เคอโยวหรานเอามือทั้งสองข้างกอดอก เผยท่าทางเคร่งขรึมรอคำกล่าวถัดไปของท่านปู่รอง
ปู่สามสกุลเคอก็ได้สติกลับมาและรู้ว่าปู่รองสกุลเคอพลั้งปากเช่นกัน
ดวงตาของเขาพลันกลิ้งกลอก รีบดึงผู้เฒ่าเคอเข้ามาแล้วผลักอีกฝ่ายออกไปเบื้องหน้า
“หลานสาวของเ้า เ้าจัดการเอาเอง”
ครั้นจู่ๆ ผู้เฒ่าเคอถูกผลักออกไป เมื่อเผชิญหน้ากับอิ่งอีและอิ่งซานยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
ชายชราหันไปมองเคอโยวหรานที่อยู่ด้านข้างแล้วหาความมั่นใจพบในเสี้ยววินาที ตนเป็ปู่ของนาง มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าคนเหล่านี้เป็ข้ารับใช้ของโยวหราน
ไม่แน่ว่าองครักษ์ทั้งสองยังต้องเชื่อฟังตนเสียด้วยซ้ำ แล้วจะกลัวด้วยเหตุใด?
เมื่อคิดเช่นนี้ ผู้เฒ่าเคอก็เหยียดแผ่นหลังตรง เอ่ยสั่งสอนด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “โยวหราน เ้าเป็ผู้อ่อนาุโ นี่นับเป็เื่ใหญ่ของสกุลเคอกับสกุลเฉิน ทางที่ดีเ้าอย่ามายุ่งเื่เหล่านี้ จงพาคนของเ้ากลับไปเถิด
วันนี้พวกข้าแค่มาหาผู้ใหญ่บ้านเฉินเพื่อหารือกันเท่านั้น เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับสกุลต้วน และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับเ้า เ้าอย่าได้ยุ่งไม่เข้าเื่”
เคอโยวหรานไม่สะทกสะท้าน “คำกล่าวนี้ของท่านปู่ผิดนัก พวกเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ไม่ว่าเกิดเื่อันใดในหมู่บ้านเถาหยวน ทุกคนก็ล้วนควรก้าวออกมาสอบถาม เพราะถึงอย่างไรก็ต้องสามัคคีและก้าวหน้าไปด้วยกันมิใช่หรือเ้าคะ?
ยิ่งไปกว่านั้นเื่แยกจวนก็มิอาจโทษว่าเป็ความผิดของผู้ใหญ่บ้านเฉินได้ หากข้าจำไม่ผิด ล้วนเป็ท่านปู่รองเองที่นำคนสกุลเคอคัดค้านข้อเสนอของผู้ใหญ่บ้านเฉิน ยังจะเกี่ยวข้องอันใดกับผู้ใหญ่บ้านเฉินอีกหรือเ้าคะ?”
คนสกุลเคอที่ค่อยๆ คลานขึ้นมาต่างชะงัก พวกเขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เป็ดังที่เคอโยวหรานกล่าวจริงๆ ยามนั้นปู่รองยุยงให้ทุกคนไม่ต้องแยกจวน
ทั้งปู่รองยังพาทุกคนหัวเราะเยาะสกุลเฉิน บอกว่าผู้อื่นไม่ต่างกับจักจั่นหลังฤดูใบไม้ร่วง เห็นทีคงะโโลดเต้นได้อีกไม่กี่วัน
และยังเยาะเย้ยคนสกุลเฉินว่าผู้าุโยังอยู่กลับคิดแยกจวน จิตใจไม่เป็อันหนึ่งอันเดียวกัน ยามนี้นับได้ว่าถูกตบหน้ารวดเร็วทันใจอย่างแท้จริง
ปู่รองสกุลเคอถูกสายตาอึมครึมของคนสกุลเคอทำเอาเย็นเยียบแผ่นหลังเสียแล้ว
แต่มีหรือเขาจะยอมรับในความผิดของตน ชายชรายังหันไปเอ่ยกับคนสกุลเคอว่า
“ทุกคน ผู้ใหญ่บ้านเฉินจะต้องรู้เื่ในวันนี้ั้แ่แรกและแอบหารือกับคนสกุลเฉินเอาไว้ั้แ่เนิ่นๆ เป็แน่
มิเช่นนั้นเหตุใดยามผู้ใหญ่บ้านเฉินเสนอให้แยกจวน พวกเขาถึงไม่แม้แต่จะคัดค้านและพากันตกลงทันทีเลยเล่า?”
ครั้นคนสกุลเคอได้ยินต่างรู้สึกว่ามีเหตุผลทีเดียว!
จากนั้น คนสกุลเคอก็พากันมุ่งเป้าไปทางผู้ใหญ่บ้านเฉินตามๆ กัน
ยามนี้ คนสกุลเฉินล้วนพากันวิ่งกรูเข้ามาขวางอยู่เบื้องหน้าผู้ใหญ่บ้านเฉิน ครั้นได้ยินคำกล่าวของปู่รองสกุลเคอก็รีบโต้แย้งโดยพลัน
“ผู้นำสกุลไม่เคยแอบบอกเื่ใดกับพวกข้าทั้งสิ้น พวกเ้าอย่าได้ใส่ร้ายผู้นำสกุลของพวกข้าอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้”
“ใช่แล้ว! ผู้นำสกุลเสนอเื่แยกจวนต่อหน้าพวกเ้าแล้ว แต่พวกเ้าไม่ยอมฟัง ยังจะโทษผู้ใดได้อีกหรือ?”
