ตาข่ายเหล็กเย็นอายุร้อยปีนั้นแข็งแกร่งมาก และยากที่จะทำลายด้วยใบมีดธรรมดา
เพราะการหลุดออกมายากเกินไป ดังนั้นผู้ท้าลองในอดีตจึงไม่มีใครเลือกที่จะต่อสู้แบบตัวต่อตัว เมื่อพวกเขาถูกกักขังไว้ได้แล้วล้วนพบแต่ความล้มเหลวในการผ่านด่าน
วิธีของหลัวเลี่ยนั้นป่าเถื่อนจนผู้ชมแทบคลั่ง
“โหดเกินไปแล้ว!”
“ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก มีการผ่านด่านแบบนี้ที่ไหนกัน”
“ตาข่ายเหล็กเย็นอายุร้อยปีสามารถถูกฉีกออกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้เช่นนี้ หากข้าไม่ได้เห็นมันด้วยตาของข้าเอง ข้าคงไม่มีวันเชื่อ”
เมื่อเผชิญหน้ากับตาข่ายเหล็กอายุร้อยปีอีกก็ทำเช่นเดิม
เหล่าทหารที่ถือตาข่ายอยู่ด้านหลังรู้สึกคล้ายหัวใจแตกสลาย พวกเขาเป็ผู้ถือตาข่ายในด่านที่สองมาหลายปี และนี่เป็ครั้งแรกที่พวกเขาพบคนเช่นนี้
สิ่งที่ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกก็คือหลัวเลี่ยยังคงผ่านการทดสอบด้วยความเร็วที่ไม่ลดลง เมื่อบางคนลองนับเวลาดูแล้วพบว่า หลังจากเริ่มบททดสอบผู้พิชิต หลัวเลี่ยผ่านด่านที่สองไปได้โดยใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูป[1]เท่านั้น ซึ่งเวลาดังกล่าวนี้ยังนับรวมกับตอนที่หลัวเลี่ยหยุดพักไปครู่หนึ่งในด่านแรกอีกด้วย
บางคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หลัวชื่อสิงอีกครั้ง
เขายังคงอยู่ที่ทางเดินยาวสามสิบจั้งในด่านแรก แต่กลับหัวเราะอยู่ได้
“ฮ่าๆ หลัวเลี่ย ขอโทษด้วยนะ วันนี้ข้าเล่นใหญ่ไปหน่อย ผ่านด่านเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่เ้าไม่ต้องรีบร้อนไป หลังจากข้าผ่านด่านแล้วข้าจะนอนอยู่ข้างนอกรอเ้านะ”
เสียงนี้ดังมากกลบเสียงหอนของหมาป่าขนทองเ่าั้
ในที่สุดหลิวหงเหยียนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดด้วยรอยยิ้ม “อ๋องชวนหลง หลัวชื่อสิงที่เ้าแนะนำนั้นไม่เลวเลย ความเร็วนี้เกือบจะล้ำหน้าสถิติที่ชงจ้านหยวนทำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว อืม ไม่เลวๆ ดีมาก”
“ดูเหมือนว่าเื่ที่หลัวเลี่ยไม่เคยฝึกวรยุทธ์คงไม่เป็เื่จริง แผนการที่ถูกเตรียมมานานเช่นนี้เป็การวางกับดักข้าน้อยเสียแล้ว ฝ่าาหลักแหลมยิ่ง” ชงโหวหู่พูดอย่างเ็า เขาไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าหลัวเลี่ยเพิ่งฝึกฝนวรยุทธ์ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น
หลิวหงเหยียนรู้ว่าเขาไม่เชื่อ อันที่จริงแม้แต่นางในตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่
เป็เวลาครึ่งเดือนกับการฝึกเคล็ดวิชาั์ถึงระดับที่สี่!
เป็ตำนานแล้ว!
