เล่มที่ 2 บทที่ 57
มู่หรงฉิงไม่สามารถยับยั้งความเกลียดชังที่มีต่อยวี้เอ๋อร์ได้ จากสภาพของยวี้เอ๋อร์เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายสมควรได้รับโทษอย่างสาสม แต่กลับทำตัวเหมือนตัวเองเป็ผู้ถูกกระทำ ถูกทำร้ายและทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส
ทำเพื่อเอาใจนางหรือ? ยวี้เอ๋อร์เพิ่งจะทำร้ายนางก่อนหน้า แต่ไม่คาดคิดเลยว่าสิ่งที่คนตรงหน้าทำจะถูกเปิดโปง ยวี้เอ๋อร์ไม่แม้กระทั่งจะสำนึกผิด แต่กลับเอาใจนาง?
เฮอะ! สำนึกผิดหรือ? ยวี้เอ๋อร์ไม่ได้เป็คนของนางั้แ่สองสามปีก่อนแล้ว และแม้ว่านางจะสำนึกผิด ถึงอย่างไร มันก็สายเกินไปแล้ว
นางแทบอยากจะก้าวเท้าไปข้างหน้าและเตะยวี้เอ๋อร์ ถึงกระนั้นนางก็ต้องอดทนอดกลั้นให้ได้ ปี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเห็นมู่หรงฉิงเหมือนจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่สักหลายส่วน จึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองมู่หรงฉิง โดยใช้โอกาสนี้ตักเตือนมู่หรงฉิงว่าอย่าทำลายแผนการเนื่องจากความหุนหันพลันแล่น "ฮูหยินน้อย อย่าไปวิตกกังวลเลย ยวี้เอ๋อร์มีบุญวาสนาและมีโชคชะตาที่ดี นางจะไม่เป็อะไรอย่างแน่นอน"
หลังจากการตักเตือนของปี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงถึงตระหนักได้ว่าตนเองไม่อาจควบคุมอารมณ์ไว้ได้ นางระงับความเ็าที่แผ่ซ่านออกจากร่างกายทันที แต่สะบัดมือของปี้เอ๋อร์ออกไปอย่างรุนแรง นางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ "ยังรออะไรอยู่อีก? ยังไม่รีบไปหาหมอในจวนอีกหรือ"
ก่อนสะบัดมือยังเขียนคำว่า ‘แม่รอง’ ไว้ที่หลังมือของปี้เอ๋อร์ หญิงสาวเ้าของชื่อถูกมู่หรงฉิงสะบัดมือถึงกับออกอาการน้อยใจในทันที แต่เมื่อเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของมู่หรงฉิง นางจึงตอบด้วยเสียงเบาว่า "รับทราบ บ่าวจะไปเชิญมาเดี๋ยวนี้ เพียงแต่ว่า... แม้กระทั่งยา หมอในจวนก็ยังไม่ให้เลย บ่าวเกรงว่า... เกรงว่าหมอในจวนจะไม่มาดูอาการาเ็ของยวี้เอ๋อร์น่ะสิ”
ทันทีที่ปี้เอ๋อร์พูดจบ เฉินเทียนหยูที่ติดตามอยู่ด้านหลังของมู่หรงฉิงก็รีบพยักหน้า “ใช่ ใช่ หมอในจวนไม่รักษาบ่าวชั่ว นางควรจะ..."
ไม่ทันที่เฉินเทียนหยูจะพูดจบ มู่หรงฉิงตวัดสายตากลับไปจ้องเฉินเทียนหยูเขม็ง เฉินเทียนหยูถูกมู่หรงฉิงมองด้วยสายตาเ็า เขาถึงกับใและก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ
น้องหญิงน่าหวั่นกลัวมาก
คิดเช่นนั้นในใจ เขาจึงผลักจ้าวจื่อซินไปข้างหน้า "จ้าวจื่อซิน น้องหญิงโกรธอีกแล้วใช่หรือไม่?"
