ไป๋เยว่ซินถึงกับเอ่ยวาจาใดไม่ออก หญิงสาวยกมือขึ้นมาลูบจมูกตนคราหนึ่ง หยางซีที่เห็นอย่างนั้นก็ลอบอมยิ้ม เขายื่นมือเข้ามาหานาง ไป๋เยว่ซินคิดจะถอยหนี แต่ชายหนุ่มกลับคว้าจับแขนนางเอาไว้ พร้อมกับใช้มืออีกข้างของตนหยิบเอาเศษใบไม้แห้งบนศีรษะของนางออก พลางเอ่ยอย่างหยอกเย้า
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเ้าชอบใช้ชีวิตคลุกดินคลุกทรายถึงเพียงนี้”
ไป๋เยว่ซินถลึงตาใส่เขา นางพอจะจินตนาการสภาพของตนเองได้ลางๆว่าย่ำแย่มากเพียงใด
อยู่ๆความรู้สึกประหม่าสายหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจของไป๋เยว่ซิน นางยกมือขึ้นลูบใบหน้าตน แต่เพราะมือเลอะเทอะคราบฝุ่นดิน มันจึงยิ่งทำให้หน้าของนางยิ่งเปรอะเปื้อนเข้าไปใหญ่ หยางซีลอบขบขันอยู่ในใจ ก่อนจะล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมาเช็ดหน้าให้นาง ไป๋เยว่ซินคิดจะดึงผ้ามาเช็ดเองแต่หยางซีกลับไม่ยอมให้นางได้ทำตามใจตน
คนตระกูลไป๋มองภาพตรงหน้าตาปริบๆ ก่อนหน้านี้ไป๋จงและไป๋ฟานได้เล่าให้คนในบ้านฟังว่าหยางซีเป็คนสอนวรยุทธ์ให้กับไป๋เยว่ซินด้วยตนเอง พวกเขาถึงกับไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง และคิดไม่ตกว่าสองคนนั้นเอาเวลาไหนไปสอนวรยุทธ์กัน
แต่่ช่างเถอะ คนเขาบอกว่าสอนก็คือสอน จะไปสงสัยอันใดให้มากความกันเล่า
ไป๋เยว่ซินที่รู้ว่าตนตกเป็เป้าสายตาเข้าให้แล้ว จึงถอยหลังขยับออกห่างจากหยางซีหลายก้าว ั้แ่คนในบ้านรู้ว่าเขาสอนทักษะการต่อสู้ให้กับนาง ก็พากันคิดว่านางและเขามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน อีกทั้งยังคิดไปไกลว่านางจะแต่งเป็อนุให้เขาอีกต่างหาก
มารดามันเถอะ ใครจะแต่งเป็อนุเขากัน
ด้านหยางซีเองก็ไม่คิดจะทำให้นางอึดอัดใจไปมากกว่านี้ เขาหันไปสั่งองค์รักษ์ของตนให้จับตัวหลินจวงและสามีไปขังคุก รอไต่สวนหากผิดจริง ชาตินี้ก็อย่าคิดว่าจะก้าวเท้าออกมาจากคุกได้อีก
คนตระกูลไป๋กลับมาที่บ้านด้วยความทุลักทุเล นางเกา นางหลี่ ไป๋เซียงและอาหลิงช่วยกันทำแผลให้พวกบุรุษ ไป๋เยว่ซินที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงออกมาช่วยทำแผลให้พี่น้องตนเช่นกัน ส่วนตัวนางไม่ได้รับาแอันใด
ยามนี้หยางซีกำลังนั่งอยู่ในลานบ้าน เขาสั่งให้คนไปพาท่านหมอมาตรวจดูอาการของคนในครอบครัวนาง เมื่อเห็นว่าไม่เป็อันใดแล้วจึงวางใจลงได้
นางเม้มริมฝีปากแน่นพลางลอบมองเขาเป็ระยะ ก่อนหน้านี้นางไม่อยากจะเกี่ยวพันกับเขาอีก แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก ทำให้เขาและนางต้องมาพัวพันกันอีกหน หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนึ่งคำรบ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา
"ขอบคุณท่านมาก เงินห้าร้อยตำลึงนั่นข้าจะหาทางชดใช้คืนโดยเร็วแน่นอน"
