“ท่านผู้นำหมู่บ้าน ข้าก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน ข้าโดนบังคับทั้งนั้น” หลี่ชิงหลิงก้มหน้าลงเหมือนกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ชื่อเสียง? เทียบกับโชคชะตาแล้ว ชื่อเสียงไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรเลย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้นำหมู่บ้านก็ถอนหายใจอีกครั้ง มองแม่ลูกทั้งสามด้วยความสงสาร ยิ่งผู้เฒ่าหลี่อายุมากก็ยิ่งเลอะเลือน สักวันจะต้องเสียใจแน่
"ยังไงก็ต้องระวังหน่อย ทำร้ายคนอื่นหรือตัวเองเข้าก็ไม่ดีทั้งนั้น” เขาที่มีตำแหน่งงานคงช่วยมากเกินไปไม่ได้ อย่างมากก็ได้แค่เตือน
หลี่ชิงหลิงก็ไม่อยากพูดมาก เพียงแค่พยักหน้า
แต่นางรู้ว่าครั้งต่อไปที่เจอเื่แบบนี้ นางจะยังคงทำเหมือนเดิม
ผู้นำหมู่บ้านส่ายหัว สอนอีกเล็กน้อยก่อนจะเอามือไพล่หลังเดินจากไป
หลังจากที่ผู้นำหมู่บ้านจากไป หลี่ชิงหลิงจึงถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นมองนางจ้าว พูดอย่างเ็ปใจ "ท่านแม่เจ็บมากไหม"
นางรับรู้ถึงความปรารถนาของแม่ที่จะปกป้องนาง
นางจ้าวส่ายหัวมองหน้าผากที่แดงและบวมของลูกทั้งสอง เ็ปใจจนแทบไม่ไหว นางยื่นมือไปแตะแผลของหลี่ชิงหลิงอย่างอ่อนโยน "แม่ไม่ดีเองที่ไม่ได้ปกป้องพวกเ้า”
ถ้านางดุกว่านี้ พวกแม่สามีก็คงไม่กล้ามารังแกคนถึงบ้านเช่นนี้
“ท่านแม่พูดอะไรน่ะ ขอแค่ท่านสบายดีก็เป็การปกป้องที่ดีที่สุดสำหรับข้ากับน้องแล้ว” แถมแม่นางยังท้องอีก หากเกิดมีอะไรขึ้นมา นางกับน้องชายจะได้เป็เด็กกำพร้าจริงๆ
คำพูดปลอบโยนของหลี่ชิงหลิงทำให้น้ำตาของนางจ้าวไหลมากกว่าเดิม ในใจรู้สึกได้รับการปลอบโยน หลังสามีจากไป ลูกสาวก็เหมือนจะเติบโตขึ้นในทันทีทันใด และกลายเป็กระดูกสันหลังของครอบครัว
"เอาล่ะ อย่าร้องไห้เลย ร้องมากไปไม่ดีสำหรับเด็กนะ" หลี่ชิงหลิงใช้มือเช็ดน้ำตาของนางและปลอบเสียงเบา "คราวหน้าถ้าพวกท่านย่ามาหาเื่อีก ท่านแม่ต้องเข้มแข็งไว้ ถ้าเข้มแข็งพอ พวกเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้”
หลังจากที่นางจ้าวหยุดร้องไห้ หลี่ชิงหลิงก็ไปเอาน้ำให้ทั้งสามคนล้างหน้า
ทันทีที่นางเทน้ำทิ้ง หลิวจือโม่ก็วิ่งเข้ามาพร้อมเหงื่อโทรม เขาเห็นหน้าผากที่บวมของนาง เม้มปากแล้วยื่นขวดยาให้ "ยานี้ลดอาการบวมได้ รับไปสิ"
หลังจากวางอ่างแล้ว หลี่ชิงหลิงก็รับมาโดยไม่ได้เกรงใจอะไรอีก นางบอกขอบคุณ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาวิ่งไปหาผู้นำหมู่บ้าน ผู้เฒ่าหลี่คงไม่จากไปง่ายๆ
