ณ หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย
ท่านเ้าบ้านาุโ กำลังนั่งเล่นกู่ฉินเก่าแก่คู่ใจของตนอยู่ในศาลา ทันทีที่เสียงกู่ฉินดังขึ้น กอหญ้าและต้นไม้ในหุบเขาโดยรอบ พลันเหี่ยวเฉากลายเป็สีเหลืองอ่อน มวลเมฆหมอกเริ่มรวมเป็กลุ่มก้อน เคลื่อนเข้ามาปกคลุม
ทันใดนั้น ท่ามกลางป่าเขาที่เหี่ยวเฉา พลันปรากฏสีเขียวมรกตขึ้น ราวกับพลังแห่งชีวิตกำลังถือกำเนิดขึ้นใหม่ ท่ามกลางความแห้งเหี่ยวและไร้ชีวิตชีวานั้น
ฟึ่บ!
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่สีเขียวมรกตจะได้แผ่กระจายไปยังบริเวณโดยรอบ ก็ต้องถูกความเหี่ยวแห้งเข้าครอบงำ จนสูญสลายไปในพริบตา
“หึๆ! ยังไม่มีโอกาสได้ก้าวผ่าน จุดจบก็กำลังจะมาถึงเสียแล้วหรือ บางทีนี่อาจจะเป็การปลดปล่อยก็เป็ได้!” ท่านเ้าบ้านาุโพูด พลางหัวเราะเบาๆ
เสียงกู่ฉินค่อยๆ หยุดลง ก่อนหันไปมองอวิ๋นโม่ที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นในเมืองหรือ?” ท่านเ้าบ้านถามยิ้มๆ
“ท่านเ้าบ้านขอให้จับตาดูกู่ไห่ ข้าทราบมาว่า ตอนนี้เขากำลังประลองหมากล้อม เพื่อทำการเดิมพันอยู่ขอรับ!” อวิ๋นโม่รายงานเสียงเรียบ พร้อมยิ้มบางๆ
“เดิมพัน? ประลองกางฉินหรือ?” ท่านเ้าบ้านาุโถามกลับด้วยความสงสัย
“ไม่ขอรับ! ประลองหมากล้อมขอรับ” อวิ๋นโม่กล่าวอย่างนึกแปลกใจเช่นกัน
จากนั้นก็เล่าเื่ราวทั้งหมด ให้ท่านเ้าบ้านาุโทราบ
“หมากล้อมหรือ? ฮ่าๆ! ประลองหมาก กูไห่ช่างเป็คนที่ลึกลับจริงๆ!” ท่านเ้าบ้านาุโเอ่ย พลางยกยิ้ม
“ประวัติความเป็มาของกู่ไห่ ก็ลึกลับเช่นกัน!” อวิ๋นโม่ขมวดคิ้ว
“ความลึกลับเป็สิ่งที่ดี ทำให้เขาน่าสนใจ จุดจบของข้ากำลังจะมาถึงแล้ว ก่อนที่ิญญาของข้าจะโบยบิน ถือว่าโชคดีนักที่ได้พบกับกู่ไห่ผู้นี้ เช่นนี้ คงจะไม่น่าเสียดายนัก เมื่อต้องไปยมโลก!” ท่านเ้าบ้านาุโกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อวิ๋นโม่นิ่วหน้า เอ่ยด้วยความร้อนรน “ท่านเ้าบ้านาุโ หากท่านจากไป หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยจะเป็อย่างไร?”
“หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย? มันขึ้นอยู่กับเ้ามิใช่หรือ? หากข้าดับสูญ เ้าก็คือเ้าบ้านคนใหม่... อย่ารั้งข้าอีกเลย!” ท่านเ้าบ้านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่ท่านเ้าบ้านาุโ หากหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยไม่มีท่าน...” อวิ๋นโม่กังวลใจ
“เ้าโง่! เป็อะไรไป? เดิมที หมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยก็เป็มรดกจากบรรพบุรุษของเ้า ข้าเป็เพียงอาจารย์ที่ดูแลเท่านั้น อาจารย์ของข้าก็คือปู่ทวดของเ้า น่าเสียดายที่ตระกูลเ้านั้น ตอนนี้เหลือเ้าเพียงผู้เดียว แต่เ้าเป็ทายาทที่แท้จริง อย่างไรเสียก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ไม่ต้องห่วง! ศิษย์ของหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยทุกคนจะเชื่อฟังเ้า” ท่านเ้าบ้านาุโพูดเสียงแ่ แล้วยิ้มอ่อนโยน
“แต่ว่า...”
