“ข้ารู้ว่าพวกเ้าสองคนเคยเป็คู่รักในวัยเยาว์ แต่อย่าได้คิดถึงเขาอีกเพราะวันนี้ข้าคือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเ้า”
โจวหานอี้ที่กำลังเมามาย ชี้นิ้วไปยังหญิงสาวที่กำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาแข็งกร้าว จนกระทั่งบัดนี้นางก็ยังมิยินยอมพร้อมใจแต่งให้กับเขา และเื่นั้นชายหนุ่มรู้แก่ใจดีแต่แล้วอย่างไรเล่า ในเมื่อเวลานี้ตนคือผู้เดียวที่จะได้นาง
ร่างสูงกระชากหญิงสาวตรงหน้าเข้าหาตน นางพยายามขัดขืนการกระทำอันหยาบช้าของชายหนุ่ม แต่แรงอันน้อยนิดของสตรีเช่นนางมีหรือจะสู้แรงของบุรุษฉกรรจ์เช่นเขาได้
ชุดเ้าสาวสีแดงสดถูกฉีกกระชากออกจากร่างอรชรอย่างไม่ไยดี หญิงสาวกรีดร้องขอความช่วยเหลือแต่ด้านนอกกลับยังคงนิ่งเฉย เพราะหลังจากที่นางก้าวเข้ามาในตระกูลโจว สาวใช้ที่ติดตามเป็สินเดิมของพานเยว่หลานก็ถูกขายออกไปทั้งหมด นั่นเป็แผนของเฉิงหรงกุ้ยเฟยที่สั่งให้โจวฮูหยินผู้เป็มารดาจัดการ
เมื่อสำเร็จตามความ้าของตน ชายหนุ่มก็ออกจากห้องไปโดยไม่สนว่าเ้าสาวที่พึ่งแต่งเข้ามาจะรู้สึกอย่างไร
สามวันผ่านไป
ความทุกข์ระทมทั้งกายและใจทำให้พานเยว่หลานล้มป่วย นางไม่สามารถเดินทางกลับไปยังบ้านเดิมของตนได้ เมื่อสาวใช้ของตระกูลพานถูกส่งมาสอบถามก็ได้ความว่า เพราะพานเยว่หลานเหน็ดเหนื่อยจากงานแต่งจึงทำให้นางล้มป่วย
คำตอบที่ได้รับทำให้มารดาของหญิงสาวไม่พอใจ นางจึงต้องมาเยือนตระกูลโจวด้วยตนเอง เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของบุตรสาวนางก็รู้สึกปวดใจนัก ทว่าเพราะคำขู่ของเฉิงหรงกุ้ยเฟยที่จะทำให้บิดาของนางที่อยู่ชายแดนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้นางมิสามารถเอ่ยปากกับมารดาให้นางรู้สึกไม่สบายใจได้
“ฮูหยินน้อยเ้าคะ ฮูหยินใหญ่สั่งให้ท่านไปพบที่เรือนเ้าค่ะ”
สาวใช้จากเรือนของฮูหยินใหญ่โจวสะบัดเสียงอย่างเย่อหยิ่ง เมื่อต้องมาตามหญิงสาวไปพบกับนายของตน
“อืม ข้ารู้แล้ว”
พานเยว่หลานที่แต่งเข้าตระกูลโจวได้หนึ่งเดือน บัดนี้ไม่ต่างจากคนอื่น ถ้าไม่มีบ้านเดิมของมารดานางอาจถูกกระทำไม่ต่างจากสาวใช้ในเรือน เพราะทุกคนที่นี่ไม่มีใครรับใช้นางอย่างจริงใจเลยสักคน
วันดีคืนดีนางก็ถูกเรียกเข้าไปในวังให้คุกเข่าอยู่หน้าตำหนักกวานจีของเฉิงหรงกุ้ยเฟย ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือนางได้หญิงสาวทำได้เพียงต้องอดทนเท่านั้น เพื่อบิดาที่อยู่ชายแดนของนาง
“มาแล้วหรือ เ้าคงจะรู้จักคุณหนูจ้าวกระมัง นางและหานเอ๋อรู้จักกันมานาน วันนี้มีโอกาสจึงได้มาร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งงานของพวกเ้า”
หญิงสาวมองแม่สามีที่ปกติมักจะทำหน้าตึงใส่ตนราวกับไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา ทว่าเมื่อสตรีผู้นี้มาเยือนตระกูลโจวกลับแสดงสีหน้าที่แตกต่างให้เห็น หมายความว่าสตรีนามจ้าวหรูอี้ผู้นี้มีความสำคัญอยู่ไม่น้อย หรือไม่ก็เพียงแค่นางไม่ยอมรับสะใภ้พระราชทานเช่นตนก็เท่านั้น
“สวัสดีคุณหนูพาน ข้าคือหรูอี้เป็สหายในวัยเด็กของพี่หานอี้ เราเคยได้พบกันตามงานเลี้ยงน้ำชาอยู่หลายครั้ง ท่านคงจะจำข้าได้กระมัง”
ร่างบางยกยิ้มเล็กน้อย กิริยาที่แสดงล้วนแต่เฉยเมยคล้ายกับมิได้ล่วงรู้ถึงความนัยแฝงที่จ้าวหรูอี้เอ่ยกับนาง
“ข้าว่าคุณหนูจ้าวเรียกข้าว่าฮูหยินน้อยโจวน่าจะดีกว่านะ อย่างไรข้าก็แต่งเข้าตระกูลโจวตามพระราชโองการของฝ่าาแล้ว หากมีผู้ใดมาได้ยินเข้าคงจะคิดว่าเ้าไม่ยอมรับสมรสพระราชทานในครั้งนี้ ไม่แน่อาจะเืไปถึงตระกูลจ้าวกั๋วกงที่เลี้ยงดูเ้ามา”
หญิงสาวเอ่ยเพียงเรียบๆ มิได้ใส่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าจะแสดงสีหน้าอย่างไร แต่เป็อีกฝ่ายที่เริ่มแสดงท่าทีร้อนรนออกมา
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเพียงแต่ยังไม่คุ้นชินกับสถานะที่เปลี่ยนไปของเ้าเท่านั้น อย่างไรข้าก็มาเยี่ยมท่านป้าบ่อยครั้งเป็ครั้งแรกที่ได้พบกันที่นี่ ยินดีกับการแต่งงานด้วย”
ร่างบางยกน้ำชาขึ้นจิบพลางเหลือบมองไปยังหญิงสาวใบหน้างดงามที่แต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมอย่างวิจิตร ถ้าหากนางมีใจให้กับโจวหานอี้บ้างเล็กน้อย อาจมีอาการหึงหวงอยู่บ้าง เมื่อได้เห็นสตรีอื่นแสดงกิริยาราวกับตนเองคือเ้าของสามีนาง
“คำว่ายินดีน่าจะเหมาะกับสามีของข้ามากกว่ากระมัง สำหรับตัวข้าที่มิได้เป็ผู้ขอพระราชโองการนั้น...”
