บทที่ 119 ปราบผี
“อย่าให้มันโดนมือนะ”
กู่เทียนขมวดคิ้วมุ่น ิญญาร้ายแบบนี้ชอบพลังหยิน
พลังหยินบนตัวของผู้หญิงมีอยู่เยอะมาก ถ้าเกิดให้มันโดนมือได้เกิดหายนะแน่
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วคมขึ้น ก่อนจะก้าวเท้าวิ่งเข้าไป
“คะ ใครให้นายหันมาเนี่ย”
ลูซี่ยังไม่ได้ใส่กางเกง ก็เห็นว่าเย่จื่อเฉินวิ่งมาถึงตรงหน้าเธอแล้ว
รวบตัวลูซี่เข้าไว้ในอ้อมกอด แล้วตวัดหมัดขวาเข้าใส่เงานั้น
“อ่อก…”
เสียงร้องยานคางดังขึ้น เย่จื่อเฉินไม่ได้สนใจว่าผีตนนี้จะเป็ผู้ชายหรือผู้หญิง หันไปเตะเป้ามันทันที
ในตอนนี้ท่อนล่างของลูซี่แทบจะเปลือยทั้งหมด ยิ่งเมื่อเย่จื่อเฉินจับสองมือนั้นไว้อีก…
“ไอ้คนทุเรศ!”
เพียะ!
ลูซี่ตวัดฝ่ามือใส่ ทำเอาเย่จื่อเฉินที่กำลังยื้อยุดกับิญญาร้ายอยู่โดนตบจนมึน
“เธอเป็บ้าหรือไง!”
“นายสิบ้า ฉันจะแจ้งตำรวจว่านายลวนลามผู้เยาว์”
ลูซี่ร้องเสียงหลง เย่จื่อเฉินขำพรืดออกมา
สายตากวาดมองตัวเธออย่างไม่มีอาการลังเล
“เดี๋ยวนี้ผู้เยาว์โตไวขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เย่จื่อเฉิน!”
หลิวฉิงที่อยู่ในเนตรัอุทานเสียงดัง เย่จื่อเฉินกระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจ ต่อด้วยการยกหมัดขึ้นชกเข้าที่จมูกของิญญาร้ายตนนั้นเข้าพอดี
“กู่เทียน มาเล่นกับเ้าหมอนี่กันหน่อย”
กู่เทียนที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงไปแล้ว เห็นคนในครอบครัวไล่ผีมาตั้งหลายปี ยังไม่เคยเห็นใครตีกับผีแบบเย่จื่อเฉินมาก่อนเลย
พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่กู่เทียนจะเข้าไปหาิญญาตนนั้น
ทางด้านเย่จื่อเฉินก็พาลูซี่ถอยออกมาอยู่อีกด้าน แล้วกดเปิดวีแชท
“นายจะทำอะไร!” ลูซี่จะเข้าไปแย่งโทรศัพท์จากเย่จื่อเฉิน “ฉันขอบอกนายไว้เลยนะ อย่าคิดจะใช้รูปมาแบล็กเมลฉัน ถ้านายกล้าถ่าย ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
“นี่เธอเป็โรคประสาทหลอนหรือไง?”
เย่จื่อเฉินกลอกตามองเธออย่างอารมณ์เสีย แล้วเปิดกล่องหยินหยางในโทรศัพท์
ในกล่องมียันต์คุมผีอยู่หนึ่งแผ่นที่ยมทูตขาวให้เขามา ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ผลกับิญญาตนนี้หรือเปล่า
ถอน
ผ้ายันต์สีเหลืองอ่อนแผ่นหนึ่งเข้ามาอยู่ในมือ
กู่เทียนที่อยู่ทางนั้นก็ไม่รู้ว่าไปเอาดาบไม้มาจากไหน กำลังประลองกับิญญาร้ายตนนั้นอยู่
เมื่อเห็นภาพนี้ เย่จื่อเฉินก็ได้เกิดความคิดขึ้นมาในใจ
Low!
อ่อนชะมัด
พรูดดด!