“เ้าจะบ่น ที่ข้าเตรียมส่งมอบกู่ฉินระดับเซียนตัวสุดท้ายนี้ ใช่หรือไม่? อนิจจา! ที่ข้าต้องส่งมอบไป เพราะเ้าไม่อาจมันได้
หากข้าไม่อยู่แล้ว โกวเฉินจะต้องกลายเป็หายนะของหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยแน่ แต่ในทางกลับกัน หากข้าส่งมอบให้ใครสักคน มันจะกลายเป็ผลดีต่อหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ย
จักรพรรดิ์ต้าเฉียน ถือได้ว่าเป็หนี้บุญคุณหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยครั้งหนึ่ง เพราะข้าได้มอบกู่ฉินระดับเซียนให้เขา ท่านอ๋องลู่หยางก็เช่นกัน การที่มีคนติดหนี้บุญคุณหมู่บ้านเรา นั่นจะเป็ผลดีกับพวกเ้า เพราะพวกเ้ายังอ่อนแอเกินไป นี่จึงเป็เกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด!” ท่านเ้าบ้านาุโพูด พลางถอนหายใจเล็กน้อย
“ไม่! ข้าเปล่า!” อวิ๋นโม่ส่ายศีรษะปฏิเสธ
ท่านเ้าบ้านาุโยกยิ้มน้อยๆ ก่อนกล่าว “อวิ๋นโม่ กู่ฉินระดับเซียนเป็สิ่งที่คนนอกไม่อาจลอกเลียนได้ สำหรับหมู่บ้านอิ๋นเยวี่ยแล้วถือเป็เครื่องดนตรีชั้นสูงใช่หรือไม่? สี่กู่ฉินระดับเซียนนี้ ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของเ้า เืของพวกเขาไหลอยู่ในร่างเ้า หากพวกเขาสามารถสร้างขึ้นมาได้ แล้วเหตุใดเ้าจะทำมิได้เล่า?
แม้ว่าเ้าจะไม่ได้มีความสามารถในการบรรเลงกู่ฉินมากนัก แต่ในด้านการสร้างกู่ฉินแล้วนั้น เ้าละเอียดกว่าใคร อวิ๋นโม่ อย่าได้เสียดายโกวเฉินเลย ในอนาคต ข้าหวังว่าเ้าจะมีความมุ่งมั่นในการสร้างกู่ฉินระดับเซียนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!”
อวิ๋นโม่ส่ายหน้า แล้วเอ่ย “ท่านเ้าบ้านาุโ ข้ามิได้สนใจ ‘โกวเฉิน’ ข้าเชื่อว่าสักวัน ข้าจะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ แต่ท่านเ้าบ้าน หากท่านยอมรักษาชีวิตของตัวเองไว้ ท่านก็ยังมีชีวิตรอดต่อไปได้!”
“มีชีวิตรอด?” สีหน้าของท่านเ้าบ้านาุโค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็เรียบเฉย
“ใช่แล้ว! ท่านสามารถทำได้ ในบรรดากู่ฉิน หมากล้อม เขียนอักษรและวาดภาพ... กู่ฉินต่างจากเส้นทางอื่น ตรงที่การบรรเลงกู่ฉิน สามารถฝืนชะตาฟ้าดินได้ ท่านสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพียงแค่ท่านบรรเลงกู่ฉิน...” อวิ๋นโม่ร้องบอก
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ท่านเ้าบ้านาุโถลึงตาใส่
เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น อวิ๋นโม่จึงสะดุ้งอย่างหวั่นเกรง
“นั่นไม่ถูกต้อง! การบรรเลงกู่ฉินก็คือการบรรเลงกู่ฉิน ส่วนชะตาฟ้าดิน ก็ควรปล่อยให้มันเป็ไปตามครรลอง อย่าได้ยึดติดกับชีวิตอันยืนยาวเลย
เหอะ! เหล่าผู้ฝึกตนต่างให้ความสำคัญกับการมีชีวิตเป็ะ แต่เ้ารู้หรือไม่ ว่านั่นคืออะไร? มันคือสิ่งที่ฝืนลิขิต์ จะมีกี่เส้นทางที่จบลงด้วยดี?
ในใต้หล้านี้ จะเหลือผู้ที่มีชีวิตยืนยาวอยู่สักกี่คน? ท้ายที่สุด ก็เหลือเพียงดวงจิตที่แตกสลาย เพราะความขุ่นเคืองของ์และผู้คน เ้ายังคงต้องเรียนรู้เื่นี้อีกมาก” ท่านเ้าบ้านพูด
อวิ๋นโม่ขบริมฝีปากแน่น ดวงตาค่อยๆ แดงก่ำขึ้น “แต่ท่านเ้าบ้าน เปรียบเสมือนบิดามารดาของข้า อวิ๋นโม่ผู้นี้เพียงแค่ไม่อยากให้ท่านต้องตาย!”
