“หลินเฟิง หรือว่าเ้ากำลังใส่ร้ายข้า ต้วนเทียนหลางผู้นี้ไม่เคยส่งใครไปสังหารเ้ากับองค์หญิงเลย แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ข้ากำลังสงสัยว่าเ้าเป็คนลักพาตัวองค์หญิงไปและยังข่มขู่องค์หญิงอีกด้วย ข้าได้แต่จำใจต้องฟังเ้าอยู่ฝ่ายเดียว” ต้วนเทียนหลางใส่ความเท็จขณะกล่าวกลับไป
“งั้นหรือ? ข้าได้ยินมาจากแม่ทัพที่ต้องสังหารข้าว่า พวกเขาไม่ได้ลงมือเองและเป็เพียงลูกน้องเท่านั้น เ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกโม่เยว่และก่อให้เกิดาภายใน ทำให้ทหารนับแสนต้องหลั่งเื ตอนที่แม่ทัพหลิ่วชั่งหลันและเหล่าทหารกำลังต่อสู้อย่างหาญกล้า แต่เ้ากลับแอบหนีไป”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ตอนนี้ผู้คนต่างรู้สึกตกตะลึง ต้วนเทียนหลางสมรู้ร่วมคิดกับอาณาจักรโม่เยว่อย่างนั้นหรือ?
คำพูดของหลินเฟิงสร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนเป็อย่างมาก ข้อกล่าวหานี้มันเพียงพอที่จะทำให้ต้วนเทียนหลางถูกปะาชีวิตได้เลย
ในใจของต้วนเทียนหลางพลันสั่นสะท้านขณะจดจ้องไปที่หลินเฟิง คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกล่าวหาว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับพวกทหารโม่เยว่
“หลินเฟิง ข้าอุทิศชีวิตของข้าให้กับอาณาจักรเสวี่ยเยว่ตั้งมากมาย แต่เ้ากลับใส่ร้ายป้ายสีข้าและหาว่าข้าสมรู้ร่วมคิดกับโม่เยว่ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้าได้อย่างไร”
ตอนนี้เองต้วนเทียนหลางได้ปลดปล่อยเจตจำนงแห่งการสังหารออกมา เพราะเขา้าที่จะฆ่าหลินเฟิง
“พูดได้ดี อย่างที่ข้าคาดไว้เลยว่าท่านอ๋องนี่ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ข้าบอกว่าเ้าสมรู้ร่วมคิดกับโม่เยว่ และเ้าก็อยากจะสังหารข้า ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไม่พูดว่าเ้าได้สมรู้ร่วมคิดกับโม่เยว่ แต่จะบอกว่าเ้าได้หลบหนีไปแล้วก่อให้เกิดาภายใน ทำให้ทหารนับแสนต้องหลั่งเื หลังจากเหตุกาณ์นั้นเ้าได้ใส่ร้ายท่านแม่ทัพหลิ่ว จนเกือบทำให้ท่านแม่ทัพต้องถูกสังหาร แล้วยังทำให้ผู้บัญชาการของทหารม้าโลหิตต้องตายไป ความผิดมากมายเยี่ยงนี้จะให้เหล่าทหารต้วนเริ่นนับแสนยกโทษให้เ้าได้อย่างไรกัน?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างโอหัง จากนั้นเขาก็มองไปทางเหล่าทหารและะโว่า “บอกข้ามา ว่าพวกเ้าจะยกโทษให้ต้วนเทียนหลางหรือไม่?”
“ไม่...”
“ไม่ยอม!”