เมื่อพ่นน้ำลายใส่ผ้ายันต์นั้นแล้ว เย่จื่อเฉินก็ะโเอายันต์ไปแปะที่หน้าผากของิญญาร้ายตนนั้น
ทันทีที่แปะลงไป ผีตัวนั้นก็นิ่งไปทันที
ยันต์ที่อยู่บนหน้าผากก็ค่อยๆ กลายเป็สีอ่อน จนสุดท้ายก็จมหายไปในหน้าผากจนหมด
ในเวลาเดียวกัน ยันต์คุมผีก็ได้กลับมาอยู่ในกล่องหยินหยางอีกครั้ง
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือจำนวนของยันต์คุมผีที่เหลืออยู่กลายเป็สอง
“มานี่”
เย่จื่อเฉินกระดิกนิ้วเรียกผีตนนั้น หลังจากที่ยันต์คุมผีนั้นเข้าไปในร่างกาย ผีตนนี้ก็ทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง
ผีร้ายตนนั้นค่อยๆ คืนร่างเดิมท่ามกลางสีหน้าที่ตกตะลึงของกู่เทียน ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินไปหาเย่จื่อเฉิน
“เ้านาย”
ร่างเดิมของผีร้ายนั้นเป็ชายหนุ่มร่างบึกบึน ดูจากท่าทางของเขาแล้วน่าจะมีความเป็ไปได้ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่จะเป็ทหาร
และแน่นอนว่าไม่ใช่พวกทหารรับจ้างหรือว่านักฆ่า
คำว่าเ้านายทำเอากู่เทียนถึงกับอึ้งกิมกี่
เย่จื่อเฉินทำให้ผีร้ายตนนี้ยอมสยบได้เหรอ?
พวกเขาสามารถมองเห็นผีกันทั้งคู่ แต่ลูซี่มองไม่เห็น
“นายคุยกับใครอยู่?”
“กับผี” เย่จื่อเฉินกลอกตามองเธออย่างอามณ์เสีย แล้วต่อว่า “เธอเป็ผู้หญิงที่งี่เง่ามากเลยรู้ไหม ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะฉันช่วยเธอ อย่าว่าแต่ใส่กางเกงเลย เธออาจจะตายทั้งที่ยังล่อนจ้อนอยู่แบบนั้นก็ได้ เข้าใจไหม?”
“นายอย่ามาโกหก!”
ลูซี่เบ้ปาก เย่จื่อเฉินส่งสายตาให้กับผีร้ายตนนั้น
“ทำให้เพื่อนที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกว่านายมีตัวตนหน่อยสิ”
“ได้เลย”
ชายร่างบึกบึนกำหมัดเหวี่ยงไปทางลูซี่ เพียงครู่เดียว ลูซี่ก็รู้สึกถึงความเย็นะเืที่เธอเกินจะรับไหวรายล้อมอยู่รอบตัวเธอ
หลังจากที่ต่อสู้กับความหนาวสะท้านโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอก็กรีดร้องพร้อมกับวิ่งไปอยู่ข้างกายเย่จื่อเฉิน
“เชื่อแล้วใช่ไหม?”
“ฉัน…”
ลูซี่กอดแขนทั้งสองข้างแน่นตัวสั่นเทา ใบหน้าเปลี่ยนเป็ซีดขาว พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
เย่จื่อเฉินเม้มปากหัวเราะเบาๆ แล้วเหลือบมองร่างกายส่วนล่างของเธอเล็กน้อย
“สาวน้อย เธอยังไม่ได้ดึงกางเกงขึ้น”
“นาย…ฉัน…กรี๊ด!”
