ได้ยินผู้ดูแลตำหนักภารกิจย้ำอีกรอบบรรดาลูกศิษย์สำนักนอกก็อุทานตื่นใกันออกมาอีกหนึ่งระลอก
สายตามองเสวียนเทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลาสั้นๆ เพียงสองเดือน ผลึกสัตว์อสูรขั้นสองแปดร้อยกว่าเม็ดเฉลี่ยแล้วทุกวันต้องสังหารสัตว์อสูรสิบกว่าตัว
สังหารสัตว์อสูรขนาดนี้น่าจะล่อสัตว์อสูรขั้นสามมาได้ง่ายๆอันตรายเป็อย่างยิ่ง ดังนั้น นอกจากมียอดฝีมือชั้นเบิกนภาคอยช่วยผู้ฝึกยุทธ์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจฆ่าล้างผลาญสัตว์อสูรในเทือกเขาเร้นลมได้
นอกจากนี้ สัตว์อสูรขั้นสามยังมีแข็งแกร่งมีอ่อนแอยอดฝีมือชั้นเบิกนภาก็ไม่แน่ว่าจะต่อกรกับสัตว์อสูรขั้นสามที่ร้ายกาจได้ในเทือกเขาเร้นลมต้องระวังตัวเป็ที่สุด
เสวียนเทียนเก่งกล้าสามารถมาจากไหน? ตอนออกจากสำนักเขาเพิ่งเข้าสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดนี่เป็การเก็บประสบการณ์นอกสำนักครั้งแรกกลับเก็บของกลับมาได้ขนาดนี้ทำให้ศิษย์นอกชั้นสูงที่อยู่ที่นั่นต่างรู้สึกตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อ อิจฉาและไม่พอใจ!
“ฮึ! ผลึกอสูรของสัตว์อสูรชั้นสองแปดร้อยเม็ดขนาดผลึกอสูรของสัตว์อสูรระดับาาสักเม็ดก็ไม่มีศิษย์พี่หยางสังหารสัตว์อสูรขั้นสองระดับาาไปทั้งหมดตั้งยี่สิบเอ็ดตัวอย่างไรศิษย์พี่หยางก็ร้ายกาจกว่า”
ฉับพลันก็มีคนส่งเสียงกล่าวด้วยความไม่พอใจออกมาคนหนึ่งเห็นผลึกอสูรของเสวียนเทียนไม่มีผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองระดับาาก็หาข้ออ้างขึ้นมายกยอศิษย์พี่หยาง เล่นงานเสวียนเทียน
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว แค่คนอย่างเขา จะมาเทียบกับศิษย์พี่หยางได้อย่างไร?”
“ศิษย์พี่หยาง ใต้ชั้นเบิกนภาไร้คู่ต่อกรสัตว์อสูรขั้นสองระดับาาก็สังหารได้ง่ายดาย นอกจากศิษย์พี่สำนักในศิษย์นอกไม่มีใครเทียบได้ ปีนี้ต้องคว้าอันดับหนึ่งของศิษย์นอกแน่นอน”
“ศิษย์พี่หยางเทียบกับเขา คนหนึ่งเป็ฟ้า คนหนึ่งเป็ดินศิษย์พี่หยางสังหารสัตว์อสูรขั้นสองระดับาาได้ นิ้วเดียวก็บี้เขาตายได้แล้ว!”
......
......