“ครั้งหน้าถ้าเจอแบบนี้อีก มาเรียกข้านะ อย่าเผชิญหน้าเอง”
เมื่อเขาเห็นนางยืนถือมีดอยู่ที่ประตูเพื่อปกป้องแม่และน้องชาย เขาก็รู้สึกเ็ปใจเล็กน้อย เ็ปใจที่นางต้องปกป้องบ้านตนเองทั้งที่ยังเด็กนัก
หลี่ชิงหลิงมองเขาและหัวเราะเบาๆ "เจอคนอย่างท่านย่าและท่านป้าของข้าก็ต้องแข็งแกร่งกว่า ดุร้ายกว่า ไร้เหตุผลกว่า ท่านพี่…” นางกวาดสายตามองหลิวจือโม่ "ไม่ไหว ท่านทะเลาะไม่เป็”
สิ้นเสียง ใบหน้าของหลิวจือโม่ก็เปลี่ยนเป็สีแดง แต่เขายังคงพูดติดอ่างและบอกว่าคราวหน้ามีเื่อีกก็ให้มาหาเขา
หลี่ชิงหลิงเห็นว่าเขาดื้อรั้นจึงพยักหน้า แน่นอนว่าถ้ามีคน้าช่วย นางก็ย่อมไม่ปฏิเสธ
หลิวจือโม่ชำเลืองมองนาง หันหลังกลับ้าจะจากไป แต่มีคนคว้าข้อมือของเขาไว้ เขาหันศีรษะไปและสบตากับหลี่ชิงหลิง
“อย่าเพิ่งไป ข้ามีเื่จะบอก” หลี่ชิงหลิงปล่อยมือและบอกให้เขาเข้ามาในห้อง
เขางุนงงเล็กน้อย ยกเท้าเดินตามเข้าไป
“นั่งลงก่อน” หลี่ชิงหลิงพูดกับหลิวจือโม่
หันกลับมาบิดเปิดฝา เทยาลงในมือ ค่อยๆ ทาลงบนแก้มนางจ้าวพลางพูด “นี่ยาที่พี่จือโม่เอามาให้ ลดอาการบวมได้!"
นางจ้าวรู้สึกถึงความเย็นบนใบหน้า มองหลิวจือโม่และกล่าวขอบคุณ
แม้ว่าพ่อแม่ของหลิวจือโม่จะจากไปแล้ว แต่หลิวจือโม่ก็เป็เด็กดี หากลูกสาวนางแต่งงาน ทั้งคู่จะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างดีแน่นอน
หลิวจือโม่บอกไม่ต้องเกรงใจ เฝ้าดูหลี่ชิงหลิงวุ่นวายด้วยสายตาที่ดูมีบางสิ่งอยู่ลึกๆ
"เดี๋ยวก่อน..." หลี่ชิงหลิงช่วยหลี่ชิงเฟิงทายาเสร็จแล้ว กำลังจะปิดฝา แต่นางจ้าวห้ามไว้ นางเทยาลงบนมือเล็กน้อยและช่วยทาให้นาง “เ้านี่นะ ลืมทาให้ตัวเอง”
หลี่ชิงหลิงยิ้ม ปิดฝาเสร็จส่งให้หลิวจือโม่
หลิวจือโม่ไม่ได้รับ ให้พวกนางใช้ต่อ อาการบวมจะบรรเทาลงหลังจากใช้อีกสักสองครั้ง
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ชิงหลิงก็หยุดปฏิเสธและเก็บยาไว้
"ท่านแม่ เอาไก่ป่าให้พี่จือโม่หรือยัง" นางกลับมาจากตลาด ยังไม่ทันได้ถาม พวกนางหลิวก็มาหาถึงที่ ตอนนี้จึงเพิ่งมีเวลาถาม
นางจ้าวพยักหน้า "ให้เสี่ยวเฟิงเอาไปแล้ว”
เมื่อพูดถึงไก่ป่าและปลาที่บ้าน ดวงตาของหลิวจือโม่ก็เป็ประกาย "น้องหลิง ไก่ป่า..." ูเาที่หมู่บ้านของพวกเขาตั้งอยู่ไม่มีสัตว์ให้ล่านัก นับประสาอะไรกับไก่ป่าตัวอ้วนๆ
นางเอามันกลับมาจากที่ไหน?
