เฉียวเยว่ไม่รู้ว่าเื่ราวเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร แต่จะว่าไปก็ต้องโทษตัวนางเอง หากนางไม่ลอบหนีมาจวนอวี้อ๋อง ก็คงไม่ถูกท่านลุงพบเข้า และหากท่านลุงไม่มา ก็คงไม่พบกับหลี่เฉิงซู
ฉีจือโจวกับหลี่เฉิงซูกำลังยืนเผชิญหน้า ต่างฝ่ายต่างถลึงตาใส่กัน
"ท่านลุง... พวกเราไปกันเถอะ" เฉียวเยว่เอ่ยเสียงเบาหวิว
ฉีจือโจวไม่ขยับ แต่กลับพูดว่า "ข้ารับปากเฉิงเซวียนไว้ว่าจะพาเ้าไปพบนาง"
หลี่เฉิงซูมองฉีจือโจวอย่างพินิจั้แ่หัวจรดเท้าราวกับมองคนเสียสติ แล้วตอบกลับไป "ท่านรับปากก็เื่ของท่าน เกี่ยวอะไรกับข้า? ข้าไม่้าเข้าไปใกล้ชิดกับพวกท่าน ั้แ่วันที่ข้าถูกขับไล่ออกมาจากจวน ข้ากับคนเ่าั้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก"
หลี่เฉิงซูเดินอ้อมผ่านฉีจือโจวเตรียมจากไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือเอาไว้ หลี่เฉิงซูแทบจะไม่พูดพร่ำทำเพลง ใช้เข็มแทงเข้าไปโดยตรง แต่ฉีจือโจวก็กดมือของนางไว้ทันควัน หลังจากนั้นก็พลิกมือมาจับตัวนางไว้
ทว่าหลี่เฉิงซูหาใช่คนที่รับมือง่ายนัก นางเตะไปที่ขาของเขาโดยตรง
เฉียวเยว่ยังไม่ทันมองเห็นชัด หลี่เฉิงซูก็ดิ้นหลุดออกมาแล้ว ทั้งสองต่างต่อสู้กันไปมาที่... หน้าประตูจวนอวี้อ๋อง
เฉียวเยว่งงเป็ไก่ตาแตก นางไม่เคยเห็นท่านลุงเป็เช่นนี้มาก่อน เขาแปลกไปจากปรกติมาก เฉียวเยว่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหันไปดึงชายเสื้อของหรงจ้าน "พี่จ้านรีบไปช่วยทีสิเ้าคะ ท่านดูสิ อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?"
มันเป็ภาพที่ดูได้เสียที่ไหนกัน? ชื่อเสียงของท่านลุงนางก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว ยังมาทะเลาะวิวาทกับสตรี นี่เป็หัวข้อที่น่าฟังนักหรือ?
หรงจ้านก้มลงมองเฉียวเยว่ แล้วเอ่ยว่า "พวกเขาแก้ปัญหากันเองได้อยู่กระมัง?"