เฉินเทียนหยูกลัวมู่หรงฉิงเวลาโกรธเป็อย่างมาก เนื่องจากจ้าวจื่อซินบอกแล้วว่า ถ้าน้องหญิงโกรธ น้องหญิงก็จะไม่มีกลิ่นหอมและจะไม่หวานอีกต่อไป และสิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น น้องหญิงจะไม่ทำขนมอร่อยๆ อีกต่อไปแล้ว
ขนมของว่างที่น้องหญิงทำนั้นอร่อยมาก ขนมของว่างที่น้องหญิงทำอร่อยที่สุดในโลก น้องหญิงเป็ผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ดังนั้นเขาต้องไม่ทำให้น้องหญิงโกรธ
ทว่าแววตายามโกรธแค้นของน้องหญิง ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
เฉินเทียนหยูยังคงพึมพำอยู่ในใจ ครั้นเห็นเรือนร่างของมู่หรงฉิงโคลงเคลงไปมาเล็กน้อย ต่อมาเสียงร้องอุทานของปี้เอ๋อร์ก็ดังขึ้น "คุณหนูใหญ่"
ปี้เอ๋อร์เห็นร่างของมู่หรงฉิงโคลงเคลงและกำลังจะล้มลง นางก็รีบก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อประคองมู่หรงฉิง ก่อนหันไปพูดกับเฉินเทียนหยูที่ยังคงขยับปากพึมพำ "คุณชายรอง ขอท่านอย่าได้ทำให้ฮูหยินน้อยโกรธอีกเลย วันนี้อากาศร้อนมาก ถ้าโกรธมากๆ อาจจะถึงขั้นตายได้"
เมื่อเห็นมู่หรงฉิงเป็ลม เฉินเทียนหยูก็ตื่นตระหนกทันทีทันใด ข้าจะไปสนใจสิ่งที่ปี้เอ๋อร์พูดได้ที่ไหน รีบก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อคว้ามู่หรงฉิงมาไว้ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นอุ้มขึ้น "น้องหญิง น้องหญิงเป็อะไรหรือ?"
“ฮูหยินน้อยเป็ลม เนื่องจากโกรธมาก คุณชายได้โปรดพาฮูหยินน้อยกลับไปที่ห้องโดยเร็วเถอะ บ่าวจะรีบไปเชิญหมอในจวนมาดูอาการให้” ขณะที่ปี้เอ๋อร์เอ่ยปาก นางได้ก้าวเท้าไปสองก้าวแล้ว ทว่าจำต้องเดินกลับมาและจับมือของสีเอ๋อร์ "ข้าไม่รู้จักทาง เ้าไปเชิญหมอในจวนกับข้าเถอะ"
หลังจากสีเอ๋อร์เปล่งเสียงอืม ก็รีบออกจากเรือนพร้อมกับปี้เอ๋อร์
ปี้เอ๋อร์และสีเอ๋อร์ไปเชิญหมอในจวน ฝ่ายเฉินเทียนหยูจึงอุ้มมู่หรงฉิงกลับไปที่ห้องด้วยความเร็วดุจสายลมพัด ที่นี่มีคนเฝ้าอยู่ไม่กี่คนแล้ว แม่นมฟางและแม่นมจิ่นถึงได้รู้สึกตัวอีกหน
“โธ่! ยังรออะไรอยู่หรือ? รีบไปดูเถอะ” แม่นมฟางที่รู้สึกตัวขึ้นมา จึงดึงแม่นมจิ่นหมายจะเดินออกจากห้องเก็บฟืน
แม่นมจิ่นเดินไปสองก้าว แต่แล้วนางก็สะบัดมือของแม่นมฟางออกไป “คุณหนูใหญ่มีคนดูแลอยู่ แต่ยวี้เอ๋อร์เป็เช่นนี้แล้ว จะดีได้อย่างไรเล่า?”
