ปู่หลินมองอู๋ซื่อแทบลืมหายใจ “ไปว่าซานหลางทำไม? ทุกอย่างมันเป็เพราะเ้ากับสะใภ้ใหญ่ไร้ความสามารถในการสั่งสอนหลานไม่ใช่หรือ! แล้วบอกข้ามาซิ ว่าเื่ที่เสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอทำลงไปมันใช่เื่ที่มนุษย์ควรจะทำหรือไม่? นี่เ้ายังเห็นค่าของคนเืเนื้อเชื้อไขเดียวกันบ้างหรือไม่?”
ปู่หลินถามต่อเนื่องไม่หยุดจนหายใจไม่ทัน แล้วไอโขลกออกมา
อู๋ซื่อเห็นว่าเขาโกรธจริงๆ จึงไม่กล้าพูดอะไรรุนแรง เพราะกลัวว่าเขาจะยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิม นางจึงใช้มือหนาคล้ำอันใหญ่โตลูบปู่หลิน ก่อนจะกล่าว “ได้ ได้ เอาไว้พอสะใภ้ใหญ่กลับมาแล้ว ข้าจะบอกให้นางเลิกไปก่อเื่ แล้วจะให้นางอยู่บ้านเพื่อสั่งสอนเสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอ!”
หลินซานหลางนึกว่าปู่หลินใส่ใจเขาและบรรดาหลานๆ จริงๆ เขาจึงรู้สึกประทับใจขึ้นมา
แต่คำพูดถัดมาของปู่หลินก็ขยี้ความซาบซึ้งในใจลงจนสิ้น
ปู่หลินจ้องอู๋ซื่อด้วยสายตาดุดันแล้วคำราม “เ้าที่เป็แม่สามีน่ะควรจะหยุดลูกสะใภ้ไว้! เสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอออกไปก่อเื่เช่นนี้ คิดว่าใครกันที่จะเสียหน้า? พี่ใหญ่ยังไงเล่า! คิดกันไม่ได้หรือว่าไม่ควรออกไปก่อเื่เพื่อรักษาหน้าพี่ของพวกนางน่ะ?”
หลินเสี่ยวเถาและหลินเสี่ยวเหอหาว่าบ้านสองดูแลหลินซานหลางไม่ดี นี่จะเป็ผลให้บ้านสองเสียชื่อ และหากบ้านสองดูแลหลินซานหลางไม่ดีจริง อย่างมากก็แค่ตกเป็ขี้ปากชาวบ้านไปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องตระกูลหลินมันแย่ราวกับไม่ใช่คนร่วมสายเืเดียวกัน
แต่บ้านสองนั้นดีกับหลินซานหลางมาก! เป็หลักฐานว่าเสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอพยายามใส่ความ!
และความจริงก็เป็ความผิดของจ้าวซื่อเองที่ไปหาเื่หลินฟู่อิน แล้วบอกว่าอยากได้เงินจากนางเปล่าๆ โดยไม่ต้องทำอะไรเลย จนนางกลายเป็ถุงขี้ปากของชาวบ้านหูลู่ไปแล้ว มาถึงตอนนี้ หลานสองคนนี้กลับยังวิ่งไปพยายามบังคับให้หลินฟู่อินจ่ายเงินให้พวกนางเปล่าๆ อีก
ไม่รู้จักยางอายบ้างเลย!
หากหลินต้าหลางสอบบัณฑิตผ่านขึ้นมา เขาจะไม่ถูกชี้หน้าเย้ยหยันว่ามีน้องสาวที่ทรงเกียรติเหลือเกินหรือ?
หลินต้าหลางไม่ได้กล่าวอะไร แต่เสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอที่ยังมีสายตาไม่ยอมรับผลที่เกิดขึ้นนั้น ได้ถูกเขาห้ามไม่ให้เปิดโปงเื่ที่เขาคอยแอบมอง
แต่หลินซานหลางที่นิ่งเงียบมาตลอด กลับกล่าวออกมาว่า “แต่พี่ใหญ่ก็เห็นในสิ่งที่เสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอทำั้แ่ต้นจนจบนะขอรับ”
หลินซานหลางกล่าวจบ ก็เบือนหน้าหนีโดยไม่สนใจหลินต้าหลางอีกต่อไป
ได้ยินคำของหลินซานหลางแล้ว ปู่หลินก็ตาเหลือก กายสั่นสะท้าน
เขาหันไปมองหลินต้าหลางอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วถามอย่างผิดหวัง “ต้าหลางนี่เ้า… ทำไปจริงๆ หรือ?”