“ตำแหน่งอ๋องหนานลี่และหัวหน้าผู้าุโ โชคยังคงเข้าข้างข้า” หลิวหงเหยียนแสดงรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“โชคชะตาเป็สิ่งที่คาดเดาไม่ได้ บัดนี้ผลลัพธ์ยังไม่แน่ชัด ฝ่าาอย่าเพิ่งมีความสุขจนเกินไป” คำพูดเยาะเย้ยปรากฏขึ้นจากมุมปากของชงโหวหู่ “ด่านที่สามนั้นง่ายที่จะเสียชีวิต”
หลังจากที่เขาพูดจบ หลัวเลี่ยที่อยู่ด้านล่างก็ทำลายประตูที่ปิดอยู่ในส่วนท้ายของด่านที่สอง และก้าวเข้าสู่ด่านที่สาม
เมื่อเขาเข้ามาพื้นดินก็สั่นะเื และพบกับั์ร่างกายสีทองถือดาบสีทองขวางทางอยู่
ทันทีที่ั์ปรากฏตัวขึ้น ผู้ชมก็อยู่ในความโกลาหล
แม้แต่ชงจ้านหยวนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานว่า “ท่านพ่อช่างรอบคอบเกินไปแล้ว ครั้งนี้หลัวเลี่ยต้องเดือดร้อนแน่นอน!”
ด่านที่สามคือหุ่นเชิดเหล็กคราม หากสามารถฝ่าดาบสองเล่มในมือนั้นไปได้ก็จะผ่านด่าน แต่หุ่นเชิดเหล็กครามนั้นแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ
ทว่าตอนนี้ผู้ที่ปรากฏตัวต่อหน้าหลัวเลี่ยกลับเป็หุ่นเชิดเหล็กทองคำ
หุ่นเชิดเหล็กทองคำนั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าหุ่นเชิดเหล็กครามถึงสามเท่า และจุดแข็งคือการป้องกันตัวเช่นการสู้กับหุ่นเชิดเหล็กคราม ผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับห้าหรือหกอาจทำให้มันถอยหลังไปได้หนึ่งหรือสองก้าว ในขณะที่ไม่สามารถทำอะไรหุ่นเชิดเหล็กทองคำได้ สำหรับหุ่นเชิดเหล็กทองคำ แม้ว่ามันจะยืนนิ่งและปล่อยให้ผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับหกลงมือก็ไม่สามารถโจมตีมันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของมัน เรียกได้ว่าเป็หุ่นเชิดระดับตำนาน
“อ๋องชวนหลง เ้าทำเกินไปแล้ว!” ในที่สุดหลิวหงเหยียนก็ไม่สามารถควบคุมความโกรธของนางเอาไว้ได้
นางสามารถทนเล่ห์เหลี่ยมที่น่ารังเกียจของชงโหวหู่ได้แล้วหลายครั้ง แต่นางไม่คาดคิดว่าบททดสอบสุดท้ายนี้ชงโหวหู่จะใช้หุ่นเชิดเหล็กทองคำ มันทำให้นางรู้สึกเหมือนชัยชนะถูกพรากไปจากมือของนางแล้ว
เสวี่ยปิงหนิงยังะโด้วยความโกรธ
หลายคนที่ภักดีต่อหลิวหงเหยียนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ผู้คนอาจไร้ยางอายได้ แต่การไร้ยางอายถึงขนาดนี้เป็สิ่งที่ทำให้ผู้คนอดทนควบคุมตนเองไม่ได้จริงๆ แม้ว่าเขาจะเป็ถึงอ๋องชวนหลงชงโหวหู่ แต่ก็มีบางคนที่ะโด่าเขาแล้ว
ชงโหวหู่ยังคงหยิ่งยโส “ข้าเคยพูดแล้วว่า หลัวเลี่ยได้รับการชี้แนะจากอ๋องหนานหลี่ แต่กับหลัวชื่อสิงแล้วไม่ได้เป็เช่นนั้น การเพิ่มความยากให้หลัวเลี่ยนับว่ายุติธรรมแล้ว”
“ข้าไม่เห็นด้วย” หลิวหงเหยียนตะคอกอย่างเ็า
“ข้าเห็นด้วยเช่นนั้นก็เพียงพอแล้ว!” ชงโหวหู่กล่าว
หลิวหงเหยียนโกรธมาก “บังอาจ! เ้ายังเห็นจักรพรรดินีอยู่ในสายตาหรือไม่”
ชงโหวหู่เม้มริมฝีปาก และกล่าวว่า “ข้าตั้งใจคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ!”
