“จั้วเสี่ยว........ ฉันไม่เข้าใจ.......... คนๆนั้นคือ.......” เสี่ยวหลี่ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ อิทธิพลของจั้วเสี่ยวนั้นน่ากลัวมาก ไม่มีใครสงสัยในจุดนี้เลย แม้แต่เขาที่เป็คุณชายรองของตระกูลหลี่อันสูงส่งเมื่อเผชิญหน้ากับคนๆนี้ก็ยังต้องเกรงใจคนๆนี้ เพราะพ่อและปู่ของเขาคือคนที่ไม่อาจดูแคลนได้
“เหอะ......” เ้าอ้วนหัวเราะเสียงเย็น “คิดว่าฉันพูดแบบนี้เป็การดูถูกตระกูลนายอย่างนั้นเหรอ? ผิดแล้วล่ะ....... เขาเป็ใครนายไม่จำเป็ต้องรู้ แต่ฉันจะบอกนายชัดๆว่าพี่ชายของนายไม่ใช่เ้าแห่งความตายที่ทำให้ชีวิตคนไม่ต่างจากสิ่งของ ถ้านายยังอยากให้พี่ชายของนายมีชีวิตอยู่ต่อไปก็รีบทำตามที่ฉันพูดซะ! ไม่อย่างนั้น........ ไม่อย่างนั้นไม่ต้องให้เขาลงมือฉันจะทำให้ตระกูลหลี่ของนายสิ้นชื่อจากหัวเซี่ยภายในสามวันเอง!!”
ประโยคสุดท้ายของเขาทำให้คนที่อยู่ในที่นั้นทั้งหมดตกตะลึง ใบหน้าของแต่ละคนแสดงความช็อคออกมา
ทำให้ตระกูลหลี่สิ้นชื่อจากหัวเซี่ย............ คนๆนี้สามารถทำให้จั้วเสี่ยวพูดออกมาแบบนี้ได้.................
เหงื่อเย็นๆเปียกชื้นเสื้อผ้าของเสี่ยวหลี่ เขารีบพยักหน้าออกมา “ผม.......... ผมเข้าใจแล้วจั้วเสี่ยว พี่อย่าเพิ่งโกรธเลยนะ ผมจะ.......... จะรีบไปบอกพี่ชาย.........ไม่สิ จะรีบให้พ่อของผมโทรไปหาเขาให้เร็วที่สุดเลย”
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเอานิ้วสั่นๆจิ้มลงไปที่หมายเลขโทรศัพท์ของพ่อเขา......... เพราะถ้าเขาโทรไปหาหลี่เทียนเผิงเองเขาเกรงว่าหลี่เทียนเผิงคงจะไม่ฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของเขา ดังนั้นเขาควรจะอธิบายเื่ทั้งหมดให้พ่อของเขาฟัง.........ทำให้ตระกูลหลี่สิ้นชื่อจากหัวเซี่ย สำหรับทั้งตระกูลหลี่นี่เป็ประโยคที่ราวกับฝันร้าย
————
————
ปากกระบอกปืนสีดำไม่ได้ทำให้สีหน้าของเย่เทียนเซี่ยเปลี่ยนไป แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขากลับแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างชัดเจน และมันก็ไม่ได้ทำให้ซูเฟยเฟยกังวลหรือกลัวอะไรด้วย.......... ในหัวของเธอคิดไปค่ำคืนนั้น......... เขาใช้หัวของตัวเองหยุดลูกะุที่พุ่งเข้ามาได้อย่างปลอดภัย และฉากนั้นก็ทำให้เธอคิดว่าเขาเป็คนที่อยู่เหนือคนธรรมดาไปอีก และเฝ้าปรารถนาที่จะได้รับการคุ้มครองจากเขา
“ถ้าฉันแนะนำให้นายวางปืนลงนายจะทำหรือเปล่า?” เย่เทียนเซี่ยเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มของเขานำมาซึ่งกลิ่นอายอันตรายที่แฝงอยู่ภายใน ปืนสำหรับคนธรรมดาเป็สิ่งที่น่ากลัว เพราะมันสามารถพรากชีวิตของคนไปได้ในพริบตา แต่เมื่อเล่นกับสิ่งที่อันตรายแบบนี้ก็ต้องเลือกคนที่จะเล่นด้วยให้ถูก เพราะบางคนก็ไม่ชอบให้คนอื่นถือปืนมาเล็งที่ตัวเองเหมือนกัน
ปืนที่ปรากฏขึ้นมาในมือหลี่เทียนเผิงทำให้หลี่ลู่ลู่ที่ตกในจนตัวสั่นเหมือนได้เห็นเครื่องรางช่วยชีวิต เธอเสนอหน้ายืนขึ้นมาจากด้านหลังของหลี่เทียนเผิงแล้วใช้น้ำเสียงที่แทบจะบ้าคลั่งะโออกมา “พี่คะ ให้มันคุกเข่าขอร้องฉันให้เหมือนหมาซะ.......... ได้ยินแล้วใช่ไหม คุกเข่าให้ฉันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้พี่ชายของฉันเป่าหัวแกซะ!!”