“ขะ ข้าเปล่านะ…” หลินต้าหลางส่ายหน้าไม่หยุดด้วยสีหน้าหวาดระแวง “ข้าแค่ไปตามหาเสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอ แล้วไปเจอตอนที่หลินฟู่อินโยนเสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอลงบนพื้นพอดีเท่านั้น ทั้งสองถูกทำร้ายจนร้องไห้ ข้าจึงออกไปหยุดหลินฟู่อิน… พวกเขาใส่ความข้า หาว่าข้ารู้ว่าเสี่ยวเถากับเสี่ยวเหอพูดอะไรไปบ้างด้วย…”
ปู่หลินเห็นช่องโหว่ในคำอ้างของเขา จึงเข้าใจว่าเขากำลังโกหก ในใจยิ่งหมดแรงยิ่งขึ้น เขายังมีเื่ที่อยากพูดอยู่อีก แต่เขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว
“ก็ได้…” ปู่หลินมองเขาด้วยสายตาแฝงความหมาย แล้วสะบัดมือให้เขา “กลับไปทำการบ้านที่ห้องของเ้าไป”
หลินต้าหลางกำหมัดแน่น ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าหมองหม่น
ฮึ ดูท่าพวกปู่ย่าบ้านหลินนี่จะพึ่งไม่ได้แล้ว เช่นนี้เขาก็คงมีแต่ต้องพึ่งตัวเอง!
ในเมื่อพวกคนบ้านหลิน โดยเฉพาะนังขี้เหนียวหลินฟู่อินนั่นใจร้ายกับเขาเพราะกลัวว่าเขาจะได้ดีเช่นนี้ เช่นนั้นก็รอดูตอนที่เขากลับมาตอกหน้าพวกมันตอนเขาสอบผ่านเถอะ!
เื่เงินน่ะหรือ?
หลินต้าหลางหยิบถุงเงินที่เขาซ่อนไว้ขึ้นมาเปิดดู ในนั้นมีกระดาษขาวสามใบ นั่นเป็เงินทุนที่สำคัญต่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขา
ใบหน้าขาวซีดผุดรอยยิ้มบิดเบี้ยว หลินต้าหลางรู้อยู่แล้วว่าเขามิใช่คนมีหัวด้านการศึกษา แต่เขาก็รู้ดีว่าการจะเป็คนมีชื่อเสียงได้นั้น ไม่จำเป็ต้องเป็บัณฑิต
เพราะสุดท้ายแล้ว เงินก็แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง!
หลินต้าหลางมองสี่ตำราห้าคัมภีร์บนโต๊ะเรียนด้วยสายตาชิงชัง พลางคิดเงียบๆ ในใจว่าปีนี้เขาต้องสอบบัณฑิตผ่านได้แน่…
หลินซานหลางเดินย้อนกลับไปตามทาง และในที่สุดก็พบพวกหลินฟู่อิน
หลินฟู่อิน หลินเฟิน และหลินฟางต่างก็แบกตะกร้าใส่กัญชาเทศไว้คนละหนึ่งใบใหญ่
หลินฟู่อินเองก็เห็นหลินซานหลางแล้ว นางจึงยิ้มออกมา แล้วขอให้หลินซานหลางช่วยเก็บกัญชาเทศกลับไปด้วยกันกับนางด้วย
หลินซานหลางรู้จักกัญชาเทศที่พวกนางแบกกันอยู่ จึงตอบตกลงทันที
ทั้งสามต่างก็วางตะกร้าใส่กัญชาเทศที่แบกอยู่ลง แล้วไปช่วยเขาด้วย
หลินฟางที่เงียบมาตลอดทนไม่ไหว ถามเขาออกไป “ซานหลาง พอไปส่งเสี่ยวเถาและเสี่ยวเหอแล้ว ปู่ไม่ว่าอะไรบ้างเลยหรือ?”
