“คุณอาทัง?”
ทังหงเอินขอให้คนช่วยเรียกเซี่ยเสี่ยวหลานมาด้วยเช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานมาถึงสนามกีฬาช้ากว่าจี้เจียงหยวน กว่าเธอจะมาถึงทั้งสองก็คุยกันไปได้ครึ่งทางแล้ว
ทังหงเอินบอกให้เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งลง
“ฉันกำลังคุยบางอย่างกับเจียงหยวนน่ะ คิดว่าเธอสามารถฟังด้วยได้”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มีความคิดแบบจอร์จ ความคิดที่ว่าข้าราชการของประเทศจีนเป็ตัวแทนของความโง่เขลาและดื้อรั้น เวลาที่เธอฟังทังหงเอินพูด บางครั้งยังได้ข้อคิดคำคมเด็ดๆ เสียด้วยซ้ำ เกิดใหม่มาพร้อมกับความหยิ่งผยองคงไม่ใช่เื่ที่ดี ประธานเซี่ยเคยเสียหน้าเพราะอีโก้ของตัวเองมาแล้ว ตอนนี้เธอต้องรู้จักถ่อมตัว แม้ชาติก่อนจะเคยเป็ถึงผู้บริหารระดับสูง แต่คนระดับนายกเทศมนตรีเขตเศรษฐกิจพิเศษมีหรือจะยอมมอบความรู้ให้เธอง่ายๆ เช่นนี้?
อีกทั้งประสบการณ์ชีวิตของทังหงเอิน รวมถึงวิสัยทัศน์ของเขา ก็ต่างจากคนที่ขลุกอยู่แค่โลกธุรกิจอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยเสี่ยวหลานนั่งลงเตรียมฟังคำสั่งสอน ทังหงเอินพูดต่อเื่ที่พูดค้างไว้ทันที เขายอมรับการคาดเดาของจี้เจียงหยวนตามตรง
“พ่อไม่อยากให้ลูกกลับอเมริกาจริง นอกจากเป็ความ้าส่วนตัว พ่อยังอยากบอกลูกอีกว่า บ้านเกิดของลูกคือประเทศจีน ประเทศนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา ความล้าหลังที่ลูกเห็นในปัจจุบันเป็แค่เื่ชั่วคราวเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว! อยู่ที่นี่ลูกคงไม่ได้เงินเดือนสูงๆ เหมือนอยู่ที่อเมริกาในทันที แต่ลูกจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านที่เกิดขึ้นจากความเพียรพยายามของคนรุ่นลูก อย่างเสี่ยวหลาน นักศึกษารุ่นเดียวกับลูกจะทำให้ประเทศค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป... เชื่อพ่อ ความรู้สึกภาคภูมิใจเช่นนั้นมันน่าดื่มด่ำยิ่งกว่าการหาเงินได้มากมายเพียงอย่างเดียว”
ถ้าจี้เจียงหยวนเรียนสาขาวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การศึกษาระดับปริญญาตรีคงไม่เพียงพอสำหรับเขา แน่นอนว่าทังหงเอินย่อมอยากให้เขาได้มีโอกาสไปต่างประเทศเพื่อสั่งสมความรู้
แต่จี้เจียงหยวนเรียนบริหารธุรกิจ ทังหงเอินคิดว่าประเทศจีนกำลังอยู่ระหว่างปฏิรูปเศรษฐกิจเช่นนี้ จะมีสถานที่ไหนเหมาะแก่การลงสนามจริงเพื่อพิสูจน์ฝีมือมากกว่านี้อีกเล่า?
แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของตัวจี้เจียงหยวนเอง หากจี้เจียงหยวนชื่นชอบการพัฒนาด้านวัตถุ ประเทศจีนคงสะดวกสบายสู้อเมริกาไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นด้วยกับความคิดส่วนใหญ่ของทังหงเอิน ทังหงเอินเป็ผู้สนับสนุนการปฏิรูปประเทศอย่างเต็มที่ ปลายปี 1984 การปฏิรูปยังอยู่ในขั้นลองผิดลองถูก อนาคตจะเป็เช่นไรคนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจ และไม่สามารถคาดการณ์ได้ ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าประเทศจีนจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วเพราะเส้นทางนี้หรือไม่ ทว่าทังหงเอินช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเหลือเกิน
สิ่งเดียวที่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เห็นด้วยก็คือ ทังหงเอินบอกว่าการพัฒนาด้านวัตถุของประเทศจีนนั้นยังแย่อยู่
สำหรับคนที่พอมีทักษะติดตัว เื่เงินย่อมไม่ใช่ปัญหา
เธอไม่กล้าปริปากเอ่ยอะไรออกไป เนื่องจากกลัวทังหงเอินจะตำหนิเธออีกว่า เอาความคิดเชิงธุรกิจมาหล่อหลอมจี้เจียงหยวน
จี้เจียงหยวนนิ่งครุ่นคิด
ตัวเขา้าอะไร?