“เ้าบ้าไปแล้วหรือ? อย่างไร คนเราก็ต้องตายอยู่ดี... เฮ้อ!” ท่านเ้าบ้านทอดถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน
...
ใต้เท้าโม่เร่งพาคนของตน มายังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนอย่างรวดเร็ว
ตลอดทาง คนของหอหมากล้อมได้อธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับกู่ไห่ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้พวกเขาได้รับรู้
“หืม? ท่านหัวหน้าสังกัดวารีกู่? พลิกมือโยนหินิญญาระดับสูงเจ็ดแสนก้อนออกไป เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนใต้อาณัติที่มีพลังระดับก่อกำเนิด? จากนั้นก็เปิดหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนขึ้น ทั้งยังใช้เวลาไม่ถึงสองเดือน ในการบดขยี้หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้า? ด้วยการสร้างเครื่องดนตรีรูปร่างประหลาดขึ้นมา เพื่อต่อสู้อย่างนั้นหรือ?” ใต้เท้าโม่ขมวดคิ้วแน่น พลางครุ่นคิดบางอย่าง
“ใช่แล้ว! คุณชายอานและเถ้าแก่เจียงเทียนอี้ พยายามที่จะแข่งขันมาตลอด แต่ก็ไม่อาจเอาชนะได้!” คนของหอหมากล้อมตอบอย่างนอบน้อม
“ยอดเยี่ยมมาก! ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้ นั่นก็แสดงว่ากู่ไห่เป็คนที่มีความสามารถจริงๆ... ไม่สิ! เขาต้องเป็อัจฉริยะแน่” ดวงตาของใต้เท้าโม่เป็ประกาย
“หา?”
ใต้เท้าโม่หาได้สนใจปฏิกิริยาของคนอื่นไม่ เขาค่อยๆ ก้าวลงจากรถลากนกกระเรียน์ โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปดันร่างเหล่าผู้ฝึกตนที่ยืนมุงอย่างแออัด เพื่อเปิดทาง
ก๊อก!
“ยอมแพ้เสียเถอะ!” เสียงของกู่ไห่ดังมาจากด้านใน
“ท่านกู่เยี่ยมจริงๆ พวกเ้ายอมแพ้เถอะ... ฮ่าๆๆ!”
“คุณชายอาน เร็วๆ เข้า! รีบยกร้านที่เจ็ดให้ท่านกู่เสียสิ! เร็วเข้า…ท่านยังเหลือโอกาสอีกหนึ่งกระดานนะ!”
“ฮ่าๆๆ! ยังเหลืออีกหนึ่งกระดาน ไม่ทราบว่าคุณชายอานยังมีร้านค้าเหลืออีกกี่แห่ง ที่สามารถจะนำมาวางเดิมพันได้?”
ผู้คนรอบข้างต่างพากันโห่ร้องด้วยความสะใจ
เสียงดูถูกและด่าทอคุณชายอานดังมาจากฝูงชน เจียงเทียนฉีร้องะโอย่างโศกเศร้าและโกรธเคือง
ใต้เท้าโม่ชะงักฝีเท้า ก่อนจะมองไปยังฝูงชนที่ะโอยู่รอบๆ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “นี่คือผู้คนที่อยากให้ท่านแพ้หรือ? คุณชายอาน เมื่อต้องเจอกับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ท่านก็ถูกลิขิตให้ไม่มีโอกาสชนะเสียแล้ว!”
“หา? นายท่าน ข้าได้ยินมาว่ายังคงมีอีกกระดานหนึ่ง!” ผู้ใต้บังคับบัญชากระซิบ
“มีอีกกระดานหนึ่ง? เขาแพ้แล้ว… ฮึ่ม! กิจการของท่านอ๋อง ถูกยึดครองไปจนหมดสิ้น!” ท่านใต้เท้าโม่เอ่ยเสียงเย็น
ไม่รอช้า ใต้เท้าโม่รีบเดินไปยังด้านหน้าสุดของฝูงชน จึงพบว่ามีทหารจำนวนมาก กำลังสกัดกั้นผู้คนเอาไว้
ใต้เท้าโม่จึงส่งป้ายประจำตัวให้ดู ทหารผู้น้อยคนหนึ่งจึงนำไปให้ท่านอ๋องเหอซื่อคังอย่างรวดเร็ว
เหอซื่อคังเมื่อได้เห็นป้าย สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที พร้อมหันกลับมา หมายจะป่าวประกาศ แต่ท่านใต้เท้าโม่ห้ามปรามไว้
“ไปเชิญบุรุษท่านนั้นมา จงปฏิบัติตนอย่างสุภาพด้วย!” เหอซื่อคังกระซิบกับคนใต้อาณัติ
“ขอรับ!”
