ก่อนหน้านี้ ตอนที่เข้ามายังพื้นที่รกร้าง ิอวี่ก็ได้เจอกับเิหยูเยียนมาแล้ว เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ในการทดสอบคัดเลือกเด็กใหม่ของสายเลี่ยนเหยียน เขากับเิหยูเยียนก็เจอกันอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ในเวลานี้ ิอวี่ได้พบกับนางอีกครั้งถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อหนึ่งเดือนก่อนเิหยูเยียนถูกซ่งหยวนหยวนรับมาเป็ศิษย์ชั้นยอด แล้วตอนนี้เขาเองก็ถูกเลือกมาด้วยเช่นกัน นั่นก็หมายความว่า ต่อไปนางก็จะกลายมาเป็ศิษย์น้องของเขาแล้วอย่างนั้นสินะ?
อย่างไรตอนนี้ิอวี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปถามใครว่าตำหนักเมฆาเพลิงนั้นอยู่ที่ไหน อย่างนั้นก็ไปถามเิหยูเยียนก็แล้วกัน
พอคิดได้แบบนี้ ิอวี่ก็เลยเดินลมปราณไปที่ขาทั้งสองข้าง จากนั้นก็ะโข้ามแม่น้ำไปยังเขาลูกฝั่งตรงข้าม
ิอวี่ไม่ได้เรียกเ้าวิหคัเพราะมันยังอยู่ที่ลานประลอง ไม่ได้ตามมาด้วยทันที แต่เขาก็ไม่ได้เป็กังวลเพราะเขากับวิหคัใจสื่อถึงกัน พวกเขาััลมปราณของกันและกันได้ เ้าวิหคัจะต้องหาที่นี่จนเจอในอีกไม่นานแน่
ผ่านไปสิบนาทีิอวี่ก็มาถึงเขาฝั่งตรงข้าม เขามองไปยังอาคารสีแดงสูงสามชั้นที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วกำลังคิดจะเรียกเิหยูเยียน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเิหยูเยียนนั้นจะเปิดหน้าต่างชั้นสองออกมาก่อน ดวงตาอันงดงามของนางนั้นจ้องมาที่ิอวี่
นางสวมชุดกระโปรงหลวมๆ สีแดง ผิวพรรณขาวผ่อง รูปร่างงดงาม ผมของนางสยายยาวลงมา ใบหน้างดงามมาก
ถึงแม้จะแต่งหน้าเรียบง่าย ท่าทางดูสบายๆ แต่นางก็ยังดูมีเสน่ห์อย่างมาก
“เ้าเองหรือ?”
ตอนที่เห็นิอวี่ เิหยูเยียนก็ขมวดคิ้วหนักมาก นางยังจำได้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าของนางนั้นเคยมีปัญหากับเซินถูเจ๋อ หลังจากนั้นเซินถูเจ๋อก็ตามหาเขาถึงหนึ่งเดือนเต็มแต่ก็ไม่เจอตัวเลย
คิดไม่ถึงเลยว่า ชายหนุ่มคนนั้น วันนี้จะมายืนอยู่ตรงนี้
“อือ ข้าเอง เพิ่งมาถึงที่นี่วันนี้ หอจิ้งโม่ที่อยู่ตรงข้ามเป็ที่พักของข้า” ิอวี่ตอบ
“ท่านอาจารย์รับเ้าเป็ศิษย์หรือ?”
ิอวี่พยักหน้า “วันนี้เพิ่งรับเข้ามา ต่อไปเราเรียนรู้ไปด้วยกันนะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
“ตกลง”
เิหยูเยียนพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับิอวี่ นางเพิ่งจะเดินพลังจิตตรวจสอบดูก็พบว่าิอวี่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้ว คิดว่าเพราะความสามารถของเขาเพิ่มขึ้น อาจารย์จึงน่าจะถูกใจระดับความก้าวหน้าที่รวดเร็วของเขา ส่วนเซินถูเจ๋อนั้น ผู้าุโใหญ่คนอื่นน่าจะเลือกไป
เิหยูเยียนก็แค่คาดเดาในใจแต่ไม่ได้ถามออกมา เพราะนางไม่ได้สนใจ ดังนั้นไม่ถามก็ไม่เป็ไร
นางหน้าตาดี มีความสง่างามเป็เอกลักษณ์ และยังเป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง เพราะสามารถร่างพลังเวทได้ และยังมีกำลังเทียบเท่าขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง!
