กว่าูเี่อันจะตื่นก็เป็เวลาสิบโมงแล้ว
ลั่วเสี่ยวซีเคยบ่นเธอว่าเธอชอบบอกคนอื่นให้นอนเป็เวลา แต่ตัวเองกลับนอนกินบ้านกินเมืองทุกครั้งที่มีโอกาสทำแบบนี้เขาเรียกว่าขี้โกง!
ซึ่งเธอเองก็ไม่สามารถโต้แย้งได้
งานของเธอบางครั้งก็ต้องทำโอทีข้ามวันข้ามคืนโดนโทรตามตัวดึกๆ ดื่นๆ ขณะกำลังหลับสบายอยู่นั้นเป็เื่ปกติ แล้วนานๆ ทีเธอจะขอนอนตื่นสายหน่อยไม่ได้หรือไงกัน!
แต่วันนี้เธอคงนอนเยอะเกินไปจริงๆนั่นแหละ ว่าแล้วจึงลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาและลงไปที่ชั้นล่างทว่ากลับไม่เจอลู่เป๋าเหยียน
ลุงสวีบอกกับเธอว่าลู่เป๋าเหยียนไปเล่นบาสที่สนามแถวนี้
เธอรู้มาจากซูอี้เฉิงว่าเช้าวันหยุดของลู่เป๋าเหยียนถ้าไม่มีธุระอะไรเขามักจะไปเล่นบาส
ตอนนั้นเธอเพิ่งกลับมาจากอเมริกาบริษัทของซูอี้เฉิงก็เริ่มลงตัวเลยพอมีเวลาว่างไปทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อผ่อนคลายบ้าง่วันหยุดจึงมักออกไปยืดเส้นยืดสายเล่นบาสสักตาสองตามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไม่รู้ว่าพี่ชายเธอจงใจบอกให้รู้หรือเปล่า
“พี่เป๋าเหยียนที่น้องเคยรู้จักตอนเด็กๆก็มาเล่นบ่อยๆ นะ พี่เจอเขาหลายครั้งแล้ว”
ูเี่อันคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองเก็บซ่อนความรู้เอาไว้ได้อย่างแเีในที่สุดเธอก็หาเวลาว่าง่วันหยุดได้จึงหลอกล่อลั่วเสี่ยวซีให้ปดูซูอี้เฉิงเล่นบาสด้วยกันทว่ากลับโชคร้ายไม่เจอลู่เป๋าเหยียน แถมขากลับยังถูกพี่ชายแกล้งแหย่อีกว่า
“เจี่ยนอันผิดหวังหรือเปล่าที่ไม่ได้เจอพี่เป๋าเหยียนของน้อง?”
เธอหน้าแดงทันทีและตัดสินใจว่าจะไม่สร้างโอกาสให้เหมือนบังเอิญเจอเขาแบบนั้นอีกแล้ว
เธออุตส่าห์รวบรวมความกล้าทำเื่แบบนั้นแต่นอกจากจะล้มเหลวไม่เป็ท่ายังโดนพี่ชายรู้ทันอีกหลังจากนั้นซูอี้เฉิงก็บอกกับเธอว่า เขามองออกตั้งนานแล้วว่าเธอชอบลู่เป๋าเหยียน
หลังกินข้าวเช้าเสร็จลู่เป๋าเหยียนก็ยังไม่กลับมาูเี่อันจึงนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่บนโซฟาแก้เบื่อ
ในยุคอินเทอร์เน็ตแบบนี้ข่าวสารใหม่ๆเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาสกู๊ปข่าวงานเลี้ยงครบรอบของเครือลู่ที่เมื่อวานแทบจะยึดทั้งหน้าข่าวบันเทิงวันนี้กลับเริ่มซาลงแต่ทีู่เี่อันนึกไม่ถึงก็คือ ชื่อของตัวเองได้ปรากฏอยู่บนหน้าข่าวซุบซิบอีกแล้ว
“ลู่เป๋าเหยียนควงภรรยาสาวเดินชอปปิ้งรักกันหวานชื่น สวีทไม่เกรงใจใคร”