เย่เทียนเซี่ยหรี่ตาลงเขาเบนสายตาไปมองผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย นั่นทำให้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร่างของเธอก็สั่นสะท้านไปหมด จากนั้นก็ถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่ง........... และในตอนนั้นเองที่ร่างของหลี่เทียนเผิงก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาให้คนโจมตีเย่เทียนเซี่ยเขาก็ให้คนรีบติดต่อให้กำลังเสริมรีบมาที่นี่โดยเร็ว ตอนนี้ก็น่าจะมาถึงแล้ว หลี่เทียนเผิงใช้มือนึงเล็งปืนไปที่เย่เทียนเซี่ยส่วนอีกมือหนึ่งก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมา.........
เสียงคำรามของชายวันกลางคนก็ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์ที่เพิ่งจะกดรับทันที ใช้เวลาไม่กี่วินาทีใบหน้าของหลี่เทียนเผิงก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง.......... และมันก็เปลี่ยนสีไปครั้งแล้วครั้งเล่า จากนั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาก็เริ่มสั่นกระตุก และท้ายที่สุดร่างของเขาก็สั่นสะท้านตามมา
โทรศัพท์ของเขาหล่นลงบนพื้น ตามมาด้วยปืนที่หลุดจากมือของเขาตกลงไปบนพื้นจนเกิดเสียง“ปั้ง” หลี่ลู่ลู่ร้องออกมาเสียงต่ำก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปหยิบปืนบนพื้นขึ้นมาแต่เธอกลับเห็นหลี่เทียนเผิงเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าวราวกับหุ่นกระบอก ใบหน้าของเขาเหมือนคนตาย จากนั้นท่ามกลางสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อของคนทั้งหมด เสียงคุกเข่าดัง “ปึ้ง” ก็ดังขึ้นตรงหน้าของเย่เทียนเซี่ยและซูเฟยเฟย
หลี่ลู่ลู่และคนของกลุ่มการค้าหลี่จื้อหรือแม้แต่ซูเฟยเฟยก็ล้วนตกตะลึงกับการเปลี่ยนแหลงครั้งใหญ่ในที่แห่งนี้ ใบหน้าของเย่เทียนเซี่ยฉายแววตกตะลึง แต่ทันใดนั้นมันก็กลับมาราบเรียบดังเดิม เขาปรายสายตาไปมองกล้องวงจรปิดที่กระจายตัวอยู่โดยรอบแล้วครุ่นคิด
หลี่เทียนเผิงกัดริมฝีปากก่อนจะพูดออกมาด้วยความแปลกใจ อับอาย และกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฉันหลี่เทียนเผิงมีตาไม่มีแวว........ขอให้นาย.........ยกโทษให้..........” จากนั้นท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างและฟันที่ขบกัดกันแน่นเขาก็โขกหัวลงกับพื้นอย่างแรงหนึ่งครั้ง
หลี่ลู่ลู่ปล่อยปืนที่เพิ่งเก็บขึ้นมาหล่นลงบนพื้นแล้วมองไปที่หลี่เทียนเผิงด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างสับสนเหมือนคนโง่