ผู้กล้าอย่างเซินถูเจ๋อเป็ประเภทโจมตี ต่อให้มีกำลังรบแข็งแกร่งแค่ไหน แต่หากไม่ระวังก็เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะเิหยูเยียนก็จะสามารถร่างพลังเวทได้ จนเขาสติหลุดไปในภาพลวงตาและสุดท้ายก็จะฆ่าตัวตาย
ดังนั้นถึงแม้พลังเวทจะเป็พลังที่อ่อน แต่กลับมีพลังสังหารรุนแรง จะดูถูกไม่ได้เลย!
นางอายุสิบเจ็ดก็สามารถทำได้ในระดับนี้แล้ว เิหยูเยียนไร้พ่ายกับคนที่มี่อายุเดียวกัน นางมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก มาที่เทือกเขาแห่งนี้เพียงหนึ่งเดือนก็ได้ดูดซับพลังฟ้าดินไปจำนวนมาก พลังฝีมือก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย นางในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าหนึ่งเดือนที่แล้วมาก
อีกไม่นานนางก็จะแข็งแกร่งขึ้นอีก นางจะอาศัยพร์อันน่าทึ่งตามคนที่มีพลังฝีมือเหนือกว่าได้แน่นอน ส่วนคนที่มีความแตกต่างกับนางไม่มาก สุดท้ายนางก็จะห่างกับพวกเขาไปอีก และพวกเขาก็จะทำได้แค่เฝ้ามองนางเท่านั้น
ดังนั้น เิหยูเยียนจะกลายเป็สุดยอดผู้มีพร์ความสามารถของสายเลี่ยนเหยียน ในตัวของนางมีความเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีในความสูงศักดิ์มาั้แ่เกิด
นางไม่สนใจใคร ไม่ตัดสินใคร ยิ้มรับอย่างมีมารยาทให้กับทุกคน นางมีความเกรงใจ มีมารยาท แต่ก็ทำให้ทุกคนถอยออกห่างไปแบบไม่รู้ตัว
เพราะท่าทางที่เ็าเรียบง่าย มันทำให้ศิษย์ผู้ชายหลายคนนั้นแทบเป็บ้า และรู้สึกว่าอยากจะไขว่คว้า
แต่มันก็เป็แค่ฝัน เพราะผู้หญิงชุดกระโปรงแดงคนนี้เป็ดั่งความหมายในชื่อของนาง เป็ดั่งฝัน เป็ดั่งหมอกควัน ราวกับอากาศ ที่ทำได้แค่ชื่นชม แต่ไม่อาจแตะต้องได้เลย
“อือ พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าร่วมพิธี ข้าอยากรู้ว่าตำหนักเมฆาเพลิงอยู่ที่ไหนหรือ” ิอวี่ถามไปตามตรง
“ผ่านเทือกเขาลูกนี้ไป ตรงไปอีกประมาณร้อยลี้ จะมีอาคารสีแดงเพลิงหลังหนึ่ง นั่นแหละตำหนักเมฆาเพลิง หากเ้าไม่เชื่อ เ้าลองไปดูก่อนได้นะ” เิหยูเยียนพูด
ิอวี่ส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ข้าเชื่ออยู่แล้ว หากเ้ามีเวลา พาข้าไปดูรอบๆ หน่อยนะ แนะนำอาคารรอบด้านให้ข้ารู้ที ข้ามาใหม่ยังไม่ค่อยคุ้นเคยเลย”
“เ้าไปซื้อแผนที่มาฉบับหนึ่งได้นะ มันมีคำแนะนำอย่างละเอียดเลย ดีกว่าให้ข้าพาไป”
เิหยูเยียนส่ายหน้าอยู่ขอบหน้าต่าง ไม่ได้คิดจะลงมาเลย
“ได้ หากเ้ามีเวลาไปนั่งเล่นที่ที่พักข้าได้นะ เราจะได้ฝึกฝีมือกัน” ิอวี่รู้สึกว่าบรรยากาศมันตึงๆ อย่างไรบอกไม่ถูก เลยพูดเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ
เิหยูเยียนยืนพยักหน้าอยู่ที่ขอบหน้าต่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปก่อนนะ” ิอวี่พูด
“ลาก่อน”
“ลาก่อน” ิอวี่โบกมืออย่างมีมารยาทให้กับเิหยูเยียน แล้วก็หันหลังกลับเลย จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปดูอีกทีก็พบว่าเิหยูเยียนปิดหน้าต่างไปเรียบร้อย และไม่เห็นเงาของนางอีกเลย
ตอนที่ิอวี่ถามถึงที่ตั้งของตำหนักเมฆาเพลิง เิหยูเยียนเองก็ตอบตามความจริง หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่งนางก็ปิดหน้าต่างทันที ที่จริงมันก็ไม่แปลก
แต่ไม่รู้ทำไมิอวี่ถึงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็อารมณ์แบบไหน
อาจจะเป็นิสัยของเิหยูเยียนก็ได้มั้ง
ิอวี่ส่ายหน้าแล้วก็เลิกคิด จากนั้นก็กลับมายังหอจิ้งโม่ของเขาอีกครั้ง
หอจิ้งโม่นั้นมีทุกอย่างที่ควรมี ชั้นหนึ่งเป็ห้องโถงใหญ่ ชั้นสองเป็ห้องฝึกเดี่ยว มีห้องหนังสือ ส่วนชั้นสามเป็ห้องพักที่กว้างขวางและสบาย
ิอวี่เดินขึ้นมาที่ห้องฝึกชั้นสองในทันที จากนั้นก็เริ่มดูดซับพลังงานฟ้าดินแล้วรวบรวมไปไว้ที่ดวงจิตเทวะ เพื่อฟื้นฟูลมปราณที่เสียไปเมื่อเช้านี้
ลมปราณรอบๆ นั้นหนาแน่นมาก ทั้งหมดผ่านการกรองแล้วลอยเข้ามาในห้องฝึกจากรอบด้าน จากนั้นก็พุ่งเข้าสู่หัวใจของิอวี่
ทุกครั้งที่หัวใจของิอวี่เต้น จะมีพลังฟ้าดินที่บริสุทธิ์มหาศาลพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา จากนั้นก็ถอนหายใจเพื่อทำให้ลมปราณสมดุล ทำให้ลมปราณในร่างกายของเขานั้นเริ่มนิ่งขึ้น
วันนี้หลังจากผ่านการต่อสู้มากว่าสี่รอบใน่เช้า ิอวี่ก็เหมือนจะเข้าใจศาสตร์การต่อสู้มากขึ้นอีกก้าว และยังสามารถปล่อยหมัดคชสารัใหญ่ออกมาได้
เพราะหมัดคชสารัใหญ่ทำให้ิอวี่ได้ะเิพลังที่แข็งแกร่งมากออกมา มันทำให้เขารู้สึกถึงความมั่นคง
ไม่เคลื่อนไหวไม่เท่าไร แต่พอลงมือทุกคนก็ตะลึง!
หลังจากดูดซับพลังงานอย่างต่อเนื่อง ิอวี่ก็เริ่มรู้สึกสบายตัวมากขึ้น จากนั้นก็เข้าสู่สถานะนิ่ง
เขารู้สึกได้ว่าลมปราณของเขานั้นเต็มเปี่ยมแล้ว ทั่วทั้งร่างกายมีพลังงานที่สามารถะเิออกมาจำนวนมาก
“ตึง! … ”
ิอวี่เหมือนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังมาก เสียงมันดังสนั่นหวั่นไหวมากจนทำให้เขาที่อยู่ในสถานะนิ่งแล้วต้องใสะดุ้งขึ้นมา
“ตึง!”
ิอวี่ลืมตาขึ้นมา เขาได้ยินเสียงเหมือนมีเหล็กชนกันดังขึ้นจากหน้าประตูจึงลุกขึ้นมา แล้วเปิดประตูห้องฝึกเดินไปที่หน้าต่าง ก็พบว่ามีผู้กล้าประมาณหกคนยืนอยู่ด้านหน้าหอพักของเขา
และคนที่พาคนมาก็กำลังใช้หมัดชกไปที่เสาเหล็กจนเกิดเสียงดังสนั่น
“เ้าสวะ ออกมาได้สักทีนะ?”