“อย่าเอาความผิดของตนเองมาโยนให้ผู้อื่น เดิมทีก็เป็เพราะพวกเ้าไม่ยอมแยกจวน เกี่ยวข้องอันใดกับผู้นำสกุลของพวกข้ากัน”
ปู่สามสกุลเคอสาวเท้าเข้ามาหนึ่งก้าว ไขมันบนใบหน้าถึงกับกระตุก
“พวกเ้าช่างวาจาคล่องแคล่วนัก หากมิใช่เพราะผู้ใหญ่บ้านเฉินแอบบอกบางสิ่ง ทันทีที่เขาเสนอเื่แยกจวน เหตุใดพวกเ้าถึงตอบรับโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเล่า? อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลยจะได้หรือไม่?”
ปู่รองสกุลเคอพลันเอ่ยด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “เ้าสามกล่าวได้ถูกต้อง ผู้ใหญ่บ้านเฉินจะต้องรู้บางสิ่งล่วงหน้าเป็แน่ มิเช่นนั้นคงไม่มีทางบอกให้คนสกุลเฉินแยกจวนั้แ่เนิ่นๆ”
ครอบครัวผู้ใหญ่บ้านเฉินต่างใบหน้าซีดเผือด นึกไม่ถึงว่าจะมิอาจหาเหตุผลมาโต้แย้งได้ ทำอย่างไรจึงจะพิสูจน์ได้ว่าพวกตนไม่ได้หารือกับคนสกุลเฉินเป็การส่วนตัวกัน?
การมิอาจแก้ต่างในเื่ที่ไม่ได้ทำเช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านเฉินอยู่มาจนอายุปูนนี้กลับเพิ่งเคยพบเจอ ทั้งยังเป็ครั้งแรกที่ได้ััว่าสิ่งใดเรียกว่าความอัดอั้นตันใจอีกด้วย
ในขณะที่คนสกุลเฉินมิอาจโต้แย้ง เคอโยวหรานพลันหัวเราะเสียงเย็น “ท่านปู่รองเ้าคะ ทางการมีประกาศเมื่อใด? แล้วประกาศมาถึงหมู่บ้านเถาหยวนเมื่อใดหรือเ้าคะ?”
ท่ามกลางกลุ่มคนสกุลเคอ มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งตอบกลับโดยไม่ทันคิดว่า
“ราชสำนักมีประกาศลงมาเมื่อสิบวันก่อน จากนั้นห้าวันก่อนค่อยมาถึงหัวเมือง ภายหลังเพิ่งมาถึงหมู่บ้านเถาหยวนในวันนี้ ระยะเวลาเช่นนี้ไปเกี่ยวข้องอันใดกับการแยกจวนของคนสกุลเฉินกัน?”
“ถามได้ดี” เคอโยวหรานหัวเราะเสียงเบา “ราชสำนักมีประกาศเมื่อสิบวันก่อน ทว่าคนสกุลเฉินแยกจวนั้แ่เมื่อยี่สิบกว่าวันก่อน
พวกท่านจะบอกว่าผู้ใหญ่บ้านเฉินมีความรู้กว้างขวางจนสามารถทำนายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ล่วงรู้กระทั่งเื่ในวันนี้ทั้งที่ราชสำนักยังไม่มีคำสั่งลงมางั้นหรือเ้าคะ?”
แพขนตาของผู้ใหญ่บ้านเฉินสั่นไหว ชายชราชำเลืองมองทางเคอโยวหรานโดยมิอาจสังเกต ผู้ที่รู้ล่วงหน้าเห็นทีคงเป็แม่หนูผู้นี้มากกว่ากระมัง!
นึกไม่ถึงว่ายามนั้นนางเอ่ยเพียงหนึ่งประโยคก็กลายเป็เื่จริงภายในระยะเวลารวดเร็วถึงเพียงนี้ ช่างเก่งกาจยิ่งนัก!
ขณะผู้ใหญ่บ้านเฉินกำลังใคร่ครวญ ทุกคนในเหตุการณ์ต่างตอบกลับเป็เสียงเดียวกันว่า “ใช่แล้ว เหตุใดพวกเราจึงหลงลืมเื่ระยะเวลาไปเสียได้?”