"เสี่ยวเฟิง ไปนั่งรอข้างนอก ถ้ามีใครมาก็เรียกนะ” หลี่ชิงหลิงหันไปสั่ง นางยังไม่อยากให้คนอื่นรู้เื่ทีู่เาซงมีสัตว์ให้ล่า
หลี่ชิงเฟิงตอบรับ วิ่งออกไปและนั่งลงที่ทางเข้าลานบ้าน
ระมัดระวังขนาดนี้? สีหน้าหลิวจือโม่จริงจังขึ้นมา
"พี่จือโม่ ที่ข้าบอกให้รอก็เพราะอยากคุยเื่ไก่ป่านี่แหละ" หลี่ชิงหลิงนั่งลงและมองหลิวจือโม่ "ฟังแล้วต้องเก็บเป็ความลับนะ"
"แน่นอน..." เขาไม่ใช่ผู้กอบกู้โลกสักหน่อย จะใจกว้างขนาดนั้นได้อย่างไร?
เมื่อรู้ว่าหลิวจือโม่เป็คนมั่นคง หลี่ชิงหลิงก็พูดอย่างวางใจ "เมื่อสองวันก่อน ข้าไปูเาซงมา ข้ายืนยันมาแล้วว่าที่นั่นมีของกิน ข้าจะบอกท่าน แล้วข้าก็อยากจะถามว่าท่านพี่จะไปกับข้าไหม”
ูเาซง?
เขาเคยได้ยินชื่อมาก่อน มันค่อนข้างไกลจากที่นี่ เขาไม่คิดว่าหลี่ชิงหลิงจะกล้าได้กล้าเสียไปทีู่เาซงเพียงลำพัง
“ไปสิ จะไปเมื่อไร” ครอบครัวเขายังเป็หนี้อยู่เลย ถ้าไม่ไปจะมีเงินใช้หนี้ได้อย่างไร
หลี่ชิงหลิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง "อีกสองวันแล้วกัน ข้าเพิ่งกลับมาเมื่อคืน ขอพักผ่อนสักสองวัน" ร่างกายของนางอ่อนแอเกินไปจริงๆ ถ้านางไม่พักผ่อนดีๆ แล้วอ่อนเพลีย จะกลายเป็กับะเิสำหรับบ้านที่ไม่มั่นคงนี้ได้
หลิวจือโม่ตอบรับ ถามเพิ่มเติมเล็กน้อย หลังจากที่หลี่ชิงหลิงตอบทีละคำถาม เขาจึงจากไปพร้อมความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัว
ทันทีที่หลิวจือโม่จากไป นางจ้าวจึงเอ่ยอย่างเป็กังวล "เสี่ยวหลิง แม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกจะกลับไปอีก ที่บ้านยังมีอาหารอยู่ น่าจะกินได้จนถึงฤดูเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงนู่น"
ูเาซงเป็สถานที่อันตราย หากไม่ระวังจะเป็การไปไม่กลับ ลูกสาวนางไปมาสองวัน นางก็นอนไม่หลับมาทั้งสองวัน ได้แต่หวาดกลัวว่าลูกสาวจะไม่กลับมา
นางไม่อยากให้ลูกสาวไปอีกเลยจริงๆ
เมื่อมองไปที่ท้องของนางจ้าว หลี่ชิงหลิงก็กัดริมฝีปากล่าง ส่ายหน้าปฏิเสธ "ท่านแม่ ข้าจะไป เราต้องหาทางเอาชีวิตรอด จะพึ่งพาแค่ที่นาเล็กๆ ของบ้านเราไม่ได้หรอก”
นางเกิดใหม่ในร่างเล็กๆ นี้ ดังนั้นจึงต้องแบกรับความรับผิดชอบของร่างนี้ ต่อสู้เพื่อครอบครัวของนาง ต่อสู้เพื่อหาหนทางเอาชีวิตรอด
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เราก็ผ่านมาแบบนี้นี่” นางจ้าวบีบน้ำตา "แม่จะถักผ้าไปขายเพิ่ม ยังไงก็พอเลี้ยงเ้ากับเสี่ยวเฟิงได้”