เฉียวเยว่กระทืบเท้าไม่ยินยอม "ท่านไปสิ"
หรงจ้านหัวเราะออกมา เขารู้สึกว่าแม่หนูน้อยคนนี้ช่างน่าสนใจยิ่ง ดูเหมือนว่านางจะเคยชินกับการออกคำสั่งกับทุกคน แต่ไรมาก็ไม่เคยคำนึงถึงสถานะอันใดเลย
นิสัยของหรงจ้านก็เป็เช่นนี้ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก็เข้าไปตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง ไม่ช้าก็แยกพวกเขาออกจากกัน
แท้จริงแล้วตอนนี้ก็มีคนมามุงดู เฉียวเยว่รู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง ทว่าอีกสามคนกลับไม่คิดเช่นนี้
"ท่านเสนาบดีฉีช่างมีความสามารถสูงยิ่ง อุตส่าห์แล่นมาเพื่อรังแกสตรีอ่อนแอคนหนึ่งโดยเฉพาะ นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้วจริงๆ"
หลี่เฉิงซูแค่นเสียงเยาะ แต่ฉีจือโจวหาได้สะดุ้งะเื "หากอย่างคุณหนูหลี่คือสตรีอ่อนแอ ก็คงจะไม่มีสตรีร้ายกาจในใต้หล้านี้อีกแล้ว ข้าไม่เคยพบเจอสตรีที่ไหนทั้งดุทั้งโหดเช่นนี้มาก่อน"
"ถึงร้ายก็คงร้ายไม่เท่าครอบครัวท่านหรอก อีกอย่างหากข้าร้ายกาจจริง ก็สมควรฆ่าเ้าพวกสารเลวสกุลหลี่ทั้งครอบครัว รวมถึงท่านกับภรรยาของท่านไปั้แ่ตอนนั้น ไหนเลยจะปล่อยให้ท่านมาตามตอแยไม่จบไม่สิ้นอยู่ที่นี่เวลานี้" หลี่เฉิงซูไม่อ่อนข้อ
"ฆ่าหรือไม่ฆ่า ก็ต้องดูว่าเ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่" ฉีจือโจวแค่นเสียงเยาะ
หลี่เฉิงซูเลิกคิ้ว "จริงอยู่ว่าข้าไม่ได้เก่งกล้าถึงปานนั้น แต่คนที่สมควรตายก็ตายไปแล้วมิใช่หรือ?"
"เ้า..."
"ท่านลุง" เฉียวเยว่รีบวิ่งเข้าไป ดวงหน้าเล็กจ้อยแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลอ่อนหวาน นางจับมือของหลี่เฉิงซูไว้ หลังจากนั้นก็ทำเสียงเข้ม "ทุกคนต่างก็เป็ญาติกันทั้งนั้น ท่านลุงอย่ากล่าวด้วยอารมณ์เช่นนี้สิเ้าคะ เดี๋ยวผู้อื่นจะเข้าใจท่านผิดเอาได้"
นางหันไปด้านข้าง แล้วพูดอีกว่า "พี่หญิงหลี่ อย่าถือสาท่านลุงของข้าเลยนะเ้าคะ นอกจากสตรีไม่กี่คนในครอบครัวของพวกเรา ท่านลุงก็ไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีที่ไหนเลย แต่มารดาข้าเป็น้องสาวของเขา ข้าเองก็แก่นแก้วซุกซนเกินไป จนกระทั่งท่านลุงนึกว่าไม่จำเป็ต้องพูดจาอ่อนโยนกับสตรีมากนักก็ได้ จุดนี้แท้จริงแล้วไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง แต่เขาหาได้มีจิตใจเลวร้ายแม้แต่น้อย ท่านลุงของข้าเป็คนดียิ่ง"
เฉียวเยว่โน้มน้าวด้วยถ้อยคำอ่อนหวาน "ในฐานะที่เป็ตัวการใหญ่ที่ทำให้ท่านลุงไม่ค่อยมีโอกาสได้ัักับสตรีอื่น ข้าขอขมาท่านแทนเขาได้หรือไม่?"
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ แล้วยิ้มกล่าวอีกว่า "พี่หญิงหลี่ เอาไว้วันหลังท่านกับพี่จ้านไปเที่ยวจวนข้า ข้าจะลงครัวทำอาหารให้พวกท่านกินเองกับมือเลยเ้าค่ะ"
พูดมาถึงตรงนี้ คนอีกสองคนที่เหลือถึงกับมุมปากกระตุก
"เ้าเคยมีความแค้นอันใดกับโรงครัวของบ้านเ้า?" หรงจ้านถามเสียงเบา
เฉียวเยว่อุทานหืม หันไปมองหรงจ้านอย่างงุนงง
หรงจ้านยิ้มน้อยๆ "ไยเ้าถึงคิดจะเผามันทิ้งได้ลงคอ?"