“นี่..........เขา..........” ซูเฟยเฟยถามเย่เทียนเซี่ยด้วยดวงตาสับสนและตกตะลึง เย่เทียนเซี่ยยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าแล้วเดินไปด้านหน้า ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วร่างของหลี่เทียนเผิงและหลี่ลู่ลู่ เมื่อเขาเดินไปถึงร่างของหลี่เทียนเผิงเขาก็สะบัดเท้าออกไปแล้วหยิบปืนสีดำนั้นมาไว้ในมือก่อนจะชี้ไปที่หลี่เทียนเผิงที่นั่งอยู่บนพื้น
“ฉันบอกแล้ว ว่าคำพูดที่ฉันพูดออกไปฉันไม่เคยกลับคำ ดังนั้นต่อให้นายจะกลายเป็คนที่เชื่อฟังยังไง ผลสุดท้ายก็เหมือนเดิม”
ปั้ง!
ปั้ง!
เสียงปืนดังขึ้นมาสองครั้ง และเสียงที่พุ่งเข้ามาสองครั้งก็ทำให้หัวใจของคนที่อยู่ในคาสิโนทั้งหมดกระตุกรุนแรงถึงสองครั้งพร้อมกับเสียงนั้น เืสดๆไหลทะลักออกมาจากมือขวาและขาขวาของหลี่เทียนเผิงพร้อมกัน เขาส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปออกมาจากบนพื้นแล้วกลิ้งไปมา............
กระบอกปืนเบนไปชี้ที่หลี่ลู่ลู่ที่หน้าซีดเหมือนไก่ต้ม รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ร่างของหลี่ลู่ลู่ทรุดลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว เธอพยายามกระเสือกกระสนถอยไปด้านหลังและร้องขอความเมตตาออกมาเสียงสั่น “ไม่.......อย่าฆ่าฉัน........เฟยเฟย ช่วยฉันด้วย.........”
“เทียนเซี่ย เธอ..........เธอด่านายแค่ประโยคเดียว นายไม่ถึงกับต้อง..........” ซูเฟยเฟยกุมมือของเขาเอาไว้แล้วพูดออกมาอย่างกังวล
เย่เทียนเซ่ยปัดมือของเธอออกไป ปากกระบอกปืนนั้นยังคงเล็งไปที่หลี่ลู่ลู่ แล้วเขาก็พูดออกมาเสียงเย็น “เมื่อกี้ เธอดูเหมือนจะบอกว่าจะให้พี่ชายของเธอเป่าหัวฉันซะใช่ไหม.........เหอะ พี่ชายของเธอพูดว่าจะตัดแขนตัดขาของฉันซะ ฉันก็เลยจัดการแขนขาของพี่ชายเธอซะ แล้วเธอที่บอกว่าจะเป่าหัวฉันเนี่ย ไหนเธอบอกสิว่าฉันควรจะทำยังไงดี?” เย่เทียนเซี่ยพูดไป ส่วนมือที่วางอยู่บนไกปืนก็ค่อยๆกดลงไปช้าๆ
“ไม่.......อย่า........อย่านะ..........”
ปั้ง!
เสียงปืนดังขึ้นมา หลี่ลู่ลู่ตาเหลือก ศีรษะของเธอร่วงลงกระแทกกับพื้นอย่างแรงแล้วนิ่งสนิทไป
“เทียนเซี่ย!” ร่างของซูเฟยเฟยสั่นสะท้าน เสียงของเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัด นิสัยของหลี่ลู่ลู่มาจากสภาพแวดล้อมที่เธอเติบโตขึ้นมา แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างเพียงพอ แต่มันก็แค่ความอวดดี มัน.....มันไม่น่าจะเป็อย่างนี้เลย..........