หลิวหงเหยียนตัวสั่นด้วยความโกรธ นี่เป็การอวดดีเกินไปจริงๆ
บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมด้วยความมาคุระหว่างจักรพรรดินีผู้ปกครองและขุนนาง นี่อาจหมายถึงชงโหวหู่้าก่อฏ
ทั้งสองมองหน้ากัน แต่ก็ห้ามตัวเองไว้ทั้งคู่ รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกัน ก่อนที่พวกเขาจะแน่ใจจริงๆ แม้ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะชนะ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงลิ่ว ภายใต้สายตาของแคว้นรอบๆ อาจพูดได้ว่าเื่นี้จะเป็ประโยชน์กับแคว้นอื่นๆ
“หลัวเลี่ยลงมือแล้ว!”
และในเวลาเดียวกันก็มีคนส่งเสียงร้องเบาๆ หันเหความสนใจของทุกคน
เท่าที่ผู้คนมองเห็น พวกเขาเห็นว่าหลัวเลี่ยยังคงพุ่งเข้าหาหุ่นเชิดเหล็กทองคำเหมือนสองด่านก่อนหน้านี้โดยไม่หยุดชะงัก
หุ่นเชิดเหล็กทองคำไม่มีความสามารถในการเคลื่อนไหว ดังนั้นมันจึงทำเพียงโจมตีอยู่กับที่ขัดขวางการผ่านด่านนี้
หลังจากวิ่งไปด้านหน้า หุ่นเชิดเหล็กทองคำก็ยกดาบยาวสีทองอันแหลมคมของมันขึ้น และฟันไปที่หลัวเลี่ยเหมือนสายฟ้า ความเร็วและความแข็งแกร่งนั้นน่าอัศจรรย์
ร่างกายของหลัวเลี่ยหยุดกะทันหัน
ชิ้ง!
ดาบยาวสีทองฟันลงมา ก่อนที่ปลายดาบจะตกลงตรงหน้าห่างจากเท้าเขาราวหนึ่งชุ่น[2]
“ดูท่าเ้าจะหนักหนาเอาการ”
และในตอนนั้นหลัวเลี่ยก็ชกออกไป
เขาไม่ได้โง่ เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดเหล็กทองคำ ดังนั้นแน่นอนว่าเขาจะไม่ประมาท เขาเข้าใจดีว่าตนเองกำลังต่อสู้กับสิ่งที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงต้องใช้จุดแข็งของตนแล้ว
ใช้โอกาสนี้และโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดของตนเอง
หมัดนี้ประกอบด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของร่างกาย และยังรวมกับพลังภายในที่อยู่ในระดับที่สี่
เมื่อรวมทั้งสองอย่าง้าแล้ว ยังมีทักษะผิวแข็งแกร่งและกระดูกเหล็กอีก
ตูม!
ด้วยหมัดที่หนักหน่วงก็เกิดเสียงจากดาบยาวสีทองทันที
ดาบยาวสีทองไม่หักหรือแตก แต่มันสั่นะเืรุนแรงมาก
หลัวเลี่ยประสบความสำเร็จในการโจมตีเพียงครั้งเดียว และก่อนที่หุ่นเชิดเหล็กทองคำจะเงื้อดาบของมันขึ้นเพื่อโจมตีอีกครั้ง กำปั้นซ้ายของเขาก็ฟาดลงไป
เมื่อพูดถึงเื่นี้ หุ่นเชิดเหล็กทองคำเองก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน นั่นคือมันเป็แค่หุ่น และที่สำคัญที่สุดคือพวกมันไม่มีความคิด
ตูม! ตูม! ตม!