รายละเอียดของข่าวไม่ยาวมากมีแค่รูปภาพขนาดใหญ่เบ้อเริ่มเต็มไปหมด ทั้งภาพตอนที่เธอช่วยลู่เป๋าเหยียนเลือกครีมโกนหนวดภาพตอนลู่เป๋าเหยียนเดินเคียงข้างเธอขณะเลือกซื้อของใช้ส่วนตัวต่อด้วยภาพของพวกเธอช่วยกันเข็นรถเข็น ซึ่งเธอกำลังหันหน้ามองลู่เป๋าเหยียนพลางยิ้มอย่างสดใสแม้แต่ตอนที่เธอเขย่งเท้าหอมแก้มลู่เป๋าเหยียนพวกนักข่าวก็ยังถ่ายเอาไว้ได้ต่อจากนั้นก็เป็ภาพลู่เป๋าเหยียนกำลังหยิบถุงขนมให้เธอภาพทั้งหมดนี้แค่มองก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
นักข่าวคนนี้นี่...ช่างเข้าใจเลือกซีน
เนื้อหาข่าวเขียนลำดับเหตุการณ์ว่าเมื่อวานเธอกับลู่เป๋าเหยียนทำอะไรกันบ้างทั้งยังบรรยายถึงความรักความใกล้ชิดของพวกเธออย่างละเอียดยิบ จนเธออดบ่นในใจไม่ได้
รักกันตรงไหน? ลู่เป๋าเหยียนกำลังแกล้งเธออย่างมีความสุขอยู่ล่ะไม่ว่า
แต่เธอก็ไม่วายบันทึกรูปภาพทั้งหมดก่อนจะใช้โปรแกรมลบลายน้ำออกและบันทึกเก็บเอาไว้ในโฟลเดอร์ลับอีกที
ในโฟลเดอร์นั้นมีรูปอยู่ไม่น้อยรวมถึงภาพจากข่าวเมื่อวานเธอก็เซฟเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว
คงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นเธอถึงจะได้ภาพคู่ของตัวเองกับลู่เป๋าเหยียนคิดๆ ไปแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้
ูเี่อันเพิ่งปิดโฟลเดอร์ไปก่อนโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะน้ำชาจะดังขึ้นลู่เป๋าเหยียนโทรมาหาเธอ
เธอรับสายก่อนเอ่ยถาม“นายจะกลับมาเมื่อไร”
“ตอนเที่ยงคงไม่ได้กลับไปนะ”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “พอดีเจอชาวประมงเพิ่งกลับมาจากการออกเรือ เลยได้อาหารทะเลสดๆ มาเต็มเลยพวกเรากำลังจะไปทำมื้อเที่ยงกินกันที่บ้านของเพื่อนคนหนึ่ง เธอจะมาด้วยไหม”
ูเี่อันเคาะโต๊ะเล็กน้อยพลางคิด
“มีใครไปบ้างล่ะ”
“เสิ่นเยว่ชวนแล้วก็พี่ชายเธอ”
มีแต่คนคุ้นเคยทั้งนั้นคงไม่มีอะไรต้องกลัวูเี่อันลุกขึ้นทันที
“งั้นเดี๋ยวฉันไปหานายส่งที่อยู่มาให้ฉันหน่อยสิ”
“ให้ลุงสวีขับรถมาส่งเขารู้ที่อยู่”
“ได้!”
ูเี่อันวางสายและวิ่งไปหน้าบ้านอย่างตื่นเต้นขณะกำลังเปลี่ยนรองเท้าเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันหลังกลับวิ่งขึ้นห้องไป
เธอเปิดตู้เสื้อผ้าซึ่งเต็มไปด้วยชุดที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานเธอหยิบชุดแรกที่ลู่เป๋าเหยียนเลือกให้ออกมา หลังลังเลอยู่นาน เธอก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาใส่ชุดดังกล่าว
ลู่เป๋าเหยียนบอกว่าเธอใส่กระโปรงแล้วสวยนี่เธอไม่ได้คิดจะเอาใจเขานะ เสื้อผ้าถ้าซื้อมาแล้วไม่ใส่ก็เสียของสิจริงไหม?
