หลายวันผ่านไปลู่หยวนซีได้แวะไปที่โรงหมออีกครั้ง เมื่อนางได้พบหมอชรานางก็เข้าประเด็นถามเขาเื่พิษที่มีลักษณะที่กู้จิ่งเหยียนได้รับ หมอชราเองก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้จึงต้องไปพบกับชายหนุ่มด้วยตนเอง แต่ก่อนที่ทั้งสองจะแวะไปที่ที่พักของนาง หมอชราได้ขอร้องให้ลู่หยวนซีรอพบคนผู้หนึ่งก่อน
“เ้าเป็คนที่หาตัวยากมากจริงๆ เลยนะแม่นาง”
ลู่หยวนซีที่นั่งจิบชาอยู่กับหมอชราก็หันไปทางเสียงของผู้ที่เอ่ยทักขึ้นทางด้านหลัง
“เป็ท่านเองหรือที่ท่านหมอบอกว่า้าพบข้า แล้วท่านมีธุระสำคัญใดหรือว่าอาการาเ็ของท่านยังไม่หายดี”
ลู่หยวนซีสแกนสำรวจร่างกายของจ้าวหลี่เสวียนอย่างละเอียด เขาก็ดูปกติดีนี่นา แล้วมีเื่อะไรให้ต้องพบนางกันเล่า
“อย่าพึ่งเข้าใจผิด อาการาเ็ของเรานั้นหายดีแล้ว แต่ที่เรา้าพบแม่นางเพียงอยากจะขอบคุณและมีข้อเสนอมาให้เ้าเท่านั้น”
“ข้อเสนออย่างนั้นหรือ ข้าขอปฏิเสธเ้าค่ะ คุณชายคงไม่มีธุระอื่นใดแล้วใช่ไหม ท่านหมอรีบไปเถอะคุณชายของข้ากำลังรออยู่”
ลู่หยวนซีรีบดึงแขนหมอชราเดินจากไปอย่างไม่ไยดี นางนั่งรอเขาตั้งนานนึกว่าจะมีธุระสำคัญอะไรเสียอีก สายป่านนี้แล้วคุณชายของนางคงจะชะเง้อคอรอจนหงุดหงิดแล้วกระมัง จ้าวหลี่เสวียนหลังจากที่ถูกปฏิเสธเขาก็มิได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะโน้มน้าวนางแล้วจากไปเสียทีเดียว ชายหนุ่มยังคงเดินตามคนทั้งสองไปจนถึงเรือนของเฮ่อเหวินเจ๋อ ทันทีที่ลู่หยวนซีเปิดประตูเรือน กลิ่นคาวเืที่โชยออกมาจากด้านในทำให้นางรู้สึกตื่นตระหนก จ้าวหลี่เสวียนวิ่งมาด้านหน้าขวางคนทั้งสองเอาไว้พร้อมทั้งผู้ติดตามของเขานับสิบที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด แต่ลู่หยวนซีไม่คิดรอนางผลักแขนของจ้าวหลี่เสวียนที่ขวางทางออก ก่อนพุ่งเข้าไปด้านในเรือนอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย!! กู้จิ่งเหยียน!! ท่านอย่าพึ่งเป็อะไรไปนะ ข้ามาช่วยแล้ว”
ลู่หยวนซีะโเสียงดังอย่างตื่นตระหนก เขามองไม่เห็นและเดินไม่ได้ นางหวั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะได้รับาเ็ หรือที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือเขาอาจถูกฆ่าตายไปแล้ว จ้าวหลี่เสวียนที่ได้ยินชื่อกู้จิ่งเหยียนออกมาจากปากของนาง เขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาทันที กู้จิ่งเหยียน คุณชายรองตระกูลกู้ผู้โด่งดังและมากความสามารถ เมื่อสองสามปีก่อนได้ข่าวว่าเขาป่วยหนักจนต้องหลบไปรักษาตัวที่ต่างเมือง เป็คนที่มีชื่อแซ่เหมือนกันหรือว่าเขาเป็คนคนเดียวกันแน่นะ จ้าวหลี่เสวียนก้าวข้ามประตูเข้าไปในเรือน พบว่ามีศพนอนเกลื่อนกลาดมากมาย
