กลางดึก ห้องนอนในตำหนักอวี้เต๋อ
ิเฟิงนั่งอยู่ที่เตียง ขอบตาบวมแดง ก่อนหน้านี้เขาเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หกที่แข็งแกร่งมาก อยู่เหนือผู้คน มีอนาคตไกล แต่วันนี้ เขากลับถูกิอวี่ใช้พลังสังหารห้าเท่าตัดเส้นชีพจรเส้นเอ็นจนขาด ไม่สามารถดูดซับพลังชี่ได้อีก
นั่นก็หมายความว่า ชาตินี้ทั้งชาติ ิเฟิงจะหยุดอยู่แค่ระดับนี้แล้วเท่านั้น ไม่สามารถก้าวหน้าไปมากกว่านี้อีก อีกทั้งเส้นชีพจรของเขาก็ใช้การไม่ได้ หากเดินลมปราณเขาจะรู้สึกเ็ปเส้นชีพจรไปทั่วร่างกาย
หรือพูดอีกอย่างว่า ิเฟิงในตอนนี้ นอกจากร่างกายที่แข็งแรงทนทาน และการมีชีวิตที่ยืนยาวแล้ว เขาก็ไม่มีพลังยุทธ์อย่างอื่นอีก
ด้านหน้าของเขา มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีม่วงทอง แต่งกายงดงาม แต่ในเวลานี้ดวงตาของนางเ็าราวกับงูพิษ ริมฝีปากอันบางเฉียบของนางเป็สีแดง นางก็คือพระสนมหลี่นั่นเอง
วันนี้นางเพิ่งจะเสร็จจากการไปเสริมความงามที่หอเทียนเซียง กลับมาก็เห็นประตูใหญ่ของตำหนักอวี้เต๋อถูกทำลายไม่มีชิ้นดี ลูกชายที่นางภาคภูมิใจที่สุดก็ถูกตัดชีพจรเส้นเอ็น นางโกรธมากจนเกือบจะหมดสติไป
“ท่านแม่ ท่านจะต้องจัดการเื่นี้ให้ข้านะ! ิอวี่มันทำลายอนาคตข้า พรุ่งนี้ข้าจะไปฟ้องเสด็จพ่อ!” ิเฟิงตีโพยตีพาย
“เหลวไหล!”
พระสนมหลี่ตบไปที่หน้าของิเฟิงฉาดใหญ่ นางพูดด้วยความโมโหว่า “เดิมทีท่านอ๋องก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเราอยู่แล้ว หากรู้ว่าตอนนี้ิอวี่มีพร์มากขนาดนี้ จะต้องให้ความสำคัญกับเขาอย่างมาก ย่อมปกป้องเขาอย่างถึงที่สุดเป็แน่ อีกอย่าง เื่นี้เ้าคิดว่าเ้าทำถูกแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ในสายตาของพระสนมหลี่ อำนาจเป็เื่ที่โหดร้าย หากิเฟิงเอาเื่นี้ไปบอกกับิอ๋อง นางจะต้องไม่ได้รับความโปรดปรานอีกต่อไปอย่างแน่นอน
“ข้า ...” พอได้ยินพระสนมหลี่ถาม ิเฟิงก็พูดอะไรไม่ออก
นางถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ถึงเวลานั้นไม่มีใครช่วยเ้าได้แน่ ท่านอ๋องเองก็จะลงโทษเ้าด้วย แล้วตำหนักอวี้เต๋อของข้าก็จะกลายเป็ตำหนักเย็น!”
“ฮะ?” ิเฟิงรู้สึกเหมือนมีูเาลูกใหญ่กดทับอยู่ในอก ทำให้เขาหายใจไม่ออก
“เพราะฉะนั้นเื่นี้ข้าจะเก็บให้เงียบที่สุด ห้ามให้เื่นี้ไปถึงหูท่านอ๋องเด็ดขาด”
ิเฟิงโกรธจนตัวสั่น “แล้ว ... แล้วจะให้เลิกแล้วต่อกันไปแบบนี้น่ะหรือ?”
ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รับความเป็ธรรมแท้ๆ แต่ถึงเวลาแล้วยังต้องมาช่วยิอวี่เก็บงำเื่นี้อีก พอได้ยินแบบนี้ ิเฟิงก็อดกลั้นความรู้สึกจนหน้าดำคร่ำเครียดไปหมด
พระสนมหลี่หรี่ตาลง แล้วบ่นพึมพำว่า “จะให้จบแบบนี้ไม่ได้แน่นอน คิดไม่ถึงเลยว่า หยางเสวี่ยหรงตั้งตัวเป็ศัตรูกับข้าเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ข้าไม่ได้รับการโปรดปรานจากท่านอ๋องเหมือนเดิม วันนี้ลูกชายของเ้าก็ทำร้ายลูกชายของข้าอีก พวกเ้าสองแม่ลูก ก็เป็พวกสารเลวด้วยกันทั้งหมด!”
“อีกไม่นานนักหรอก ข้าจะทำให้ลูกชายของเ้าหายไปจากโลกนี้ หยางเสวี่ยหรง เ้ารอความเ็ปจากการสูญเสียลูกชายของเ้าได้เลย!”
