Chapter 13
คนตัวเล็กเ้าของใบหน้าแดงก่ำก้มหน้าไม่ยอมสบตากัน ผมจึงเอื้อมมือไปเชยคางเรียวให้เ้าตัวเงยหน้าขึ้นเพื่อสังเกตอาการ ใกล้ใจบอกว่าระหว่างเดินมาที่สนามแบดอากาศค่อนข้างร้อน เ้าตัวรู้สึกวูบคล้ายจะเป็ลมเลยนั่งพักใต้ต้นไม้ต้นนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าเขานั่งพักอยู่ใต้ร่มไม้นานแค่ไหนแล้ว เพราะผมเพิ่งออกมาสูบบุหรี่กับไอ้บอสได้ไม่นาน และผมนึกเป็ห่วงเขาที่ยังมาไม่ถึงสนามแบด ทั้งที่เวลาผ่านไปได้สักพักแล้ว ผมจึงตัดสินใจไลน์หาใกล้ใจ
ทว่าทุกครั้งที่ส่งข้อความไปหาเขา เสียงไลน์แจ้งเตือนของใครบางคนก็ดังขึ้นตลอด ผมจึงกดส่งข้อความไปอีกหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่ามันดังทุกครั้งที่ผมส่งข้อความออกไป แต่ในทุกครั้งที่เสียงแจ้งเตือนดัง ผมจะเดินหาต้นเสียงด้วย
เพราะผมไม่ปล่อยผ่านจึงทำให้เจอใกล้ใจตัวแสบที่แอบมานั่งพักเพราะจะเป็ลมอยู่ที่นี่ ผมมองใบหน้าขึ้นสีแดงจัดพลางคิดหงุดหงิดตัวเองที่ปล่อยให้เขาเดินตากแดดร้อนๆ มาคนเดียว แม้แดดจะไม่แรงมาก แต่ใกล้ใจดูจะไม่ค่อยถูกกับอากาศร้อนๆ สักเท่าไร
คนตัวเล็กกะพริบตาปริบๆ ขณะมองผม เรือนผมสีช็อกโกแลตที่ปรกอยู่บนหน้าผากชื้นไปด้วยเหงื่อ “คุณใกล้ เข้าไปในสนามกันค่ะ”
“อื้อ” เขาตอบรับพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยมีผมช่วยประคอง “เรา...เราโอเคขึ้นแล้วพันลี้”
“คุณใกล้ขี่หลังลี้นะคะ”
“มะ ไม่เป็ไรพันลี้ เราเดินไหวแล้ว” มือน้อยๆ ทั้งสองข้างยกขึ้นโบกปฏิเสธ ริมฝีปากบางอ้าออกคล้ายจะพูดบางประโยค แต่เพราะผมเผลอส่งสายตาดุๆ ไปหาเขา เ้าตัวเลยเม้มริมฝีปากแน่น “...ระ เราเดินเองได้จริงๆ นะ”
ไม่ได้อยากดุเลย แต่ก็เผลอดุไปแล้ว “อย่าดื้อเลยนะคะคุณใกล้ ลี้เป็ห่วงมากจริงๆ ”
คนตัวเล็กที่แสนดื้อดึงในตอนแรกพยักหน้าตอบตกลง ผมจึงหันหลังให้เขา ก่อนที่เ้าตัวจะยอมทิ้งตัวลงมาบนหลังของผมอย่างว่าง่าย เพราะใกล้ใจตัวไม่หนักมาก ผมจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงได้อย่างง่ายดาย แล้วพาเขาเข้ามาในสนามแบดที่มีเพื่อนผมอยู่หลายคน
“พันลี้...หนักไหม? ” คนตัวเล็กที่กอดคอผมไว้หลวมๆ เอียงคอถาม ก่อนเอ่ยต่อ “เราขอโทษนะ”
“คุณใกล้ต้องกินข้าวให้เยอะกว่านี้หน่อยนะคะ” ผมพูดปนหัวเราะเพื่อให้เขาสบายใจ
“ถ้าเรากินข้าวเยอะกว่านี้ พันลี้จะลำบากกว่านี้อีกนะ”
ผมหัวเราะให้กับประโยคคำพูดน่ารักๆ ของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับแป้งเด็กลอยโชยผ่านจมูกตอนที่คนตัวเล็กกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นคล้ายกลัวตก ผมเดาว่าใกล้ใจเป็คนชอบใช้น้ำหอมมากๆ เพราะทุกครั้งที่เราเจอกัน เ้าตัวมักจะเปลี่ยนน้ำหอมตลอด
และใกล้ใจเป็คนเซนส์ดีมาก
เพราะทุกกลิ่นที่เ้าตัวเลือกใช้
ถูกใจผมทั้งหมด
“ทางนี้ๆ ไอ้ลี้”
“เออ...” พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะก้าวเดินไปที่เก้าอี้ตัวยาวที่ไอ้บอสไปเอาพัดลมมาจากไหนไม่รู้ตั้งเตรียมไว้ให้ ผมค่อยๆ ปล่อยคนตัวเล็กลง ใกล้ใจคลายวงแขนตอนที่เท้าทั้งสองข้างแตะพื้นแล้ว ผมจึงหันไปดูอาการเขาอีกครั้ง “คุณใกล้นั่งพักก่อนนะคะ”