ใต้เท้าโม่จึงถูกเชิญไปนั่งใกล้ๆ กับเหอซื่อคังอย่างเงียบเชียบ ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นยังคงอยู่รอบนอก โดยไม่มีคนสนใจ
ที่นี่วุ่นวายเกินไป หลายคนจึงไม่ทันจะได้สังเกตเห็น ร่างของใครคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เหอซื่อคัง
แต่ไกลออกไป ในห้องใต้หลังคาขนาดเล็ก ซือหม่าฉางคงกลับหรี่ตาลงเล็กน้อย “โม่อี้เคอ?”
ใต้เท้าโม่มองไปยังลานประลองตรงหน้าเงียบๆ
ในกระดานสุดท้าย กู่ไห่วางหมากลงบนกระดานเพียงสามเม็ดเท่านั้น ก็สามารถแก้หมากได้ทันที
สามเม็ด? แค่หมากสามเม็ดเท่านั้น?
“ขอบคุณคุณชายอานเป็อย่างมาก!” กู่ไห่กล่าว ลุกขึ้นยืน และค่อยๆ คลี่ยิ้มบางๆ
“เป็ไปไม่ได้ๆ! ข้าได้เตรียมหมากเอาไว้อย่างดีที่สุด กลหมากยี่สิบแปดเส้นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว แต่เหตุใดมันจึงถูกทำลายลงอย่างง่ายดายเช่นนี้? ไม่ๆ!” เจียงเทียนฉีร้องโวยวายราวกับคนบ้า
“ไปตายเสีย!” คุณชายอานโกรธจนตัวสั่น แล้วตบหน้าของเถ้าแก่ร่างอ้วนทันที
“พรวด!” เจียงเทียนฉีเซไปด้วยแรงตบ ก่อนกระอักเืเล็กน้อย
“คุณชายอาน!” เจียงเทียนอี้และพวกอุทานด้วยความกังวล
“ลู่อาน เ้ายอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หรืออย่างไร? จงยอมรับเสียเถอะ ว่าเ้าสูญเสียกิจการเหล่านี้ รวมทั้งหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนไปแล้ว!” หลงหว่านชิงที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากู่ไห่พูดเสียงแข็ง พลางจับจ้องลู่อานเขม็ง
กู่ไห่รั้งหลงหว่านชิงกลับมา เพราะไม่อยากซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้หญิง
“คุณชายอาน โปรดกำชับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน ที่ยังไม่รู้เื่ด้วย ว่าตอนนี้หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนเป็ของข้า มิใช่ของท่าน!” กู่ไห่กล่าวอย่างเ็า
คุณชายอานกำลังจะคลุ้มคลั่งแล้ว... ไม่ใช่ของข้าอย่างนั้นหรือ?
“หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน? ใครก็ไม่มีสิทธิ์เอามันไปจากข้า! ฟางิโหว ทำลายหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนให้สิ้น!” คุณชายอานะโลั่น ดวงตาที่จดจ้องมานั้นแดงก่ำ
ใต้เท้าโม่หรี่ตาลง หมายจะเข้าไปห้ามปรามคุณชายของตน
แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านหลังคุณชายอานนั้น เคลื่อนไหวเร็วยิ่งนัก
“ย๊าก!”
เขาะโเสียงดัง พร้อมฟาดฟันดาบทองทันที เกิดเป็คลื่นดาบสีทองขนาดมหึมาพุ่งตรงไปยังหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน พลังอันแข็งแกร่งราวกับพายุลูกใหญ่นั้น ซัดโหมกระหน่ำอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว พวกมันจะทำลายหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน!”
“รีบไปหยุดเร็ว... รีบเข้าไปช่วยท่านกู่กันเถอะ!”
“ไม่ทันแล้ว! สายไปเสียแล้ว คนผู้นี้อยู่ในระดับหยวนอิง! ทั้งยังเป็หยวนอิงขั้นสูงสุด!”
ผู้ฝึกตนรอบด้านต่างร้องะโด้วยความใ ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยได้
หอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนนจะถูกถล่มอย่างนั้นหรือ?
คุณชายอานตาแดงก่ำอย่างโกรธเกรี้ยว ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบข้างต่างกระสับกระส่าย เนื่องจากถูกเหล่าทหารกลุ่มหนึ่งขวางเอาไว้ พวกเขาจึงได้แต่ยืนมองหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน ที่กำลังจะถูกทำลาย
หลงหว่านชิงและมู่เฉินเฟิงมีสีหน้าร้อนรน แต่กู่ไห่กลับคลี่ยิ้มเย็น
ทว่าขณะนั้นเอง ทั่วอาณาบริเวณของหอกู่ฉินอันดับหนึ่งของถนน พลันเกิดเมฆหมอกลอยหนา พร้อมเสียงะโดังลั่น
“เรี่ยวแรงของข้า มหาศาลดุจขุนเขา!”
