เฉินเหยียนพยายามอดทนต่อจนกระทั่งเขาััและใคร่ครวญหนแล้วหนเล่าจนแน่ใจว่าคนผู้นั้นออกไปแล้วจึงลืมตาที่ปิดสนิททั้งคู่ขึ้น
เมื่อเขาลืมตาและกวาดตามองไปเห็นซากหนอนลอยตายอยู่เต็มผิวน้ำในอ่างเขาก็ต้องข่มความสะอิดสะเอียนในใจ จนเมื่อแช่ในน้ำยาครบหนึ่งเค่อตามที่ท่านหมอหวังสั่งแล้วจึงค่อยลุกขึ้นจากน้ำ
เขายังไม่อยากตาย แม้เขาจะไม่เหลือญาติพี่น้องอีกแล้วก็ตามหลังจากวิกฤตครานั้นก็เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้แต่แม้จะเป็ดังว่าเขาก็ไม่อยากตาย ในเมื่อยามนี้มีโอกาสแล้วเขาจึงตัดสินใจว่าจะคว้ามันเอาไว้ให้ดี ขอเพียงสามารถหนีจากคนพวกนั้นให้เขาได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป เขาก็พอใจมากแล้ว
ชั่วอึดใจที่เขาออกมาจากน้ำก็รู้สึกว่าร่างกายสบายขึ้นมากโขความรู้สึกว่ามีหนอนตัวเล็กๆ ไต่ไปมาบนร่างกายบางเบาลงไปมาก ทั้งไม่รู้สึกทรมานดั่งถูกทิ่มแทงที่หัวใจอีกแล้ว
เห็นทีว่าน้ำยานี่ได้ผลดีจริงๆ เด็กหนุ่มแอบยินดีอยู่ในใจหนนี้เขาใคร่ครวญมาดีแล้วว่าตนจะต้องไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้นอีกฮูหยินแห่งจวนแม่ทัพผู้นี้ดูท่าจะคิดการบางอย่างกับเขา ส่วนจะเป็เื่ใดนั้นยังไม่รู้แน่ชัดแต่อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็ปลอดภัยแล้ว
เฉินเหยียนปลงตกว่าในเมื่อมาแล้วก็สงบใจเอาไว้ก่อนจากนั้นก็กลับไปทบทวนถึงคนที่เพิ่งมาเยี่ยมเยือนเขากลางดึกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนผู้นั้นก็คือใต้เท้าท่านแม่ทัพซึ่งเป็เ้าของจวนแห่งนี้
เฉินเหยียนกลับไปที่ห้องนอน เมื่อเอาของใช้บนเตียงจัดปูจนเรียบร้อยความรู้สึกของบ้านก็พลันปรากฏขึ้นมาทันใดเขานอนอยู่บนเตียงอย่างผ่อนคลาย หลับตาลงก่อนสูดหายใจลึกๆ จนเต็มปอด เพื่อซึมซาบกับความรู้สึกนี้ว่ามันช่างสบายเหลือเกิน
ไม่นานหลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็หลับไป แม้จะยังคงคอยระวังตัวว่าคนผู้นั้นอาจจะกลับมาอีกทว่าเมื่อผ่อนคลายลงเขาก็หลับสนิทในทันที
หั่วอี้ตีลังกาลงมาจากหลังคา ดีที่ยามนี้อวี้จิ่นกับหลิ่วจิ้งอยู่ในห้องส่วนอิ๋งเหอไปนอนแล้ว จึงไม่ได้ทำให้ใครใเหมือนคราก่อน