หลังจากนั้นเขาก็ชกติดต่อกันสามครั้ง ฟาดดาบสีทองที่ยกขึ้นมาทั้งหมด
ในที่สุดดูเหมือนว่าดาบสีทองจะปรากฏรอยแตกร้าวแล้ว
หลัวเลี่ยฉวยโอกาสนี้ฟาดหมัดลงไป
จำนวนหมัดมากกว่ายี่สิบครั้งในหนึ่งลมหายใจทำให้ดาบสีทองส่งเสียงออกมา
หุ่นเชิดเหล็กทองคำสูญเสียดาบสีทองแล้ว แม้มันยังสามารถแกว่งมือขวาที่ถือดาบขึ้นและลงได้ แต่ก็ไม่มีพลังโจมตี
หลัวเลี่ยกระโจนเข้าใส่มันอีกครั้ง ทุบไปที่หน้าอกของหุ่นเชิดเหล็กทองคำ
ครั้งนี้เขารู้สึกหมดหวัง
การต้านทานของหุ่นเชิดเหล็กทองคำนั้นน่ากลัวเกินไป และเขาไม่สามารถเอาชนะได้เลย
ความจริงหลัวเลี่ยสามารถเดินผ่านด่านไปได้แล้ว แต่เขาไม่ทำ ไม่ใช่ว่าเขายืนกรานที่จะทำลายหุ่นเชิดเหล็กทองคำให้ได้ เพียงแต่เขาไม่อยากทิ้งสิ่งใดไว้ให้ชงโหวหู่ใช้เป็ข้อแก้ตัวได้ กลัวว่าชงโหวหู่จะตุกติก กล่าวว่าในด่านที่สามเขาต้องทำลายหุ่นเชิดเหล็กทองคำเสียก่อน ถ้าเป็เช่นนั้นสิ่งที่เขาลงแรงไปจะไม่สูญเปล่าหรือ?
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงคิดจะผ่านด่านด้วยการทำลายทุกสิ่ง
เมื่อเห็นว่าการโจมตีอย่างเดียวไม่เพียงพอ ในที่สุดเขาก็ใช้ทักษะการต่อสู้เดียวที่เขาเชี่ยวชาญ...หมัดผู้พิชิต!
เมื่อหลัวเลี่ยใช้ทักษะหมัดผู้พิชิต อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เหมือนกับมีผู้พิชิตลงมายังโลก โดยรอบมีลมก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ ก่อนจะดึงอากาศมาจนเหมือนลมและเมฆที่ปั่นป่วน
ใจของชงโหวหู่หล่นวูบเมื่อเห็นเช่นนั้น
หลัวเลี่ยลงมืออีกครั้ง
เมื่อชกหมัดผู้พิชิตออกไปลมก็พัดขึ้น เมฆเคลื่อนไปมาทุกทิศทาง แล้วแขนของหุ่นเชิดเหล็กทองคำที่แกว่งขึ้นลงก็หยุดลง
ตูม!
เมื่อหลัวเลี่ยชกออกไปก็ปรากฏรอยบุ๋มตรงหน้าอกของหุ่นเชิดเหล็กทองคำ แล้วรอยแตกก็ปรากฏกระจายรอบกำปั้นของเขา
สิ่งนี้ทำลายกลไกภายในของหุ่นเชิดเหล็กทองคำทันที และทำให้แตกเป็เสี่ยงๆ นับไม่ถ้วน ร่างกายของหุ่นเชิดเหล็กทองคำสั่นสะท้านส่งเสียงกึกก้องและชิ้นส่วนก็แตกกระจายไปทั่ว
ผ่านด่านที่สาม!
“ผู้สืบทอดตำแหน่งอ๋องหนานหลี่ยังคงเป็หลัวเลี่ย!” หลิวหงเหยียนกัดฟัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองตื่นเต้นมากไป ทว่าเสียงที่นางเปล่งออกมายังสั่นเล็กน้อย
หัวใจของชงโหวหู่กำลังจะแตกสลาย
เขาเตรียมพร้อมสำหรับบททดสอบผู้พิชิตนี้ด้วยความรอบคอบอย่างมาก แต่เขาก็ยังแพ้
สิทธิในการสืบทอดตำแหน่งของอ๋องหนานลี่ และตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้าุโหลุดลอยไปพร้อมๆ กัน นี่เป็ความล้มเหลวที่แท้จริงเป็ครั้งแรกของเขาหลังจากที่เขาเข้าควบคุมราชสำนักและมีอำนาจในแคว้นเป่ยสุ่ย
แม้ว่าเขาจะระมัดระวังสาเหตุที่จะก่อให้เกิดความล้มเหลวแล้ว แต่ก็ถูกหลัวเลี่ยทำลายแผนการที่คิดไว้อย่างรอบคอบนี้ได้อีก ทำให้หลิวหงเหยียนได้เปรียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังยิ่งกว่านั้นคือ หลัวเลี่ยยังตรงไปในด่านที่สี่ ด่านสุดลึกลับที่มีความพิเศษมาก
[1] 1 ก้านธูป เทียบได้ประมาณครึ่งชั่วยาม หรือ 1 ชั่วโมง
[2] 1 ชุ่น ประมาณ 3.33 เิเ