แม่นมฟางเห็นบรรดาสาวใช้ต่างวิ่งไปที่ห้อง นางจึงมองสภาพแวดล้อมรอบๆ ก่อนลดเสียงลงและพูดว่า “เื่ของยวี้เอ๋อร์ เราดูแลในภายหลังก็ย่อมได้ ด้วยความสามารถของนางการอดทนสองสามชั่วยามไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน”
“แต่กระดูกซี่โครงถูกเหยียบจนหักแล้ว ถ้าพวกเราไปที่ห้อง ถ้ายวี้เอ๋อร์เกิดโทษพวกเราขึ้นมา...” สีหน้าของแม่นมจิ่นไม่ได้มีความรักความเอ็นดูอีกต่อไป แต่แทนที่ด้วยความวิตกกังวล
“เบาเสียงหน่อย เวลานี้พวกเราเลือกเองไม่ได้ ถ้าพวกเราสองคนต่างอยู่ที่นี่ มันจะไม่ทำให้คนสงสัยหรือ?” แม่นมฟางพูดจบก็ไม่พูดมากอีกต่อไป แต่ลากแม่นมจิ่นพาวิ่งไปที่ห้อง
เฉินเทียนหยูกอดมู่หรงฉิงและวิ่งกลับไปที่ห้องด้วยความรวดเร็วราวกับสายลมพัด หลังจากวางมู่หรงฉิงลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง เขาก็ะโอย่างวิตกกังวล "น้องหญิง น้องหญิง น้องหญิงตื่นขึ้นมาสิ ข้าจะไม่กระทืบบ่าวชั่วคนนั้นแล้ว น้องหญิงอย่าเป็ลม"
‘เป็ลม’ มู่หรงฉิงเกือบจะหัวเราะออกมาดังๆ เป็ลม สามารถสั่งให้ไม่เป็ลมได้ด้วยหรือ?
“น้องหญิง ข้าจะไม่ทำน้องหญิงโกรธอีกต่อไปแล้ว น้องหญิงอยากจะทำอะไร ข้าจะยอมทุกอย่าง ขอแค่น้องหญิงไม่โกรธ ขอแค่น้องหญิงสบายดีก็เพียงพอแล้ว
“น้องหญิงอยากจะเรียนวิชาแพทย์ ข้าขอให้หมอประจำจวนสอนน้องหญิงดีหรือไม่? น้องหญิงรักแม่นม ข้าก็จะไม่ทำให้แม่นมใอีกต่อไปแล้ว ดีหรือไม่? น้องหญิงรักบ่าวชั่วคนนั้น ข้าจะไม่ลงมือทำอะไรนางแล้ว ดีหรือไม่? อีกสักพัก ข้าจะให้หมอประจำจวนไปรักษาบ่าวชั่วร้ายคนนั้นดีหรือไม่?”
‘ดีหรือไม่’ แต่ละคำทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกขมขื่นใจ
นอกจากท่านแม่และพี่ชายใหญ่มีใครบ้างที่ใส่ใจความรู้สึกของนาง? บิดาผู้ให้กำเนิดนาง ั้แ่นางยังเป็วัยเยาว์ นอกจากพูดว่านางมีอุปนิสัยที่เงียบขรึมเ็าแล้ว เขาสามารถพูดอะไรได้อีก? แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะให้ความสำคัญกับนางที่เป็บุตรสาวคนโตแต่อีกฝ่ายก็แทบไม่มีความจริงใจเลย
แม้ว่าเฉินเทียนหยูคนนี้จะเอ่ยแต่ถ้อยคำโง่เขลา และไม่สามารถเชื่อถือได้จริงๆ อย่างไรก็ดี หลังจากประสบกับสิ่งต่างๆ มากมาย ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ เ่าั้กอปรกับความจริงใจโง่ๆ ของเขา ทำให้นางเริ่มโลภไปโดยปริยาย
เฉินเทียนหยูพูดต่อไปมากมาย แต่มู่หรงฉิงที่นอนราบอยู่บนเตียงยังคงนอนนิ่ง ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมา เฉินเทียนหยูเสียใจเป็อย่างมาก เขาเสียใจที่ไม่เชื่อฟังคำพูดของน้องหญิง เสียใจที่ทำให้น้องหญิงโกรธ
“จ้าวจื่อซิน ทำไมน้องหญิงถึงยังไม่ตื่นล่ะ?”