หั่วอี้หัวเราะเยาะตนเอง คนที่ต้องมาทำเป็จอมยุทธบนขื่อในบ้านของตนในใต้หล้านี้เห็นทีคงจะมีไม่กี่คนกระมัง
นับั้แ่องค์หญิงมา เขาก็ทำเื่ที่ไม่ถูกหลักการหลายเื่อยู่บ่อยครั้งแม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่าตนเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนไม่เหมือนตนเองอีกแล้ว
เขาวางท่าเรียบเฉยขณะก้าวเข้าไปในห้องนอน พบหลิ่วจิ้งที่อาบน้ำเสร็จแล้วและเตรียมตัวจะเข้านอน
“ท่านแม่ทัพกลับมาแล้ว” อวี้จิ่นย่อตัวคำนับก่อนถอยออกไปอย่างรู้กาลเทศะ
ความรู้สึกประหลาดบางอย่างพรั่งพรูอยู่ในหัวใจนาง ความอบอุ่นท่ามกลางทะเลบุปผายังคงอยู่ในสมองของหลิ่วจิ้งจนตอนนี้
หั่วอี้เดินมาข้างตัวหลิ่วจิ้ง ก้มหน้าลงมองนางเขาไม่ได้คัดค้านที่หลิ่วจิ้งตัดสินใจเอาเองว่าจะให้เ้าหนุ่มที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าไปอยู่ที่เรือนมู่หยวนเพราะเรือนน้อยใหญ่ในจวนแม่ทัพที่ว่างอยู่เป็เวลานานมีมากมายนักสิ่งที่เขา้ากลับคือคำอธิบายจากหลิ่วจิ้งต่างหาก
“ท่านแม่ทัพโปรดนั่งลงเ้าค่ะ ข้ามีเื่อยากหารือ”หลิ่วจิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงละมุน
หั่วอี้อารมณ์ดีนักดูท่าว่าเขาคงจะได้ยินคำอธิบายที่เขา้าฟังจากนางแล้ว
เขาไม่ได้สนใจว่าจะต้องเลี้ยงดูคนมากขึ้นอีกหนึ่งคนเขาไม่ได้ขาดเหลือเงินทองเล็กน้อยนี้ฉะนั้นหากคนในจวนขาดเหลือแล้วต้องไปเอาผู้ใดมา เขาจึงไม่เคยไปสนใจล้วนปล่อยให้พ่อบ้านเป็คนรับผิดชอบ
หลิ่วจิ้งพาคนกลับมาเอง ทั้งยังให้คนผู้นั้นไปอยู่ที่เรือนมู่หยวนซึ่งเป็เรือนที่คนชั้นนายเคยอาศัยอยู่เขาจึงมิอาจไม่สอบถามได้
หั่วอี้้าได้ความเคารพและน้ำจิตน้ำใจนี้ จึงตั้งตารอฟังว่าหลิ่วจิ้งจะอธิบายกับเขาอย่างไร
“ท่านแม่ทัพ คนที่ข้าพากลับมาวันนี้ ข้าอยากรับเขาเอาไว้เ้าค่ะ”หลิ่วจิ้งเอ่ยพลางจ้องตรงไปที่หั่วอี้
“เหตุผล? ประโยชน์ใช้สอย?” ไม่บ่อยครั้งนักที่หั่วอี้จะพูดจาตรงไปตรงมาไม่ล้อเล่น
เหตุผล? ประโยชน์ใช้สอย? หลิ่วจิ้งไม่ได้ตอบคำถามของหั่วอี้ในทันที
เหตุผล? นางจะบอกว่าเป็เพราะสายตาสิ้นหวังและเปี่ยมด้วยความเคียดแค้นของเฉินเหยียนช่างเหมือนนางในครานั้นอย่างยิ่ง เช่นนั้นหรือ?
ประโยชน์ใช้สอย? นางจะบอกว่าเพื่อสั่งสมกำลังให้ตัวนางจึงรับเขาเอาไว้ เช่นนั้นหรือ?