ใบหน้าของเฉียวเยว่แดงก่ำขึ้นมาทันที นางกระทืบเท้าโวยวาย "พี่จ้านรังแกข้า ท่านลุงไม่ต้องเกรงใจแล้ว"
เฉียวเยว่เชิดคางสูง "ท่านลุง อัดเขาเลยเ้าค่ะ"
ฉีจือโจวกลอกตาใส่หลานสาวตัวน้อยของตนด้วยความละเหี่ยใจ "เอาล่ะ พวกเรากลับกันเถอะ"
เขารู้ว่าเฉียวเยว่กำลังช่วยเขาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ ถึงอย่างไรข่าวลือที่เขาลงไม้ลงมือกับสตรีก็คงจะไม่น่าฟังเท่าไรนัก
เฉียวเยว่พยักหน้าตอบอย่างเชื่อฟัง แต่ก็ยังคงพูดกับหลี่เฉิงซู "พี่หญิงหลี่ ท่านต้องมาเที่ยวบ้านข้าให้ได้นะเ้าคะ ข้าชอบท่านมากเลย"
เดิมทีอารมณ์ของหลี่เฉิงซูยังขึ้นๆ ลงๆ แต่พอเจอลูกล่อลูกชนและลูกตื๊อสารพัดของเฉียวเยว่ อารมณ์ของนางกลับดีขึ้นอย่างประหลาด
"ได้สิ" นางรับปาก
ตอนแรกนางคิดจะปฏิเสธ แต่พอเห็นฉีจือโจวมีสายตาเอาเื่ ก็เปลี่ยนความคิดทันที เป็ไปตามคาด สีหน้าของฉีจือโจวบึ้งตึงยิ่งกว่าเดิม หลี่เฉิงซูมองเขาด้วยสายตาท้าทาย
ฉีจือโจวรั้งสายตากลับมา แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ราวกับไม่อยากเห็นนางมากไปกว่านั้น
หลี่เฉิงซูหัวเราะเยาะออกมา
สถานการณ์เช่นนี้ เฉียวเยว่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน "เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะเ้าคะ"
หลังจากนั้นก็โบกมืออำลา "พี่หญิงหลี่ พี่จ้าน พวกเราไปแล้วนะ"
หรงจ้านอมยิ้ม "เดินทางระมัดระวังด้วย"
เขาทำท่าราวกับคุณชายผู้สง่างาม
เฉียวเยว่ตอบอื้ออย่างหนักแน่น หลังจากนั้นก็เอ่ยประโยคที่สามารถตีความได้ถึงสองความหมาย "พี่จ้านเ้าคะ ขอบคุณในความช่วยเหลือของท่านเมื่อครู่"
หรงจ้านยิ้มรับอย่างเข้าใจ เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าประตู ส่วนหลี่เฉิงซูก็หิ้วตะกร้าใบหนึ่งเดินออกจากประตูไป
จนกระทั่งรถม้ามาไกลแล้ว เฉียวเยว่จึงรั้งศีรษะจากหน้าต่างกลับเข้ามา นางทำปากยื่นแล้วเอ่ยว่า "ท่านลุงเจอพี่หญิงหลี่ทีไรก็เสียกิริยาทุกทีเลย"
ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ ราวกับมองสายสนกลในของฉีจือโจวออก
ฉีจือโจวมองเฉียวเยว่อย่างสงบนิ่ง "ข้าคิดว่า ทางที่ดีเ้าควรอธิบายมาก่อน เพราะเหตุใดถึงลอบออกมาจวนอวี้อ๋อง"
เดิมทีเฉียวเยว่นึกว่าตนเองจะผ่านเื่นี้ไปได้แล้ว แต่ดูจากน้ำเสียงของท่านลุงตอนนี้ ก็รู้ได้ว่าไม่สำเร็จ
นางยิ้มอย่างประจบสอพลอ พลางเอานิ้วมือทั้งสองข้างชนกัน
"คือว่า..."