“อื้อ”
ใกล้ใจนั่งลงอย่างว่าง่าย ครั้งนี้เ้าตัวคงไม่ไหวจริงๆ เพราะปกติเขาจะไม่ยอมง่ายๆ แบบนี้ และมักจะฝืนตัวเอง อย่างที่เ้าตัวไม่ยอมโทรหาผมทั้งที่ตัวเองจะเป็ลม ใกล้ใจไม่ค่อยทำตามที่ผมบอกภายในครั้งแรกหรอก เ้าตัวจะต้องมีข้อต่อรองตลอด และคนที่อยากช่วยเหลือเขาอย่างผมก็ต้องคอยเกลี้ยกล่อมให้เ้าตัวยอมเสมอ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็คนดื้อรั้น เพียงแต่เ้าตัวเป็คนขี้เกรงใจจึงไม่ค่อยกล้ารับความช่วยเหลือจากใคร เพราะกลัวจะรบกวนคนอื่น ใกล้ใจจะพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างถึงที่สุดก่อนเสมอ
ผมที่ยืนอยู่เอื้อมมือข้างหนึ่งเสยผมด้านหน้าที่ชื้นเหงื่อของเขาขึ้น หน้าผากมนขาวผ่องมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นเต็มไปหมด ผมจึงเอาหลังมืออีกข้างซับเหงื่อให้เขาไปก่อน คนตัวเล็กนั่งนิ่งพลางเสหน้ามองไปทางประตูทางออก มือเรียวทั้งสองข้างที่ถือกระเป๋าสตางค์กับสมุดโน้ตถูกวางอยู่บนตักเ้าตัว ก่อนที่ใกล้ใจจะเงยหน้าขึ้นสบตากับผม พวงแก้มสีแดงระเรื่อและดวงตาเรียวรีที่แสนใสซื่อทำให้ผมเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ
มันเขี้ยวฉิบหายเลย...
และในตอนที่ผมโคตรจะมันเขี้ยวคนตรงหน้า ผมจะมีวิธีสะกดใจตัวเองไม่ให้พลั้งมือหยิกแก้มเ้าตัวแรงๆ เหมือนที่ชอบทำกับเพื่อนสนิทด้วยการ ‘บีบจมูก’ ของเ้าตัวเบาๆ
และพูดเพราะๆ กับใกล้ใจ...
“คุณใกล้รู้สึกดีขึ้นหรือยังคะ? ”
“อื้อ เรารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
แม้ใกล้ใจจะบอกแบบนี้ แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี จึงเอาหลังมือไปััที่แก้มนุ่มเบาๆ อุณหภูมิที่ร้อนระอุบนผิวเนียนทำให้ผมหันมองพัดลมที่มีไอ้บอสยืนเฝ้าเหมือนกลัวหาย มันพยักหน้าเหมือนอ่านใจผมได้ ก่อนจะเร่งแรงลมขึ้นอีกระดับ
“ดีขึ้นจริงๆ เหรอคะ คุณใกล้อย่าฝืนตัวเองนะคะ”
“อื้อ เราดีขึ้นแล้วจริงๆ ” คนตัวเล็กพูดพลางส่งยิ้มให้ผม
เป็รอยยิ้มอ่อนโยนที่พร้อมปลอบประโลมคนอื่นเสมอ คงเป็เพราะรอยยิ้มของใกล้ใจที่ทำให้ผมขยับเข้าไปใกล้เ้าตัวมากขึ้น ก่อนจะรั้งหัวทุยให้ซบลงที่หน้าท้องของผม มือข้างหนึ่งลูบที่กลุ่มผมนุ่มเบาๆ ส่วนมืออีกข้างลูบแผ่นหลังบาง
“ขอโทษที่ลี้ปล่อยให้เดินมาคนเดียวนะคะ”
คนตัวเล็กเอื้อมมือข้างหนึ่งมาลูบที่หลังของผม ก่อนเอ่ยเสียงแ่ “อย่าคิดมากนะพันลี้ของใกล้ใจ”
ผมหลุดยิ้มออกมา เพราะคำว่า ‘พันลี้ของใกล้ใจ’ ผมไม่เคยรู้สึกยินดีที่จะเป็คนของใครเท่านี้มาก่อน แต่พอได้เป็คนของเขาก็เหมือนว่าผมจะรู้สึกมากกว่าคำว่า ‘ยินดี’
“คุณใกล้อยากดื่มน้ำไหมคะ? ” คนตัวเล็กที่ซบใบหน้าอยู่ที่หน้าท้องของผมส่ายหน้าน้อยๆ ผมลอบถอนหายใจออกมาพลางคิดว่า...นี่แค่ใกล้ใจจะเป็ลม ผมยังเป็กังวลได้ขนาดนี้ ถ้าเขาป่วยหนักขึ้นมาจริงๆ
มึงเครียดตายแน่ๆ ไอ้ลี้...
“...”