“ข้าอยากบ่มเพาะคนจำนวนหนึ่งไว้ในจวนเพราะไม่รู้ว่าที่สุดแล้วจะตรวจจับคนที่แฝงตัวเข้ามาในจวนได้กี่มากน้อยส่วนคนที่ไปซื้อหากลับมาจากข้างนอกก็ไม่แน่ว่าจะเชื่อถือได้เ้าเด็กเฉินเหยียนนั่น แม้จะบอกว่าไม่มีที่มาชัดเจนแต่เห็นแก่ที่เขาได้รับความทุกข์ทรมาน รอยแผลพวกนั้นไม่ใช่ว่าจะหายได้ในเวลาสั้นๆเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้แม้จะเป็เพียงคำอธิบายเล็กน้อยผิวเผิน แต่นางเชื่อว่าหั่วอี้จะต้องนำไปพิจารณา
“ส่วนสาเหตุที่ให้เขาไปอยู่ที่เรือนมู่หยวนข้าก็เพียงสงสารเขาเท่านั้น หากท่านแม่ทัพเห็นาแบนตัวเขาก็จะเข้าใจเ้าค่ะเรือนแห่งนั้นปล่อยว่างเอาไว้ก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ ข้าอยากให้คนเข้าไปอยู่ นานๆไปเรือนแห่งนั้นจะได้ค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมาวันหน้าจะได้นำไปใช้ประโยชน์ได้เ้าค่ะหาไม่แล้วเรือนแห่งนั้นก็จะยิ่งรกร้างขึ้นทุกวันหากถูกคนประสงค์ร้ายนำไปแสวงหาผลประโยชน์ ก็จะทำให้เสียภาพลักษณ์อันดีงามของจวนแม่ทัพเ้าค่ะ”
พูดถึงตรงนี้ หลิ่วจิ้งก็ไม่อยากพูดให้มากความอีกหั่วอี้จะรับปากหรือไม่ คำอธิบายเหล่านี้ก็น่าจะกระจ่างเพียงพอแล้วหากเขาไม่เห็นด้วย ก็จะได้มองเห็นฐานะของนางในใจเขาจากเื่นี้
“ฮูหยินใคร่ครวญได้รอบคอบรัดกุมนักปล่อยเรือนแห่งนั้นให้ทิ้งร้างไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเป็ภาระมิสู้ให้คนเข้าไปอยู่เสียก่อนตามความเห็นของฮูหยิน เพื่อเป็การไล่ไออัปมงคลไปด้วยวันหน้าเมื่อมีคนชั้นนายมากขึ้นก็จะได้ให้คนเข้าไปอยู่จะได้ไม่ต้องปล่อยให้กลายเป็เรือนร้างแต่หากยังไม่มีคนไปอยู่ก็ให้บ่าวไปอยู่ก่อนก็ได้เช่นกัน” หั่วอี้เมื่อได้ยินคำของหลิ่วจิ้งก็คิดได้ว่านี่ก็เป็ปัญหาข้อหนึ่งเขาจึงหันมาให้ความสำคัญกับเื่นี้
หั่วอี้คิดถึงหนอนที่ตนได้เห็นมาเมื่อครู่เขาเองก็รู้สึกะเืใจเช่นกัน จึงเห็นชอบกับสิ่งที่หลิ่วจิ้งจัดการ ว่าให้มีคนใช้เรือนมู่หยวนไปพลางก่อนก็แล้วกัน
เพียงแต่เขายังไม่ได้เอ่ยถึงเื่ที่นางรับเฉินเหยียนเอาไว้หลิ่วจิ้งจึงยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจ
“แล้วเ้าเด็กเฉินเหยียนนั่นเล่า ท่านแม่ทัพเห็นชอบให้รับเอาไว้หรือไม่เ้าคะ?” นางมิอาจไม่เอ่ยปากถามอีก หากไม่ได้รับคำยืนยันจากหั่วอี้ก็จะต้องเกิดปัญหากับทางฮูหยินผู้เฒ่าแน่
“ฮูหยินอยากรับเขาเอาไว้ก็มิใช่ว่าไม่ได้แล้วแต่ฮูหยินจะจัดการเถิด” หั่วอี้เอื้อมมือไปกุมมือขาวนวลเนียนของหลิ่วจิ้ง“ฮูหยินทานอาหารแล้วหรือยัง?”