เธอเดินลงไปชั้นล่างเพื่อตามหาลุงสวีหลังจากลุงสวีได้ยินคำว่า “อาหารทะเล” เขาก็เข้าใจในทันที เมื่อขึ้นมาบนรถลุงสวีได้บอกเธอว่า
“ที่นั่นไม่ใช่ร้านอาหารหรอกครับแต่เป็เชฟเก่าแก่คนหนึ่งที่เบื่อชีวิตในเมืองเลยหนีไปอยู่ที่หมู่บ้านชาวประมงพออยู่ไปอยู่มาก็เริ่มคุ้นเคยกับคนที่นั่นเขาเลยซื้ออาหารทะเลสดใหม่คุณภาพเยี่ยมได้บ่อยๆ เขาชอบทำอาหารแล้วก็เรียกเพื่อนสนิทไปชิมฝีมือของเขาที่นั่นคนอื่นไม่มีวันได้กินนะครับนั่น”
ูเี่อันอึ้งไป
เธอนึกว่าเธอกับลั่วเสี่ยวซีเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารอร่อยของเมืองนี้เสียอีกแต่ว่าแต่ละที่ที่ลู่เป๋าเหยียนพาเธอไป ล้วนแต่รสชาติเยี่ยมเกินจินตนาการทั้งนั้นแล้วนี่ยังมีเชฟอาหารทะเลชั้นยอดแอบซ่อนไว้อยู่อีกงั้นเหรอ
ดูท่าลู่เป๋าเหยียนต่างหากที่เป็ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
หมู่บ้านชาวประมงอยู่ในเขตชานเมืองซึ่งเป็เพียงตำบลเล็กๆ ที่ถูกคนเมืองหลงลืมไปแสงแดดต้นฤดูร้อนส่องสะท้อนผืนน้ำทะเลจนกลายเป็สีทอง เรือประมงที่จอดอยู่ริมฝั่งโยกไปมาเบาๆตามจังหวะคลื่นที่พัดเข้ามา บนฝั่งมีชาวประมงผิวสีเข้มกำลังทำงานอย่างแข็งขัน พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดังให้ได้ยินบ้างเป็ครั้งคราว
ลุงสวีเดินมาเปิดประตูรถใหู้เี่อันก่อนจะชี้ไปยังบ้านพักสไตล์ญี่ปุ่นที่อยู่ริมฝั่ง
“ที่นั่นแหละครับคุณผู้หญิงเชิญเข้าไปได้เลยครับ”
“ค่ะ”
ูเี่อันเพิ่งลงจากรถเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นลู่เป๋าเหยียนเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น
เขาสวมชุดลำลองเรียบง่ายไม่ได้ดูเคร่งขรึมเป็ทางการดั่งทุกทีชุดนี้ทำให้ไหล่กว้างและท่อนขายาวของเขาเด่นชัดมากขึ้นชายรูปร่างสูงโปร่งตรงหน้าในวันนี้แลดูอ่อนกว่าวัยและน่าหลงใหล
เฮ้อ ร้ายกาจร้ายกาจ...