"ข้าเป็ห่วงท่านพ่อท่านแม่ ก็เลยอยากให้พี่จ้านเข้าวังช่วยไปตรวจสอบดูให้หน่อย ข้าเข้าวังไม่ได้ ใครจะรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ผิดปรกติหรือไม่"
ฉีจือโจวไม่พูด คอยแต่จับสังเกตเฉียวเยว่
"แล้วก็... แต่ไรมาพี่จ้านทำสิ่งใดไม่เคยไว้หน้าผู้ใด ข้าคิดว่าหากเกิดสิ่งใดผิดปรกติกับท่านพ่อท่านแม่ ด้วยอุปนิสัยของพี่จ้านย่อมสามารถช่วยพลิก... เอาเป็ว่าความลำบากใจคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรเสียต้องมีประโยชน์แน่"
เฉียวเยว่พูดไปก็จิ้มนิ้วมือของตนเองไป
ฉีจือโจวถอนหายใจ เอ่ยว่า "เ้าทำเช่นนี้แม้จะรวดเร็วก็จริง แต่ไม่ลองนึกดูบ้าง บิดามารดาเ้าหาใช่คนไร้ประโยชน์เยี่ยงนั้น เ้าติดหนี้บุญคุณอวี้อ๋องมามากแล้ว ถึงเวลาต้องชดใช้จะทำอย่างไร?"
แท้จริงแล้วเขาเองก็อยากตำหนิหลานสาวของตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำไม่ลง ได้แต่พูดโน้มน้าวใจอยู่เยี่ยงนี้ เฉียวเยว่ฉลาดเกินไป แต่บางครั้งคนยิ่งฉลาดก็มักจะทำเื่ผิดพลาดได้ง่าย
เฉียวเยว่ทำตาปริบๆ เอานิ้วชนกันอีกครา แล้วเอ่ยเสียงเบา "แต่พี่จ้านมิใช่คนอื่นไกลเสียหน่อย อีกอย่าง... ถึงแม้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่โง่เขลา แต่คนที่อยู่ในวังเ่าั้ก็หาใช่คนที่รับมือง่ายเหมือนกัน"
นางมิได้เถียงคำไม่ตกฟาก เพียงแค่พูดความคิดของตนเองออกมา
ฉีจือโจวเห็นเฉียวเยว่จิ้มนิ้วมือไม่หยุด ดูเหมือนจะว้าวุ่นไม่สบายใจ ชั่วพริบตานั้นเขาก็ได้คำตอบ แท้จริงแล้วเด็กก็เพียงแค่เป็ห่วงผู้ใหญ่ในบ้าน มิเช่นนั้นแล้ว จะคิดออกไปหาหรงจ้านเองได้อย่างไร
นอกจากนี้เฉียวเยว่เป็เด็กรู้ความ ไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักขอบเขตความเหมาะสม
"ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังมีลุงอยู่อีกคน เ้าอย่าซี้ซั้วตัดสินใจเอาเอง"
เฉียวเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เห็นนางทำตัวว่าง่าย มุมปากของฉีจือโจวก็โค้งขึ้นเป็รอยยิ้ม "แต่ไรมาเ้ามักเปิดใจรับคำตำหนิ แต่ไม่เคยคิดจะปรับปรุงตัวจริงๆ"
"ท่านลุงปรักปรำข้าเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ข้าไม่ใช่เสียหน่อย ข้าใส่ใจกับคำพูดของทุกคนเสมอ" เฉียวเยว่กล่าวอย่างไร้เดียงสา
ฉีจือโจวเลิกคิ้ว "เช่นนั้นหรือ?" ท่าทางเต็มไปด้วยความคลางแคลงสงสัย
เฉียวเยว่ยกมือปิดหน้า "ก็เช่นนั้นแหละเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ลอบมองฉีจือโจวลอดผ่านนิ้วมือ หลังประเมินสักครู่ ก็เอ่ยขึ้นว่า "ท่านลุงหาได้พบกับหลี่เฉิงซูเป็ครั้งแรกใช่หรือไม่?"