หลิ่วจิ้งใจเต้น มือของหั่วอี้หนาหนักทว่าอบอุ่น ในใจพลันเกิดความรู้สึกประหลาดนางพยักหน้าไปอย่างบางเบา
“สิ่งที่ฮูหยิน้า สามีล้วนทำตามหมดแล้วกลับไม่รู้ว่าฮูหยินจะขอบคุณตอบอย่างไร?” จุมพิตของหั่วอี้กับหลิ่วจิ้งในทุ่งดอกไม้ในวันนี้กระตุ้นให้ไฟในตัวเขาลุกโชน จนเขาไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว
เขาไม่เปิดโอกาสให้หลิ่วจิ้งได้หลบเลี่ยงอีก ว่าพลางเข้าไปอุ้มนางมาวางลงบนเตียงอย่างแ่เบา
สองมือของหั่วอี้วางอยู่บนเตียงสองข้างขนาบลำตัวของหลิ่วจิ้ง ชายหนุ่มจับจ้องนางไม่วางตาหลิ่วจิ้งถูกเขามองมาจนเขินอายเหลือทนจึงหลับตาลงเสียไม่ไปมองเขาอีก
“หึๆ” หั่วอี้ต้องหัวเราะเสียงเบาออกมาเมื่อเห็นอากัปกิริยาของหลิ่วจิ้งเดิมทีเขาเพียง้าแกล้งหยอกหลิ่วจิ้งเล่นตอนแรกแค่อยากจะแตะที่ริมฝีปากนางบางๆ ดั่งแมลงปอแตะน้ำหนหนึ่งเพื่อลองดูท่าทีตอบสนองของนางเท่านั้น
แต่พอลองดูดังนี้ กลับทำให้เขาลุ่มหลงในัันุ่มลื่นเกลี้ยงเกลาพลันจุดไฟในกายเขาให้ลุกโชนขึ้นมาจนยากต้านทาน เมื่อปะทุแล้วก็ไม่อาจยั้งยิ่งจูบนางลึกล้ำเข้าไปอีก
หลิ่วจิ้งจะรู้ได้อย่างไรว่าจู่ๆ หั่วอี้ก็จะร้อนแรงกับนางเพียงนี้นางไม่ได้เตรียมใจมาก่อน จากเดิมที่เป็ฝ่ายถูกจูบ กลับถูกความเร่าร้อนของหั่วอี้นำพาไปไม่ทันรู้ตัวนางก็จูบตอบหั่วอี้กลับไปอย่างเก้ๆ กังๆ
ทันใดนั้นเสียงหายใจกระชั้นก็ดังขึ้นภายในห้องยามหลิ่วจิ้งได้รับััรักจากหั่วอี้ ร่างกายที่แข็งเกร็งของนางก็ค่อยๆคลายตัวลง ซึ่งหั่วอี้ก็ััได้ถึงเรือนร่างที่เริ่มคลายตัวจนไม่เกร็งอีกนี้ได้ในทันทีเช่นกันความเปรมปรีดิ์ที่บรรยายออกมาไม่ได้นี้ ทำให้ชายหนุ่มไม่อาจพึงใจจากแค่แรงดึงดูดระหว่างริมฝีปากเท่านั้นเขา้ามากกว่านี้
หั่วอี้ยิ่งจูบหลิ่วจิ้งล่วงลึกเข้าไปอีกมือเขาลอบไปปลดกระดุมผ้าตรงอกเสื้อของอีกฝ่ายออกเบาๆหลิ่วจิ้งจิตใจสับสนว้าวุ่นไปนานแล้ว จึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่ายามนี้เอี้ยมรัดอกของนางปรากฏออกมาตรงหน้า
ในขณะที่อารมณ์ของหลิ่วจิ้งกำลังพลุ่งพล่าน สองมือนางก็โอบรอบต้นคอของหั่วอี้ไปตามสัญชาตญาณทำให้หั่วอี้ไม่อาจห่างจากริมฝีปากนางได้การตอบสนองด้วยอารมณ์ร่วมของนางราวกับรดน้ำมันลงบนไฟในตัวหั่วอี้ให้ยิ่งลุกโชนกว่าเดิม
หั่วอี้ล้วงมือเข้าไปใต้เอี้ยมรัดอกของหลิ่วจิ้งเมื่อัันวลนุ่มกลมกลึงอยู่ในมือหนาของเขาจริงๆทั้งสองคนพลันสั่นสะท้านราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั้งตัว
_____________________________