เพราะจี้หย่าอารมณ์แปรปรวนอย่างร้ายกาจ จี้เจียงหยวนไม่อยากยั่วโมโหเธอจึงเชื่อฟังเธอมาโดยตลอด
คุณตาจี้สุขภาพไม่แข็งแรง จี้หย่าจึงพาเขากลับมาที่จีน จี้เจียงหยวนสละสิทธิ์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่อเมริกา ตอนนี้เขาศึกษาอยู่ที่หัวชิง เทอมแรกใกล้สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับมหาวิทยาลัยนี้ได้แล้ว แต่จี้หย่าก็จะพาเขากลับไปอเมริกาอีกครั้ง จี้เจียงหยวนไม่ใช่หุ่นยนต์ ดังนั้นไม่มีทางที่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย
“แม่ผมยึดติดเกินไป ตอนนี้เธอคิดว่าเสี่ยวหลาน...”
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนที่โชคร้ายที่สุด จี้เจียงหยวนไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้เซี่ยเสี่ยวหลาน หากถูกแม่ของเขาตามราวีเมื่อไร คนธรรมดาอาจจะเป็บ้าเอาได้
“ลูกคิดมากเกินไปแล้ว ประเทศจีนใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าแม่ของลูกคิดจะทำอะไรก็ทำได้ รวมถึงคนตระกูลจี้ทั้งตระกูลก็ด้วย คุณตาของลูกไปสู่สุขคติแล้ว มีเพียงลุงของลูกที่ยังคงหลงระเริงอยู่ในเกียรติยศของวันวาน... ตระกูลจี้ไม่ได้เก่งกาจอย่างที่พวกเขาคิด ประเทศจีนมีกฎหมาย มีกฎระเบียบของสังคม และไม่มีใครสามารถทำลายจุดนี้ลงได้”
เด็กหลายคนลำบากตรากตรำเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย อย่างเช่นเซี่ยเสี่ยวหลาน กว่าเธอจะก้าวออกจากชนบท เดินทางจากอวี้หนานมายังปักกิ่งได้ เธอต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากแค่ไหนกัน
เด็กสาวอายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง เพื่อทำธุรกิจเธอถึงกับเดินทางไกลนั่งรถไฟลงใต้ตามลำพัง
หากสถานการณ์ไม่บีบบังคับ ใครบ้างจะไม่อยากเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนอย่างสุขสบายเล่า
ความพยายามเช่นนี้ สุดท้ายก็นำพามาซึ่งความสำเร็จ หากใครคิดจะทำลายหรือขัดขวางอนาคตของเซี่ยเสี่ยวหลานตามใจชอบ เช่นนั้นประเทศจีนยังจะมีกฎระเบียบอยู่เพื่ออะไร แค่เพราะเซี่ยเสี่ยวหลานเกิดมาในครอบครัวฐานะยากจนก็สมควรถูกรังแกอย่างนั้นหรือ
อย่าว่าแต่เซี่ยเสี่ยวหลาน ต่อให้จี้หย่าไปหาเื่นักศึกษาแปลกหน้าคนอื่น หากทังหงเอินรู้เข้าเขาก็คงทนอยู่เฉยไม่ได้อยู่ดี!
เขาพูดประโยคนี้ให้จี้เจียงหยวนฟัง เพื่อให้รู้ว่าตอนนี้ตระกูลจี้อยู่ในสถานการณ์แบบไหน จี้เจียงหยวนควรเก็บไปพิจารณา
และเขาก็ตั้งใจพูดให้เซี่ยเสี่ยวหลานฟังเช่นกัน เพราะเขา้าให้เซี่ยเสี่ยวหลานเรียนหนังสือได้อย่างสบายใจ ทังหงเอินไม่ชอบใช้อำนาจกดขี่ผู้อื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาทำไม่ได้!