พอออกมาจากบ้านผีสิง ผีร้ายก็ยอมจำนนต่อเย่จื่อเฉินอย่างราบคาบ
จะเรียกผีร้ายตลอดก็ดูไม่เข้าท่าเท่าไร จึงตั้งชื่อให้เขาว่าต้าเฮย
เข้าคู่กับเสี่ยวไป๋ที่อยู่ที่บ้านพอดี
สายตาของกู่เทียนที่มองเย่จื่อเฉินก็แปลกมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าลูซี่ก็เหมือนกัน
“เมื่อกี้นายไม่ได้เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปใช่ไหม?” ลูซี่กอดไหล่ตัวเอง ดวงตาสองคู่จ้องเย่จื่อเฉินเขม็ง แล้วพูดขึ้น “ถ้านายถ่ายรูป นายตายแน่”
“ฉันไม่สนใจผู้เยาว์”
เย่จื่อเฉินยิ้มล้อเลียน จนเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อ เขาถึงได้พูดกลั้วหัวเราะ
“เธอมาทำอะไรที่นี่ หรือเธอไม่รู้ว่าที่นี่คือบ้านผีสิง?”
“บ้านผีสิงอะไร นี่มันบ้านฉัน!”
ลูซี่เงยหน้าขึ้น แล้วพูด
“ฉันไม่ได้บอกให้พวกนายบุกเข้าไปในบ้านสักหน่อย”
เย่จื่อเฉินหันไปมองทางกู่เทียน หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายผายมือก็รู้เลยว่ากู่เทียนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่
กวาดตามองลูซี่ขึ้นลง ผู้หญิงคนนี้สามารถอาศัยอยู่ที่นี่มาได้โดยปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น นับว่าเป็ปาฏิหาริย์มากจริงๆ
“มองอะไร? ฉันไม่ได้พักอยู่ที่นี่ ที่นี่เป็บ้านเก่าฉัน ฉันก็แค่มาหาของ”
“อ๋อ งั้นเธอก็กล้ามากเลยนะ ถึงได้ฉี่ตรงไหนในบ้านตัวเองก็ได้ ถ้าพ่อแม่เธอรู้เข้าจะไม่โดนตีหรือไง”
“ฉัน…ฉันอั้นไว้ไม่ไหวนี่!” ลูซี่เลิกคิ้วพูด “อีกอย่าง เดิมทีตรงนั้นมันก็เป็ห้องน้ำอยู่แล้ว”
“อย่างนั้นเหรอ?”
เย่จื่อเฉินมองเธออย่างมีความนัย ลูซี่กัดริมฝีปาก อมแก้มพองลมแล้วชกเขาเล็กน้อย ก่อนจะถลึงตาพูด
“ขอบอกไว้เลยนะ ถ้าฉันรู้ว่านาย…เราได้เห็นดีกันแน่”
แล้วก็วิ่งหายลับไป เย่จื่อเฉินคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงจะอาย แต่กลับได้ยินเสียงต้าเฮยที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นมา
“เ้านาย ของเ้านายหายไปแล้ว”
“ของหาย?” เย่จื่อเฉินชะงักไปนิด ต้าเฮยพยักหน้าตอบ “เมื่อกี้ที่เด็กคนนั้นเข้าใกล้เ้านาย เธอขโมยกระดาษจากกระเป๋ากางเกงของเ้านายไปด้วย”
ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ในกระเป๋ากางเกงมีบัตรงานคอนเสิร์ตของหยางอี่ฉือ
พอเช็คดูบัตรที่เหลืออยู่
หายไปสี่ใบจริงๆ ด้วย
“ให้ตาย ผู้หญิงคนนี้…”
วิ่งหนีมาได้ห้านาที ลูซี่ถึงได้หยุดวิ่งแล้วเบ้ปากพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“โง่ชะมัดเลย บัตรคอนเสิร์ตหายยังไม่รู้ตัวอีก”
ถึงเธอจะรู้ว่าการขโมยของคนอื่นมันไม่ดี แต่…
เ้าหมอนั่นก็เห็นเธอในสภาพนั้นแล้ว แค่เอาบัตรคอนเสิร์ตเขามาไม่กี่ใบมันจะเป็อะไรไป
พอคิดถึงตรงนี้ ลูซี่ก็รู้สึกสบายใจทันที ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก
“อี้เกอ เธออยู่หอใช่ไหม รีบเรียกเขาสองคนมาด้วย ฉันมีของขวัญจะให้พวกเธอ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้