บรรดาศิษย์นอกทั้งหลายในใจริษยาจึงพาลไปทั่วคนหนึ่งเริ่มไม่นานเสียงเสียดสีก็ดังขึ้นไม่ขาด ระลอกแล้วระลอกเล่า
หยางติ่งจวินมุมปากขยับยิ้ม สบายใจขึ้นมากพอได้ยินบรรดาศิษย์ทั้งหลายพูดขึ้นเช่นนี้ ความแตกต่างของจำนวนผลึกอสูรระหว่างเขากับเสวียนเทียนก็พลันถูกเขาลบทิ้งไปจากสมองเหลือเพียงความคิดที่ว่าเสวียนเทียนสู้เขาไม่ได้เท่านั้น
ถ้อยคำเสียดสีของบรรดาลูกศิษย์ เสวียนเทียนรู้สึกเฉยชา ไม่ได้แย้งมองผ่านไปเฉยๆ
ผู้ดูแลตำหนักภารกิจถอนหายใจมาเบาๆ เขาเองเมื่อยังอายุน้อยก็ผ่านการเป็ลูกศิษย์มาก่อนก็เป็เช่นนี้แล วัยเยาว์เืลมพลุ่งพล่าน แข่งขันแย่งชิงความแข็งแกร่ง
ผ่านไปพักหนึ่ง ผู้ดูแลตำหนักภารกิจก็กล่าวขึ้นว่า “ผลึกอสูรของสัตว์อสูรชั้นสอง 811 เม็ดรวมแต้มภารกิจ 11714 แต้ม หรือเป็เงิน 117140 ตำลึง หวงเทียน เ้าจะแลกอะไร”
แม้ว่าบรรดาลูกศิษย์ปากจะโจมตีเสวียนเทียน ในใจกลับอิจฉาแทบแดดิ้นแต้มภารกิจ 11714 เชียวนะพวกเขาต้องใช้เวลาเท่าไรถึงจะหามาได้กัน?
เสวียนเทียนตอบว่า “แลกเงินแต่ว่าข้ายังมีผลึกอสูรอยู่นี่อีกนิดหน่อย แลกพร้อมกันเลยแล้วกัน!”
“อะไรนะ? ยังมีผลักอสูรอีกหรือ?” ไม่เพียงบรรดาลูกศิษย์ ผู้ดูแลตำหนักภารกิจเองก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึง
ท่ามกลางเสียงตื่นตะลึงของผู้คนเสวียนเทียนก็หยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากมัดหนังสัตว์อสูรนั้น
ถุงใบนี้เล็กกว่าถุงแรกที่เสวียนเทียนหยิบออกมาอยู่บ้าง แต่ขนาดยังพอๆกันกับถุงผลึกอสูรของหยางติ่งจวิน
เสียงสูดหายใจตกตะลึงระลอกหนึ่งพลันดังขึ้นมา
เสวียนเทียนแอบอมยิ้ม นำถุงวางไว้บนโต๊ะของผู้ดูแลตำหนักภารกิจ บอกว่า “ในนี้มีผลึกสัตว์อสูรขั้นสองชั้นล่าง 33 เม็ดผลึกสัตว์อสูรขั้นสองชั้นกลาง 107 เม็ด ผลึกสัตว์อสูรขั้นสองชั้นสูง 355 เม็ด ผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองระดับาา 139 เม็ด รวมทั้งหมด 634 เม็ด”
นี่เป็สัตว์อสูรที่เสวียนเทียนสังหารในเดือนที่สองที่นั่นใกล้เขตของสัตว์อสูรขั้นสามสัตว์อสูรที่ปรากฏตัวออกมาโดยทั่วไปเป็สัตว์อสูรขั้นสองชั้นสูงกับระดับาาเป็หลัก
เพราะว่าหลิงซิงเยว่ ไป๋หลิง ฉู่เฟิงและเติ้งเฟยสี่คนนั้นล่าสัตว์อสูรชั้นสามอยู่ในแถบนั้นดังนั้นในเดือนนั้นเสวียนเทียนถึงไม่พบกับสัตว์อสูรขั้นสามสักตัวล่าสัตว์อสูรขั้นสองชั้นสูงและระดับาามาได้เป็จำนวนมาก ผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองระดับาามีถึง 139 เม็ด!
ประโยคนี้แต่ละคำเหมือนดังสายฟ้าฟาดดังขึ้นในหูของศิษย์ทุกคนที่อยู่ที่นั่น
พวกเขาเพิ่งจะพูดกันว่าเสวียนเทียนสู้ศิษย์พี่หยางไม่ได้เหตุก็เพราะศิษย์พี่หยางเก็บผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองระดับาามาได้ 21 เม็ด ส่วนเสวียนเทียนไม่มีสักเม็ด
แต่ว่าเพิ่งผ่านไปได้ชั่วเวลาไม่กี่ประโยคเสวียนเทียนกลับนำผลึกอสูรของอสูรขั้นสองระดับาาออกมา 139 เม็ด 139 เม็ดกับ 21 เม็ด ความแตกต่างระหว่างจำนวนมากจนไม่อาจเปรียบได้
เสวียนเทียนพูดจบ สายตาก็กวาดมองใบหน้าของบรรดาศิษย์
เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ...