“ตัวแสบ...ดื่มน้ำหน่อยนะคะ” ไม่ชอบเวลาที่ใกล้ใจหงอยแบบนี้เลย คนอื่นอาจจะมองใกล้ใจเป็คนนิ่งๆ และเรียบร้อยมาก แต่ผมกลับเห็นความซุกซนที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา บางครั้งแววตาใสซื่อก็เปลี่ยนเป็แววตาขี้เล่นและแสนซนจนผมอยากจับมาตีให้ขึ้นรอยมือ แต่ก็ได้แค่คิด...และเลือกทำในสิ่งที่เป็ไปได้มากกว่า เช่น “ดื่มน้ำหน่อยดีกว่านะคะ เดี๋ยวลี้ไปเอาน้ำให้นะ”
“พันลี้...เราไม่อยากดื่มน้ำ”
ผมใช้ทั้งสองมือจับประคองใบหน้าเขาให้เงยขึ้นสบตากัน ดวงตาของคนตัวเล็กกลับมาใสแจ๋วเหมือนเดิมแล้ว ใจอยากจะก้มลงไปกัดที่จมูกเล็กๆ และแวะไปกัดที่แก้มสีแดงระเรื่ออีกสักสองที แต่ก็ทำได้แค่ส่งยิ้มให้ใกล้ใจแล้วพูดเกลี้ยกล่อมตัวแสบอย่างที่ทำเป็ประจำ...
“ดื่มน้ำหน่อยดีกว่านะคะ เชื่อลี้นะ”
คนตัวเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยคล้ายครุ่นคิด เ้าตัวกวาดสายตามองไปโดยรอบ ก่อนเอ่ย “พันลี้ไปเอาน้ำไกลมากไหมครับ? ”
ดวงตาใสแป๋วที่กะพริบปริบๆ กับคำพูดเพราะๆ ของใกล้ใจ
ทำใจเหลวสัดๆ
“ไม่ไกลครับ แค่ตรงนั้นเอง” พูดพลางชี้นิ้วไปที่กระติกสีน้ำเงินที่อยู่อีกมุมของสนาม ใกล้ใจหันมองตามนิ้วของผมก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก
“รีบมานะพันลี้ เพราะนอกจากบอสแล้ว เราก็ไม่รู้จักใครเลย” คนตัวเล็กพยักพเยิดหน้าไปที่สนาม ก่อนเอ่ยต่อ “...แล้วบอสก็ไปเล่นแบดแล้ว”
ก็เขาเป็แบบนี้...แล้วจะให้ผมทิ้งไปไหนได้นานๆ
จริงๆ ผมอยากให้ใกล้ใจเปลี่ยนชื่อ
เปลี่ยนจาก ‘ใกล้ใจ’ เป็ ‘ใกล้พันลี้’
เราจะได้อยู่ใกล้กันตลอด
“โอเคค่ะ เดี๋ยวลี้รีบกลับมานะ”
ใกล้ใจยกมือทำท่าโอเค ก่อนเอ่ย “โอเคครับ”
ผมส่งมือไปลูบหัวทุยก่อนจะเดินมาเอาน้ำที่กระติกน้ำแข็ง น้ำเปล่าหลายสิบขวดวางแช่อยู่กับน้ำแข็ง ผมกล้าหยิบขวดน้ำโดยไม่ขอใครก็เพราะพวกเพื่อนผมจองไว้ทั้งสนาม ภายในนี้ไม่มีคนอื่นเลย มีแต่เพื่อนสมัยมัธยมและสาวๆ ของพวกมัน ปกติพวกมันจะชอบเสือกเื่ของผมมาก แต่เพราะตอนนี้กำลังสนุกกับการตีแบด และเพลิดเพลินอยู่กับการเต๊าะสาวๆ ดาวคณะที่ชวนมาตีแบดด้วย
แต่ก็ดีแล้ว...
ไม่ต้องมาเสือกหรอก
รำคาญ…
“พี่ลี้...”
เสียงอ่อนหวานที่เอ่ยเรียกอย่างไม่มั่นใจเรียกความสนใจของผมจากกระติกน้ำแข็ง เมื่อหันมองตามเสียงเรียกจึงเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยยืนส่งยิ้มให้อยู่ ผมขมวดคิ้วขณะคิดทบทวนว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า
“พี่ลี้จริงๆ ด้วย...เมื่อกี้เนเน่เห็นแค่ข้างหลัง เลยไม่ค่อยแน่ใจ”
ผมจำได้แล้ว น้องคนนี้เป็ดาวคณะบริหารที่มหา’ ลัยผม เราเคยเจอกันเมื่อหลายเดือนก่อนที่งานวันเกิดเพื่อนเก่าผม
“ครับ”
“พี่ลี้มานานแล้วเหรอคะ? ...เนเน่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่ลี้จะมาที่นี่ด้วย”
“ไม่ได้ตั้งใจมาหรอก พอดีจะแวะมาหาเพื่อนเฉยๆ ”
“พี่ลี้นั่งตรงไหนเหรอคะ? ”
ผมละสายตาจากรุ่นน้องแล้วมองไปยังเก้าอี้ตัวยาวที่ปล่อยให้ใกล้ใจนั่งรออยู่นานแล้ว ทว่าภาพที่เห็นทำให้ผมอยากจะเขวี้ยงขวดน้ำใส่หัวเพื่อนนรก
“ไอ้เหี้ยทิว” ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างหัวเสียเมื่อเห็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่เพิ่งกลับมาจากจีนนั่งอยู่บนพื้นตรงหน้าใกล้ใจ มันกำลังยิ้มหน้าบานอยู่ “มึงนี่มัน...เ้าชู้ใส่ไม่เลือกเลยไอ้สัด”
ผมไม่รอช้ารีบคว้าขวดน้ำเย็นมาหนึ่งขวดแล้วใช้มืออีกข้างโกยน้ำแข็งขึ้นมาหนึ่งกำมือ ก่อนจะหันไปมองรุ่นน้องที่รอคำตอบอยู่
“ฝากปิดกระติกน้ำแข็งให้ด้วยนะ”
“ดะ ได้ค่ะพี่ลี้”
“เดี๋ยวมึงเจอกูไอ้เหี้ยทิว ไปอยู่จีนนานๆ แล้วคงหิวตีนกู”
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เก้าอี้ตัวนั้นมากเท่าไร ผมยิ่งเห็นแววตาแพรวพราวของไอ้ทิวขณะมองใกล้ใจ แต่ที่อยากถีบเพื่อนนรกให้หงายหลังก็เพราะมันเรียกรอยยิ้มจากใกล้ใจได้
“ไอ้เหี้ยทิว!”