ลู่เป๋าเหยียนเดาว่าเธอน่าจะมาถึงแล้วจึงเดินออกมารับเขาไม่นึกเลยว่าเธอจะสวมชุดกระโปรงที่เขาซื้อให้เมื่อวาน
แสงอาทิตย์ร้อนจัดในยามเที่ยงเธอยืนถือร่มเพื่อบังแดด สายลมที่พัดผ่านทำให้ชายกระโปรงพลิ้วไหว เธอค่อยๆ ก้าวตรงเข้ามาและเขาไม่อาจละสายตาจากภาพตรงหน้าได้เลย
เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านูเี่อันจึงเก็บร่มในมือ
“เข้าไปกันเถอะ”
ลู่เป๋าเหยียนจูงมือเธอขึ้นมาอย่างอัตโนมัติประตูของบ้านพักสไตล์ญี่ปุ่นนั้นค่อนข้างเตี้ยเขาจึงต้องก้มศีรษะลงเล็กน้อยจึงจะเดินเข้าไปไดู้เี่อันอยากรู้ว่าทำไมบ้านพักแบบนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้เธอปล่อยให้ลู่เป๋าเหยียนจูงมือของตนพลางมองไปรอบๆ อย่างสำรวจ
สำหรับบ้านสไตล์ญี่ปุ่นแล้วตำแหน่งของสวนในบ้านนั้นสำคัญมากโดยทั่วไปมักจะถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงามทำให้คนมองรู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ สวนของที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากทว่ามันถูกจัดแต่งไว้อย่างลงตัวถ้าไม่ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาออกแบบให้เ้าของบ้านหลังนี้คงต้องมีเซ้นท์ของศิลปินเป็แน่
ตัวบ้านที่สร้างด้วยไม้ถูกออกแบบสอดประสานรับกันดีกับสวนในบ้านให้ความรู้สึกสงบนิ่งและเป็สุข ูเี่อันแค่เห็นก็จินตนาการได้ถึงยามค่ำคืนที่มีแสงไฟสีเหลืองนวลลอดผ่านหน้าต่างออกมารวมถึงบรรยากาศที่จะได้รับจากภาพนั้น
ลู่เป๋าเหยียนเปิดตู้เก็บรองเท้าเพื่อหยิบรองเท้าแตะผ้าออกมาให้เธอ
“เปลี่ยนรองเท้าก่อน”
ูเี่อันถามพลางถอดรองเท้าของตน
“บ้านหลังนี้ เป็บ้านของเชฟเก่าแก่ที่ลุงสวีบอกน่ะเหรอ”
“เขาสร้างมันขึ้นมาหลังจากย้ายมาที่นี่เพื่อใช้ต้อนรับแขก”ลู่เป๋าเหยียนถาม “เธอชอบไหม”
“จะว่าบอกชอบก็ไม่เชิงนะ”ูเี่อันเอ่ย“ฉันแค่รู้สึกว่าการที่คนเราเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนี้คงมีเื่ราวอะไรซ่อนอยู่แน่ๆจริงสิ นายรู้จักกับเขาได้ยังไง”
ลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปสักพักก่อนตอบ
“เขาเป็เพื่อนสนิทของพ่อฉัน”
“แบบนี้นี่เอง”ูเี่อันนึกไปถึงวันที่ลู่เป๋าเหยียนร้องเรียกหาพ่อของเขาในฝันจึงเลี่ยงที่จะพูดหัวข้อนี้อีก เธอแย้มยิ้มก่อนจะคล้องแขนเขา
“พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันเดินเข้าในห้องแบบญี่ปุ่นห้องหนึ่ง
ห้องสไตล์ญี่ปุ่นแบบนี้มักจะทำให้คนมองรู้สึกผ่อนคลายูเี่อันถอดรองเท้าแตะไว้หน้าประตู ก่อนจะเดินเท้าเปล่าไปตามเสื่อทาทามิความเย็นที่ััได้จากฝ่าเท้าทำให้ความร้อนอบอ้าวค่อยๆ หายไป
ที่กลางห้องมีโต๊ะไม้วางตั้งอยู่กลิ่นหอมของปลาย่างโชยไปทั่วห้อง ที่ข้างเตายังมีอาหารทะเลหน้าตาน่าทานวางอยู่เต็มไปหมดูเี่อันเห็นแล้วอดน้ำลายสอไม่ได้
“มานั่งนี่เร็วเจี่ยนอัน”เสิ่นเยว่ชวนเรียกเธอ “รอคุณอยู่คนเดียวเนี่ย คุณนี่มีบุญจริงๆ เลยลุงเถิงไม่ได้ทำปลาย่างให้พวกเรากินมาตั้งนานแล้วนะ”