ชายหนุ่มที่ชกเสาเหล็กยิ้มแสยะแล้วชี้หน้าิอวี่ จากนั้นก็พูดว่า “ลงมาเดี๋ยวนี้”
เขาไม่ได้พาคนบุกเข้ามาด้านใน เพราะสำนักเทพอัคคีมีกฎห้ามทำลายสิ่งก่อสร้างใดๆ ในสำนักเทพอัคคีโดยพลการ หากไม่มีเหตุผลที่มากพอหรือ้าสะสางความแค้นส่วนตัวแบบนี้ จะต้องชดใช้ค่าเสียหายตามราคาเดิม
ดังนั้น เขากับผู้กล้าคนอื่นถึงได้รออยู่ด้านนอก
ิอวี่มองมายังผู้กล้าที่อวดดีคนนั้นและขมวดคิ้วพูดว่า “เ้าเป็ใคร?”
“เ้าจำไม่ได้ว่าข้าเป็ใครอย่างนั้นหรือ?!”
ชายหนุ่มคนนั้นถึงกับหน้าเขียว “ข้าซุนเหิง เ้าก่อเื่ไว้ที่อุโมงค์เพลิง เ้าลืมไปแล้วหรือ?”
“อุโมงค์เพลิง ... ”
ิอวี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดแบบจนใจว่า “อ๋อ ข้านึกออกแล้ว เ้าก็คือศิษย์พี่ที่อยากแทรกแถว แต่ถูกข้าตบกลับไปใช่ไหม?”
“ ... ”
ผู้กล้าอีกห้าคนได้ยินดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ที่ิอวี่พูดมันคือเื่จริง สำหรับซุนเหิงแล้วมันไม่ใช่เื่ดีเท่าไรนัก แต่ “ศิษย์พี่” ที่เขาเรียกออกมานั้นมันเหมือนประชด มันทำให้ซุนเหิงถึงกับกัดฟัน
ก่อนหน้านี้เขาออกตามหาิอวี่มาตลอดทั้งเดือนแต่ไม่เจอ หลายวันที่ผ่านมาเขาแทบจะพลิกแผ่นดินหาและนอนไม่หลับอยู่ตลอด และเช้าวันนี้เขาก็ไม่ได้รับการคัดเลือกทำให้ต้องกลับมามือเปล่า
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้ยินว่าิอวี่ถูกซ่งหยวนหยวนรับเป็ศิษย์ชั้นยอด หลังจากลองสอบถามดูเขาก็พาคนตรงมาที่นี่
“ิอวี่ เ้าหุบปากไปเลย ถ้าเป็ลูกผู้ชายก็อย่าอิดออด มาสู้กันสักตั้ง!”
ิอวี่มาอยู่ตรงหน้าของซุนเหิงอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ซุนเหิงใมากจนต้องถอยหนีอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่ิอวี่อย่างระมัดระวัง แล้วเหงื่อของเขาก็ซึมออกมาจากหน้าผากโดยไม่รู้ตัว
“แค่นี้ก็กลัวแล้วหรือ? อิดออดชะมัด” ิอวี่ตะคอก
หลังจากที่ซุนเหิงใไปชั่วขณะก็ตั้งสติแล้วพูดว่า “ได้ยินมาว่าเ้ามีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งแล้ว เ้ากลายเป็ศิษย์ชั้นยอดแน่นอนว่ามีที่พึ่งแล้ว เราหกคนสู้กับเ้าคนเดียว ก็ถือว่ายุติธรรมดีแล้ว”
“เ้านี่มันน่าตลกจริงๆ ”
ิอวี่รู้สึกว่าซุนเหิงทำให้เขาอารมณ์ดี จึงโบกมือแล้วพูดว่า “แต่ว่า ก็เอาเถอะ เอาที่เ้าสบายใจก็แล้วกัน”
ถึงแม้ิอวี่จะเป็แค่ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง แต่ตอนนี้เขาสามารถเอาชนะผู้กล้าที่มีความสามารถเทียบเท่าขอบเขตอมฤตขั้นที่สองอย่างเซินถูเจ๋อลงได้ แล้วเขาจะไปกลัวอะไรกับพวกที่อยู่ตรงหน้ากันล่ะ?
พูดจบ ิอวี่ก็พุ่งเข้าหาซุนเหิงในทันที ซุนเหิงรีบหันหลบหมัดของิอวี่อย่างรวดเร็ว แต่ิอวี่ก็ไม่ได้หยุด เขาซัดหมัดไปข้างหน้าอีก ศิษย์ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อโดยซัดหมัดเข้ามาเช่นกัน
สองหมัดปะทะเข้ากันจังๆ !