ตุบ!
“อะ โอ๊ย หัวกู!”
“เออ!! กูตั้งใจปาน้ำแข็งให้โดนหัวมึง!”
“พะ พันลี้...”
น้ำแข็งที่เหลืออยู่ในมือถูกเขวี้ยงไปที่เป้าหมายอีกครั้ง ไอ้ทิวยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกำบัง ก่อนจะพนมมือแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ มันคงรู้ว่าผมไม่พอใจจริงๆ แม้ผมจะเล่นกันแรงๆ ตามประสาผู้ชายเป็ประจำ แต่ครั้งนี้มันคงััได้ถึงความรุนแรงที่มีมากกว่าปกติ และคงจะเพิ่มระดับมากขึ้น ถ้ามันยังคิดท้าทายกันอีก
“ยะ ยอมแล้ว กูยอมแล้ว”
“ไอ้หน้าเหี้ย”
ผมพยายามจะเป็คนดีในสายตาของใกล้ใจ ไม่อยากพูดหยาบคายหรือแสดงพฤติกรรมดิบเถื่อนให้คุณคนดีเห็นสักเท่าไร แต่ไอ้พวกเพื่อนนรกมันคอยยั่วให้ผมเอาร่างนี้ออกมาใช้ตลอด
ผมมองคนตัวเล็กที่นั่งกะพริบตาปริบๆ พลางคิดอยากดุที่เ้าตัวส่งยิ้มให้ไอ้ทิว แต่ก็ได้แค่เปิดฝาขวดน้ำแล้วยื่นให้ใกล้ใจ เ้าตัวรับไปแล้วกระดกดื่ม แต่ตัวแสบคงเดาออกว่าผมไม่พอใจ เ้าตัวถึงได้ชำเลืองมองผมขณะดื่มน้ำ พอดื่มน้ำเสร็จก็ส่งคืนให้ผมพร้อมฉีกยิ้มกว้างเหมือนง้อให้หายโกรธ
“พันลี้ดื่มด้วยกันไหม? ...จะได้สดชื่น~”
“ไม่ดื่มค่ะ”
ตอบพลางไล่สายตามองคนตัวเล็กั้แ่หัวจรดเท้าอีกครั้ง คนที่สวมเสื้อยืดแขนสั้นตัวโคร่งสอดทับในกางเกงยีนทรงสกินนี่สีอ่อนกับรองเท้าผ้าใบ adidas สีขาว ทำให้ผมกลุ้มใจอย่างหนัก เพราะแค่ใกล้ใจแต่งตัวง่ายๆ สบายๆ ยังมีเสน่ห์ได้ขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งเขาจัดเต็มแต่งมากกว่านี้ ผมคงตามเก็บคนที่มาวอแวเขาไม่ไหว และหากถามว่าทำไมต้องโมโหมากตอนที่เห็นไอ้ทิวนั่งคุยกับเ้าตัว
ก็เพราะ...ใกล้ใจน่ะ
สเปคไอ้ทิวเลย
คนหัวร้อนอย่างผมไม่ค่อยมีเหตุผลเวลารู้สึกหวงอะไรสักอย่าง เหมือนในตอนนี้ที่ผมก้าวเท้าไปยืนตรงหน้าคนตัวเล็กเพื่อบังไม่ให้ไอ้ทิวเห็นคุณคนดี ผมรู้ว่าตัวเองงี่เง่าทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ในตัวเขา และผมควรทำตามที่ตั้งใจไว้ั้แ่แรกโดยไม่ข้ามขั้นของความสัมพันธ์ แต่เพราะผมหวงมากจริงๆ จึงเผลอยกมือข้างหนึ่งไปวางทาบที่ริมฝีปากบาง ใกล้ใจที่เงยหน้ามองผมเลิกตาโตเล็กน้อยคล้ายใที่ผมเอามือไปปิดปากเขา
“อย่ายิ้มให้ไอ้ทิวได้ไหมคะ? ” แม้การกระทำของผมจะบ่งบอกว่า ‘ห้าม’ อย่างชัดเจน แต่เพราะผมรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ในตัวเขามากขนาดนั้น ผมจึงทำได้แค่ ‘ขอร้อง’ ใกล้ใจเท่านั้น
คุณคนใจดีพยักหน้าหงึกหงัก คนขี้หวงที่แสนเอาแต่ใจอย่างผมจึงปล่อยให้เขาเป็อิสระ ในขณะที่ถอนมือออกอย่างช้าๆ ผมยอมรับว่าตั้งใจให้ฝ่ามือััโดนที่ริมฝีปากนิ่มเบาๆ
ปากสีชมพู...