ในหูของบรรดาศิษย์เหมือนได้ยินเสียงฝ่ามือดังขึ้นในจินตนาการพวกเขารู้สึกว่าใบหน้าถูกเสวียนเทียนตบแรงอย่างแรงเข้าหนึ่งฝ่ามือ อีกทั้งฝ่ามือนี้ตบได้หนักหน่วงสาหัสหนัก
โดยเฉพาะหยางติ่งจวิน หน้าอกสะท้านขึ้นมาแค่ไม่กระอักเืออกมาเท่านั้นในที่นี้คนที่ถูกตบหน้าแรงที่สุดก็คือเขา
ไม่ นี่มันร้ายแรงยิ่งกว่าตบหน้าเขาถูกเสวียนเทียนกวาดตามองด้วยสายตาดูถูก หยางติ่งจวินรู้สึกเหมือนตนถูกเหยียบลงไปติดกับพื้นใบหน้าถูกเหยียบแน่นิ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเสวียนเทียน นี่ไม่ใช่แค่การตบหน้านี่แทบจะเป็การเหยียบหน้าแล้ว
ผู้ดูแลตำหนักภารกิจเทผลึกอสูรในถุงออกมา เสียงตื่นเต้นดังขึ้น “เป็ผลึกสัตว์อสูรขั้นสองระดับาาของจริง มากมายขนาดนี้เชียว? หวงเทียน เ้าสังหารสัตว์อสูรขั้นสองระดับาามากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?”
เสวียนเทียนยิ้มรับ ตอบว่า “แค่โชคดีเท่านั้น”
เสวียนเทียนไม่อยากพูดมาก ผู้ดูแลตำหนักภารกิจละสายตากลับไป พูดขึ้นว่า “คนมีโชค ย่อมประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่” พูดจบก็ตรวจสอบจำนวนผลึกสัตว์อสูร
ไม่นานผู้ดูแลตำหนักภารกิจก็ตรวจสอบเสร็จ พูดขึ้นว่า “จำนวนผลึกอสูรแต่ละชนิดถูกต้อง ทั้งหมด 634 เม็ด ทั้งหมดมูลค่า 126150 ตำลึงรวมกับก่อนหน้า 117140 ตำลึง ทั้งหมด 243290 ตำลึง หวงเทียน คะแนนภารกิจเพียงพอให้เ้าเรียนวิทยายุทธ์หรือวิชาปราณชั้นนิลเ้าแน่ใจหรือว่าจะแลกเงินไม่แลกแต้มภารกิจ?”
เสวียนเทียนพยักหน้า ตอบว่า “แน่ใจ!”
โอสถทิพย์ช่วยชีวิต อย่างไรก็ต้องแพงสาหัสกว่าโอสถทิพย์ธรรมดาทั่วไป
เส้นปราณในร่างของเสวียนหงขาดสะบั้นจนแทบจะเป็คนพิการจะฟื้นฟูเส้นปราณให้พลังวัตรฟื้นคืน ยากยิ่งนักต้องใช้โอสถทิพย์ที่ราคาประมาณมิได้สิ่งที่เสวียนเทียนทำได้ตอนนี้มีเพียงหาเงินให้ได้มากที่สุดซื้อโอสถทิพย์ที่ดียิ่งขึ้นมารักษาอาการาเ็ของเสวียนหงให้หายดีเสียก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากันไม่อย่างนั้นอาการาเ็ยิ่งทิ้งไว้นานก็ยิ่งรักษาให้เหมือนเดิมยาก
ไม่นานผู้ดูแลตำหนักภารกิจก็นับตั๋วเงินออกมาปึกใหญ่ ทั้งหมด 243290 ตำลึงส่งให้แก่เสวียนเทียน
เมื่อมองเห็นตั๋วเงินทั้งหมดสองแสนสี่หมื่นกว่าตำลึงในดวงตาของบรรดาลูกศิษย์ก็สาดประกายริษยาออกมา พวกเขาต้องใช้เวลานานเท่าไร ถึงจะหาตั๋วเงินได้มากมายขนาดนี้?