“ตระกูลจี้อยู่ใน่ขาลงมานานแล้ว ถ้าไม่ได้คุณตาของลูกคอยประคับประคองไว้ ชีวิตการทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศของลุงลูกคงไม่ดีขนาดนี้ ทว่าตอนนี้คุณตาจี้จากไปแล้ว คนตระกูลจี้เลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูก พวกเขามีความเห็นไม่ตรงกับพ่อ ทว่าก็ใส่ใจลูกจากใจจริง พ่อคิดว่าลูกคงไม่มีนิสัยอยากสลัดตระกูลจี้ให้พ้นตัวหรอกใช่หรือไม่ ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วลูกจะต้องเป็คนแบกรับภาระอันหนักอึ้งนี้ และลูกควรพิจารณาให้ดีว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยเหนี่ยวรั้งไม่ให้ตระกูลจี้ตกต่ำไปมากกว่านี้”
หากทังหงเอินมาเพื่อ ‘ยั่วยุ’ จี้เจียงหยวน จี้เจียงหยวนคงสะบัดหน้าเดินหนีไปทันที
ทว่าทังหงเอินพูดตรงประเด็นทุกคำ เขาให้การยอมรับกับความทุ่มเทของตระกูลจี้ และคิดว่าจี้เจียงหยวนควรดูแลตระกูลจี้เช่นกัน ทังหงเอินทำให้จี้เจียงหยวนรู้ว่าควรมุ่งเป้าไปยังทิศทางไหน ตระกูลจี้อพยพย้ายประเทศทั้งตระกูลไม่ได้ รากฐานของตระกูลอยู่ที่จีน ทว่าหากตระกูลจี้ตกต่ำลงจริงๆ ทังหงเอินคิดว่าด้วยความสามารถเื่งานของคุณลุงจี้ หากไม่มีคนรุ่นหลังที่โดดเด่นช่วยหนุนอีกแรง อีกไม่กี่ปีสถานะทางสังคมของตระกูลจี้คงตกต่ำลงอย่างแน่นอน
คุณสมบัติเพียบพร้อม แต่กลับถูกผลักไสให้ออกจากศูนย์กลางอำนาจ นี่คือสิ่งที่น่าเ็ปที่สุด
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกถึงพลังงานอุ่นร้อนไหลเวียนอยู่ภายในจิตใจ ทังหงเอินเป็คนคมในฝัก คำพูดคำจาเป็แบบฉบับของข้าราชการน้ำดีอย่างแท้จริง ตำแหน่งยิ่งสูงก็ยิ่งระมัดระวังตัว หลายๆ ครั้งเขาไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาได้ ไม่พูดอะไรที่เด็ดขาดเกินไป เฉกเช่นตอนนี้ สิ่งที่เขา้าบอกเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างชัดเจนก็คือ ไม่ต้องกลัว เื่ตระกูลจี้มีเขาอยู่ทั้งคน ต่อให้อีกฝ่ายอยากก่อเื่ก็ทำไม่ได้! ทว่าประโยคพวกนี้ไม่มีทางหลุดออกมาจากปากของนายกเทศมนตรีทัง
สิ่งเดียวที่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกเสียใจก็คือจดหมายที่เขียนไปหาโจวเฉิง เธอเล่าเื่จี้หย่าให้เขาฟังด้วยน่ะสิ
เรียกจดหมายกลับคืนมาตอนนี้ยังทันหรือเปล่านะ?
ถ้าไม่เล่าแล้วโจวเฉิงไปรู้จากคนอื่น เซี่ยเสี่ยวหลานกลัวโจวเฉิงจะคิดมาก คนเราคบกันควรให้ความอุ่นใจกับอีกฝ่าย อะไรที่สามารถตัดไฟั้แ่ต้นลมได้ก็ควรตัดเสีย หากปิดบังกันไปมาก็เท่ากับกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาน่ะสิ!
เื่อื่นไม่เท่าไร แต่เื่อ่อนไหวอย่างเื่ชู้สาวนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่อธิบายกับโจวเฉิงให้ชัดเจนคงไม่ได้
ถ้ารู้ก่อนเธอคงอดทนรออีกสักนิด หากรอให้สถานการณ์กระจ่าง และได้รู้ท่าทีของทังหงเอินว่าเป็เช่นนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานยังจะกลัวตระกูลจี้อีกทำไม ทังหงเอินบอกแล้วว่าตระกูลจี้อยู่ใน่ขาลง เซี่ยเสี่ยวหลานยังต้องกังวลอะไรอีก แม้จี้หย่าบ้าคลั่งแค่ไหน แต่ถ้าสู้ทังหงเอินไม่ได้ก็จบเห่อย่างแน่นอน!
ทังหงเอินหันหน้ามาถามเธอ
“เข้าใจหรือยัง”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้าหงึกหงัก ทังหงเอินอ่อนใจ เขารู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานควรไปเรียนเศรษฐศาสตร์มากกว่า วิญญูชน้าความมั่งคั่งก็ควรเลือกเดินในเส้นทางที่เหมาะสม การหาเงินอย่างถูกต้องคือการให้ความร่วมมือกับการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศชาติ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้