จากนั้น เหล่าเมฆาก็หมุนวน แล้วก่อตัวขึ้นเป็ทวนวงเดือน์ พุ่งเข้าปะทะกับดาบทองของฟางิโหวทันที
ตูม…!
เสียงะเิดังสนั่น ลมพายุพัดกระหน่ำไปทั่วสารทิศ
ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง เมื่อมองเห็นดาบสีทองของเฟิงิโหวถูกสกัดกั้น ก่อนที่พลังอันมหาศาลจะซัดเขาจนลอยกระเด็น ไปชนกับหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าทันที
ตูมๆ!
หอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าพังทลายลงพลัน
“อะไรกัน?” สีหน้าของคุณชายอานเปลี่ยนไป
“นี่... หรือมันจะเป็?” เจียงเทียนฉีที่กระอักโลหิตอยู่บนพื้น เบิกตากว้างด้วยความตระหนก
“อ้อ! นี่คือ ‘ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น’ อย่างไรเล่า ่นี้หาหินิญญาได้เยอะมาก ข้าจึงสามารถซื้อยามาเพิ่มพลังตัวเองได้มากพอ” กู่ไห่บอก พลางยกยิ้ม
“กลหมากยี่สิบแปดเส้น? ไม่! เป็ไปไม่ได้! ทำไมเ้าถึงวางค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้นได้?” เจียงเทียนฉีถลึงตาใส่
“ก่อนหน้านี้ ข้าก็บอกพวกเ้าไปแล้ว ว่ากลหมากยี่สิบแปดเส้นทำอะไรข้าไม่ได้ แต่ในเมื่อพวกเ้าก็ไม่เชื่อ ก็ช่วยไม่ได้!” กู่ไห่กล่าว ขณะส่ายศีรษะ พร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เ้าได้เคล็ดวิชาค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้นอย่างนั้นหรือ? ั้แ่เมื่อใดกัน? เ้าไม่เคยบอก ไม่ได้เอ่ยแม้แต่น้อย! อา! อัก… แค่ก!” เจียงเทียนฉีกระอักเือีกครั้ง
กลหมากยี่สิบแปดเส้นที่ตนเองแสนจะภาคภูมิใจ ที่แท้ก็เป็เพียงเศษเสี้ยวเคล็ดวิชาของอีกฝ่าย? เหตุใดจึงไม่พูดให้เร็วกว่านี้? เหตุใดเ้าถึงไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้?
เจียงเทียนฉีราวกับจะหมดหวัง
คุณชายอานก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของฟางิโหว แต่ค่ายกลหมากนี้ สามารถปิดกั้นพลังได้ทั้งหมดเลยหรือ? เจียงเทียนฉีพยายามศึกษากลหมากยี่สิบแปดเส้นมาตลอด แต่กู่ไห่กลับรู้ทุกอย่างจนปรุโปร่ง? เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?
“คุณชายอาน ท่านหยุดเถอะ!” กู่ไห่ปรามเสียงเรียบ
“เ้าคนชั่วช้า ร้านพวกเหล่านี้ล้วนเป็ของท่านปู่ของข้า กู่ไห่ ข้าจะไม่มีวันละเว้นเ้า... ไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่! เหอซื่อคัง เอาตัวกู่ไห่มาให้ข้า มันคิดที่จะขโมยร้านของท่านปู่!” คุณชายอานพูดด้วยความเคืองแค้น
เขาคำรามลั่น หันไปจ้องท่านอ๋องเหอซื่อคัง แต่กลับพบว่าตอนนี้ อีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่ง ที่ด้านข้างนั้นมีชายชราชุดเทา กำลังมองมายังเขาด้วยสีหน้าเยียบเย็น
“อา? ใต้เท้าโม่ ท่านมาทำอะไรที่นี่?” ท่าทีของคุณชายอานพลันเปลี่ยนไปทันที
“เหอะ! คุณชายอาน ดีจริงๆ ที่ยังจำข้าได้ ท่านเอากิจการของท่านอ๋องไปลงเดิมพัน จนเสียกิจการไปทีละแห่งเช่นนี้ ดูจะสบายใจเหลือเกินนะขอรับ?” ใต้เท้าโม่กล่าว พลางยิ้มเยาะ
“อา? ใต้เท้าโม่ ฟังข้าก่อน กู่ไห่มันโกหกเราจริงๆ ท่านเองก็เก่งกาจด้านหมากล้อม ท่านเล่นหมากยี่สิบเก้าเส้นได้มิใช่หรือ ท่านชนะมันแน่... ต้องชนะแน่!” คุณชายอานรับวิ่งปรี่เข้ามาหาด้วยความตื่นเต้น
เพี๊ยะ!