หลินซานหลางเดินไปครู่หนึ่ง เขาอยากบอกพวกนางว่าปู่พูดอะไรบ้าง แต่คิดดูแล้วมันไม่ใช่เื่ที่ดีนัก เขาจึงส่ายหน้าแทน
เขาคิดในใจว่าจะสร้างปัญหาให้พวกนางไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
แต่หลินฟู่อินเห็นเขาว่านิ่วหน้า ก็พอจะเดาได้ว่าปู่หลินคงถือหางบ้านใหญ่อีกแล้ว ไม่เข้าข้างพวกลูกสาวบ้านใหญ่ก็เข้าข้างหลินต้าหลาง นางเห็นอะไรแบบนี้จนเบื่อแล้ว
และในเมื่อหลินซานหลางไม่อยากพูด นางก็จะไม่พูดอะไรเช่นกัน
แต่เมื่อหลินฟางเห็นหลินซานหลางส่ายหน้า นางก็มีสีหน้าผิดหวังขึ้นมา
หลินฟู่อินตบบ่าหลินฟางด้วยรอยยิ้ม “เราไม่พูดอะไรจะดีกว่า วันนี้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ แล้วกลับให้ไวกันเถอะ ข้าจะกลับไปเอาเมล็ดผักกาดให้ป้าสองด้วย อ้อ พวกลุงสองกับป้าสองจะมาที่บ้านข้า เพราะอย่างนั้นพวกเ้าตรงไปที่บ้านข้าได้เลย ไม่ต้องกลับบ้าน”
หลินฟู่อินคิดว่าประมาณวันพรุ่งนี้ ทางตระกูลวังก็คงส่งคนมาเชิญนางไปเข้าร่วมพิธีสรงสามของทารกตระกูลวังแล้ว จึงหรี่ตาลง
ย่าหลี่บอกว่าพรุ่งนี้นางคงได้เงินก้อนใหญ่อีก นางจึงสุขใจขึ้นมา
ดูเหมือนว่าพิธีสรงสามของต้าเว่ยจะเป็การ ‘ใส่ขัน’ หรือก็คือการที่ครอบครัวฝั่งแม่ สหาย และญาติที่มาชมพิธีสรงสามของทารก เตรียมทอง เงิน หรือเครื่องประดับเงินทองและเหรียญทองแดง หรืออะไรก็ตามมาด้วยแล้วใส่ลงขัน ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะได้มาเท่าไร ทั้งหมดนั้นก็จะถูกนำไปให้สตรีที่เป็คนทำคลอด
แต่เพราะนางที่เป็คนทำคลอดนั้นยังอ่อนวัยและดูไร้ประสบการณ์ ตระกูลวังจึงขอให้หมอตำแยที่เป็หมอทำคลอดของตระกูลเป็คนรับแทน
แต่สุดท้ายตระกูลวังก็จะนำของในขันทั้งหมดนั่น มาให้นางผู้เป็คนทำคลอดให้นายหญิงวังของตระกูลวังตัวจริงแน่ และคงจะได้รับรางวัลเพิ่มเติมจากตระกูลวังอีกตามธรรมเนียมของแคว้นต้าเว่ย
ใครเป็คนทำคลอด ขันย่อมเป็ของคนนั้น
ดังนั้นเวลาที่คนมีเงินเหล่านี้เรียกหมอตำแยมาสักสามสี่คนเพื่อรอทำคลอด และอาจจ้างมากกว่านั้น เมื่อเข้าห้องคลอดก็มักจะเกิดการโต้เถียงกันว่าใครจะเป็คนทำคลอด…
“ฟู่อิน หัวเราะเื่อะไรหรือ? เอาซะนึกว่าเ้าเก็บทองแท่งได้เลยเชียว!” หลินฟางมองหลินฟู่อินที่กำลังแย้มยิ้มเบ่งบานราวกับบุปผาสะพรั่ง จึงอดมิได้ที่จะถามออกมา
แต่นางกล่าวถูกแล้ว หลินฟู่อินคิด
เพราะพรุ่งนี้ นางจะไปรับทองแท่งมาจริงๆ มิใช่หรือ?