เ้าหมาเ้าเล่ห์นี่เป็สายพันธุ์หายาก เวลาฆ่ามันก็อำมหิตยิ่งนัก แต่แม้กระทั่งเวลากิน มันก็กินอย่างโหดร้ายยิ่งกว่า ไม่อาจที่จะมองมันกินอาหารตรงๆได้
"มันบ้าอะไรวะเนี่ย เ้าหมานี่มันอะไรกัน มันกินจุเกินไปแล้ว ใครก็ตามที่มีหมาตัวนี้ติดตามละก็ จะต้องถังแตกเพราะค่าอาหารของมันเป็แน่"
"โอ้ แม่เ้า! ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เ้าหมานี่มันมาจากไหนกัน? มันอยู่นี่ทำให้ข้ากินอะไรไม่ลงเลย เ้าของภัตตาคาร รีบไปไล่มันออกไปที"
"นี่มันทำให้ข้ากินอะไรไม่ลงเลยจริงๆ...... มันแย่ยิ่งนัก"
ผู้คนทนไม่ไหวอีกต่อไป เวลาที่เ้าหวงต้ากำลังจะกิน น้ำลายของมันกระเด็นไปรอบๆ ทำให้ผู้คนต่างกินอะไรไม่ลง เ้าหมานี้ต้องเป็พันธุ์พิเศษในหมู่พันธุ์พิเศษเป็แน่
"เสี่ยวเอ้อ..... รีบเอาอาหารมาให้ข้าอีก!!"
หวงต้าไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างรังเกียจ มันะโและสั่งให้เสี่ยวเอ้อนำอาหารมาให้มันอีก
"ขอรับ ได้ขอรับ......."
เสี่ยวเอ้อไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปเตรียมอาหาร ในขณะเดียวกัน เสี่ยวเอ้อสองคนก็เก็บจานไปวางไว้กับพื้น
ถัดจากหน้าต่าง ได้มีชายหนุ่มนั่งจิบไวน์อยู่คนเดียว กำลังเอนตัวพิงกับกำแพง บางครั้งเขาจะมองไปยังหวงต้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มบาง
ไม่นานหลังจากนั้น โต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารที่นำมาเสิร์ฟ ดวงตาของหวงต้าได้เปล่งแสงระยิบระยับ ราวกับว่ามันจะะโขึ้นไปบนจาน
ในเวลานี้เจียงเฉินพุ่งไปหาหวงต้าอย่างรวดเร็ว และใช้มือกดหัวของมันไว้ และพูด
"เ้าหมาเวร.....เห็นแก่หน้าข้าหน่อยได้รึไม่ ไม่มีใครแย่งอาหารเ้าหรอก"
"แง่ง......แฮ่ เ้าหนู เอามือเ้าออกไป"
หวงต้าคำรามเสียงดัง โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของมันเลย ลิ้นที่ยาวของมันแลบออกมาจากปาก และตวัดไปบนโต๊ะกวาดอาหารเข้าปากมัน รวดเร็วดุจพายุ
ทุกคนในภัตตาคารต่างลืมที่จะกินอาหาร พวกเขากำลังจ้องไปยังหมาสีเหลืองตัวนั้น
"เสี่ยวเอ้อ....ไปเอามาอีกโต๊ะ"
หวงต้ากินอาหารหมดอีกแล้ว มันจึงสั่งเพิ่มอีกโต๊ะ
"บัดซบ !! เ้าหมานี่มันกินอาหารดีๆหมดในพริบตา นี่ข้าต้องมาเสียเม็ดยามนุษย์หยวนอีกหลายร้อยอีก"
"มารดามันเถอะ.....เ้าหมานี่กินอาหารดีกว่าบิดาเสียอีก มันน่าโมโหนัก"
บางคนทนไม่ไหว โกรธมาก พวกเขาจึงใช้ฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะ อาหารเลิศรสจำนวนมากกลับต้องเสียไปกับหมาตัวหนึ่ง อาหารราคาแพงเหล่านี้ แม้แต่พวกเขายังไม่มีปัญญาที่จะกิน จบลงที่พวกเขาดูต่ำต้อยยิ่งกว่าหมาที่ภัตตาคารหยินเยว่
"รสชาติไม่เลวเลย......เ้าหนูเจียงเฉิน เสี่ยวหยวี่ ทำไมพวกเ้าไม่เข้ามากินกับข้าละ เ้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อมานั่งและดูนะ อย่างน้อยกินอะไรสักอย่างสิ"