เห็นเฉินเทียนหยูออกอาการวิตกกังวลระคนกระวนกระวายแต่ทำอะไรไม่ได้ จ้าวจื่อซินถึงกับกลอกตาแต่เมื่อเขาเห็นสาวใช้จำนวนมากเฝ้าดูอยู่โดยรอบ จึงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เกรงว่าฮูหยินน้อยเป็ลมเนื่องจากโกรธมาก รอให้หมอประจำจวนมาดูอาการ ให้ยาแล้วก็จะตื่นขึ้นมา”
บางคนอาจจะรู้สึกว่าพวกเขาดึงรายละเอียดเ่าั้เป็เวลานานเกินไป แต่ถ้าไม่มีรายละเอียดเ่าั้ ความจริงใจของเฉินเทียนหยูที่มีต่อมู่หรงฉิงจะสะท้อนออกมาได้อย่างไร? เฉินเทียนหยูในเวลานี้โง่งมจริงๆ เขาไม่รู้วิธีการหลอกลวงหรือเกลี้ยกล่อม เขารู้แค่ว่าเขาชอบมู่หรงฉิง เขารู้แค่ว่าเขาทำให้มู่หรงฉิงเสียใจไม่ได้ ดังนั้นเฉินเทียนหยูจึงดีต่อมู่หรงฉิง
ทางด้านมู่หรงฉิงล่ะ? หลังจากเกิดเหตุการณ์มากมาย หัวใจของนางยิ่งเ็าเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้นางสงสัยว่าแม่นมทั้งสองคนตกลงไปในกับดักเสียแล้ว นางยิ่งเกลียดชังต่อโลก นางเกลียดยวี้เอ๋อร์ เกลียดอนุหนิง และเกลียดการสมรู้ร่วมคิดที่น่ารังเกียจเ่าั้
เวลานี้ความหลงใหลและความจริงใจของเฉินเทียนหยูค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในใจทุกวัน ไม่เช่นนั้น ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งมีพร์จะมีใจให้เขาได้อย่างไร?
จ้าวจื่อซินกล่าวบอกก่อนพูดกับบรรดาสาวใช้พร้อมโบกมือ “คนจำนวนมากอยู่ที่นี่ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ฮูหยินน้อยมอบหมายให้พวกเ้าทำอะไร พวกเ้าก็ไปทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายเถอะ หากมีเื่ต้องให้พวกเ้าทำ ข้าจะเรียกพวกเ้าเอง”
หลังจากจ้าวจื่อซินพูดเช่นนั้น สาวใช้แต่ละคนจึงหันหน้ามองกันและกัน และในที่สุดพวกนางก็หันไปมองชุ่ยเอ๋อร์เป็สายตาเดียว
เดิมทีชุ่ยเอ๋อร์ไม่เห็นด้วยความคิดของจ้าวจื่อซิน เนื่องจากฮูหยินน้อยยังไม่ฟื้นขึ้นมา แน่นอนว่าจะต้องให้สาวใช้คอยเฝ้าดูแล มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้คุณชายและจ้าวจื่อซินคอยเฝ้าดูแลหรือ?
นางรู้สึกไม่พอใจ แน่นอนว่าไม่เต็มใจที่จะร่วมมือ "บางทีร่างกายของฮูหยินน้อยอาจจะร้อนก็ได้ พวกบ่าวจำเป็ต้องเช็ดร่างกายให้ฮูหยินน้อยเพื่อระบายความร้อน"
“เ้าคิดว่าเป็คนตายหรืออย่างไร? นางยังมีชีวิตอยู่ จะคลายความร้อนอะไรหรือ?” ด้วยคำถามเชิงถากถาง จ้าวจื่อซินได้เอื้อมมือออกไปดึงเฉินเทียนหยู "คนจำนวนมากมุงดูอยู่ที่นี่ อากาศไม่ถ่ายเท ฮูหยินน้อยจะตื่นขึ้นมาได้อย่างไรหรือ?”