หยางซีหันกลับมามองไป๋เยว่ซิน เมื่อเห็นว่าตอนนี้คนปลอดภัยดีอีกทั้งยังไม่ได้มีรอยขีดข่วนอันใดเขาก็วางใจลงได้ ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับนาง
"ได้ แต่ข้ามีกำหนดเวลาในการคืน และจะต้องทำสัญญาให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง รบกวนขอกระดาษและพู่กันให้ข้าหน่อย สัญญากู้ยืมฉบับนี้ข้าจะเป็คนเขียนเองแล้วให้เ้าลงตราประทับลายนิ้วมือเอาไว้เพื่อเป็หลักฐาน"
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้คิดอันใดมาก นางพยักหน้าก่อนจะไปขอยืมกระดาษและพู่กันของไป๋ฟานมาให้เขา หยางซีจรดปลายพู่กันเขียนตัวอักษรอย่างไม่รีบไม่ร้อน ท่วงท่าของเขายามเขียนอักษรดูสูงส่งเหมือนบัณฑิตผู้คงแก่เรียน ช่างน่าหลงใหลชวนมองเป็อย่างยิ่ง
หลังจากเขียนสัญญาเรียบร้อยแล้วเขาก็ยกแผ่นกระดาษขึ้นมาเป่าหมึกให้แห้ง ก่อนจะยื่นสัญญากู้เงินฉบับนั้นส่งให้นางอ่าน เมื่อได้อ่านเนื้อหาสัญญาในกระดาษอย่างชัดเจนแล้ว ไป๋เยว่ซินก็ถึงกับหน้ามืด นางเงยหน้าขึ้นไปมองเขาทันที
"นี่มันหมายความว่าอย่างไร?"
หยางซียิ้มตาหยี เขาไม่ตอบคำถามนางแต่กลับเดินเข้าไปหาคนตระกูลไป๋ที่นั่งอยู่ตรงลานบ้านแทน
"ทุกท่าน ก่อนหน้านี้ไป๋เยว่ซินยืมเงินข้าไปห้าร้อยตำลึง ข้าได้เขียนสัญญาการกู้ยืมเงินกับนางแล้วและนางก็ตอบตกลงแล้วด้วย ภายในสามเดือนนี้ต้องคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้ข้าครบทั้งหมด หากผ่านไปสามเดือนแล้วยังไม่สามารถใช้เงินคืนได้ นางจะต้องแต่งเป็ภรรยาของข้าโดยไม่มีข้อแม้ และที่สำคัญห้ามบิดพริ้ว ไม่อย่างนั้น ข้าจะส่งบุรุษตระกูลไป๋เข้าคุกทั้งหมด อ้อ และจะเอาผิดไป๋เยว่ซินที่แอบอ้างชื่อข้าในทางมิชอบอีกด้วย"
คนตระกูลไป๋ถึงกับหน้าซีดเผือดพร้อมกับหันไปมองไป๋เยว่ซินเป็ตาเดียว ไป๋เยว่ซินยกมือเท้าเอวตนพลางมองหยางซีด้วยแววตาเย็นเยียบ แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับยิ้มยียวนกวนประสาทนางเสียอย่างนั้น ไป๋เยว่ซินทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะยกเท้าของตนเตะเข้าไปที่ขาของเขาอย่างจัง หยางซีหลบไม่ทันเขาส่งเสียงร้องเหมือนวัวถูกเชือด พร้อมกับะโไปมาเหมือนกระต่ายขาเดียวไม่มีผิด นางหลี่ที่เห็นเช่นนั้นก็รีบหันไปเอ่ยกับไป๋จงสามีของตนทันที
"ท่านพี่ เหตุใดเยว่เอ๋อร์ของเราจึงกล้าเตะใต้เท้าหยางเล่า เกิดเขาลงโทษขึ้นมาจะทำเช่นไร!"
ไป๋จงไม่ตอบ แต่ไป๋ชวนกลับเอ่ยตอบแทน
"น้องสะใภ้ เ้าดูไม่ออกหรือ เพราะพวกเขามีความรักลึกซึ้งต่อกันอย่างไรเล่าจึงกล้าทำเช่นนั้น เห้อ ข้าวางใจแล้ว หากใต้เท้าหยางยอมให้หลานสาวข้าทุบตีทุกวันเช่นนี้ การแต่งเขาเป็เขยเข้าบ้านก็ไม่นับว่าเลวร้ายเลยแม้แต่น้อย"
นางเกาเมื่อได้ฟังก็ยกฝ่ามือฟาดลงไปที่กลางหลังสามีตนทันที
"ผู้ใดเขาจะยอมแต่งเข้าบ้านพวกเรากัน บ้านเราจนจะตาย!"
“เมียจ๋า หากเขาหน้ามืดขึ้นมาอะไรก็ย่อมเป็ไปได้!”