หวงต้า มองไปยังเจียงเฉินและเยี่ยนเฉินหยวี่ ทั้งสองมีสีหน้าเคร่งเครียด และบนหน้าผากของเขามีเส้นดำปรากฏ คำพูดของมันไร้ยางอายยิ่งนัก และมันยังไม่รู้สึกตัวว่าด้านหน้าของมันมีเพียงแค่จานเปล่าเท่านั้น
เจียงเฉินอดทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เขาใช้เท้าถีบหัวเ้าหวงต้า กระเด็นไปไกลกว่าหนึ่งจ้าง เขารู้สึกอยากถลกหนังเ้าหมาบ้านี่แล้วนำมันไปตุ๋นกินเสียเลย
ผู้คนบางคนที่นั่งใกล้กับพวกเขาถึงกับพ่นอาหารออกจากปาก เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เ้าหมาหยาบคายนี่มาจากไหนกัน?
ในเวลาต่อมา เสี่ยวเอ้อได้เติมอาหารลงบนโต๊ะอีกครั้ง ขณะเดียวกันเสี่ยวเอ้ออีกสองคนเก็บกวาด ทำความสะอาดพื้น เพื่อรักษาความสะอาดของภัตตาคารหยินเยว่ ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
เมื่อหวงต้าเห็นอาหารนำมาเสิร์ฟ ดวงตาของมันก็เปล่งประกาย และมันกำลังวิ่งและะโขึ้นไปบนโต๊ะ ขณะที่มันกำลังแลบลิ้นออกมา มันรู้สึกถึงสายตาสองคู่ ที่กำลังมองเหมือนจะสังหารใครสักคนอยู่ สายตาสองคู่นั้นจะเป็ของใครไปไม่ได้ เจียงเฉิน และเยี่ยนเฉินหยวี่นี่เอง มันเก็บลิ้นของมันเข้าในปากทันที
"ฮี่ฮี่.......มากินด้วยกันเถอะ"
หวงต้าดึงจานอาหารมาวางไว้ตรงหน้า ในเวลานี้มันกินช้าลงมากแสดงถึงมารยาทที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
"กินสิ....ทำไมพวกเ้าทั้งสองถึงไม่กินล่ะ?"
ขณะที่หวงต้ากำลังกินอยู่นั้น ก็ได้เอ่ยปากชวนเจียงเฉินและเยี่ยนเฉินหยวี่ ให้มากินด้วยกันกับมัน
"กินไปเถอะ เราจะไปจากที่นี่ทันทีที่เ้ากินเสร็จ"
เจียงเฉินมองไปยังหวงต้าอย่างสิ้นหวัง ณ จุดนี้จะกินอะไรได้เล่า แค่นั่งด้วยกันกับเ้าหมานี่ก็ทำให้กินอะไรไม่ลงแล้ว
"วะก่ะก่ะ.....งั้นข้าไม่เกรงใจล่ะนะ"
ใบหน้าของหวงต้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่มันตัดสินใจที่จะลิ้มรสอาหารอย่างช้าๆ ความเร็วในการกินของมันลดลงเป็อย่างมาก
แขกโดยรอบต่างมองมายังพวกเขาเป็ครั้งคราว แต่ในที่สุดพวกเขาก็เบื่อ พวกเขาหยุดที่จะจ้องมอง เพลิดเพลินอาหารของพวกเขาและเปลี่ยนหัวข้อคุย
"ผลสรุปการแข่งขันศิษย์ชั้นในประจำแคว้นฉี ผู้ชนะเลิศคือ หนานเป่ยเฉา แห่งนิกายอัคคีผลาญฟ้า!! ข้าได้ยินมาว่ารางวัลนั้นสุดยอดมาก มันคือยุทธภัณฑ์ระดับสูงและสมุนไพรหมื่นปี"
"ใช่เลย รางวัลของการแข่งขันศิษย์ชั้นในประจำแคว้นฉี นั้นจัดหามาโดยนิกายใหญ่ทั้งสี่ ในตอนนี้ นิกายอัคคีผลาญฟ้าได้รางวัลนั่น! เชื่อหรือไม่ หนานเป่ยเฉานั้นอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้นเอง"
