พลิกตำนานปรมาจารย์แห่งหยก (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        แต่ทว่า เด็กหนุ่มตรงหน้ารู้ได้อย่างไรหรือว่าเขาก็มองออกว่าหินหยกก้อนนี้มีมูลค่า 5 ล้านหยวนเหมือนกัน?

        ไม่มีทาง!มันจะเป็๞ไปได้อย่างไรล่ะ!

        เถ้าแก่หวังส่ายศีรษะ จะเอาเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ไปเปรียบเทียบกับสายตาของปรมาจารย์แห่งหยกได้อย่างไร...

        หลินเยว่เดินวนอยู่บนถนนหินหยกต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเป็๞เวลา 6 โมงเย็นเขาก็ยังไม่เจอหินหยกที่น่าสนใจเมื่อเขาเดินมาถึงปากถนน เขาคิดว่าเฮ่อโย่วจ้างคงจะไม่ได้รอเขาเพราะวันนี้พวกเขาไม่ได้มาด้วยกัน และก็ไม่ได้มีการนัดแนะไว้ก่อนแต่ที่เขามาตรงนี้ในเวลานี้ก็เพราะเขาคิดว่าจะมาลองดูเผื่อเจอเท่านั้นเองแต่คาดไม่ถึงว่าเฮ่อโย่วจ้างจะรอเขาอยู่ตรงนี้จริงๆ

        หลินเยว่เดินเข้าไปหาเฮ่อโย่วจ้างแล้วพูดอธิบายออกมา “เมื่อคืนผมเหนื่อยมากก็เลยลุกไม่ไหวน่ะ”

        เฮ่อโย่วจ้างได้แต่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าราบเรียบและไม่ได้พูดอะไรต่อ

        “คุณกลับไปก่อนนะ คืนนี้ผมจะไปกินข้าวบ้านเพื่อนเลยไม่ได้กลับไปพร้อมกับคุณน่ะ” หลินเยว่คิดว่าเฮ่อโย่วจ้างจะพูดกับเขายาวๆ หน่อยแต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยปากพูดได้ยากเย็นขนาดนี้ เพราะอีกฝ่ายกลับพูดตรงประเด็นเป็๲ประโยคสั้นๆเท่านั้น

        เฮ่อโย่วจ้างมองหลินเยว่ชั่วครู่แล้วพยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “ระวังตัวด้วย”

        เมื่อพูดจบจึงหมุนตัวเดินจากไป

        หลินเยว่มองเ๢ื้๪๫๮๧ั๫ของเฮ่อโย่วจ้างด้วยสีหน้าอึ้งสนิทคาดไม่ถึงว่าคนแบบนี้ยังรู้จักเป็๞ห่วงคนอื่นด้วยเหมือนกัน

        หลินเยว่มองพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดินทางทิศตะวันตกแล้วจึงรำพึงออกมา “ตอนนี้คงไม่ได้เป็๲ตอนเช้าหรอกนะ*”

        เมื่อพูดจบจึงได้แต่ส่ายศีรษะแล้วเดินไปทางร้านของฉินจงฮั่น

        “คุณบอกเพื่อนเรียบร้อยแล้วหรือ?” ฉินจงฮั่นเห็นหลินเยว่เดินเข้ามาจึงถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

        “อืม” หลินเยว่พยักหน้าหลังจากนั้นจึงมองหาที่นั่งแล้วนั่งลงทันที

        ฉินจงฮั่นจึงบอกภรรยาของตนเองให้กลับไปทำอาหารที่บ้านเพื่อรอต้อนรับหลินเยว่ในตอนค่ำก่อนแล้วเขาก็เริ่มเก็บแผงร้านของตนเอง

        หลินเยว่ก็ลุกขึ้นมาช่วยฉินจงฮั่นเช่นกันทำให้แผงร้านนี้ถูกเก็บจนเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

        ฉินจงฮั่นล็อกประตูร้านเล็กๆของตนเองแล้วพาหลินเยว่กลับบ้านไปด้วยกัน

        ถึงแม้ว่าฉินจงฮั่นจะสวมเสื้อผ้าธรรมดาแต่ทว่าบ้านที่เขาอาศัยอยู่กลับดีมาก ตัวบ้านเป็๞ตึกสไตล์ตะวันตกขนาด 2 ชั้น นอกจากมีความสะอาดสะอ้านแล้ว วิวตรงนอกหน้าต่างก็ยังสวยงามมากอีกด้วยหากคิดจะสร้างบ้านแบบนี้สักหลังนอกจากจะต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วยังต้องเปลืองแรงกายอีกไม่น้อยเห็นได้ชัดว่าฉินจงฮั่นต้องพยายามเป็๞อย่างมากเพื่อบ้านหลังนี้

        หลินเยว่เจอฉินซือหาน ลูกชายของฉินจงฮั่นในบ้านของเขาเขาเป็๲หนุ่มน้อยอายุ 14 ปี หน้าตาน่ารักดูเป็๲เด็กดีแต่มีความแตกต่างกับความซื่อของฉินจงฮั่นโดยสิ้นเชิง ฉินซือหานดูฉลาดมีไหวพริบมากเมื่อเจอหลินเยว่ก็เรียก “พี่ชาย” “พี่ชาย” ตลอดแต่ทว่ากลับถูกฉินจงฮั่นสั่งให้เปลี่ยนไปเรียกว่า “คุณอา”

        เมื่อหลินเยว่ได้ยินฉินซือหานเรียกตนเองว่าคุณอาเขาก็รู้สึกแปลกๆ ขัดๆ อยู่ตลอด

        เขาดูแก่ขนาดนั้นเลยหรือ?ทำไมถึงได้กลายเป็๲คุณอาเสียแล้วล่ะ?

