เสียงฝีเท้าอันแ่เบากำลังเดินไปตามตรอกอย่างเงียบๆท่ามกลางคืนที่มืดมิดไร้ดวงดาว ั์ตาสีฟ้าคู่สวยมองไปยังเป้าหมายตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น เมื่อสบโอกาสดาร์เรลจึงรีบลงมืออย่างไม่ลังเล
“พรึบ ! ผัวะ ! ฉับ !”
เท้าเรียวตวัดเข้าที่ต้นคอก่อนที่ร่างนั้นจะล้มลง ดาร์เรลไม่ปล่อยให้มันได้ทันตั้งตัวใช้มีดเงินปักไปที่กลางอกอย่างแม่นยำ
เวลาเพียงไม่ถึงสามนาทีแวมไพร์เบต้าก็กลายเป็ศพกองอยู่ตรงเท้า หลังจากฆ่าเรียบร้อยดาร์เรลไม่ลืมจุดไฟเผาจนไม่เหลือซากเพื่อป้องกันการฟื้นคืนชีพของมัน
“พวกกระจอกอีกแล้วสินะ”
เสียงหวานบ่นขึ้นอย่างเบื่อหน่าย แต่ถ้าไม่ฆ่าทิ้งสะพวกมันก็จะสร้างความวุ่นวายด้วยการไล่กัดมนุษย์ธรรมดาที่ไม่รู้เื่รู้ราว
ดาร์เรลก้มมองนาฬิกาข้อมือพบว่ายังมีเวลาเหลือพอให้เขาได้ล่าอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า
ที่เขาเลือกไล่ล่าใน่เวลานี้เพราะเหล่าแวมไพร์จะออกมาใช้ชีวิตอย่างเปิดเผย ไม่ต้องหลบซ่อนอย่างตอนกลางวัน แต่จะมีจำพวกที่เป็อัลฟ่าชนชั้นสูง พวกมันไม่เคยหลบซ่อนไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เพราะพวกมันไม่กลัวแสงแดดสิ่งเดียวที่พวกมันหลีกเลี่ยงคือเหล่านักล่าปีศาจที่มีพลังทัดเทียมกัน
ดาร์เรลขึ้นไปอยู่บนชั้นสูงสุดของตึกก่อนมองลงมาผ่านลำกล้องของปืนไรเฟิล ข้อดีของการอยู่ที่สูงคือสามารถมองเห็นได้ว่าใครกำลังทำอะไรอยู่บ้าง เมื่อได้เป้าหมายใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็แวมไพร์ที่เป็อัลฟ่านิ้วเรียวจึงกดลั่นไกก่อนลงไปดูผลงาน แต่ทว่ากลับไม่พบร่างของมัน
“คิดว่าเป็นักล่าอัลฟ่าที่ยิงะุเงินใส่ ที่แท้ก็แค่โอเมก้าชั้นต่ำ กล้าดีนิที่ลงมาดูผลงาน แต่ขอโทษนะของพวกนี้ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอกคนสวย”
“โชคดีของเราแล้ววะที่คืนนี้มีคนอยากเป็อาหาร”
“หึ เช็ดคราบเืที่ปากหน่อยก็ดี”
“จะว่าไปแรงกระแทกเมื่อครู่ก็เจ็บเอาเื่อยู่เหมือนกัน”
แวมไพร์หนุ่มยกหลังมือขึ้นเช็ดคราบเืตามที่เพื่อนบอก ก่อนจะหันมามองดาร์เรลด้วยสายตาเป็ประกายและปล่อยฟีโรโมนกดข่มออกมา แต่ร่างบางกลับไม่มีท่าทางสั่นกลัวสักนิด
“กลิ่นหอมจังเลยคนสวย ขอกัดคอขาวๆ หน่อยสิครับ”
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นหยอกล้อกับเหยื่ออย่างที่ชอบทำ เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นแวมไพร์หนุ่มก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังของร่างบาง ดูเหมือนมันจะชะล่าใจเมื่อเห็นว่าดาร์เรลเป็เพียงโอเมก้าจึงไม่ทันระวัง ในขณะที่ดาร์เรลนั้นเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว
“พรึบ ! ฉึบ อั๊ก ตุบ”
ศอกเรียววาดไปด้านหลังด้วยความว่องไวตามด้วยมีดเงินที่หมายปริดชีพในคราเดียวแต่ทว่ามันกลับไม่เป็อย่างนั้นเมื่อแวมไพร์หนุ่มหลบได้ทัน ดาร์เรลประเคนฝ่าเท้าให้ต่อในทันที
“ดุไม่เบาเหมือนกันนิครับคนสวย แสดงว่าเป็โอเมก้าเืบริสุทธิ์สินะ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี เพราะพวกโอเมก้าเืบริสุทธ์ไม่ใช่แค่มีกลิ่นฟีโรโมนที่หอมยั่วยวนแต่เืจะหอมและหวานเป็เอกลักษณ์
“มึงเลิกเล่นได้แล้ว”
แวมไพร์หนุ่มที่ยืนมองเอ่ยปรามเสียงดุ เมื่อเห็นว่าเพื่อนมัวแต่เล่นไม่ยอมลงมือเสียที
“ถึงจะเป็โอเมก้าเืบริสุทธิ์ก็เป็แค่โอเมก้าชั้นต่ำ กูก็แค่ยอมๆ ให้มันได้ใจเท่านั้น หน้าสวยๆ แบบนี้เหรอจะฆ่ากูได้ ถ้าเป็ที่ระบายอารมณ์หรืออาหารอะคงใช่ ฮ่าๆๆ”
แวมไพร์หนุ่มแสยะยิ้มร้ายออกมา พูดด้วยความมั่นใจ ถึงแม้ว่าฟีโรโมนจะไม่สามารถกดข่มได้แต่พละกำลังที่มีมันต่างกัน
“เหรอครับ ? ปัง ปังๆ !”
