากไม่สู้คน...ด้วยตบะระดับนั้นนางถือเป็ตัวตนที่แข็งแกร่งเป็อันดับต้นๆของสำนักเลย
ฝึกนานวันเข้า พวกเขาก็รู้สึกถึงความร้ายกาจของวิชาที่ิเทียนเยว่ถ่ายทอดให้มากขึ้นเรื่อยๆ ทักษะใดๆในสำนักล้วนไม่อาจเทียบได้ ทำให้พวกเขาคิดไปแล้วว่าิเทียนเยว่เป็เซียนจริงๆ บรรพชนระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังไม่มีวิชาระดับนี้ ท่านอาจารย์จะสูงส่งเพียงใด
ิฝานส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะมุ่งฟน้าไปหาิเหยาอยากให้นางกลับไปเยี่ยมอาจารย์แล้วฝากความคิดถึงไปให้ด้วย
...
กลับมาที่ด้านของิเทียนเยว่
เขายังคงตั่งท่าเตรียมสู้อยู่...ผ่านมาสามวันแล้วคนพวกนี้ไม่เพียงแต่ไม่กลับไปกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงขั้นเริ่มมีมนุษย์ธรรมดามาสร้างหมู่บ้านใกล้ๆแล้ว
และใช่ิเทียนเยว่ตั่งท่าสู้เตรียมพร้อมรบตลอดสามวันเต็มๆ เขาระแวงมากจริงๆตอนนี้มีผู้ฝึกตนเยอะแยะเต็มไปหมด รวมๆกันนับแสนแล้ว ไข่บ้านั่นมันมีอะไรดีกัน!
แต่ถึงอย่างนั้นก็โชคดีนักที่ไม่มีใครเขามาใกลู้เาของเขาเลย ในรัศมีสองพันลี้ล้วนมีแต่สัตว์ป่า ไร้ซึ่งวี่แววมนุษย์
ิเทียนเยว่ขมวดคิ้วแน่นเขาลังเลยิ่งนัก
'หากเป็เช่นนี้ต่อไปข้าจะบำเพ็ญได้อย่างไร'
เขามีสองความคิดไปสำรวจสถานการณ์แต่หากตอนนั้นมีคนมาขโมยของเล่า ของลำค่าฟ้าดิ้นของเขาล้วนฉกฉวยได้ง่ายยิ่งสองอันเพียงเด็ด หนึ่งอันเพียงดื่ม...
หากมีตบะระดับจิติญญา บ่อน้ำขนาดเท่านี้ดื่มอึกเดียวก็เกลี้ยงแล้ว!
อีกความคิดหนึ่งคือลักพาตัวใครสักคนมาไถ่ถาม...ถึงแม้วิธีนี้จะดูป่าเถื่อนไม่น้อยแต่เขาก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักถึงกระนั้นเขาก็ตัดสินใจเฝ้าดูไปอีกสักเดือน หากคนพวกนี้สลายตัวไปใน่นั้นเขาก็ปลอดภัยแล้ว!
...
หนึ่งเดือนต่อมา
บัดซบคนเยอะขึ้น...ิเทียนเยว่แทบจะกุมขมับ นอกจากไม่ลดแล้วกลุ่มคนยังมาขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อต่างๆเองก็เยอะขึ้นเช่นกัน
ในใจเขาสงสัยยนิ่งนักว่าไข่นั่นคืออะไร เหตุใดไปฉกชิงไปให้จบๆเสียที
ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ตัวเขาเองก็พอเข้าใจความรู้สึกของคนที่เข้าไปแย่งชิงอยู่บ้าง ขนาดตัวเขาทรงพลังขนาดนี้ยังรู้สึกหวาดระแวง หากเลี้ยงสิ่งที่อยู่ในไข่นั่นจนเชื่อง แล้วเติบใหญ่ขึ้นจะน่าสะพรึงเพียงใด
หนึ่งเดือนมานี้เขาเข้าใจตัวเองไม่น้อยแม้จะมีหลายคนที่เขามองตบะไม่ออก แต่เขามองเห็นพลังเวทที่แผ่ออกมา...น้อยนิดยิ่ง
เทียบกับเขาแล้วเหมือนแอปเปิลกับต้นไม้ต่างกันหลายร้อยเท่านัก ทำให้เขาลำพองใจขึ้นมาไม่น้อย
ข้าเองก็ไม่เบาเหมือนกัน!