หลังจากเกิดเสียงดังขึ้น ศิษย์ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งคนนั้นก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเ็ป พลังและระดับความแข็งแกร่งของกระดูกของิอวี่ ทำให้กระดูกมือของศิษย์คนนั้นหักในทันทีและยังกระเด็นไปไกลด้วย เขาเจ็บจนต้องกัดฟันและไม่มีแรงที่จะสู้ต่ออีก
ิอวี่เป็เหมือนดั่งลม เขาเล่นงานทุกคนที่อยู่รอบตัว ทั้งหลบ ทั้งออกหมัด และเตะ ลมปราณของเขาพรั่งพรูออกมาจากมืออย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะเป็แค่ท่าทางเรียบง่าย แต่พลังที่วิปริตกับลมปราณบริสุทธิ์ในดวงจิตเทวะของเขานั้นก็เพิ่มพูนมากขึ้น การโจมตีของิอวี่นั้นโเี้ดุดัน แต่ละหมัดที่เข้าถึงเนื้อเล่นเอาศิษย์พวกนั้นร้องไห้แทบไม่ทัน
“เ้าไปตายได้แล้ว”
เมื่อครู่ซุนเหิงเอาแต่หลบ ในเวลานี้เขาเห็นิอวี่กำลังเล่นงานศิษย์ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งกระเด็นไปคนแล้วคนเล่า เขาก็ลอบเข้ามาเล่นงานจากด้านหลังแล้วใช้เพลงกระบี่ทักษะเสวียนระดับต้น รวมกับความโกรธที่มีต่อิอวี่พุ่งแทงเข้ามา!
“อสรพิษหลงทาง”
ทันใดนั้นเอง ิอวี่ก็เคลื่อนที่และหลบกระบี่นั้นไปได้อย่างเฉียดฉิว ซุนเหิงเองก็ใมากเหมือนกัน แต่เขาก็ยังไม่ได้เก็บกระบี่กลับมาและฟันไปที่เอวของิอวี่อีก
ครั้งนี้ิอวี่ไม่ได้หลบ แต่เลือกที่จะซัดหมัดออกไป ที่ด้านหลังของเขานั้นมีัคชสารปรากฏขึ้น เขาซัดหมัดคชสารัน้อยออกมา!
“เ้า ... ”
กระบี่ในมือของซุนเหิงนั้นกระเด็นปลิวไปไกล ส่วนตัวซุนเหิงนั้นก็ตะลึงไปกับอานุภาพของหมัดคชสารัน้อย และกระเด็นหล่นลงกับพื้นกระอักเืออกมา
เดิมเขาคิดว่าไปหาคนจำนวนมากมาก็น่าจะเล่นงานิอวี่ได้แล้ว แต่ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งทั้งหกคนกลับถูกิอวี่เล่นงานจนไม่มีชิ้นดี
ตอนนี้ซุนเหิงถึงได้รู้ว่า เขากับิอวี่นั้นห่างชั้นกันแค่ไหน
“ข้าว่าเ้ามากกว่าที่น่าจะไปตายได้แล้ว”
ิอวี่ใช้อสรพิษหลงทางเลื้อยตามซุนเหิงไปโดยไม่พูดอะไรเลย เขาใช้เท้าเตะไปที่หน้าท้องของซุนเหิงจนกระเด็นตกจากเขาแล้วหล่นลงไปในแม่น้ำ!
ทำให้ศิษย์ที่ถูกเล่นงานจนกองอยู่ที่พื้นต่างมองหน้ากัน คิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่จะแข็งแกร่งมากขนาดนี้!
แต่หลังจากนั้น ... ก็มีเงาคนคนหนึ่งโผล่มาจากด้านหลังของิอวี่
“ทำร้ายน้องชายข้า ทำผิดกฎสำนัก ข้าจะเป็ตัวแทนผู้ดูแลสายเลี่ยนเหยียนหักแขนของเ้าทิ้ง รับโทษซะ”
เงานั่นขยับเข้ามาใกล้ แล้วยื่นแทงหอกสีแดงเพลิงในมือมาที่หัวไหล่ข้างขวาของิอวี่!