ทันทีที่เฉินเทียนหยูได้ฟังคำตอบ เขาก็รู้สึกว่ามีเหตุมีผลเป็อย่างมาก ประจวบเหมาะกับอารมณ์ร้อนไม่มีที่ระบายจึงถกแขนเสื้อขึ้นพร้อมตวาดเสียงดังว่า "ถ้าพวกเ้ายังไม่ออกไปอีก ข้าจะโยนพวกเ้าออกไปทีละคนด้วยมือข้างเดียว"
ปีศาจร้ายพูดออกมาแล้ว ต่อให้ชุ่ยเอ๋อร์ไม่เต็มใจอย่างไร นางย่อมไม่มีทางเลือกอื่น แม่นมฟางและแม่นมจิ่นผู้มาถึงเป็คนสุดท้าย ไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่มาถึง พวกนางกลับถูกขับไล่ออกไปพร้อมกับบรรดาสาวใช้ พวกนางไม่ได้พูดอะไรมาก นอกจากก้มหน้าก้มตาและเดินกลับไปยังห้องเก็บฟืนพร้อมกับสาวใช้ จากนั้นทำในสิ่งที่ควรจะทำ
ทางด้านปี้เอ๋อร์ซึ่งลากสีเอ๋อร์ไปจนสุดทาง แต่เมื่อพวกนางเดินเลี้ยวตรงหัวมุม ปี้เอ๋อร์บังเอิญเหยียบเท้าของตนเองเนื่องจากรีบร้อนมากเกินไป
จากนั้นนางก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับเปล่งเสียง ‘โอ๊ย’
สีเอ๋อร์เห็นปี้เอ๋อร์ล้มลง นางจึงรีบหมุนตัวหันหลังและเดินมาช่วยพยุงปี้เอ๋อร์ให้ไปนั่งด้านข้างแปลงดอกไม้ "เกิดอะไรขึ้นหรือ? เ้าข้อเท้าแพลงหรือ?"
“ข้าไม่เป็ไร นั่งสักพักก็จะดีแล้ว เื่ของฮูหยินน้อยสำคัญมากกว่า เอาอย่างนี้สิ เ้าไปหาหมอประจำจวนก่อน ข้าจะรอเ้าอยู่ตรงนี้”
ปี้เอ๋อร์โบกมือของนางระหว่างเอ่ยตอบ สีหน้าของนางแสดงให้เห็นว่ากำลังอดทนต่อความเ็ป
เมื่อเห็นสีหน้าของปี้เอ๋อร์ สีเอ๋อร์ก็เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าปี้เอ๋อร์จะต้องพักสักครู่ถึงจะสามารถเดินไปได้ แต่เนื่องจากฮูหยินน้อยยังไม่ตื่นขึ้นมาเลยซึ่งเป็เื่ที่ชักช้าไม่ได้ นางกำชับปี้เอ๋อร์ให้ระวังตัวให้มาก โดยไม่คิดอะไรมากมายก่อนจะรีบเดินไปข้างหน้าต่อไป
หลังจากสีเอ๋อร์เดินจากไปจนไม่เห็นเงา ปี้เอ๋อร์ก็เผยสีหน้าหดหู่ "โธ่ คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่จะหาเื่กลุ้มใจไปทำไมกัน? ข้าด้อยกว่ายวี้เอ๋อร์ตรงไหนหรือ? ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงไม่เห็นความภักดีของข้าเลย?"
“ใช่แล้ว หรือถ้าจะให้พูดอย่างไม่น่าฟังก็คือมีตาหามีแววไม่ ไม่้าคนที่ซื่อสัตย์ แต่กลับเอาใจบ่าวชั่วคนนั้น”
ทันทีที่ปี้เอ๋อร์ถอนหายใจ ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนระคนอ่อนหวานดังมาจากด้านหลัง ปี้เอ๋อร์ถึงกับใ ลุกขึ้นยืนทันควัน ครั้นหันศีรษะกลับไป นางจึงเห็นแม่รองเฉินซึ่งมีหลิงเอ๋อร์ช่วยประคองอยู่ข้างตัว อีกฝ่ายเดินกรีดกรายเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมโชยฟุ้ง...