เสียงหวานเอ่ยถามอย่างหยอกล้อเมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวในระยะใกล้ ภายในสมองกำลังประมวลผลถึงความน่าจะเป็ตามสัญชาตญาณ ดาร์เรลจึงลั่นไกปืนที่ถือรออยู่ก่อนแล้วด้วยความไว จริงอยู่ที่แวมไพร์มีความว่องไวแต่ถ้าเดาทางได้และทะนงตัวก็ตายได้ง่ายเช่นกัน
“ทำไม ?” เพื่อนที่ยืนมองในตอนแรกนิ่งอึ้งไม่ต่างจากคนที่เพิ่งโดนฆ่า
“ปังๆ !” ดาร์เรลไม่รอช้าลั่นะุสองนัดซ้อนแต่ดูเหมือนว่ามันจะฉลาดกว่าเพื่อนของมันมาก เขาจึงต้องคิดหาวิธีใหม่
“เล่นทีเผลอแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างดุดันด้วยความโกรธ ปล่อยฟีโรโมนอันเข้มข้นของตัวเองออกมาและพุ่งประชิดตัวร่างบางในทันที
“เพี๊ยะ ! ตุบ อั๊ก อ๊ะ”
หลังมือตวัดเข้าที่ใบหน้าสวยเต็มแรงก่อนจะตามมาซ้ำในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีทำให้ปืนในมือเรียวหลุดกระเด็นไถลไปกับพื้นคอนกรีต
ดาร์เรลตั้งรับได้ถึงแม้จะไม่มากก็ตาม หากโดนเต็มๆกระดูกคงแหลกละเอียด
“อึก”
ลมหายใจเริ่มติดขัดเมื่อมือหนาบีบเข้าที่ลำคอขาวทำให้เท้าเรียวลอยขึ้นจากพื้น ดาร์เรลจึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่ตนมีในการเกร็งลำคอก่อนใช้เท้าถีบขาคู่ และหยิบมีดออกจากทีี่ลับปาไปที่กลางอก แต่มันกลับปัดทิ้งได้อย่างสบายๆ
“ปังๆ ปังๆ”
ดาร์เรลม้วนหน้าไปหยิบปืนกระบอกนั้นและลั่นไกไปยังตำแหน่งที่มันอยู่อย่างว่องไว แน่นอนว่ามันหลบได้ทันอย่างที่ผ่านมา มือเรียวจึงหันปลายกระบอกปืนไปยังด้านหลังของตนแล้วลั่นไกอีกสองนัด
“ตุบ”
ร่างสูงหล่นลงพื้นราวกับผลไม้สุกงอมที่ร่วงลงจากต้น ั์ตาคู่สวยมองศพตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ เพราะแวมไพร์อัลฟ่าตรงหน้าเรียกได้ว่าแข็งแกร่งในระดับหนึ่งแต่ยังไม่ใช่กลุ่มอัลฟ่าเอส
“จะตายง่ายก็ไม่แปลก เพราะะุนี้ทำเพื่อฆ่าพวกแวมไพร์อัลฟ่าโดยเฉพาะยังไงล่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอีกครั้งในขณะลากร่างของแวมไพร์หนุ่มมากองรวมกันก่อนจุดไฟเผา
การต่อสู้ไม่ได้กินเวลามากนักแต่จากสภาพร่างกายดาร์เรลรู้ดีว่าตัวเองไม่ควรฝืน เพราะหากพลาดขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิต เขาในตอนนี้ยังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อตามล่าเป้าหมายที่เป็อันดับหนึ่งของตระกูล
ั้แ่เขาเกิดมามีเพียงคำเดียวเท่านั้นที่เป็เป้าหมายสูงสุดของชีวิตนั่นก็คือตระกูลเพอร์บี
ตระกูลเพอร์บี เป็ที่หมายปองของเหล่านักล่าปีศาจ แวมไพร์สูงศักดิ์เปรียบเสมือนรางวัลแห่งเกียรติยศ
เอริค เพอร์บี ท่านผู้นำตระกูลที่หายสาบสูญไปกว่าพันปี อีนิกม่าแวมไพร์เืบริสุทธิ์ผู้นั้นไม่เคยแสดงตัวตนถึงการมีอยู่ แต่ทุกคนต่างตระหนักถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัว
ใครก็ตามที่ฆ่าคนในตระกูลเพอร์บีได้ แม้ว่าเป็ลูกน้องปลายแถวก็ยังได้รับการยกย่อง แต่จะมีใครสักกี่คนที่กล้าท้าทายอำนาจมืด โดยไม่เกรงกลัวความตาย
ถึงจะเป็อย่างนั้นก็ไม่เคยมีใครพบเห็นคนในตระกูลของเพอร์บี ทุกคนรู้ดีว่าพวกมันไม่ได้หายไปไหน พวกมันแค่ทำตัวกลมกลืนเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปจนแทบแยกไม่ออก เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุลไปตามกาลเวลา
……………………………………………….