ผมอยากััจะแย่...
ทว่าทุกความคิดต้องหยุดลง เพราะมีใครบางคนเอื้อมมือกระตุกชายเสื้อของผมเบาๆ เพื่อเรียกให้หันไปหา ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหมุนตัวไปอีกทาง ไอ้ทิวนั่งอยู่ที่พื้นพลางส่งสายตากวนๆ มาให้ ผมจำใจทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามมัน ก่อนจะถดตัวถอยหลังเพื่อแทรกตัวเองเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างขาเรียว
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นเ้าของขาเรียวที่เม้มริมฝีปากแน่นก่อนส่งยิ้มบางเบามาให้ ใกล้ใจคงยังไม่ชินที่เราใกล้ชิดกันแบบนี้ แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเ้าตัวจะคุ้นชิน ผมอิงหลังกับขอบเก้าอี้ตัวยาวที่ใกล้ใจนั่งอยู่ ก่อนจะใช้ทั้งสองมือลูบรองเท้าสีขาวที่วางขนาบอยู่สองฝั่งข้างกาย
ลูบเพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย
ลูบเพราะหวัง...ให้เขาััผมกลับบ้าง
แต่ถ้าใกล้ใจยังไม่กล้า...ก็ไม่เป็ไร
ผมจะถอยหลังออกมา...เพื่อให้เขาได้ตั้งตัว
และค่อยก้าวเข้าไปหาใหม่...
“ไม่ได้เจอกันนาน โหดขึ้นเยอะเลยนะมึง”
“โหดเหี้ยอะไร กูก็เหมือนเดิม”
“หัวกูเนี่ย...ไม่เหมือนเดิม ปูดเป็ลูกมะนาวเลยไอ้ฉิบหาย”
“เวอร์ไอ้สัด” ผมพูดปนหัวเราะ
“ลองโดนน้ำแข็งปาใส่หัวบ้างไหมล่ะ? ”
ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นไอ้ทิวยกมือลูบหัวตัวเองปรอยๆ “กลับมาก็ไม่บอกเพื่อน ไอ้ควาย”
“ความจริงกลับมาแบบเฮิร์ตๆ โดนสาวจีนเท...ไม่มีเรี่ยวแรงจะส่งข้อความบอกเพื่อนเลย”
“อ่อนสัด โดนเทก็แค่ยกเหล้าซด จะเสียใจอะไรนักหนา”
“โอ๊ย...หล่อๆ แบบมึงคงไม่เคยตกอยู่ในสภาพโดนเทเหมือนกูหรอก”
“รู้ได้ไง”
“รู้ก็แล้วกัน”
“พวกไอ้เหี้ยบอสคอยรายงานเื่กูตลอดเลยดิ”
“ถั่วต้ม”
“พวกขี้เสือก”
“คืนนี้ไปตี้กันไหม? ...” มันเอ่ยถาม แต่สายตามองผ่านผมไปด้านหลัง ไอ้ทิวคนเหี้ยกำลังชวนใกล้ใจไปเที่ยวอยู่
“ถามใครไอ้สัด? ! เอาดีๆ ”
“ถะ ถามมึงไง...ธะ โธ่ คิดมากกก”
“มากไหม? ...อยากแดกตีนกูมากไหมมึงอะ? ”
“ฮ่าๆ ...สรุปไม่ไปจริงๆ เหรอ? ”
“เออ จะเลิกตี้แล้ว”
“ขอเหตุผล”
“ไม่ขอตอบ”
“เบื่อคนมีความลับ”
ผมหัวเราะ แต่ในขณะนั้นมือเรียวทั้งสองข้างของใกล้ใจก็วางลงบนไหล่ของผมก่อนเ้าตัวจะโน้มหน้าลงมาเรียกด้วยเสียงแ่เบา
“พันลี้...”
ทุกอย่างที่ทำเป็ไปโดยธรรมชาติ ผมเอื้อมมือข้างหนึ่งไปกุมมือที่วางไว้บนไหล่ ก่อนเอ่ยถาม “ขา...ว่าไงคะ? ”
“พันลี้เป็ที่พักคางให้เราหน่อยได้ไหม? ” พูดพลางเอามือลูบหัวผมเบาๆ
ผมหันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งกะพริบตาปริบๆ ก่อนเอ่ย “ได้ค่ะ”
ไม่รู้เป็เพราะอะไรที่ทำให้เขาอยากเอาคางวางไว้บนศีรษะของผม แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ััจากผมก็ช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์ของเราได้ไม่น้อย เมื่อหันกลับมาคุยกับเพื่อนต่อ คางเรียวของคนที่นั่งอยู่ข้างหลังก็วางลงบนศีรษะของผมเบาๆ ก่อนที่มือเรียวทั้งสองข้างจะถูกปล่อยทิ้งมาที่บริเวณหน้าอกผม
ไอ้ทิวมองผมสลับกับใกล้ใจ มันถอนหายใจออกมาพลางส่ายหน้า ผมรู้ว่ามันทั้งเสียดายและอิจฉา แต่ทำอะไรไม่ได้ และเพื่อให้มันที่ถูกใจใกล้ใจขาดใจตาย จึงจับแขนเรียวทั้งสองข้างให้โอบรอบคอของผมไว้ ไอ้ทิวยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะชวนผมคุยเื่อื่นต่อ
ปลงเถอะเพื่อน...