ทหารนับหมื่นต่างะโออกมาอย่างเกรี้ยวกราดจนผืนดินต้องสั่นะเื ในตอนนี้เองต้วนเทียนหลางก็รู้สึกประหลาดใจ ประหนึ่งะโเข้าไปในห่วงเชือกของหลินเฟิง
“เอาล่ะๆ” หลินเฟิงะโ จากนั้นเขาก็หันไปทางองค์ชายรองและกล่าวว่า “ฝ่าา ท่านเองก็เห็นแล้ว ข้าพูดเพียงไม่กี่ประโยคเขาก็อยากจะสังหารข้าแล้ว แต่การกระทำของเขาทำให้เหล่าทหารต้องหลั่งเื ซึ่งเป็เื่ที่ไม่อาจให้อภัยได้ ตอนนี้หากต้วนเทียนหลางมีอำนาจมากพอที่จะสังหารข้าได้ ข้าหลินเฟิงก็จะยอมตายโดยไม่เสียใจอะไร แต่ได้โปรดขอให้ฝ่าาและผู้บัญชาการเิอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับความแค้นของข้าและเหล่าทหาร รวมถึงความแค้นของต้วนเทียนหลางเลย”
ต้วนหวู่หยานิ่งเงียบมาโดยตลอด ขณะเดียวกันใบหน้าที่อ่อนโยนของเขากำลังหันมาทางหลินเฟิง ในใจเขานั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หลินเฟิงนับว่าร้ายกาจมากที่สามารถทำให้ต้วนเทียนหลางไร้คำพูดตอบโต้
ในตอนนี้อาจมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น หากเิหานไม่เข้าไปแทรกแซงล่ะก็ หลินเฟิงก็จะเป็ฝ่ายได้เปรียบ
“ในตอนนี้ข้ายังไม่สามารถบอกได้ว่าใครถูกหรือผิด แต่มีความเกลียดชังลึกซึ้งระหว่างลุงต้วนและเ้า ส่วนชีวิตของเ้านั้นข้าไม่อาจตัดสินได้ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับลุงต้วนแล้วว่าจะสามารถสังหารเ้าได้หรือไม่”
ต้วนหวู่หยากล่าวอย่างเ็า ซึ่งทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง ไม่ว่าต้วนเทียนหลางจะสามารถสังหารหลินเฟิงได้หรือไม่ แต่จริงๆ แล้วคำพูดเมื่อครู่เป็การพูดกลบเกลื่อนเพื่อให้หลินเฟิงกำจัดต้วนเทียนหลางตามที่เขา้า
ผู้คนไม่คิดเลยว่าต้วนหวู่หยาจะอนุญาตให้สังหารต้วนเทียนหลางได้เช่นนี้ มันทำให้ทุกคนล้วนอกสั่นขวัญแขวน
ต้วนเทียนหลางเองก็นิ่งเงียบไป ทว่าในใจกลับหนาวเหน็บไปถึงกระดูก ท้ายที่สุดต้วนหวู่หยาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจไป ซึ่งแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของตัวเองว่า ้าที่จะสังหารเขา
“ผู้บัญชาการเิ”
ต้วนเทียนหลางปรายตามองต้วนหวู่หยา จากนั้นก็มองไปที่เิหานและกล่าวอย่างเยือกเย็นทันที
“ต้วนเทียนหลางเป็ถึงท่านอ๋องและมีสถานะสูงศักดิ์ ข้าเิหานเป็เพียงผู้บัญชาการองครักษ์ของเมืองหลวง ซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในเมืองหลวง แน่นอนว่าข้าไม่สามารถนิ่งนอนใจกับเื่ที่เกิดกับท่านอ๋องได้”
เิหานกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ฟังจากคำพูดนั้นแล้วก็ไม่ต้องสงสัยถึงจุดยืนของเขาเลย เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ข้างต้วนเทียนหลาง
หลินเฟิงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยท่าทางนิ่งสงบ ต้วนหวู่หยาและต้วนซินเยี่ยมีจิตใจที่ดีงามและยังได้ช่วยเหลือหลินเฟิงเอาไว้ แม้กระทั่งต่อต้านต้วนเทียนหลาง
ส่วนเิหานมีสถานะเป็ถึงผู้บัญชาการองครักษ์และอยู่ข้างต้วนเทียนหลาง ทว่าเขากลับไม่ไว้หน้าต้วนหวู่หยา แต่ไปสนับสนุนต้วนเทียนหลางต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้
“ดูเหมือนจะเป็เื่จริงที่ต้วนหวู่หยาและเิหานอยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน”
หลินเฟิงพึมพำ เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตระกูลต้วนแล้ว มันเป็เื่ที่ยากจะเข้าใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อต้วนหวู่หยาได้ยินเิหานพูดดังนั้น เขาก็หัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะของเขากลับมีความหนาวเย็นแฝงอยู่
“ผู้บัญชาการองครักษ์!”
ต้วนหวู่หยาพึมพำกับตัวเอง ขณะค่อยๆ ก้าวไปหาต้วนซินเยี่ยและกล่าวถามว่า “ซินเยี่ย หลินเฟิงบอกว่าเ้าถูกจับไปในค่ายของลุงต้วน เื่นี้เป็ความจริงหรือไม่?”