เฉินเทียนหยูยืนอยู่ด้านหน้าเตียงมองไปที่มู่หรงฉิงด้วยใบหน้าวิตกกังวลด้วยหวังว่านางจะตื่นขึ้นมาโดยเร็วที่สุด
จ้าวจื่อซินยืนกอดอก พิงราวกั้นเตียง มองดูมู่หรงฉิงที่กำลังแกล้งทำเป็หมดสตินอนหลับอยู่บนเตียงจาก้าลงล่าง เขาอารมณ์ดีซึ่งเป็อารมณ์ดีที่หายาก
“น้อยมากนักที่คุณชายรองจะเป็ห่วงคนเช่นนี้” คำพูดดังกล่าวคล้ายการสัพยอกเฉินเทียนหยู แต่มู่หรงฉิงรู้ว่า จ้าวจื่อซินจงใจพูดให้นางฟัง
“เ้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าจะต้องดูแลน้องหญิง จะต้องให้ความสำคัญกับน้องหญิงด้วย” เฉินเทียนหยูตอบอย่างกลัดกลุ้มใจ ก่อนจะหันไปมองจ้าวจื่อซินอย่างงุนงง “จ้าวจื่อซิน บ่าวชั่วร้ายคนนั้นไม่สมควรตายหรือ? ทำไมน้องหญิงถึงได้โกรธเช่นนี้?”
“ก็สมควรตายอยู่ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลา” เขาตอบเบาๆ โดยเลี่ยงประเด็นสำคัญ ก่อนเลื่อนสายตามองดูท้องฟ้าที่กำลังจะมืดลง จากนั้นเปลี่ยนประเด็นในการสนทนา “นี่ก็ค่ำแล้ว คุณชายรองควรจะไปทานอาหารเย็นก่อน”
“ข้าไม่กิน น้องหญิงยังไม่ตื่นขึ้นมาเลย ข้ากินไม่ลง” มู่หรงฉิงได้ยินเพียงเสียงกลัดกลุ้มใจของเฉินเทียนหยูซึ่งค่อนข้างอยู่ระยะใกล้ ทันใดนั้นฝ่ามือหยาบกร้านของเฉินเทียนหยูก็ช้อนแก้มนางของนางขึ้น
“จ้าวจื่อซิน เ้าดูใบหน้าของน้องหญิง เล็กมาก ฝ่ามือของข้าสามารถกุมหน้าทั้งหมดไว้ได้ เ้าดูแขนของน้องหญิงสิ บอบบางมาก เห็นนางตัวเล็กมาก ข้าทนความเ็ปไม่ไหวแล้ว แล้วนางล่ะจะทนได้อย่างไร? นางจะต้องเ็ปสุดจะทน ถึงกระนั้นนางก็ไม่พูดอะไร แค่นางไม่อยากทุบตีบ่าวคนนั้น ข้าไม่รู้ว่าทำไมนางถึงได้ปกป้องบ่าวคนนั้นมากนัก?
“ข้าไม่เคยเห็นใครที่หน้าตาดีไปกว่าน้องหญิงเลย เวลาที่นางยิ้ม นางงดงามมากที่สุด แต่น้องหญิงไม่ชอบยิ้มเลย น้องหญิงหอมด้วย และหลังจากนางทำขนมเสร็จก็ยิ่งหอมมากขึ้นไปอีก ของหวานที่น้องหญิงทำก็อร่อยด้วย น้องหญิงเป็น้องหญิงที่ดีที่สุดในใต้หล้า
“เวลาที่น้องหญิงพูด เสียงของน้องหญิงจะอ่อนโยนและนุ่มนวล เพราะมาก เวลาที่แม่รองเฉินพูด เสียงของแม่รองก็อ่อนโยนและนุ่มนวลเช่นเดียวกัน แต่ไม่เพราะเท่าน้องหญิง ยามที่น้องหญิงเรียกข้าว่าท่านพี่ ข้าก็รู้สึกมีความสุขในใจ”