คนนี้...มึงไม่ได้แดกหรอก
“แล้วเื่เรียนของมึงเป็ไงบ้าง? ”
“ก็ดี...อาจารย์สั่งงานเยอะดี”
“ฮ่าๆ ...พอๆ กับกูอะ”
ในระหว่างที่ผมคุยกับไอ้ทิวอยู่ หางตาผมเหลือบเห็นไอ้บอสที่ยืนอยู่ห่างๆ ทำท่าทางอะไรสักอย่าง ผมจึงแกล้งไม่เห็นและคุยกับไอ้ทิวต่อ ไอ้บอสคงกำลังยุให้ใกล้ใจทำอะไรสักอย่าง ผมแอบปรายตามองไอ้บอสอีกครั้ง คราวนี้มันยกมือเสยผมข้างหน้าของตัวเองขึ้นจนเปิดให้เห็นหน้าผาก ผมเดาว่ามันให้ใกล้ใจเอามือเสยผมเปิดหน้าผากผม เพราะหลังจากอาบน้ำสระผมที่ห้องอาบน้ำ ผมก็ไม่ได้เซตผมเปิดหน้าเหมือนตอนเตะบอล ปล่อยให้มันแห้งและเป็ทรงตามธรรมชาติ
หากใกล้ใจจะทำตามคำยุของไอ้บอสก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอาย เพราะปกติผมก็เซตผมเปิดหน้าผากอยู่แล้ว แต่ไอ้บอสคงสะใจน่าดู...ที่ได้เห็นผมเป็ ‘ลูกหมา’ เต็มตัว
ตอนนี้ผมวัดใจแล้วว่า...คุณใกล้ใจจะทำไหม
ลูกหมาหรือเปล่า...เดี๋ยวรู้กัน
และเป็ในตอนนี้ที่มือเรียวข้างหนึ่งเคลื่อนขึ้นมาที่หน้าผากของผม ก่อนที่ฝ่ามือเล็กจะสอดเข้าไปใต้เรือนผมที่ปรกอยู่ด้านหน้าแล้วรวบเสยขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าผากของผม ส่วนมืออีกข้างของเ้าตัวก็เคลื่อนขึ้นมาบีบแก้มทั้งสองข้างของผมไว้คล้ายมันเขี้ยว
ไอ้ทิวเลิกตาโตขณะมองผมสลับกับใกล้ใจ มันคงคิดว่าผมจะโมโหแล้วหันไปดุใกล้ใจแน่ๆ แต่ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก เพราะรู้ว่ามันเตรียมตัวโอ๋ใกล้ใจอยู่ สิ่งที่ผมทำคือนั่งคุยกับไอ้ทิวต่อหลังจากที่มือเรียวบีบแก้มผมจนหนำใจแล้วละออกไป เหลือเพียงแค่มือที่รวบผมด้านหน้าผมไว้เท่านั้น
เอาเลยค่ะ...
เอาให้เต็มที่เลยใกล้ใจ...
ไอ้ทิวะเิหัวเราะออกมา ก่อนจะยกนิ้วโป้งให้คนตัวเล็กที่หัวเราะคิกคักอยู่ “เก่งมากๆ ทำไอ้ลี้ยอมได้”
แค่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ก็พอจะรู้ว่าคุณใกล้ใจมีความสุขแค่ไหน พอเ้าตัวปล่อยมือข้างที่รวบผมด้านหน้าไว้ออก คุณคนใจดีก็เอามือมาลูบและจับจัดผมด้านหน้าของผมให้เรียบร้อยเหมือนเดิม
เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังลี้เลยค่ะใกล้ใจ...
ผมหันไปมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างหลัง ใกล้ใจที่ยิ้มร่าด้วยแววตาซุกซนหุบยิ้มฉับพลันคล้ายสนุกจนลืมตัว เ้าตัวคงคิดว่าผมจะโกรธจึงนิ่งเงียบ เราสบตากันท่ามกลางความเงียบที่เกิดขึ้นในใจ
เพื่อนทุกคนคงเห็นว่าผมเป็ลูกหมาของเขา และอีกหน่อยผมจะโดนล้อว่า ‘ลูกหมา’ เวลาเจอพวกเพื่อนนรก ผมไม่ค่อยชอบให้ใครเรียกว่า ‘ลูกหมา’
แต่ดูใกล้ใจทำสิ...
ย่นจมูกและส่งยิ้มหวานให้ผม
ก่อนจะพูดคำว่า ‘ลูกหมา’ เบาๆ
ผมพยายามกลั้นยิ้ม เขาเก่งที่รู้ว่าจะต้องง้อผมอย่างไร ผมคิดไม่ผิดเลยที่เรียกใกล้ใจว่า ‘ตัวแสบ’ เพราะตอนนี้เ้าตัวแสบซนกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ผมจ้องมองคนที่ยังส่งยิ้มหวานให้อยู่พลางคิดว่า...