“อืม” ต้วนซินเยี่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “ในวันนั้นข้าและหลินเฟิงกำลังพูดคุยกันอยู่ในกระโจม แล้วมีนักฆ่าพยายามจะสังหารข้าและจับตัวข้าไป ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า คนคนนั้นเป็แม่ทัพของโม่เยว่ที่สมรู้ร่วมคิดกับท่านลุงต้วน แล้วยังวางแผนใส่ร้ายป้ายสีหลินเฟิงอีกด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ต้วนหวู่หยาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ซินเยี่ย เ้าต้องผ่านความยากลำบากมามากมายเพราะข้า”
หลังจากกล่าวจบ ต้วนหวู่หยาก็เดินไปหาต้วนเทียนหลาง ทำให้ต้วนเทียนหลางต้องกะพริบตาถี่ๆ อย่างนึกสงสัย ซึ่งต้วนเทียนหลางนั้นไม่ใช่ผู้ที่หวาดกลัวใครได้ง่ายๆ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้ ทว่าต้วนหวู่หยาก็เป็หนึ่งในนั้น
การกระทำของต้วนหวู่หยาไม่ใช่เื่ที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ มีน้อยคนนักที่คาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ลุงต้วน ศึกของเมืองต้วนเริ่น ท่านแม่ทัพหลิ่วกับหลินเฟิงเผาทำลายศัตรูไปนับแสนจนอีกฝ่ายต้องล่าถอยไป ลุงต้วนมีอะไรอยากพูดเกี่ยวกับเื่นี้หรือไม่?”
ต้วนเทียนหลางจ้องมองต้วนหวู่หยาไม่ละสายตา จากนั้นก็ส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ไม่มี”
“เอาล่ะ”
ต้วนหวู่หยาพยักหน้าอย่างนุ่มนวล ก่อนจะกล่าวต่อว่า “าครั้งนี้มีทหารนับแสนต้องพลีชีพเพื่ออาณาจักรของพวกเขา ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ล้วนผิด แต่ตอนนี้หลินเฟิงกับองค์หญิงก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ซึ่งนับว่าเป็เื่ดี และพวกข้าก็เข้าใจท่านแม่ทัพหลิ่วผิดไปใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” ต้วนเทียนหลางพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“อืม…” ต้วนหวู่หยาพยักหน้าอีกครั้ง จากนั้นเขาเดินไปยังเวทีปะาและกวาดสายตามองฝูงชนแล้วกล่าวว่า “คนตายก็ได้ตายจากไปแล้ว ข้าจะไม่หาว่าใครต้องมารับผิดชอบ แต่ตระกูลต้วนของข้าได้เข้าใจท่านแม่ทัพหลิ่วผิดไป หลิ่วชั่งหลันนั้นทั้งซื่อสัตย์และกล้าหาญ เขาต่อสู้เพื่ออาณาจักรแต่กลับถูกใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งนี่เป็ความผิดของตระกูลต้วน ต้วนหวู่หยาผู้นี้จะให้คำมั่นสัญญาว่า ข้าจะรายงานเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดต่อท่านพ่อ และจะคืนตำแหน่งดังเดิมให้กับท่านแม่ทัพหลิ่ว และข้าจะมอบตำแหน่งเสนาบดีให้ด้วย นำกองทัพทั้งสามไปปกป้องเมืองต้วนเริ่น นอกจากนี้จะจารึกชื่อของผู้บัญชาการจิวชื่อเซวี่ยสำหรับความกล้าหาญและความภักดีของเขา”
มอบตำแหน่งเสนาบดีให้กับหลิ่วชั่งหลันและจารึกชื่อของผู้บัญชาการจิวชื่อเซวี่ย
สำหรับหลิ่วชั่งหลันนั้นมันไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก เพราะในเมืองต้วนเริ่น เขาก็เหมือนเป็กษัตริย์แล้ว
ส่วนจิวชื่อเซวี่ย เขาได้ตายจากไปแล้ว
ซึ่งนี่เป็เพียงทัศนคติของต้วนหวู่หยาเท่านั้น เขาเป็ถึงตัวแทนของตระกูลต้วน ยอมรับความผิดพลาดและคืนตำแหน่งให้หลิ่วชั่งหลัน ความผิดที่ได้ใส่ร้ายป้ายสีหลิ่วชั่งหลันก็ถูกลบล้างไปเรียบร้อย
“ท่านลุง ท่านเห็นด้วยกับข้าหรือไม่?”