ลู่เป๋าเหยียนพาูเี่อันเดินเข้าไปนั่งและยื่นตะเกียบให้เธอเธอชิมปลาย่างตรงหน้าก่อนตาจะเป็ประกาย
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยกินปลาย่างอร่อยๆแต่นี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้กินปลาที่สดขนาดนี้กลิ่นหอมของมันกับถ่านที่ใช้ย่างเข้ากันอย่างลงตัวทำให้รสชาติที่ได้เยี่ยมยอดเกินคำบรรยาย
เธอหันไปมองลู่เป๋าเหยียนและพยักหน้าอย่างแรงหลายทีอย่างพูดไม่ออก
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มรับราวกับรู้ว่าเธอ้าจะสื่ออะไร
“ค่อยๆ กินยังมีอีกเยอะ”
ูเี่อันว่าแล้วก็นึกขึ้นได้จึงถามซูอี้เฉิง
“พี่เคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วเหรอคะ”
“ก็เคยมาหลายครั้งอยู่”ซูอี้เฉิงตอบ
“มาแล้วตั้งหลายครั้งทำไมไม่เห็นชวนกันบ้างเลย” ูเี่อันพูดอย่างงอนๆ “นึกว่าพี่รักหนูเสียอีก”
“ทุกครั้งที่พี่มาคนที่นั่งอยู่ข้างๆน้องก็มาด้วย” ซูอี้เฉิงพูดแซว “ถ้าพี่ชวนเรามาตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกันพี่ว่าน้องคงไม่มาหรอกมั้ง”
หลังจากที่เธอพยายามสร้างสถานการณ์ให้เหมือนบังเอิญเจอกับลู่เป๋าเหยียนูเี่อันก็ไม่กล้าคิดฝันว่าจะได้เจอหน้าเขาอีกต่อไป เสียงของเธอจึงเบาลง
“ถ้าพี่บอกว่าอาหารที่นี่อร่อยขนาดนี้แล้วทำไมหนูจะไม่มา?”
ซูอี้เฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย“จริงเหรอ?”
ูเี่อันก้มหน้าแดงๆของตนเล็กน้อย
“ี้เีพูดกับพี่แล้ว”
เสิ่นเยว่ชวนไม่อาจทนได้อีกต่อไป
“ซูอี้เฉิงนายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอกนะ เมื่อเช้านัดกันดิบดีว่าจะไปเล่นบาสแล้วนายหนีไปหาใครกันล่ะ”
ูเี่อันเงยหน้าทันทีที่ได้ยินก่อนจะถามลู่เป๋าเหยียน
“พี่ฉันไปหาใคร?” ถ้าเธอถามพี่เขาคงไม่ยอมตอบแน่ๆ แต่ถ้าถามลู่เป๋าเหยียน...
“ลั่วเสี่ยวซี”
เดิมทีูเี่อันนึกว่าจะเป็จางเหมยแต่กลับเป็...เสี่ยวซี? สัญชาตญาของเธอฟ้องว่าเื่นี้ชอบมาพากล
เธอมองซูอี้เฉิงอย่างข้องใจ
“ถ้าพี่ไม่ยอมเล่าหนูไปถามเสี่ยวซีเอาก็ได้”
ซูอี้เฉิงไม่รู้ว่าลั่วเสี่ยวซีจะเล่าเื่นี้ออกมาในรูปแบบไหนเขาจึงยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ก่อนจะเล่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กับูเี่อันฟังูเี่อันได้ยินเื่ทั้งหมดแล้วก็อดกลัวแทนเพื่อนไม่ไห้ดีนะที่เสี่ยวซีไม่เป็ไร แต่ว่านี่มันดูทะแม่งๆ...
“พี่คะ ทำไมพี่ถึงผ่านไปทาง Lu Media? ถ้าพี่กลับจากบริษัทก็ไม่ควรผ่านทางนั้นนี่นา”
ลู่เป๋าเหยียนคีบเนื้อปลาใหู้เี่อันก่อนจะยิ้มมุมปาก
“เจี่ยนอันอย่าถามคำถามที่เห็นคำตอบชัดเจนอยู่แล้วสิ”
ูเี่อันก็แค่รู้สึกไม่อยากเชื่อเธอจ้องหน้าพี่ชายตัวเองไม่วางตา
“แบบนี้หมายความว่าพี่ตั้งใจขับรถอ้อมไปหาเสี่ยวซีใช่ไหม?”
“ในฐานะเพื่อนเวลาแบบนี้น้องควรเป็ห่วงลั่วเสี่ยวซีมากกว่าว่าเป็ยังไงบ้างไม่ใช่เหรอ?”ซูอี้เฉิงลองเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