หญิงสาวหยุดไปเล็กน้อย นางเบื่อเต็มทนที่ต้องมานั่งมองพวกนางเสแสร้งเล่นละครตบตาให้นางดูว่าพวกเขารักใคร่ปรองดองกันเพียงใด มันน่าสะอิดสะเอียน
“เอาเป็ว่าท่านแม่้าให้ข้ามาทักทายคุณหนูจ้าวเท่านั้นกระมัง ในเมื่อคนก็ได้พบแล้ว ทักทายก็ทักทายแล้ว เช่นนั้นข้าต้องตัวก่อน”
หญิงสาวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนยอบกายทำความเคารพให้กับฮูหยินใหญ่โจว จากนั้นเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจว่าผู้ที่อยู่เื้ัจะมีสีหน้าอย่างไร
“เ้า!! ช่างเป็คนนิสัยแย่จริงๆ ไม่รู้ว่าตระกูลพานสั่งสอนนางมาอย่างไรกันแน่”
สตรีวัยกลางคนที่ประโคมเครื่องประดับทองเต็มหัวและแต่งกายด้วยชุดเสื้อผ้าหรูหราราวกับกำลังจะเตรียมตัวไปงานเลี้ยง ชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังร่างบางที่เดินออกจากห้องอย่างไม่สนใจตน
“ท่านป้าอย่าได้อารมณ์เสียเลยนะเ้าคะ อย่างไรนางก็เป็คนที่ฝ่าาพระราชทานสมรสให้ตระกูลโจว หากนางจะเย่อหยิ่งก็สมควร อีกอย่างนางคงจะไม่ชอบใจนักที่ได้เห็นข้าที่เป็สหายวัยเด็กของพี่หานอี้มาที่นี่ ข้า..เข้าใจนางเ้าค่ะ”
จ้าวหรูอี้แสร้งแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยต่อหน้าฮูหยินใหญ่โจว ราวกับว่าตนเองได้รับความอยุติธรรมเสียหนักหนา
สตรีทั้งสองคนที่กำลังสนทนาภายในห้อง มิได้ล่วงรู้เลยว่าทั้งหมดเป็แผนการของเฉิงหรงกุ้ยเฟยและโจวอี้หรานผู้เป็บิดา ที่้ารวบรวมอำนาจและกำจัดคนที่มาขัดขวางเส้นทางของตน
“นางจะคิดอย่างไรก็เื่ของนาง มิใช่เื่ที่เ้าต้องคิดมาก อย่างไรในสายตาของข้า เ้าก็ยังเป็คนสำคัญที่สุดสำหรับจวนตระกูลโจวของเรา”
หญิงสาวที่เคยแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยบัดนี้กลับมาแช่มชื่นอีกครั้ง เมื่อได้ฟังวาจาหวานหูของฮูหยินใหญ่ตระกูลโจว
“ขอบคุณท่านป้าที่เข้าใจข้าเ้าค่ะ อย่างไรวันหน้าข้าก็คงมาที่นี่บ่อยๆ ไม่ได้แล้วเพราะพี่หานอี้แต่งงานกับคุณหนูพานผู้นั้น หากมีผู้อื่นเห็นว่าข้ายังมาที่นี่อาจมีข่าวลือที่ไม่ดีออกไป”
“ใครจะพูดเช่นไรหาต้องใส่ใจ มีเพียงข้าที่รู้ดีที่สุดว่าหานเอ๋อนั้นมีใจให้กับใคร”
ฮูหยินใหญ่โจวตบหลังมือหญิงสาวแ่เบาเพื่อเป็การปลอบโยน ภายในหัวของนางบัดนี้กำลังนึกถึงอำนาจที่ตระกูลโจวจะได้รับถ้าได้เกี่ยวดอกกับตระกูลจ้าว
ทว่าเฉิงหรงกุ้ยเฟยไม่เคย้าให้พี่ชายแต่งงานกับจ้าวหรูอี้สักนิด เพราะตระกูลจ้าวกั๋วกงนั่นมิใช่ผู้ที่จะถูกชักจูงหรือควบคุมได้ง่าย
อย่างไรจ้าวไทเฮาก็เป็คนตระกูลจ้าว ถ้าหากตนกระทำสิ่งใดให้นางรู้สึกว่าเป็การคุกคาม ตัวนางที่อยู่ในวังหลังเป็อันต้องลำบากแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้