เฉินต้าจ้วงก้าวออกมาพลางเชิดหน้าขึ้น เขาเอ่ยกับคนสกุลเคอว่า “ยามนั้นพวกเ้าไม่ยินดีจะทดลองการเพาะปลูกแบบใหม่จึงทะเลาะกันในทุ่งนา
ท่านพ่อของข้าปวดใจเป็อย่างยิ่ง ถึงได้เอ่ยออกไปหนึ่งประโยคว่าคนในหมู่บ้านเถาหยวนจิตใจไม่เป็อันหนึ่งอันเดียวกัน ต้นไม้ใหญ่ย่อมแตกกิ่ง และแนะนำให้ทุกคนแยกจวน”
เฉินเอ้อร์จ้วงเอ่ยเสริม “ใช่แล้ว ยามนั้นคนสกุลเคอของพวกเ้ายังหัวเราะเยาะพวกข้า คนสกุลเฉินโมโหหนักหน่วง ดังนั้นยิ่งผู้อื่นบอกว่าไม่สามารถทำได้ยิ่งต้องทำให้จงได้
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกเ้าดูถูก คนสกุลเฉินต่างบอกแล้วว่าต่อให้แยกจวนแยกทะเบียน แต่ก็ยังเป็คนครอบครัวเดียวกันรักใคร่กลมเกลียว เมื่อเป็เช่นนี้ถึงได้พากันแยกจวนแยกทะเบียนในท้ายที่สุด
พวกเ้าจะโยนความผิดของตนเองให้ผู้อื่นอย่างไร้ความรับผิดชอบได้อย่างไร?”
คนสกุลเคอหันมองหน้ากัน พวกเขาหวนนึกถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในยามนั้น ภายในใจพลันรู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง
ทุกคนต่างไม่ยอมรับว่าเป็ความผิดของตนเอง ทว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนคือเื่จริง
มีหลายคนใคร่ครวญใจความสำคัญได้กระจ่างแล้วหันไปมองปู่รองสกุลเคอด้วยความโมโห ล้วนเป็เพราะคนผู้นี้ยุยง ส่งผลให้จิตใจของคนในหมู่บ้านเถาหยวนไม่เป็อันหนึ่งอันเดียวกัน
ปู่สามสกุลเคอเองก็อดโมโหมิได้ เขาจดจ้องไปทางปู่รองสกุลเคอ “พี่รอง หากยามนั้นมิใช่เพราะท่าน ไม่แน่ว่าพวกเราคงทำตามคำแนะนำของผู้ใหญ่บ้านเฉินและแยกจวนไปแล้ว
ยามนี้แต่ละคนต้องจ่ายเดือนละสามสิบห้าตำลึง ผู้ใดจะไปมีกัน? ท่านช่างทำร้ายผู้อื่นไม่น้อยเลยจริงๆ!”
คนสกุลเคอก็มุ่งเป้าไปทางปู่รองเช่นกัน ต่างคนต่างใช้สายตาราวกับจะถลกหนังหักกระดูกมองเขา
ปู่รองสกุลเคอถอยหลังไปสองก้าว ยามนี้ชายชรานึกเสียใจในภายหลังเหลือเกิน บุตรชายภายในจวนของเขาต้องถูกเลือกออกไปสองคน ทั้งหลานชายหลายสิบคนยังมีประมาณห้าหรือหกคนที่ถึงวัยแล้วอีกด้วย
หากยามนั้นแยกจวน มีหรือจะเกิดเื่เช่นในวันนี้? ทุกๆ เดือนต้องใช้เงินสามสิบห้าตำลึงในส่วนของแต่ละคนเชียวนะ!
แม้ตนจะเก็บเงินทั้งชีวิตก็ยังได้ไม่ถึงห้าสิบตำลึงเลยด้วยซ้ำ ยามนี้ควรทำอย่างไรดี?
คนสกุลเคอล้วนรู้ว่าตนเองมาหาเื่ผู้ใหญ่บ้านเฉินอย่างไร้เหตุผล อีกทั้งปู่รองสกุลเคอยังเป็ผู้าุโ
แม้ภายในใจของพวกเขาจะขุ่นเคือง แต่กลับมิอาจทำอันใดปู่รองสกุลเคอ ทำได้เพียงไปจากจวนผู้ใหญ่บ้านเฉินด้วยบรรยากาศอึมครึม
หลังปู่รองสกุลเคอกลับจวนและต้องเผชิญหน้าเสียงทอดถอนใจด้วยความเศร้าโศกของคนในครอบครัว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากกว่าเดิม
มีสิทธิ์อันใดที่คนสกุลเฉินรอดพ้นไปได้? มีสิทธิ์อันใดที่คนสกุลเฉินไม่ต้องไปเกณฑ์แรงงานแม้แต่คนเดียว?
ทั้งยังมีสิทธิ์อันใดที่คนเ่าั้ได้เข้าทำงานในโรงงาน แต่ละเดือนได้รับเงินเดือนสูงลิ่วและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกัน?
ปู่รองสกุลเคอที่เพิ่งก้าวเข้าประตูจวนพลันหันหลังกลับด้วยความโมโห จากนั้นมุ่งหน้าไปทางเข้าหมู่บ้าน เขาหมายจะไปฟ้องร้องผู้ใหญ่บ้านเฉินที่จวนว่าการอำเภอ
ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน อีกฝ่ายรู้คำสั่งของราชสำนักล่วงหน้าและพาคนสกุลเฉินแยกจวนโดยพลการ นับว่ามีความผิดสมควรได้รับโทษ!