หนึ่งปีเต็มก็ยังทำไม่ได้ อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าสองปีทั้งยังอันตรายเป็อย่างยิ่ง อาจจะต้องตายในท้องของสัตว์อสูรก็เป็ได้หยางติ่งจวินมองเสวียนเทียนรับตั๋วเงินสองแสนสี่หมื่นตำลึงมาลมหายใจยิ่งถี่กระชั้นขึ้นทุกที โกรธเกรี้ยวสุดจะกลั้น
หยางติ่งจวินออกไปเก็บประสบการณ์นอกสำนักครั้งนี้ก็เพื่อตามเสวียนเทียนไปถึงผลจะตามไม่ทันแต่อยู่ในเทือกเขาเร้นลมเกือบสองเดือนล่าสัตว์อสูรก็ได้ผลกลับมาไม่เลวแม้ว่าจะตามเสวียนเทียนไม่สำเร็จ แต่ก็นับว่าอารมณ์ดีมาก
แต่ว่า หลังเสวียนเทียนปรากฏตัวขึ้น เขาถูกตอกหน้าอย่างร้ายกาจเวลาเท่ากันเขาได้แต้มภารกิจมาแปดพันกว่าแต้ม มูลค่าเท่าเงินแปดหมื่นตำลึงแต่เสวียนเทียนได้เงินมาถึงสองแสนสี่หมื่นตำลึง เทียบเท่ากับสามเท่าของเขา
หยางติ่งจวินยึดติดกับความแข็งแกร่งเป็ที่สุด เพื่อก้าวเหนือผู้อื่นในวิถียุทธ์ประสบความสำเร็จขึ้นไปยืนยังจุดสูงสุด เขาตอนตัวเองโดยไม่เสียดายให้ตัวเองไม่มีทางร่วมสวาทกับหญิงสาวได้ตลอดไป ทำถึงขนาดนี้เพื่อฝึก ‘ปราณหยางบริสุทธิ์’ ได้อย่างวางใจ
เมื่ออายุเพียงสิบสี่ปี พลังวัตรก็บรรลุถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า เมื่อปีก่อนในการแข่งขันจัดอันดับครั้งใหญ่ของศิษย์สำนักนอกก็เอาชนะศิษย์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบจำนวนมาก เข้าไปเป็ลำดับเก้าจากสิบอันดับได้สำเร็จ
ปีนี้อายุสิบห้าปีเต็มพลังวัตรั้แ่เมื่อหลายเดือนก่อนก็บรรลุถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบถึงจะเป็จางหลงที่ในการแข่งขันจัดอันดับใหญ่เมื่อปีกลายได้ลำดับแปดอยู่อันดับก่อนเขาเมื่อเห็นหยางติ่งจวินยังต้องถอยหนีเก้าสิบลี้
“สิ่งที่ข้าแสวงหามีเพียงที่หนึ่งมีเพียงข้าที่จะก้าวข้ามผู้อื่น ผู้อื่นจะมาก้าวข้ามข้าไม่ได้!” นาทีนี้ หยางติ่งจวินคำรามก้องในใจ
ถึงแม้เขาจะตอนตัวเอง แต่พลังวัตรก้าวล้ำคนรอบตัวไปไกลทั้งสำนักนอกไม่มีใครกล้าไม่เคารพเขาศิษย์นอกชั้นสูงจำนวนมากล้วนแต่ยินดีก้มหัวเป็ลูกน้อง พร้อมทำตามคำสั่งเขาผลปรากฏว่าวันนี้ถูกเ้าเด็กเสวียนเทียนที่ครึ่งปีก่อนยังเป็คนไร้ตัวตนตบหน้าเข้าให้อย่างแรงแทบจะแพ้หมดรูป ในใจหยางติ่งจวินยากจะยอมรับได้
บรรยากาศรอบตัวหยางติ่งจวินพลันคุกรุ่นขึ้นฉับพลันดวงตาทั้งคู่สาดแสงออกมา จับจ้องที่ตัวเสวียนเทียน ร้องขึ้นว่า “ผลึกอสูรพวกนี้ไม่ใช่เ้าเป็ผู้สังหารมาใช่หรือไม่? ถ้าไม่ใช่เ้าเก็บได้ ก็มียอดฝีมือชั้นเบิกนภาพาเ้าออกฆ่า อย่างเ้าอย่างไรก็ไม่อาจได้ผลึกอสูรมามากขนาดนี้”
เสวียนเทียนบ่ายหน้าหนี ไม่สนใจเขาแม้แต่นิด เดินออกไปนอกตำหนักภารกิจ
“เ้ายังไม่ตอบคำข้า! กล้าหนีหรือ?”