ใต้เท้าโม่ตบหน้าคุณชายอานทันที
แรงตบของฝ่ามือนี้ช่างเบานัก แต่ดังกลับดังก้องไปทั่วบริเวณ
นั่นเป็เพราะยามนั้นทุกอย่างเงียบสงัด จึงทำให้ฝ่ามือที่กระทบใบหน้าของคุณชาย เกิดเสียงดังอย่างชัดเจน
เขาเป็ใครกัน? ถึงได้กล้าทำถึงขนาดนี้? นั่นคือคุณชายอาน หลานชายคนโตของท่านอ๋องลู่หยางเชียวนะ เช่นนี้แล้ว ยังกล้าตบอีกหรือ?
“เ้า... เ้ากล้าตบข้า? ข้าคือ...” คุณชายอานเอามือกุมแก้ม พร้อมถลึงตาใส่ใต้เท้าโม่
“หลานคนโตของท่านอ๋อง? เหอะๆ! เชื่อหรือไม่? ขอเพียงข้าทูลท่านอ๋อง เ้าหรือบิดาของเ้าก็จะมิใช่คนในสายเืของท่านอ๋องอีกต่อไป นอกจากนี้ บรรดาลุงของเ้าก็คงจะพากันปรบมือยกใหญ่ด้วยความยินดี ที่เ้าโดนถอนตำแหน่ง” ใต้เท้าโม่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
คุณชายอานยกมือขึ้นปิดปาก ขณะมองใต้เท้าโม่ด้วยความขุ่นเคือง ขบฟันแน่น แล้วก้มหน้าลง
ไม่ไกลกันนัก หลงหว่านชิงกระซิบกับกู่ไห่ “นี่คือที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของท่านอ๋องลู่หยาง โม่อี้เคอ! ท่านอ๋องลู่หยางให้ความสำคัญกับเขายิ่งกว่าผู้ใด!”
“ก็พอจะรู้อยู่!” กู่ไห่เอ่ย พลางยกยิ้มบาง
คุณชายอานที่โดนตบหน้า ตอนนี้ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เอาแต่นึกถึงตำแหน่งของตน ในราชสำนักของท่านอ๋องลู่หยาง
“ใต้เท้าโม่ ข้าผิดไปแล้ว แต่ท่านเอาชนะมันได้จริงๆ นะ!” คุณชายอานกล่าวเสียงเบา ก่อนยกมือปิดปาก
“ดูเหมือนท่านจะไม่ยอมรับรู้อะไรเลย? ข้าจะไม่เข้าประลองให้ท่าน... เหอะ!” ใต้เท้าโม่มองคุณชายอาน ด้วยสายตาเย็นะเื
คุณชายอานนิ่งงัน ดวงตาเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
“เหอะ! ดูท่า ข้าคงจะต้องทูลให้ท่านอ๋องลู่หยางได้ทราบ ว่าอาจารย์ของตระกูลล้วนเป็คนไร้ประโยชน์ ที่ไม่อาจสอนอะไรดีๆ ให้แก่คุณชายได้เลย บรรดาอาจารย์ของท่านไม่เคยสอนเื่การพนันหรืออย่างไร?” ใต้เท้าโม่ถามอย่างมึนตึง
“พนัน? อ่า! ใต้เท้าโม่ ท่านจะบอกว่ากู่ไห่เป็คนที่น่ายกย่องหรือ?” คุณชายอานถาม พร้อมถลึงตาด้วยความน้อยใจ
เพี๊ยะ!
ใต้เท้าโม่ตบซ้ำลงบนใบหน้านั้น
รอบด้านเงียบงันอีกครั้ง คุณชายอานกุมแก้มทั้งสองของตน พลางมองใต้เท้าโม่ด้วยความหวาดกลัว
“ฮึ่ม! พนัน? ข้าจะบอกให้ท่านรู้ หากยังเป็เช่นนี้ เดิมพันสิบครั้ง ก็แพ้สิบครั้ง! ท่านไม่ควรที่จะเดิมพันทุกอย่าง โดยไม่ไตร่ตรอง! ต้องรู้เขารู้เรา ถึงจะรบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง! การวางเดิมพัน ท่านจำเป็ต้องเข้าใจสถานการณ์ของอีกฝ่าย ถึงจะทำได้! แล้วตอนนี้ท่านรู้อะไรบ้าง?
รู้อะไรเกี่ยวกับกู่ไห่หรือไม่? หรือคิดแต่จะวางเดิมพัน?
ข้าไม่เคยเห็นคนเล่นพนันได้โง่เขลาเช่นนี้มาก่อน เป็คนท้าพนัน แต่กลับแพ้เสียเอง? ท่านยังกล้าที่จะเดิมพันอีกอย่างนั้นหรือ?