        บนโต๊ะอาหาร หลินเยว่และครอบครัวของฉินจงฮั่นทั้ง3 คนรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุขบรรยากาศชื่นมื่น ทำให้หลินเยว่รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวของฉินจงฮั่นในขณะเดียวกันก็ทำให้เขาคิดถึงบิดามารดาของตนเองที่อยู่ที่บ้านเกิดอันแสนห่างไกล

        มันถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านแล้วล่ะ เป็๲เวลา 3ปีแล้วไม่รู้ว่าบิดามารดาของเขาเป็๲อย่างไรบ้าง?

        เมื่อคิดว่าบิดามารดาเลี้ยงตนเองให้เติบโตมาอย่างยากลำบากหางตาของหลินเยว่ก็เริ่มชื้นขึ้นมาเขาจึงพยายามดื่มเหล้ากับฉินจงฮั่นเพื่อเป็๞การปิดบังน้ำตาตรงหางตาของตนเอง

        “พวกคุณสองคนดื่มให้น้อยหน่อยดูเหมือนหลินเยว่จะดื่มเหล้าไม่ค่อยเก่งนัก”เมื่อเห็นว่าหลินเยว่กับฉินจงฮั่นกำลังดื่มเหล้าอย่างมีความสุข อาซ้อฉินภรรยาของฉินจงฮั่นจึงอดไม่ได้ที่จะปรามขึ้น

        “ไม่เป็๞ไร ไม่เป็๞ไรเป็๞ผู้ชายไม่ดื่มเหล้าไม่ได้หรอก แล้วจะดื่มให้เก่งก็ต้องผ่านการฝึกกันทั้งนั้นแหละ”ฉินจงฮั่นหัวเราะ “ฮ่าๆ” แล้วพูดขึ้น

        อาซ้อฉินกลอกตาขาวใส่ฉินจงฮั่น หลังจากนั้นเธอจึงเลิกสนใจพวกเขา

        ส่วนฉินซือหานที่นั่งอยู่ข้างๆกลับมองไปที่หลินเยว่และบิดาของตนไม่วางตาแล้วก็แอบมองแก้วเหล้าในมือของพวกเขาทั้งสองเป็๞ระยะๆ สายตาของเขาดูสนใจเป็๞อย่างยิ่งแต่ทว่ามารดาของตนกลับควบคุมเขาอย่างใกล้ชิด เขาจึงได้แต่ทานกับข้าวเพียงอย่างเดียว

        เมื่อดื่มเหล้าไปไม่น้อยสีหน้าของหลินเยว่ก็เริ่มแดงขึ้นมา ทำให้ดูเหมือนว่าเขาเริ่มเมาแล้ว

        “หลินเยว่ เฮียอยู่บนถนนหินหยกสายนี้มาตั้งนานแต่นี่เป็๞ครั้งแรกที่เจอเด็กหนุ่มที่มีความสามารถโดดเด่นมากอย่างคุณ คุณพนันได้ทุกครั้งอีกทั้งยังซื้อหินหยกที่มีรอยแตกด้วยราคา 1.2 ล้านหยวนคุณบอกเฮียหน่อยซิว่าคุณรู้สึกมั่นใจในหินหยกที่มีรอยแตกก้อนนั้นมากไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ซื้อมันหรอก ใช่ไหมล่ะ?” ฉินจงฮั่นก็ถามขึ้น ทั้งๆที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มเมาแล้ว

        “ฮ่าๆ หินหยกก้อนนั้นมีรอยแตก อีกทั้งยังสามารถเห็นหยกและประกายสีเขียวจากรอยแตกนี้อีกด้วยแต่ทว่าสายตาของผมค่อนข้างดี เมื่อผมเห็นสภาพด้านในแล้วผมก็รู้สึกว่าสภาพด้านในอาจจะไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่คนอื่นคิดอาจจะไม่ได้ส่งผลกับเนื้อหยกด้านในเท่าไรนัก ดังนั้น ผมจึงซื้อหินหยกก้อนนั้นมา”ถึงแม้ว่าหลินเยว่จะเริ่มเมาอยู่บ้างแต่ทว่าเขายังไม่ได้เมาจนถึงขั้นหลุดพูดความจริงทุกอย่างแต่ถึงแม้ว่าเขาจะเมาจริงๆ เขาก็คงไม่ได้พูดถึงพลังพิเศษตาทิพย์ของตนเองออกมาเพราะนี่เป็๲ความลับที่เป็๲ตัวรับประกันถึงความร่ำรวยของตนเอง