สามีนางจากไปแล้ว ถ้าแม้แต่ลูกสาวคนโตก็จากไป นางจะอยู่ได้อย่างไร? นางอยู่ในความกลัวตลอดสองวันที่ผ่านมา และไม่อยากััอีกครั้งแล้ว นางกลัวจริงๆ
หลี่ชิงหลิงลดศีรษะ ใช้มือถูมุมเสื้อผ้า รู้สึกลำบากใจมาก แต่นางก็ต้องพูดในสิ่งที่ต้องพูด
“หลังจากจ่ายภาษีแล้ว ผลเก็บเกี่ยวจะเหลือเท่าไร? ต่อให้กินโจ๊กทุกวันก็อยู่ได้แค่สามหรือสี่เดือน ถ้ามีวันไหนผลเก็บเกี่ยวไม่ดี คงไม่มีโจ๊กให้กินด้วยซ้ำ” คำพูดนี้แรงมากจนนางจ้าวหยุดร้องไห้ไม่ได้ “ดูน้องสิ ผอมแห้งแบบนั้น ถ้าไม่กินให้ดีหน่อยจะโตได้ยังไง แล้วไหนจะลูกในท้องแม่อีก มีปากเพิ่มมาอีกปาก อาหารในบ้านจะเพียงพอสำหรับพวกเราสี่คนได้อย่างไร”
หลี่ชิงหลิงถอนหายใจอย่างหนัก นางเหนื่อยมากและไม่้าโต้เถียงกับนางจ้าวครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไปหรือไม่ไป
แต่เมื่อเผชิญกับความกังวลของนางจ้าว นางก็จำเป็ต้องอธิบายทั้งหมด
“ท่านแม่ สบายใจเถอะ ข้าเคยไปมาแล้ว คุ้นเคยกับพื้นที่แล้ว ไม่เป็ไรหรอก” หากนางไม่เข้าไปในูเาลึกก็จะไม่เจอกับสัตว์ขนาดใหญ่
นางจ้าวฟุบหน้าลงบนโต๊ะ ร้องไห้อย่างเ็ป หลี่ชิงหลิงไม่รู้ว่าจะปลอบอย่างไรดี
"พี่ ท่านแม่... เป็อะไรไป" หลี่ชิงเฟิงวิ่งเข้ามาเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องไห้และถามหลี่ชิงหลิงอย่างเป็กังวล
หลี่ชิงหลิงลูบหัวของเขา ยิ้มขมขื่น ไม่รู้จะบอกเขาอย่างไร
“เ้าปลอบท่านแม่ให้หยุดร้องหน่อย ข้าจะไปทำอาหาร”
หลังจากคุยกับหลี่ชิงเฟิงแล้ว หลี่ชิงหลิงก็ไปที่ครัวด้วยใจที่หนักอึ้ง
นางล้างหม้ออย่างเหม่อลอย กำลังจะซาวข้าวก็ได้ยินเสียงคนเรียก
นางรีบวางหม้อและเดินออกไป เมื่อเห็นว่าเป็ภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน จึงยิ้มแล้วเรียกย่าโจวให้เข้ามานั่ง
นางโจวเข้าไปในลาน ได้ยินเสียงร้องของนางจ้าว ถอนหายใจในใจ แต่หน้าตายิ้มแย้มและส่งตะกร้าให้หลี่ชิงหลิง "ที่บ้านมีผักเยอะ ข้าเลยแบ่งมาให้พวกเ้า”
เมื่อหลี่ชิงหลิงเห็นว่ามีกะหล่ำปลีและถั่วอยู่ในตะกร้า จึงรับมาด้วยรอยยิ้ม "ขอบคุณเ้าค่ะ" นางหยิบผักออกมาและคืนตะกร้าให้นางโจว
“ห้ามแม่เ้าหน่อยเถอะ อย่าร้องไห้เลย มันไม่ดีต่อร่างกาย แค่ใช้ชีวิตไป ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” นางโจวแนะนำ “ที่บ้านข้ายังมีงานรออยู่ ไปก่อนล่ะ ถ้าไม่มีผักก็ไปเก็บที่บ้านข้าได้นะ!”
"ขอบคุณมาก กลับดีๆ นะเ้าคะ!" หลี่ชิงหลิงเฝ้าดูนางโจวเดินออกไป ก่อนจะหันหลังกลับและเข้าไปในครัว มองไปที่จาน ใจของอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้