หยางติ่งจวินโกรธจัด ฝ่ามือพุ่งออกไปทางแผ่นหลังของเสวียนเทียน
ได้ยินเสียง เสวียนเทียนพลันหมุนตัวฟาดฝ่ามือกลับมา
ฝ่ามือทั้งสองปะทะกัน ประสานเข้าหากัน
ปัง!
เสียงอากาศอัดะเิดังขึ้นเสวียนเทียนรู้สึกถึงพลังมหาศาลสายหนึ่งทะลักผ่านเข้ามาในร่างของเขาเสวียนเทียนถอยตามแรงพลังสองก้าวถ่ายพลังสายนี้ลงสู่ผืนดินให้พลังสลายไปไร้ร่องรอย
หยางติ่งจวินร่างไม่ขยับแม้แต่น้อยเห็นเสวียนเทียนกลับต้านฝ่ามือของตนไว้ได้ ไฟโกรธในดวงตายิ่งพลุ่งพล่านฝ่ามือพลิกหนึ่งครั้ง กำลังจะฟาดออกไปอีกครั้ง
“บังอาจ!” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาผู้ดูแลตำหนักภารกิจลุกยืนขึ้นมา พูดว่า “หยางติ่งจวินตำหนักภารกิจใช่ที่ที่เ้าจะทำตามอำเภอใจงั้นหรือ?”
ตำหนักภารกิจใหญ่มากแบ่งออกเป็ตำหนักในกับตำหนักนอกตำหนักในอยู่ในเขตสำนักกระบี่์ชั้นในที่เป็ที่พักของศิษย์ในมีผู้าุโของสำนักในเฝ้าดูแลส่วนตำหนักนอกอยู่ในเขตสำนักชั้นนอกที่อยู่ของศิษย์นอกมีผู้าุโของสำนักนอกคอยดูแล
เวลาปกติผู้าุโจะไม่อออกมา แต่ถ้ามีเื่เกิดขึ้นย่อมก่อความรำคาญให้แก่ผู้าุโ
หยางติ่งจวินมีเส้นสายอยู่ในสำนักในอยู่บ้างผู้ดูแลธรรมดาทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีเื่กับผู้าุโของตำหนักภารกิจเขาคงรับผลที่ตามมาไม่ไหว
“ฮึ!” หยางติ่งจวินแค่นเสียงออกมาหนักๆคำหนึ่ง จ้องเสวียนเทียน เข่นเขี้ยวพูดว่า “คอยดูเถิดการแข่งขันจัดอันดับใหญ่ เ้าจะได้เจอการต้อนรับแบบไม่ธรรมดา”
พูดจบหยางติ่งจวินก็สะบัดแขนเสื้อเสียงดัง เดินดิ่งออกไปจากตำหนักภารกิจ
“‘ปราณหยางบริสุทธิ์’ สมกับที่เป็วิชาปราณชั้นทองขั้นสูงเพียงหนึ่งเดียวที่เทียบกับปราณเบิกนภาได้พลังภายในลึกล้ำนัก เขาฝึกปราณหยางบริสุทธิ์ได้ถึงขั้นเจ็ดขั้นสูงสุดส่วนปราณเบิกนภาของข้าเพิ่งฝึกได้ถึงขั้นที่ห้า แข่งพลังภายในข้ายังแพ้ให้เขาอยู่ถ้าหากก่อนการแข่งจันจัดอันดับใหญ่ พลังวัตรของข้ายังไม่เลื่อนเข้าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าต้องใช้เพลงกระบี่ดับเงาถึงจะเอาชนะเขาได้”
เสวียนเทียนแม้จะถอยหลังไปสองก้าว ดูเหมือนตกเป็รองแต่ในใจนั้นประเมินพลังของหยางติ่งจวินอยู่ในใจ