“ผู้หญิงโง่ ดูให้ดีๆสิ” เย่เทียนเซี่ยเป่าควันที่โชยออกมาจากปากกระบอกปืนแล้วมองผู้หญิงที่ใจนสลบไปอย่างไร้คำพูด......... สิ่งที่ลูกะุนี้พุ่งเข้ากระทบไม่ใช่หัวของเธอ แต่มันพุ่งผ่านหูของเธอไปและตกลงที่พื้นข้างหูของเธอ ั้แ่เริ่มเขาก็เพียงแค่อยากจะขู่เธอเท่านั้น แน่นอนว่าผลของมันออกมาดีสุดๆไปเลยล่ะ....... อย่างน้อยต่อไปผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะได้รับบทเรียนไปไม่น้อย มั้ง? คงไม่ทำอะไรโรคจิตๆออกมาแล้วล่ะมั้ง?
เมื่อมองไม่เห็นเืไหลออกมาซูเฟยเฟยที่อึ้งค้างก็รีบมองไปที่รูกระสุขที่ปรากฏอยู่ข้างหูของหลี่ลู่ลู่ แล้วเธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมาทันที เธอรีบกระชับร่างของเย่เทียนเซี่ยแล้วพูดออกมาเสียงเบา “เทียนเซี่ย พวกเขาจบแล้วล่ะ...... พวกเราไปจากที่นี่ก่อนดีไหม?”
เย่เทียนเซี่ยยิ้มแล้วพยักหน้าน้อยๆ เขาโยนปืนในมือออกไปด้านหน้า ปืนกระบอกนั้นตกลงบนพื้นแล้วไถลออกไปไกลจนถึงปลายเท้าของคนๆหนึ่ง แล้วหยุดลงตรงนั้น แต่ร่างของคนๆนั้นกลับสั่นสะท้านจนไม่กล้าก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา ดวงตาของเขามองไปที่เย่เทียนเซี่ยแล้วหวังให้เขาเดินจากไปเร็วเท่าไรยิ่งดี
เมื่อได้รับโทรศัพท์ จากนั้นทายาทอันดับหนึ่งของกลุ่มการค้าหลี่จื้อก็คุกเข่าโขกหัวให้เขา......... ต่อให้เป็ไอ้โง่ก็เดาได้ว่าปลายสายนั่นพูดอะไร และคนๆนั้นมีที่มาที่น่ากลัวขนาดไหน คนที่ทำให้คุณชายแห่งตระกูลหลี่ต้องคุกเข่าร้องขอชีวิตได้ แล้วมดปลวกอย่างพวกเขาจะกล้าหือได้ยังไง?
“ช่วยเอาชิพพวกนี้ไปแลกเป็เงินหัวเซี่ยแล้วโอนเงินสี่ร้อยล้านเข้าบัญชีฉันด้วย ส่วนอีกสองร้อยล้านก็โอนเข้าบัญชีของเธอ.......เร็วหน่อยล่ะ ตอนนี้พวกเราไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ซักเท่าไรหรอก” เย่เทียนเซี่ยพาซูเฟยเฟยเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวซึ่งเป็ผู้จัดการของคาสิโนแห่งนี้แล้วชี้ไปที่ชิพที่กระจายเกลื่อนอยู่บนพื้นก่อนจะพูดออกมา
“ค่ะ........ค่ะ........ดิฉันจะรีบไปจัดการให้ค่ะ” ผู้จัดการคนนั้นพยักหน้าแล้วรีบตอบรับด้วยการก้มตัวลง เมื่อเธอหันหลับไปแล้ววิ่งไปที่เคาน์เตอร์เธอก็พบว่าเสื้อผ้าทั่วทั้งร่างของเธอเปียกเหงื่อเย็นๆเต็มไปหมด.............