เจียงเฉินหูผึ่งทันที ไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ไหนก็ได้ยินชื่อของหนานเป่ยเฉา ดูเหมือนว่า หนานเป่ยเฉา จะกลายเป็คนมีชื่อเสียงชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว
"ข้าได้ยินมาว่า การแข่งขันของศิษย์ชั้นนอกกำลังจะเริ่มในอีกสองอาทิตย์ ที่เมืองเซียงหยาง ข้าคิดว่าศิษย์ทั้งหมดของนิกายใหญ่ทั้งสี่ต่างมุ่งหน้าไปที่นั่น"
"เมืองเซียงหยาง อยู่ส่วนกลางของแคว้นฉี เป็เมืองที่ใหญ่โตมโหฬาร เทียบไม่ได้กับเมืองเล็กๆอย่าง เมืองหยินเยว่ มีศิษย์ชั้นนอกมากมายจากนิกายใหญ่ทั้งสี่ที่เข้าร่วม คิดว่าใครจะเป็ผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้"
"ข้าคิดว่าราชันย์ปีศาจน้อยจากนิกายเซวียนอี้ และหลี่หวู่ซวงจาก นิกายกระบี่์มีโอกาสมากที่สุดที่จะชนะ อย่างไรก็ตาม นิกายอัคคีผลาญฟ้าและหุบเขาสุขสันต์เองก็มีอัจฉริยะมากมาย แต่ไม่มีใครเทียบได้กับราชันย์ปีศาจน้อยกับหลี่หวู่ซวง"
"ตกลง เช่นนั้นข้าจะลงข้างราชันย์ปีศาจน้อยและหลี่หวู่ซวงก็แล้วกัน"
ทุกคนต่างพูดถึงการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี การแข่งระหว่างศิษย์ฝ่ายในได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว ต่อไปจะเป็การแข่งขั้นระหว่างศิษย์ฝ่ายนอก
นิกายใหญ่ทั้งสี่ต่างชิงดีชิงเด่นกันมาโดยตลอด ในทุกๆปีพวกเขาได้มีการจัดการแข่งขันขึ้นที่แคว้นฉี โดยมีรางวัลที่น่าดึงดูดใจอย่างมาก อย่างแรกนี่เป็การส่งเสริมศิษย์ให้หมั่นบ่มเพาะพลัง อย่างที่สองเป็การต่อสู้เพื่อความภาคภูมิใจของแต่ละนิกาย และผลสุดท้ายจะเป็การจัดลำดับนิกายในหมู่พวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าได้เป็อันดับหนึ่งจากรุ่นเยาว์ในแคว้นฉี ชื่อเสียงจะขจรขจายหลังจากจบการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี
เมื่อได้ยินชื่อ 'ราชันย์ปีศาจน้อย' เด็กหนุ่มชุดฟ้าไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาได้ เขากำลังดื่มด้วยตัวคนเดียวไม่ได้คุยกับผู้อื่น ดูโดดเดี่ยวนัก
"การแข่งขันประจำปีแคว้นฉี เมืองเซียงหยาง"
เจียงเฉินบ่นพึมพำกับตนเอง เขาเริ่มเกิดความสนใจในการแข่งขันนี้
ในตอนนั้นเอง มีชายสี่คนได้เข้ามาที่ภัตตาคาร ได้นำโดยชายร่างอ้วนอายุราวยี่สิบ ใบหน้าเขามันเยิ้ม และผมของเขาจัดทรงเรียบง่าย และตาวาวคู่นั้นของมันได้มองไปยังรอบๆ ทั่วร่างเขาแผ่กลิ่นอายของอันธพาล พวกเขาเข้าไปยังด้านหลัง
ถัดจากชายร่างอ้วนเป็ชายหนุ่มอีกคนอายุราวๆยี่สิบ ชายหนุ่มผู้นี้ถือพัดไว้ในมือและเมื่อมองไปยังเขาสามารถบอกได้อย่างง่ายดายว่าเขามาจากตระกูลที่มั่งคั่ง
และด้านหลังพวกเขาทั้งสอง เป็ชายรูปร่างสูงสองคนซึ่งเป็บ่าวรับใช้ ใบหน้าของพวกเขาแสดงถึงความหยิ่งยโส
"นายน้อยหยินท่านมา..คุณชายหลิวเองก็มาด้วย ขอเชิญนายน้อยทั้งสองเข้าไปด้านในขอรับ!"