ดูลักษณะการแต่งกายแล้วน่าจะเป็มือสังหารที่ถูกส่งมา แล้วพวกเขาถูกส่งมาตามฆ่าใครหรือว่าจะเป็กู้จิ่งเหยียนที่แม่นางผู้นั้นเอ่ยถึง จ้าวหลี่เสวียนพยักหน้าให้คนของตนแยกกันออกไปตรวจดูบริเวณรอบๆ ส่วนตนเองและหัวหน้าองครักษ์โม่รีบตามหญิงสาวนางนั้นไป ลู่หยวนซีเมื่อวิ่งมาถึงหน้าประตูเรือนพักของนาง สิ่งแรกที่นางมองเห็นคือ รถเข็นที่นางสั่งทำให้กู้จิ่งเหยียนล้มตะแคงอยู่ แต่กลับไม่พบร่างของเขาอยู่ที่นั่น มีเพียงศพของนักฆ่าสองสามคนที่นอนไร้ลมหายใจอยู่ตรงทางเข้า หัวใจของนางเวลานี้มันบีบรัดจนเจ็บไปหมด
ความหวาดกลัวเริ่มเข้าเกาะกุมจิตใจ นางกลัวเหลือเกินว่าเขาจะจากไปแล้ว กลิ่นเหม็นไหม้ที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณและควันไฟสีขาวเริ่มลอยเข้าปกคลุมไปทั่วด้านหลังเรือน เมื่อร่างบางก้าวเข้าไปภายในห้อง พบว่าบนเตียงนอนของกู้จิ่งเหยียนมีร่างหนึ่งกำลังถูกเผาจนดำเกรียม
“ไม่!!!!”
ลู่หยวนซีกำลังจะพุ่งเข้าไปหาร่างนั้น จ้าวหลี่เสวียนที่ตามมาทันพุ่งเข้าไปสกัดนางเอาไว้ทันที ความกลัวที่นางคิดเอาไว้ได้เกิดขึ้นแล้ว ยิ่งมองดูร่างที่นอนอยู่บนเตียงที่กายบิดเบี้ยวผิดรูป ราวกับว่าเขากำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดยิ่งทำให้นางรู้สึกเหมือนจะขาดใจ เขาจะเ็ปเพียงใดเมื่อต้องถูกเผาทั้งเป็ เป็นางที่ผิดเองที่ไม่ได้อยู่ที่นี่กับเขา ร่างบางดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมของจ้าวหลี่เสวียน ปากก็ร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่าที่กำลังาเ็
นางพยายามพุ่งเขาไปด้านในราวกับว่าคิดจะตายไปพร้อมกับร่างดำเกรียมที่นอนอยู่บนเตียงนั้น น้ำตาของลู่หยวนซีไหลออกมาราวกับทำนบแตก หัวใจของนางเวลานี้เหมือนกับถูกคมมีดนับหมื่นเชือดเฉือน ความเ็ปทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ไม่อาจเทียบกับการสูญเสียครั้งนี้ได้ แม้แต่นางที่รู้ว่าตนเองจะต้องตายกลับไม่ได้รู้สึกเ็ปทุรนทุรายเท่านี้เลย
“ฮือ!!!!กู้จิ่งเหยียนนนน!!!! ข้าขอโทษที่ข้าไม่ได้อยู่ที่นี่กับท่าน เป็ข้าที่ผิดเองที่ปล่อยท่านเอาไว้ตามลำพัง ข้าผิดไปแล้ว!!! ข้าผิดไปแล้ว.....”