แต่ิเทียนเยว่ก็สะกดความคิดนั้นไปทันที
'ประมาทแล้ว! ข้าเกิดมารในใจหรือ..' ิเทียนกู่ร้องในใจหารู้ไม่เขาก็แค่คิดไปเอง....
....
...
สิบเอ็ดเดือนต่อมา ตอนนี้ิเทียนเยว่สงบใจบำเพ็ญได้แล้ว...เขาทำได้เมื่อหกเดือนก่อนฃ
แต่วันนี้เขาลืมตาขึ้นแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวขีดสุด...
มหาศาลนัก! มีคนจำนวนมหาศาลพุ่งไปทิศทางเดียวกัน
ไอไข่เวร! ิเทียนเยว่ก่อนด่าไข่ใบนั้นในใจ...
ตอนนี้ตรงจุดที่มีไข่อยู่มีคีนรวมกันมากถึงห้าแสน รวมมนุษย์ธรรมดาเข้าไปด้วย
....
ณ เมืองแห่งหนึ่งใกล้ๆกับไข่ใบนั้น
ิฝานนั่งดื่มชาอยู่เงียบๆในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่ชั้นสองคล้ายกำลังรอใครบางคนอยู่ ด้านตรงข้ามของเขามีิเหยานั่งนิ่งสนิทไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยไม่แม้แต่จะมองออกไปด้านนอก ท่าทีเช่นนี้ทำเอาิฝานถึงกับส่ายหัว
"พี่ฝานน" เสียงแหลมแสบหูดังขึ้นมา ิฝานก็ยกยิ้มขึ้นเป็เสียงของิหนิงหนิงนั้นเอง
นางวิ่งขึ้นมายังพร้อมกับิหลิงข้างๆ ทั้งคู่ดูเป็ผู้ใหญ่ขึ้นมาโดยเฉพาะิหลิง...ส่วนิหนิงก็ยังคงเป็เช่นเดิมซุกซนยิ่งแม้เวลาจะผ่านไปนานยิ่งแต่นิสัยนางแทบไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
หลังจากคุยเล่นกันอยู่พักหนึ่งิหลิงก็เอ่ยปากขึ้นมา...
"พี่ใหญ่ไม่มาหรือ" เขากล่าวด้วยความสงสัย
ิฝานส่ายหน้า
" ขาดการติดต่อไปนานยิ่งข้าพยายามหาแล้ว หาร่องรอยไม่เจอเลยแม้แต่น้อย" เขากล่าวพร้อมส่ายตาเศร้าสร้อย
ทั้งสี่เงียบไปก่อนิหนิงหนิงจะเอ่ยขึ้นมาเปลี่ยนบรรยากาศฃ
"ไปเยี่ยมท่านพ่อกันเถอะ" นางลุกขึ้นแล้วลากตัวิฝานไปทันที ิเหยาและหมืงหลิงก็เดินตามไปด้วย
วันต่อมาพวกเขาก็เดินทางมาถึงเขาสงบจิต
นี่คือความเร็วสูงสุดที่ิฝานและิเหยาที่อุ้ม ิหลิงและิหนิงหนิงมาด้วยทำได้...ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆในการเดินทาง
เมื่อพวกเขากำลังเดินขึ้นบนเขาภาพเบื่องหน้าพลันเปลี่ยนไป
ชั่วพริบตาเขาก็มาถึงยอดเขาแล้ว
เป็ิเทียนเยว่ที่ใช้พลังเคลื่อนย้ายทั้งสี่ขึ้นมา
...
...
'โอกาสดียิ่ง!' ิเทียนเยว่ที่รู้ว่าเหล่าศิษย์ทั้งสี่มาใกล้แล้วก็ตื่นเต้นขึ้นมา เขาไม่ต้องลักพาตัวคนแล้ว! ได้แต่หวังว่าเด็กจะรู้เื่ที่มีคนมารวมตัวกันมาขนาดนี้
เขาสะบัดมือพาทั้งสี่ขึ้นมาบนเขาทันที
"รู้จักกลับมาด้วยหรือ" ิเทียนเยว่ยิ้มมองไปยังิฝานและิเหยา
ิเหยาได้แต่หลบตา ส่วนิฝานก็ขำแห้งๆออกมา พวกเขาพอจะดูออกว่าิเทียนเยว่เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ละอายใจเหลือเกินสิบเอ็ดปีเต็มๆพวกเขาไม่ได้กลับมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว...