        ฉินจงฮั่นหัวเราะฮ่าๆเขาไม่ได้ซอกแซกถามในเ๹ื่๪๫นี้ต่อ แต่กลับพูดกับลูกชายของตนเอง “ซือหานต่อไปลูกต้องดูคุณอาหลินเยว่ไว้เป็๞แบบอย่างนะ อย่าคิดว่าคุณอาเขาอายุยังน้อยแต่เขาจบมาจากมหา’ลัยชั้นนำแล้วยังมีกิจการเป็๞ของตนเอง ต่อไปลูกต้องพยายามศึกษาเรียนรู้จากคุณอาหลินเยว่ให้มากๆล่ะ”

        “ครับ!”ฉินซือหานรับคำอย่างหนักแน่นเขามองหลินเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

        แต่หลินเยว่กลับต้องปาดเหงื่ออยู่ในใจเขาจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ๻ั้๫แ๻่เมื่อไรกันเขาเป็๞คนที่จบมาจากมหาวิทยาลัยธรรมดาแล้วก็ทำงานมา 4 ปีเท่านั้น มีกิจการเป็๞ของตนเองเสียที่ไหนล่ะเขาเป็๞คนตัวคนเดียวจริงๆ อีกทั้งยังเช่าบ้านร่วมกับคนอื่นอีกด้วย

        เมื่อคิดถึงเ๱ื่๵๹บ้าน หลินเยว่พลันคิดถึงฉินเหยาเหยาเขาคิดได้ว่าเมื่อคืนตอนที่เขาหมดสติไป เขายังไม่ได้โทรหาเธอเลยในใจก็เริ่มเกิดความกังวล ดังนั้น เขาจึงพูดขอตัวกับฉินจงฮั่นแล้วเดินออกไปที่สวนพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉินเหยาเหยา

        “ฮัลโหล เหยาเหยา ขอโทษด้วยนะ เมื่อคืนผมเหนื่อยเกินไปก็เลยเผลอหลับไปเลยลืมโทรศัพท์หาเธอน่ะ” หลังจากโทรติดแล้ว หลินเยว่จึงรีบพูดขอโทษอย่างจริงใจ

        “อื้อ ไม่เป็๲ไรระหว่างพวกเราไม่จำเป็๲ต้องพูดขอโทษเลยนะ เมื่อวานฉันก็นอนหลับค่อนข้างเร็วก็เลยลืมเ๱ื่๵๹ที่นายจะโทรศัพท์หาฉันไปน่ะก็พอดีเลยพวกเราสองคนก็ลืมกันทั้งคู่ไงล่ะ ฮ่าๆ”

        ถึงแม้ว่าฉินเหยาเหยาจะกำลังหัวเราะแต่ทว่าหลินเยว่กลับรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ อยู่ในใจ เขาฟังจากน้ำเสียงของเธอก็รู้ว่าเธอกำลังอ่อนเพลียและน่าจะเป็๞ผลมาจากการนอนดึกของเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน ณเวลานี้เขาก็รู้สึกผิดมากจนแม้กระทั่งฉินเหยาเหยากำลังหัวเราะอยู่ แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก

        “หลายวันมานี้ นายอยู่ที่นั่นก็สบายดีใช่ไหมล่ะ”เมื่อเห็นว่าหลินเยว่มีแต่ความเงียบ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของฉินเหยาเหยาจึงผ่านโทรศัพท์ออกมาและก็เป็๲การทำลายความเงียบนี้

        เมื่อรับรู้ถึงความใส่ใจของฉินเหยาเหยาที่มีอยู่เต็มเปี่ยมหลินเยว่จึงหลุดปากพูดออกมา “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมกลับไป เธอรอผมนะ”

        เมื่อหลินเยว่เอ่ยประโยคนี้ออกมาฉินเหยาเหยาที่อยู่ปลายสายพลันเงียบไปในทันทีหลินเยว่รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสะอื้นผ่านโทรศัพท์

        เสียงร้องไห้ทำให้เขารู้สึกทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น

        ผ่านไปนานพอสมควรฉินเหยาเหยาจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ปนเสียงสะอื้นออกมา “ฉันจะรอนายนะ”

        เมื่อพูดจบเธอก็ตัดสายไปอย่างรีบเร่งทันที

        จังหวะที่ฉินเหยาเหยากำลังวางสายในชั่วอึดใจนั้นหลินเยว่ก็ได้ยินเสียงร้องไห้โฮดังผ่านโทรศัพท์ออกมา

        หลินเยว่เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋า และเงยหน้ามองดวงดาวพร่างพราวเต็มท้องฟ้าแล้วจึงถอนหายใจออกมาหนักๆ

        ดูเหมือนว่าเขาได้ทำความผิดไว้กับคนอื่นเยอะแยะมากมาย

        มันคงจะถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้หนี้แล้วล่ะ


        * ในภาษาจีนมีสำนวนหนึ่งคือ 太阳从西边出来 แปลตามตัวอักษรหมายถึง พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกซึ่งหมายความว่า เหตุการณ์เกินความคาดหมายหรือผิดคาด 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้