ลู่หยวนซีคุกเข่าลงอย่างหมดแรง นางไม่คิดว่าคนที่นางคอยดูแลมาหลายเดือนอย่างเขา จะต้องมาตายจากไปเช่นนี้นางไม่สามารถทำใจได้ เวลานี้เื่ที่นางจะสามารถกลับไปยังโลกเดิมได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว หากย้อนเวลากลับไปได้ต่อให้นางต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนางก็ยอม ขอแค่ให้เขามีชีวิตอยู่กับนางต่อไปก็พอ เสียงพระเพลิงที่กำลังแผดเผาไม้ในเรือนแตกดังลั่นเปรี๊ยะๆ เวลานี้เรือนพักของนางกำลังถูกไฟโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ จ้าวหลี่เสวียนเห็นท่าไม่ดีถ้าหากพวกเขายังคงรั้งอยู่ที่นี่ต่อไป จะต้องเกิดอันตรายขึ้นแน่ๆ
“แม่นางที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว อีกไม่นานเรือนหลังนี้จะต้องถล่มลงมาแน่ เราต้องรีบออกไปจากที่นี่”
เขาพยายามฉุดร่างบางที่นั่งคุกเข่าร้องไห้ราวกับจะขาดใจออกไปจากที่นั่น แต่ร่างของนางกลับไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนเลยแม้สักนิด จ้าวหลี่เสวียนไม่มีทางเลือกจำต้องทุบนางให้สลบ ก่อนที่จะอุ้มร่างบางออกไปจากตรงนั้นด้วยความเร่งรีบ เมื่อคนทั้งหมดออกมาได้เพียงไม่นานเรือนทั้งหลังก็พังถล่มลงมาเสียงดังสนั่น ชาวบ้านและเ้าหน้าที่ของทางการต่างก็มาช่วยกันเร่งดับไฟ เพราะเกรงว่ามันจะลามไปยังเรือนที่อยู่รอบๆ ส่วนลู่หยวนซีถูกจ้าวหลี่เสวียนใช้วิชาตัวเบาพากลับมายังเรือนของเขา และหมอชราเองก็มารอที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว
“นางเป็อันใดไปหรือขอรับ”
ชายชรามองไปยังร่างบางที่นอนไม่ได้สติใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและเขม่าควัน จ้าวหลี่เสวียนไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่พาร่างบางไปยังห้องว่างที่นางเคยใช้เมื่อครั้งก่อน
“ท่านหมอ ที่เรือนของท่านคงมีสาวใช้กระมังท่านให้นางมาเปลี่ยนชุดและเช็ดตัวให้นางได้หรือไม่”
จ้าวหลี่เสวียนชี้ไปยังร่างบางที่นอนขมวดคิ้วทั้งที่ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียง ก่อนเดินออกจากห้องไป ผ่านไปสามวันหลังจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นที่เรือนหลังนั้น และเป็สามวันที่ลู่หยวนซียังคงหลับใหลไม่ได้สติ ท่านหมอได้ตรวจดูอาการของนางแล้ว เขาวินิจฉัยว่านี่มิใช่อาการป่วยทางกาย แต่เป็เพราะจิตใจของนางยังไม่้าที่จะตื่นขึ้นมารับรู้เื่ราวของโลกแห่งความจริง จ้าวหลี่เสวียนแวะมาเยี่ยมนางทุกวัน แต่ความจริงแล้วในโลกแห่งจิตลู่หยวนซีเองก็กำลังทุรนทุรายเพราะความเ็ปจากการจากไปของกู้จิ่งเหยียนอยู่เพียงลำพัง
“ฮืออออ!!! ระบบ!! คุณอยู่ที่ไหน!! ทำไมคุณไม่ยอมมาเตือนฉันเื่ของเขา ทำไมคุณไม่ทำอย่างที่แล้วมา ทำไมไม่บอกฉันว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย คุณรู้ไหมว่าเขาตายแล้ว กู้จิ่งเหยียนตายไปแล้ว”