————
————
ั้แ่ออกมาจากคาสิโน เย่เทียนเซี่ยก็สูดหายใจเข้าลึกแล้วบรรยากาศโดยรอบก็เปลี่ยนเป็แจ่มใสขึ้นมาทันทีและสีหน้าของเขาก็ยังแสดงออกถึงความสุข
“หาเงินร้อยล้านมาได้สบายๆ แล้วยังเห็นคาสิโนกับได้มีเื่กันอีก รู้สึกแฮปปี้ไหมล่ะ?” เย่เทียนเซี่ยขยับมือไปมา เขาพยายามกำจัดความยุ่งเหยิงออกไปจากหัวของซูเฟยเฟย หลังจากลองพยายามดูอยู่หลายครั้งก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่สำเร็จ เขาทำได้แค่ปล่อยเธอไป แม้ว่าเดิมทีของเขาจะรู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ.........แต่จิตใต้สำนึกของเขากลับไม่ปฏิเสธมัน
“สองร้อยล้านนั่นนายชนะมา ทำไมต้องบางให้ฉันร้อยล้านด้วยล่ะ ร้อยล้านเชียวนะ! คนอื่นหามาทั้งชีวิตยังไม่ได้เงินเยอะขนาดนี้เลย ไม่คิดมาก่อนเลย ปกตินายจะต้องขี้เหนียวนี่ หรือเดิมทีนายจะเป็คนใจกว้างอย่างนี้อยู่แล้ว” ซูเฟยเฟยหัวเราะออกมาเสียงใส
“เพราะถ้าไม่ใช่เธอ ฉันก็คงไม่ได้พนันกับเขาหรอก แล้วก็คงไม่ได้เงินพวกนี้มาด้วย ถ้าไม่ให้เธอครึ่งนึงฉันก็คงผิดต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเองน่ะสิ” เย่เทียนเซี่ยยักไหล่แล้วพูดออกมา โลกใบนี้มันช่าวสวยงามจริงๆ ถ้าทุกวันได้พบเจอกับคนมากมายเหมือนหลี่เทียนเผิงที่เอาเงินมาถวายให้เขาเองเหมือนไอ้โง่อย่างนี้ก็คงจะดี ตัวเขาเองจะได้ไม่ต้องไปทำงานเป็บอดี้การ์ดอีก
“นี่นายยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่อีกเหรอ? ฮ่าๆ ฉันดูไม่ออกเลยจริงๆ” ปากแดงๆของซูเฟยเฟยขยับไปมา แต่แล้วเธอก็คิดไปถึงฉากที่เธอพุ่งเข้าไปจูบเขาด้วยความตื่นเต้นโดยไม่ตั้งใจ แล้วเธอก็ได้แต่แอบเลียริมฝีปากของตัวเองเบา เมื่อคิดไปถึงตอนนั้นความรู้สึกแปลกๆก็พุ่งขึ้นมาทันทีและตามมาด้วยสีแดงชวนหลงใหลที่ฉีดพ่นขึ้นมาบนแก้มขาวของเธอ
เย่เทียนเซี่ยมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “เธออยากพูดมันมาโดยตลอดใช่ไหม.......... ว่าฉันเป็คนไร้ความรู้สึกและโหดร้ายเกินไปงั้นสิ?”
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าในสายตาของคนทั่วไปสิ่งที่ตัวเองแสดงออกมาในคาสิโนก่อนหน้านี้มันเหมือนกับปีศาจที่โหดร้าย คนที่โจมตีเขาล้วนถูกเขาหักแขนหักขาไปจนหมด หลี่เทียนเผิงคุกเข่าขอความเมตตา แต่เขาก็ยังลงมืออย่างโเี้....... แม้แต่ผู้หญิงที่เคยด่าเขาแค่ประโยคเดียวเขาก็ยังลงมืออย่างโหดร้ายเช่นกัน เขาจินตนาการได้เลยว่าทั้งหมดที่เขาได้ทำลงไปมันจะทำให้ซูเฟยเฟยเกิดความประทับใจอย่างไร