ดุเลยไอ้ลี้...บอกไปว่า ‘ห้ามเรียกลี้ว่าลูกหมาอีก’
ถ้าไม่ปรามตอนนี้ก็จะเสียระบบที่สั่งสมมา
แต่พอเห็นใกล้ใจยิ้มอย่างมีความสุข
ก็นั่นแหละ...ปล่อยแม่งเสียระบบไปเหอะ
ความโหดห่าอะไร...ทิ้งๆ ไปบ้างไอ้ลี้ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์
แค่นี้เอง...ผมทำเพื่อคุณได้อยู่แล้ว
“ตัวแสบ” พูดได้แค่นี้แหละ ก่อนจะหันกลับมาคุยกับไอ้ทิวต่อ ยอมรับว่าไม่ชินกับการเป็คนของใคร และเป็ลูกหมาที่โคตรจะยอมเขา ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะเป็ได้ถึงขนาดนี้ จะยอมได้มากจนไม่น่าเชื่อ และมือของผมที่เลื่อนขึ้นไปลูบที่แขนเรียวที่โอบรอบคอไว้เบาๆ ทำให้ผมต้องเชื่อว่า...
มึงสู้เขาได้นะ...แต่…
เออ...มึงโคตรยอมเขาเลยว่ะ
#ใกล้แค่พันลี้
Boss : Send a photo
Tillll : 555555 ไอ้ลูกหมา
Lotto : เอาจริงดิ?
F : คนที่นั่งคร่อมไอ้ลี้คือใครวะ?
Tillll : นั่งคร่อมที่ไหน พูดจาหยาบโลน กูนั่งอยู่ตรงนั้นเลย ใกล้ไม่ได้นั่งคร่อม แต่ไอ้ลี้แทรกตัวไปนั่งตรงหว่างขาใกล้ต่างหาก อย่ามาพูดให้ใกล้ดูเป็คนแรงๆ นะเว้ย
F : ไอ้เหี้ย ก็คือกูไม่รู้ ถ่ายมามุมข้างแบบนี้ มันก็เหมือนนั่งคร่อมไอ้ลี้อยู่ไง
Lotto : แต่กูซูมรูปดูแล้ว น่ารักไม่เบาเลยอะ
P.Panli : @Lotto เบาหน่อย มึงอะ ซูมเบาๆ หน่อยไอ้ส้นตีน
Boss : 555555555555
P.Panli : @Boss มึงด้วยไอ้เหี้ยบอส ลดลงหน่อยสันดานขี้ยุอะ
ผมส่ายหน้าอย่างหัวเสียขณะพรมนิ้วไปบนแป้นพิมพ์ หลังจากแยกย้ายจากเพื่อนมาขึ้นรถเพื่อเตรียมกลับบ้าน พวกเพื่อนนรกก็เริ่มปั่นผมทันที โดยการส่งรูปตอนผมโดนใกล้ใจแกล้งเอามือเสยผมเปิดหน้าผากส่งเข้ามาในไลน์กลุ่มเพื่อนสนิท ในกลุ่มนี้มีเพื่อนสมัยมัธยมอย่างเดียว ไม่มีเพื่อนที่มหา’ ลัยอยู่เลย
แล้วแม่งมีคนอยู่ในกลุ่มเกือบ 30 คน
คืนนี้พวกมันไปตี้กันเกือบทั้งกลุ่ม
รูปไอ้ลี้โดนเอาไปล้อบันเทิงแน่ๆ
P.Panli : ถ้าใครเซฟรูปลงเครื่องนะไอ้สัด กูจะตามไปกระทืบถึงบ้าน
P.Panli : แล้วถ้ามึงยังไม่เลิกส่งรูปนี้มาล้อกูนะไอ้บอส กูจะไปเผาบ้านมึง
F : ลบก่อนๆ
Boss : ถ้าไม่มาตี้ กูก็ไม่ลบรูป
P.Panli : สารเลว
Tillll : ลูกหมาไปขอใกล้ก่อน
P.Panli : ไม่ต้อขอ
P.Panli : แค่บอกก็พอ
Lotto : เมื่อกี้เกือบเก่งแล้วอะ ตอนที่บอกว่า ‘ไม่ต้องขอ’ แต่ก็มาเป็ลูกหมาตอนบอกว่า ‘แค่บอกก็พอ’ 55555
เละ...เละไปหมดเลยไอ้ลี้
ระบบคนโหดรวนไปหมดเลย
F : มาเหอะ งานนี้ไม่มีสาวๆ มีแต่เพื่อนเว้ย มาอัปเดตชีวิตกันหน่อยดิ๊
P.Panli : เออ เดี๋ยวไป แต่จะกลับเร็ว
Tillll : เออ แล้วเจอกันๆ
หน้าจอถูกกดล็อก ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คืนนี้ต้องโดนพวกมันปั่นไม่เลิกแน่ๆ โทรศัพท์เครื่องสีดำถูกเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่กำลังนั่งเปิดสมุดโน้ตดูอยู่ ผมอยากจะดึงคนตัวเล็กมาตีให้เข็ดที่ยอมทำตามคำยุของไอ้บอส แต่ก็ทำได้แค่...ส่งมือไปลูบหัวทุยเบาๆ
พอเขาหันมายิ้มให้ก็... “รัดเข็มขัดเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ? ”
ทำได้แค่นี้แหละ...
เออ...กูมันโคตรลูกหมาอย่างที่มึงพูดเลยไอ้บอส
“อื้อ เรียบร้อยแล้ว”
“วันนี้คุณใกล้อย่านอนดึกนะคะ...” ที่พูดไปก็เพราะเป็ห่วงเขาจริงๆ แต่ก็ยอมรับว่าพูดประโยคนี้เพื่อเชื่อมไปอีกเื่ที่อยากจะบอก “วันนี้ลี้ก็ว่าจะนอนเร็ว แต่เพื่อนมันรบเร้าให้ไป...”