"ศิษย์อกตัญญูแล้วขอรับ" ิฝานคุกเข่าลง ทำเอาิเหยาใจนคุกเข่าตาม
"ช่างเถอะอย่างไรเสียข้าก็มีเวลาอยู่มากโขนัก" ิเทียนเยว่โบกมือเบาาๆพร้อมกล่าวขึ้น
ิฝานมองหน้าิเทียนเยว่ก็พบว่าอาจารย์ของตนหน้าตาเหมือนเดิมไม่มีผิด...เวลาผ่านไปตั่งเท่าใดแล้ว
ท่านอาจารย์ยังรูปร่างหน้าตาดังเช่นวันแรกที่พบเจอได้อย่างไร ซ้ำยังดูเยาว์วัยลงด้วยซ้ำ
แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจิติญญาขั้น 9 หรือระดับฝ่าด่านเคราะห์ยังทำได้เพียงคงรูปลักษณ์วัยกลางคนเอาไว้ เช่นนั้นอาจารย์เป็ระดับใดเล่า!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาพลันนึกถึงเื่ที่เขาได้ยินมาว่าเขาลูกนี้มีเทพเซียนพำนักอยู่ ตอนแรกเขาคิดว่าอาจารย์เป็เพียงระดับฝ่าต่านเคราะห์เท่านั้นเห็นทีว่าเขาจะประเมินอาจารย์ต่ำไปเสียแล้ว...
แน่นอนว่าเป็เื่เข้าใจผิดจริงๆ และิเทียนเยว่ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยเขาเป็เพียงตาแก่ที่มีลูกหลานกลับมาเยี่ยมเท่านั้น
"มีเื่อยากถามเ้าอยู่พอดี เหตุใดจึงมีผู้คนมารวมตัวกันมาขนาดนี้กัน" ิเทียนเยว่กล่าวถามด้วยใบหน้าผ่อนคลาย เขาวางมาดยิ่ง...
"สำนักต่างๆจะจัดงานประลองชิง สัตว์เทพขึ้นขอรับ" ิฝานไม่ปิดบังกล่าวตอบทันทีด้วยความตื่นเต้นเขาเองที่สามารถกลับมาได้ก็เพราะมีงานใหญ่เช่นนี้
"อืม" ิเทียนเยว่พยักหน้าเล็กน้อย ทำเอาิฝานคิดว่าิเทียนเยว่เพียงแค่อยากหาเื่คุยเท่านั้นไม่ได้สนใจสัตว์เทพแต่อย่างใด
'บัดซบแค่ชื่อข้าก็ไม่อยากยุ่งแล้ว' ส่วนนี่คือความจริงในใจของเขาใช่แล้วไม่อยากยุ่งเลยแม้แต่น้อย แคู่เาลูกนี้ก็ทำคนโลภได้ง่ายๆแล้ว เจาไข่ลูกนั้นดูล้ำค่ายิ่งกว่าของวิเศษและของล้ำค่าฟ้าดินทั้งหมดของเขามัดรวมกันเสียอีก
ไม่ใช่ถูกขนานนามว่าไข่สัตว์เซียนแต่เป็ ไข่สัตว์เทพอยู่เหนือกว่าเซียนไปหลายขั้นยิ่ง สำหรับเขาขอสิ่งนี้เหมือนป้ายประกาศว่าที่แปะอยู่เหนือหัว
'มาฆ่าข้าเลยสิ'
เขาถึงกับสงสัยว่าคนในใต้หล้าสมองกลับไปแล้วหรือไร มั่นใจนักหรือว่าเป็หนึ่งในใต้หล้า ต่อให้เป็หนึ่งในใต้หล้าจริงเ้าไม่กลัวโดนรุมตีจนตายหรือ ต่อให้รอดมาได้เ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าควบคุมสัตว์เทพได้สิ่งมีชีวิตระดับนั้นไม่ใช่ลูกไก่ของป้าข้างบ้านเ้านะ!
ความเสี่ยงมากกว่าผลดีเห็นๆเลย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้