รู้เขารู้เรา ท่านไม่รู้เื่ของกู่ไห่เลยสักอย่าง นั่นก็เท่ากับว่าท่านหาได้รู้สถานการณ์ของตัวเอง?
การเล่นหมากล้อมของเจียงเทียนฉี ท่านคิดว่าเขาจะชนะอย่างนั้นหรือ? ท่านรู้หรือ ว่าคนที่ท่านพนันด้วย มีความสามารถเพียงใด?” โม่อี้เคอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก
“ข้า...” คุณชายอานอ้าปากค้าง อย่างไม่รู้จะโต้เถียงเช่นไร
“เจียงเทียนอี้!” โม่อี้เคอมองเจียงเทียนอี้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!” เจียงเทียนอี้ขานรับด้วยความพรั่นพรึง
“พวกเ้าช่างบังอาจนัก กล้าวางพนันในนามของท่านอ๋อง พวกเ้า้าที่จะทำให้ท่านอ๋องเสื่อมเสียเกียรติอย่างนั้นหรือ” โม่อี้เคอทำหน้าถมึงทึง
“ข้า...ข้า...!” เจียงเทียนอี้อึกอัก ทั้งยังเกรงกลัว
“ใต้เท้าโม่ กิจการที่ข้าแพ้พนันเหล่านี้ พวกเราไม่อาจเสียมันไปได้มิใช่หรือ?” คุณชายอานถามอย่างหวาดหวั่น
โม่อี้เคอยื่นมือขวาออกปราม เห็นเช่นนั้นคุณชายอานจึงได้เอามือปิดปากตนเอง ไม่กล้าที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรอีก
“ฮึ่ม! ช่างหน้าไม่อายนัก ยังอยากจะกู้หน้าอีกหรือ? ในเมื่อแพ้แล้วก็แพ้ไป ยังกล้าคิดที่จะไปแย่งชิงอีกหรือ?” โม่อี้เคอถลึงตาใส่
เพี๊ยะ!
เขาตบหน้าคุณชายอานอีกครั้ง
“ทำได้ดีมาก!”
“ใต้เท้าโม่ทำดีแล้ว!”
“ทำให้ท่านอ๋องเสียหน้า สมควรแล้ว!”
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่รอบๆ บริเวณ ต่างหัวเราะทันที
แม้ตอนแรกจะยังตื่นตะลึง เพราะทุกคนเคยชินกับท่าทางโหดร้ายของคุณชายอาน เมื่อเห็นว่าบัดนี้อีกฝ่ายถูกใต้เท้าโม่สั่งสอน ทุกคนจึงรู้สึกยินดียิ่ง
เฟิงิโหวที่เดินออกมาจากซากปรักหักพัง รู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นโม่อี้เคอ แต่เพราะเวลานี้ สีหน้าของอีกฝ่ายดูเคร่งเครียดนัก จึงทำได้เพียงยืนรออย่างนอบน้อม โดยไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้า
“เจียงเทียนอี้ ก่อนหน้านี้ข้าชอบเ้ามาก จึงได้ฝากฝังเื่ของเมืองอิ๋นเยวี่ยไว้กับเ้า แต่เ้ากลับทำกับข้าเช่นนี้หรือ?” โม่อี้เคอมองเจียงเทียนอี้ ด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“ท่านใต้เท้า ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วย!” เจียงเทียนอี้คุกเข่าลง พร้อมขอรับโทษอย่างเศร้าใจ
“เ้าทำอะไรผิด ตอนนี้รู้แล้วอย่างนั้นหรือ?” โม่อี้เคอมองเจียงเทียนอี้นิ่ง
“เดิมมีกฎไว้ว่า ข้าไม่อาจปล่อยให้คุณชายอานทำอะไรบุ่มบ่ามในหอกู่ฉินอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้! ความผิดของข้าน้อยก็คือ มิได้ห้ามปรามคุณชายอานั้แ่แรกขอรับ!” เจียงเทียนอี้กล่าวเสียงสั่น
“ฮึ่ม! ยังจำได้อีกหรือ? ทั้งยังรู้ว่ามีกฎของหอกู่ฉิน รู้สาเหตุและผลร้ายที่ตามมา ข้าเคยบอกเ้าไว้แล้ว ว่าห้ามออกนอกลู่ทาง ไม่เคยคิดที่จะจำเลยสินะ!” โม่อี้เอี้ยพูดอย่างเ็า
เจียงเทียนอี้ทำได้เพียงคุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าเอ่ยปาก
โม่อี้เคอพยายามสงบอารมณ์ ก่อนหันไปมองกู่ไห่
“โม่อี้เคอ คารวะท่านถังจู่แห่งหออี้ผิน คารวะท่านกู่!” สีหน้าของโม่อี้เคอแปรเปลี่ยนเป็อ่อนโยนทันที
หลงหว่านชิงชะงักเล็กน้อย แล้วตอบกลับ “คารวะใต้เท้าโม่!”