เมื่อเสี่ยวเอ้อพบชายร่างอ้วน สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สุภาพสุดๆ เขาก้มหัวและทักทายทั้งสอง
หลายๆคนก้มหัวต่ำทันทีเมื่อพบชายร่างอ้วน คนที่พูดกันเสียงดังต่างเงียบปากทันที หากเหมือนหนูที่เห็นแมวกำลังเดินมาทางพวกมัน
นายน้อยผู้นี้ไม่ใช่คนที่สามารถตอแยได้ง่ายๆ นายน้อยหยินเป็บุตรชายของเ้าเมือง ชื่อเต็มของเขาคือ หยินเหรินและภัตตาคารหยินเยว่เองก็เป็กิจการของตระกูลเขา
หยินเหรินเป็หนึ่งในอันธพาลของเมืองหยินเยว่ เขาเป็คนเ้าสำราญ และบุคลิกภาพของเขาเหมือนดั่งชื่อ และเขาบ้าเื่เพศสัมพันธ์ด้วย เขาชอบกลั่นแกล้งผู้อื่นและฉุดคร่าหญิงสาว นายน้อยที่ยืนข้างเขาคือคุณชายหลิว เป็คุณชายจากตระกูลมั่งคั่งของเมืองหยินเยว่ ทั้งคู่มีนิสัยใจคอใกล้เคียงกัน ความคิดใกล้เคียงกันด้วย
"อืม"
หยินเหรินผงกหัวของเขาและเริ่มเดินตรงไปที่บันได ตาของเขามองไปยังทุกๆโต๊ะที่ชั้นแรกก่อนที่สายตาจะตกไปยังเยี่ยนเฉินหยวี่ ตาทั้งสองของเขาชำเลืองมอง แม้เขาจะเห็นใบหน้าของเยี่ยนเฉินหยวี่เพียงแค่ครึ่งเดียว เืสูบฉีดทันที
งานอดิเรกที่โปรดปรานมากสุดของหยินเหรินคือผู้หญิง และหญิงสาวที่งดงามที่สุดอย่างเยี่ยนเฉินหยวี่ สำหรับหยินเหรินที่เป็คุณชายเ้าสำราญนั้น ดึงดูดความหื่นกระหายของหยินเหรินอย่างมาก
"มารดามันเถอะ ดูท่าว่าข้าจะมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า! ข้าไม่รู้เลยว่าจะมีหญิงสาวน่ารักขนาดนี้อยู่ในเมืองหยินเยว่ด้วย! นางเหมือนดั่งเทพเซียนจาก์..ข้าเชื่อว่าหญิงสาวผู้นี้เหมาะสมกับข้าอย่างแท้จริง"
หยินเหรินยังคงจ้องมองเยี่ยนเฉินหยวี่และพูดออกมาโดยไม่สนใจว่าผู้ใดจะคิดเช่นไร
เมื่อเขาพูดจบ หลายๆคนในภัตตาคารต่างส่ายหัวของพวกเขา พวกเขาหันหัวมองไปยังเจียงเฉินและเยี่ยนเฉินหยวี่มองอย่างน่าสงสาร พวกเขาเป็เป้าหมายของหยินเหริน พวกเขาจบเห่แล้วแน่แท้
หยินเหรินส่งสัญญาณด้วยสายตาให้บ่าวรับใช้สองคนที่ตามเขามา ทั้งสองคนได้ตามนายน้อยของพวกเขามานาน ดังนั้นพวกเขาเข้าใจทันทีว่าหมายความเช่นไร พวกเขาเดินไปยังโต๊ะของเจียงเฉิน
"คุณหนู นายน้อยของพวกเราประสงค์ให้คุณหนูไปร่วมที่ชั้นสอง"
หนึ่งในชายร่างกำยำพูดด้วยเสียงที่เขาคิดว่าสุภาพแล้ว
"ไสหัวไปซะ!"