ฉีจือโจวมองเฉียวเยว่แล้วตอบกลับไป "นางเป็น้องสาวภรรยาข้า ย่อมมิใช่ครั้งแรกที่พบเจอกัน"
เฉียวเยว่ถามต่อ "หลังจากนางโตขึ้น ท่านก็ไม่เคยพบนางอีกมิใช่หรือ แต่สีหน้าที่ท่านมองนางครั้งแรกดูแปลกมาก"
แม้ฉีจือโจวจะเป็คนที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า แต่ถึงอย่างไรก็เป็คนในครอบครัวเดียวกัน เฉียวเยว่คิดว่าตนเองยังพอมองออกอยู่บ้าง
"ไม่เคย แต่ข้าเป็คนจำรูปพรรณสัณฐานของคนค่อนข้างแม่นยำ อีกอย่างข้าเคยรับปากกับเฉิงเซวียนไว้ ว่าจะตามหาน้องสาวของนางกลับมา ข้าก็ต้องทำให้ได้"
เฉียวเยว่เอียงคอมองฉีจือโจว รู้สึกว่าน้ำเสียงของท่านลุงเ็าเกินไป แม้ทุกคนจะบอกว่าฉีจือโจวมีความรักต่อภรรยาที่เสียชีวิตไปอย่างลึกซึ้ง แต่ทุกอย่างในตอนนี้ล้วนบ่งบอกว่าการที่เขาไม่มีภรรยาใหม่ก็เพื่อตามหาหลี่เฉิงซูกลับมา เพื่อสนองความปรารถนาสุดท้ายของหลี่เฉิงเซวียนให้เป็จริง แต่เฉียวเยว่กลับรู้สึกว่าขณะที่เขาเอ่ยคำว่าเฉิงเซวียน กลับไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งแม้แต่น้อย มีแต่ความเยือกเย็นกับเหตุผล
"ดังนั้นเมื่อครู่นี้ท่านลุงถึงอยากให้นางไปเคารพหลุมศพของป้าสะใภ้หรือเ้าคะ? แต่ท่านลุง ข้าคิดว่านางไม่มีทางยินยอมหรอกเ้าค่ะ ถึงอย่างไรตอนนั้นนางก็นับว่าตกเป็เหยื่อ แม้ว่าจะเป็บุตรที่เกิดจากอนุภรรยา... เอ๋? เื่นี้มีเบื้องลึกใช่หรือไม่?" เฉียวเยว่จับสังเกตแววตาแปลกพิกลที่ผุดวาบขึ้นมาในดวงตาของฉีจือโจวได้
"เป็เด็กเป็เล็ก อย่ายุ่ง"
เฉียวเยว่ไม่ยอมลดราวาศอก นางเป็เด็กผู้หญิงที่มีความอยากรู้อยากเห็นมากเป็พิเศษ
"ท่านไม่บอก ข้าไปถามพี่จ้านเองก็ได้" นาทำตาปริบๆ
ฉีจือโจวมุมปากกระตุก "ตอนนี้เ้าถึงกับรู้จักข่มขู่คนแล้วรึ"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคักออกมา
"แท้จริงแล้ว มารดาของหลี่เฉิงซูไม่เต็มใจจะเป็อนุของสกุลหลี่ แต่เพราะเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น นางจึงจับพลัดจับผลูต้องแต่งเข้าสกุลหลี่ ขณะที่หลี่เฉิงซูอายุสามขวบ นางก็จากโลกนี้ไปด้วยเหตุสุดวิสัยอีกอย่าง ทว่าเหตุสุดวิสัยทั้งสองสถานการณ์นี้ดูคล้ายจะเป็ฝีมืุ์มากกว่า"
เฉียวเยว่เบิกตากว้าง "ไฉนข้าถึงรู้สึกว่าเื่ในครอบครัวของพวกเขาไม่น่าจะจัดการได้ง่ายนัก ท่านลุง ท่านอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวดีกว่ากระมัง?"
หลี่เฉิงซูมีเื้ัเช่นนี้ การกลับมาเมืองหลวงของนางคงมิใช่มาด้วยเจตนาร้ายหรอกกระมัง?
"เ้าต่างหากที่อย่าเข้าไปพัวพันส่งเดช เื่ของผู้อื่นเ้าไม่จำเป็ต้องเข้าไปยุ่ง" ฉีจือโจวเอ่ย
เฉียวเยว่เบะปากน้อยๆ
"บิดามารดาเ้ากลับมากันหมดแล้ว เ้าควรคิดหาคำอธิบายให้กับตนเองหลังจากกลับไปถึงแล้วจะดีกว่า"
เฉียวเยว่ยกมือปิดหน้า "ข้าจบเห่อีกแล้ว"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้