ต้วนหวู่หยาถามอย่างเฉยชาขณะมองต้วนเทียนหลาง ทำให้ต้วนเทียนหลางประหลาดใจ จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างหมดหนทาง พวกเขาแสดงความยุติธรรมให้หลิ่วชั่งหลัน รวมไปถึงปล่อยตัวและคืนตำแหน่งให้หลิ่วชั่งหลันตามเดิม
“ท่านแม่ทัพ ท่านว่าอย่างไรบ้าง?”
ต้วนหวู่หยามองไปที่หลิ่วชั่งหลัน ทว่าหลิ่วชั่งหลันในตอนนี้กำลังกอดร่างไร้ิญญาของจิวชื่อเซวี่ยอยู่ จากนั้นก็เขากวาดสายตามองกองทัพทหารม้าโลหิตอย่างเหม่อลอย
“ข้าหลิ่วชั่งหลันต้องขอขอบพระทัยในความช่วยเหลือของฝ่าา”
น้ำเสียงอันเ็าได้ออกมาจากปากของหลิ่วชั่งหลัน
“ท่านแม่ทัพ!” ทหารนับพันต่างะโออกมา เขายอมรับได้อย่างไรกัน หากยอมรับนั่นก็หมายถึงปล่อยต้วนเทียนหลางไป
หลิ่วชั่งหลันหยุดเดินและเหม่อมองฝูงชนเบื้องล่าง ทว่ากลับเห็นทหารหลายนายกำลังจ้องมองไปที่หลินเฟิง ทำให้หลิ่วชั่งหลันต้องถอนหายใจ แต่ในขณะที่ถอนหายใจนั้นก็มีความปลื้มปีติปะปนอยู่
หลินเฟิงในตอนนี้สามารถเป็ผู้นำทัพได้ โดยปราศความช่วยเหลือจากหลิ่วชั่งหลัน
“ความปรารถนาสุดท้ายของผู้บัญชาการจิวคือ ให้หลินเฟิงสืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการกองทหารม้าโลหิต งั้นข้าก็จะมอบให้ตามความ้าของเขา เสี่ยวเฟิง เื่ในวันนี้ก็จงทิ้งไว้ที่นี่ ข้าจะนำทัพทหารม้าโลหิตกลับไปยังเมืองต้วนเริ่น จากนั้นข้าจะมอบกองทัพให้กับเ้า”
หลิ่วชั่งหลันกล่าวอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็ะโขึ้นไปบนหลังม้าศึก ขณะที่อุ้มร่างที่ไร้ิญญาของจิวชื่อเซวี่ยและจากไป บรรยากาศที่โศกเศร้านี้ส่งผลให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าและสิ้นหวังของหลิ่วชั่งหลัน
ต่อสู้เพื่ออาณาจักรจึงต้องหลั่งเื ในท้ายที่สุดกลับลงเอยเช่นนี้
เมื่อหลินเฟิงได้ยินคำพูดของหลิ่วชั่งหลันแล้ว เขาก็ได้แต่พยักหน้าเงียบๆ แน่นอนว่าเขาเข้าใจความหมายของหลิ่วชั่งหลันดี เขาไม่้าให้เหล่าทหารต้องหลั่งเือีก สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ทิ้งมันไปและไม่ต้องไล่ตามต้วนเทียนหลาง
หากหลินเฟิงยืนยันที่จะโจมตี แน่นอนว่ามันต้องเกิดการนองเื ซึ่งหลิ่วชั่งหลันนั้นไม่้าเห็นมันเกิดขึ้นอีก
เมื่อเห็นแผ่นหลังอันโดดเดี่ยวของหลิ่วชั่งหลันแล้ว หลินเฟิงก็ถอนหายใจออกมา วีรบุรุษผู้นั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้าสุดประมาณ
เมื่อต้วนหวู่หยาเห็นหลิ่วชั่งหลันยอมรับ เขาถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “หลินเฟิง กลยุทธ์เผาเมืองของเ้าสามารถสังหารทหารของโม่เยว่ไปนับแสนและต้องถอนทัพกลับไป แล้วเ้ายังได้ไล่ล่าศัตรูไปนับพันลี้เพื่อช่วยองค์หญิง ท่านแม่ทัพหลิ่วเองก็มอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารม้าโลหิตให้กับเ้า ในฐานะที่ข้าเป็ตัวแทนของตระกูลต้วน ข้าจะขอมอบเมืองหยางโจวให้กับเ้า”