เจียงเฉินพูดโดยไม่ได้เงยหัวเขาขึ้นมา
"เ้าหนูเมื่อกี้เ้าพูดเช่นไรนะ?"
ชายร่างกำยำอีกคนมีโทสะทันที เขามองไปยังเจียงเฉินอย่างไม่อยากเชื่อ ไอ้หนุ่มนี่กล้าดีอย่างไรถึงได้พูดกับตัวเขาเช่นนี้ในภัตตาคารหยินเยว่? เขากำลังหาที่ตาย?
"เขาบอกให้เ้าไสหัวไป หูหนวกหรืออย่างไร? สวะ! จะไปตายที่ไหนก็ไป อย่ามารบกวนเวลากินข้าวของบิดา"
หวงต้าหยาบคายยิ่งกว่า มันเชิดหัวขึ้นสูง และไล่พวกเขาอย่างไม่เกรงใจ
ชายหนุ่มในชุดฟ้าอยู่ไม่ห่างจากที่นี่สายตาของเขามองไปยังเจียงเฉินและคนอื่นๆ ดูเหมือนว่าเขากำลังตรวจสอบว่าเจียงเฉินจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร คนรับใช้ทั้งสองต่างเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์
"บัดซบ! เ้าหมาระยำนี่มาจากที่ใด? กล้าดีอย่างไรมาพูดกับบิดาเยี่ยงนี้?"
ชายร่างกำยำอีกคนเกรี้ยวกราด
"หยุดพ่นเื่ไร้สาระ นำผู้หญิงไปซะ! มันจะดีกว่าหากไม่ทำให้แผนการของนายน้อยล่าช้า"
หลังจากพูดเสร็จ ชายทั้งคู่ยื่นมือไปยังเยี่ยนเฉินหยวี่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้กำลังลักพาตัวตอนนี้ การเชื้อเชิญถูกปฏิเสธ ทั้งคู่เคยฉุดคร่าหญิงสาวมามากมายก่อนหน้า
"จบกัน นางตกเป็เป้าหมายของนายน้อยหยินเหริน นางช่างโชคร้ายจริงๆ"
"ถูกต้อง นางออกจะเป็หญิงสาวแสนดี กลับต้องพบกับความพินาศ"
หลายคนถอนหายใจอย่างเงียบๆ ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสาร
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้นทำให้พวกเขากรามค้างลงบนพื้น เมื่อมือของทั้งคู่นั้นกำลังจะััเยี่ยนเฉินหยวี่ เจียงเฉินได้เคลื่อนไหว
เจียงเฉินยกมือขึ้นมา แสงสีทองสว่างพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว แสงสว่างนั้นเหมือนกับดาบยาว ได้ตัดลงมาดั่งสายฟ้าฟาด
ฉับ! ฉับ!....
เสียงตัดผ่านสี่ครั้งดงขึ้น แขนทั้งสี่เต็มไปด้วยเืได้กระเด็นขึ้นบนอากาศ เืพุ่งออกจากแขนของทั้งคู่ดั่งน้ำพุ ไหลไปรอบๆโต๊ะ ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นก่อนที่เืจะไหลไปยังโต๊ะที่ติดกับเจียงเฉิน เืได้แข็งตัวและหายไปก่อน
อ๊าก.............
เสียงกรีดร้องด้วยความเ็ปดังก้องทั่วทั้งภัตตาคาร แขนทั้งสี่กระเด็นไปคนละทิศ และพวกเขายังคงขยับได้ จนถึงตอนนี้ทั้งสองเพิ่งตอบสนอง พวกเขาเริ่มกรีดร้องโหยหวนออกมา