กู่ไห่พยักหน้าตอบรับ
“ท่านกู่ คุณชายอานนั้นยังเด็กนัก ทั้งยังไร้ซึ่งเหตุผล ข้าน้อยต้องลงโทษเขาแน่!” โม่อี้เคอโค้งคำนับกู่ไห่เล็กน้อย
คำนับกู่ไห่?
ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างตะลึงลาน ทันทีที่ใต้เท้าโม่มาถึง เขาตบหน้าคุณชายอานอย่างโอหัง ทว่า กลับโค้งคำนับกู่ไห่อย่างนอบน้อม?
กู่ไห่ใเล็กน้อย รีบกล่าว “ใต้เท้าโม่สุภาพเกินไปแล้ว ท่านไม่จำเป็ต้องทำเช่นนี้!”
“ขอรับ! ผู้น้อยเพียง้าแสดงเจตนารมณ์ต่อท่านกู่ การกระทำของลู่อานและพรรคพวกนั้น หาใช่ตัวแทนของท่านอ๋องไม่ ท่านอ๋องนั้น้าคนที่มีพร์เช่นท่านกู่มาตลอด ย่อม้าผูกมิตรและเชิญให้ท่านกู่มาร่วมงานแน่!” โม่อี้เคอยิ้มน้อยๆ
หลงหว่านชิงเบิกตากว้าง พลางมองอีกฝ่าย นี่มันเื่อะไรกัน? คิดจะขุดฐานกำแพง[1]อย่างนั้นหรือ?
เขาเพิ่งจะเจอกู่ไห่เมื่อครู่นี้ ก็คิดจะช่วยท่านอ๋องลู่หยาง เชิญอีกฝ่ายไปร่วมงานแล้วหรือ?
ไม่ไกลกันนักบนห้องเล็กใต้หลังคา ซือหม่าฉางคงหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะรำพึง “โม่อี้เคอผู้นี้ สมแล้วที่เป็ที่ปรึกษาของท่านอ๋องลู่หยาง เพียงพริบตาก็เห็นคุณค่าของกู่ไห่ จึงคิดที่จะชักชวนมาเป็คนใต้อาณัติของท่านอ๋องลู่หยาง... ช่างรวดเร็วนัก!”
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน ต่างมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างงุนงง เมื่อครู่ ยังเกิดการต่อสู้กันอย่างเอาเป็เอาตาย พริบตาเดียว ตอนนี้ท่านใต้เท้ากลับพูดคุยเพื่อทาบทามให้กู่ไห่มาเป็เสนาบดีแล้วหรือ?
กู่ไห่มองโม่อี้เคอด้วยความงุนงง ก่อนคลี่ยิ้มบางๆ “ท่านใต้เท้าโม่ เอ่ยออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ คงจะเปล่าประโยชน์ อย่าพูดอีกเลย!”
“ไม่ๆ! ท่านกู่คงไม่รู้ ว่าท่านอ๋องนั้น้าคนที่มีพร์เช่นท่านนัก ขอเพียงท่านกู่เต็มใจเข้าจวนอ๋อง คุณชายอานผู้นี้? เหอะๆ! เขาก็จะมิใช่หลานชายคนโตของท่านอ๋องอีกต่อไป แต่จะกลายเป็เพียงหลานธรรมดาคนหนึ่ง ท่านกู่มิต้องกังวลว่าเขาจะมาสร้างปัญหาให้” โม่อี้เคอกล่าว ดวงตาเป็ประกาย
สีหน้าของคุณชายอานที่ยืนอยู่ข้างๆ พลันเปลี่ยนไป ดวงตาสั่นระริก เผยให้เห็นถึงความหวาดผวาที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ
เหล่าผู้ฝึกตนต่างพากันส่งเสียงฮือฮา ท่านใต้เท้าโม่ผู้นี้มีอำนาจมากขนาดไหนกัน? หลานชายคนโต? นั่นคือสถานะสูงสุดในบรรดาหลานๆ ของท่านอ๋องลู่หยางมิใช่หรือ? เมื่อท่านอ๋องขึ้นสู่บัลลังก์ ลูกชายของเขาก็จะได้รับตำแหน่งผู้สืบทอด และบุตรคนโตของลูกชาย หรือก็คือหลานชายคนโตผู้นี้ ก็จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขา
แต่ใต้เท้าโม่กลับเอ่ยปากอย่างง่ายดาย ว่าจะปลดชื่อคุณชายออกจากตำแหน่งอย่างนั้นหรือ?
-----------------------------------------------
[1] ขุดฐานกำแพง เป็สำนวนจีน หมายถึง การสร้างความแตกแยก หรือสั่นคลอนอำนาจของผู้อื่น