“ไปตี้สินะ”
“ค่ะ”
“อย่าดื่มเยอะนะพันลี้...” คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็ห่วง “ถ้าขับรถกลับไม่ไหวก็นั่งแท็กซี่กลับนะ”
“โอเคค่ะ” ได้บอกแล้ว...โล่งเลย
ผมละมือออกจากหัวทุยก่อนจะเคลื่อนมือมาเปลี่ยนเกียร์แล้วขับรถออกมาจากลานจอดรถ ระหว่างทางเราก็คุยกันไปเรื่อยๆ ใกล้ใจพูดเก่งขึ้นเยอะเลย ผมแอบมองคนข้างกายที่ตอนนี้เล่าเื่น่ารักๆ ให้ฟังไม่หยุด เวลาที่ใกล้ใจเป็ตัวแสบที่ร่าเริงแบบนี้
มันทำให้ผมอยากจะ...
...ปกป้องเขาไปตลอด
ให้เขาเป็ ‘ตัวแสบ’ ของผมตลอดไป
เพราะวันนี้รถไม่ค่อยติด ผมจึงพาใกล้ใจมาส่งที่คอนโดได้เร็วกว่าที่คิดไว้ คนตัวเล็กวางกระเป๋าสตางค์ไว้ให้ผมที่หน้าคอนโซลรถ ก่อนจะปลดเข็มขัดเตรียมลงจากรถ เ้าตัวหันมาส่งยิ้มให้ผมพร้อมโบกมือลา
เป็ในตอนนี้ที่ผมคิดว่า...
ไอ้ลี้...มันต้องชัดเจนอีกสักหน่อยแล้วว่ะ
“ใกล้ใจ...” ผมเอ่ยรั้งอีกคนที่กำลังลงจากรถ ดวงตาเรียวรีมองผมด้วยแววตาสงสัย “ลี้รู้ว่าเรารู้จักกันมาได้สักพักแล้ว….ใกล้ก็คงให้ลี้เป็เพื่อนไปแล้ว”
“...”
“แต่ลี้อยากให้มันชัดเจนสำหรับเราสองคน...” ทุกก้าว ทุกขั้น ของความสัมพันธ์...ผมอยากให้มันชัดเจนที่สุด แน่นอนว่าผมหวังซึมลึกไปเรื่อยๆ แต่มันก็ต้องชัดเจนด้วย “คุณใกล้...เป็เพื่อนกับลี้นะคะ”
ตัวแสบอมยิ้ม ก่อนพยักหน้ารับหงึกหงัก “ใกล้ใจตกลง”
โคตรๆ ...
น่ารักโคตรๆ
หมีพูห์ของม้าไม่มีวันสู้ใกล้ใจได้...
“คืนนี้ฝันดีนะคะ”
“อื้อ ฝันดีเหมือนกันนะพันลี้”
คนตัวเล็กเปิดประตูเตรียมลงจากรถ แต่ทว่าเ้าตัวกลับปิดประตูอีกครั้งแล้วหันมาสบตากับผม ตอนนั้น...หัวใจมันสั่น มันอยากบอกบางอย่างกับเขา แต่ทำได้แค่กดบางประโยคให้ลึกลงสุดใจแล้วส่งยิ้มให้เขารู้สึกปลอดภัย เพื่อที่เ้าตัวจะได้กล้าพูดบางอย่างกับผมอย่างที่ตั้งใจไว้
“ระ เรา...เรารู้ว่าพันลี้เป็คนใจร้อน...” ใกล้ใจก้มหน้าหลบสายตาผม ก่อนเอ่ยต่อ “...จริงๆ อีกไม่นานเราคงสนิทกันมากกว่านี้แน่ๆ ”
“...”
ในวินาทีถัดมา ใกล้ใจเงยหน้าขึ้นสบตากับผมอีกครั้ง “เราข้ามขั้นเป็เพื่อนสนิทกันเลยก็ได้นะ”
ผมหลุดหัวเราะออกมาก่อนเอ่ยตอบ “ได้ค่ะ...งั้นตอนนี้เราเป็เพื่อนสนิทกันแล้วนะ”
“อื้อ...งั้นเราไปก่อนนะ”
“ค่ะ...ฝันดีรอบที่สองนะคะใกล้ใจ”
ใกล้ใจพยักหน้า ก่อนเอ่ย “ฝันดีรอบสองเหมือนกันนะครับ”
ผมมองคนตัวเล็กลงไปจากรถ ใช้สายตามองส่งเขาจนหายเข้าไปในคอนโด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งไปให้เขาทางไลน์
P.Panli : ฝันดีรอบที่สามนะคะ ตัวแสบ
Panli : send a sticker
glaijai : sead a sticker
สติกเกอร์รูปกระต่ายที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้วมีประโยคภาษาอังกฤษว่า ‘Good night’ เรียกรอยยิ้มของผมได้เป็อย่างดี และหัวใจดวงเล็กๆ ที่ลอยอยู่ทั่วกระต่ายตัวนี้...
ทำให้ผมแพ้...
แพ้ให้ใกล้ใจทุกทางเลย...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้