ไป๋ฟานและไป๋เซียงไม่เอ่ยอันใด เพียงมองหน้ากันไปมา ไป๋ฟานนั้นมองออกตั้งนานแล้วว่าหยางซีมีความคิดเช่นไรกับน้องเล็กของเขา ยิ่งได้เห็นพวกเขาไล่เตะกันเช่นนี้ก็ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของคนทั้งสองเข้าไปอีก
แม้ไม่รู้ว่าน้องเล็กไปสานความสัมพันธ์กับแม่ทัพใหญ่หยางั้แ่เมื่อใด แต่หากแม่ทัพใหญ่จริงใจต่อน้องเล็กจริงๆ ชั่วชีวิตนี้ของนางก็ไม่นับว่าเลวร้ายแล้ว
ไป๋เยว่ซินไล่เตะหยางซีจนเหนื่อยหอบ นางไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเขาดี เพราะคนตรงหน้าตีมึนจนนางโมโห
หยางซีถือโอกาศนี้อยู่กินมื้อเย็นที่บ้านตระกูลไป๋ หลังจากกินอิ่มจึงอยู่สนทนากับทุกคนต่ออีกครู่หนึ่งแล้วจึงขอตัวกลับ ระยะหลังมานี้นางไม่ได้เอ่ยปากไล่เขาอีก ไม่ใช่เพราะไล่แล้วเขาไม่ไป แต่เป็เพราะนางรู้สึกละอายใจมากกว่า เขาช่วยนางตั้งหลายครั้ง หากนางยังดึงดันจะไล่เขาไปอีก ก็เท่ากับไม่รู้กาลเทศะและบุญคุณคนแล้ว
ความแค้นที่หยางฮองเฮาทำนางไม่ติดใจเอาความตั้งนานแล้ว นางคิดว่าคนเราไม่ควรจะจมอยู่กับความแค้นที่แก้ไขไม่ได้ไปชั่วชีวิต และนางก็ไม่คิดจะเอาโทสะทั้งหมดมาลงที่เขา เพราะเขาไม่ได้เป็คนทำร้ายนางให้ตาย ตอนนี้นางมีชีวิตใหม่แล้ว มีครอบครัวที่รักนางและรอนางกลับบ้าน นางยินดีทิ้งฐานันดรศักดิ์พวกนั้นเพื่อครอบครัวใหม่ของนาง
นางเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้าน หยางซีหันมามองหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยย้ำ
"สัญญานั่น เ้าห้ามบิดพริ้วเด็ดขาด"
ไป๋เยว่ซินถลึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้าทันที
"ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะต้องหาเงินมาคืนท่านได้แน่นอน"
หยางซีเมื่อได้ฟังก็ยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนเป็จริงจังขึ้นมา
"เยว่ซิน วันพรุ่งข้าจะต้องกลับไปทำธุระที่นครหลวง อาจจะใช้เวลาร่วมหลายเดือนจึงจะได้กลับมาที่นี่ หากเ้ามีเื่ที่้าความช่วยเหลือ สามารถไปที่ภัตตาคารตระกูลหม่าได้ เถ้าแก่หม่าเป็ญาติห่างๆทางฝั่งมารดาของข้า ข้าบอกเขาเอาไว้แล้วว่าให้คอยช่วยดูแลเ้าแทนข้า"
ไป๋เยว่ซินมองหยางซีด้วยแววตาที่วูบไหว
“ข้าดูแลตนเองได้ท่านไม่ต้องกังวล”
หยางซีจ้องมองไป๋เยว่ซินด้วยแววตาที่ล้ำลึก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้นาง ไป๋เยว่ซินรู้ทันจึงคิดจะถอยหลบ แต่คนตรงหน้ากลับไวกว่าเขายื่นมือมารวบเอวบางของนางเขาหาตัว ก่อนจะกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของนาง
"รอข้ากลับมา เมื่อข้ากลับมาแล้ว ข้าจะบอกความลับหนึ่งกับเ้า"
เสียงของเขาเจือไปด้วยความอ่อนโยนและใส่ใจ กลิ่นลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดลงข้างหูทำเอาไป๋เยว่ซินถึงกับตัวชาวาบ นางผลักเขาออกเบาๆและเบือนหน้าไปมองทางอื่น หยางซียิ้มให้นางอีกครา ก่อนจะะโขึ้นหลังม้าและจากไป ไป๋เยว่ซินมองตามแผ่นหลังของเขาไปจนลับสายตา อยู่ๆนางก็รู้สึกว่าตนเองมีความอาลัยอาวรณ์และห่วงหาเขาขึ้นมา