……
ตำหนักลั่วฮวา ในสวน ิอวี่กำลังฝึกกระบี่อยู่
ั้แ่่บ่ายจนถึงตอนนี้ ิอวี่รอคนของตำหนักอวี้เต๋อมาหาเื่ตลอด ซึ่งเขาเองก็มีเหตุผลไว้รับมือแล้ว หากไม่ได้จริงๆ ก็แค่รายงานไปที่ิอ๋อง ทำให้เื่นี้เป็เื่ใหญ่ แล้วใช้ผลงานหักล้างกันไป
แต่ใครจะคิดว่ารอมาจนถึงตอนนี้แล้วตำหนักลั่วฮวากลับสงบเงียบ นอกจากขุนนางจำนวนไม่มากที่รู้เื่ที่เกิดขึ้นใน่บ่ายวันนี้แล้ว ก็แทบจะไม่มีใครรู้เื่นี้อีกเลย
ตอนที่เสี่ยวซวงกลับมา ก็เล่าเื่นี้ทั้งหมดให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด แทบจะไม่มีใครเชื่อเลย หากิอวี่ทำร้ายิเฟิง แล้วทำไมตำหนักอวี้เต๋อถึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยล่ะ? พวกเขาก็เลยคิดว่าเสี่ยวซวงพูดจาเหลวไหลมาทำให้พวกเขาใเท่านั้น
ิอวี่น่าจะไปพูดอะไรประจบเอาใจที่ตำหนักอวี้เต๋อ ทำให้ิเฟิงอารมณ์ดี ถึงได้ปล่อยเสี่ยวซวงกลับมาแน่
ิอวี่ไม่รู้ข่าวลือพวกนี้เลย สิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุดในเวลานี้คือการเพิ่มพลังการต่อสู้
วันนี้ที่สู้กับิเฟิง ถึงแม้เขาจะเอาชนะมาได้ แต่ว่าิอวี่เองก็เหมือนจะรู้แล้วว่าพลังการต่อสู้นั้นสำคัญแค่ไหน ราชวงศ์ต้าิมีเสือัซ่อนเล็บอยู่มากมาย แค่ิเฟิงคนเดียวยังไม่ถือว่าเจ๋งเท่าไรเลย เส้นทางการฝึกฝนของิอวี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
แล้วิอวี่เองก็คิดเอาไว้แล้วว่า หากภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ยังไม่สามารถเอาไข่มุกอักขระออกไปประมูลขายได้อีก ถ้าคิดอยากจะหาเงินที่เหลืออีกสองล้านเหรียญหยกดำ เพื่อไปซื้อหลิงจือโลหิตแดงมารักษาหยางเสวี่ยหรง คงมีแค่วิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือการไปประลองยุทธ์เดิมพัน
หากสามารถเอาชนะเดิมพันมาได้ ก็จะสามารถได้รับหยกดำมาได้อย่างรวดเร็ว แต่ก่อนอื่น เขาจะต้องมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเสียก่อน
“ฟึ่บ!”
ิอวี่ตวัดกระบี่ออกมา พลังสังหารห้าเท่าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ใครจะคิดว่าแค่เขาพลิกปลายกระบี่แล้วแทงไปด้านหลัง พลังกระบี่ที่ปรากฏออกมานั้นมันจะเป็พลังสังหารหกเท่า!
ลมปราณกระบี่ส่งเสียงดังออกมา จากนั้นพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วลอยหายไปเป็ร้อยเมตร เพราะลมปราณกระบี่นั้นคมเกินไป อากาศจึงเกิดการบิดเบี้ยวเล็กน้อย
ิอวี่เก็บกระบี่เฟิงโหวเข้าฝัก แล้วเช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผาก สูดหายใจเข้า เพื่อคุมเืลม
“อิอิ เพลงกระบี่ก้าวหน้ามากเลยนะ”
ในเวลานี้เอง เสียงหวานที่คุ้นเคยของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาด้านหลังของเขา ิอวี่หันไปมอง ก็พบว่าเฮยจีลอยอยู่ห่างจากเขาเพียงสามคืบ นางสวมชุดกระโปรงสั้นสีดำบางๆ ทำให้เห็นขาเรียวยาวทั้งสองข้าง นางเอามือกอดอกแล้วมองมาที่ิอวี่ด้วยความสนใจ
ถึงแม้ิอวี่จะเตรียมรับมือกับใบหน้าอันงดงามของเฮยจีอยู่แล้ว แต่วินาทีที่เขาหันมาแล้วเห็นหน้าของเฮยจี ก็ยังตกตะลึงกับใบหน้าอันสวยงามของนางอยู่ดี
ิอวี่เก็บกระบี่เฟิงโหวเข้าถุงมิติพื้นที่ไป แล้วถามว่า “มาหาข้ามีเื่อะไรหรือ?”
เฮยจีเบะปากแล้วพูดว่า “ชิ ถ้าไม่มีอะไรก็มาเล่นกับเ้าไม่ได้หรืออย่างไร? ขี้งกไปได้”
เฮยจีฟื้นฟูกำลังกลับมาได้แล้ว ก็เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก
“ก็ได้ อยากเล่นอะไรล่ะ?”
“เฮ้อ เ้านี่ซื่อบื้อจังเลย ยังมีหน้ามาถามข้าอีก” เฮยจีกระพริบตากลมโตของนาง แล้วพูดว่า “จริงด้วย นี่ก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ลายเส้นอักขระค่ายกละเิเพลิงที่ข้าสอนเ้าไปครั้งที่แล้ว ฝึกได้หรือยัง ไหนลองวาดให้พี่สาวคนนี้ดูหน่อย”
ิอวี่พยักหน้า เขากำลังคิดจะไปฝึกร่างลายเส้นอักขระค่ายกละเิเพลิงของเขาอยู่พอดี ก็เลยเดินเข้าห้องของเขาไป จากนั้นก็จุดไฟบนโต๊ะ นำกระดาษธรรมดาออกมาหนึ่งใบ แล้วใช้หมึกทั่วไปร่างลายเส้นอักขระค่ายกละเิเพลิงออกมา
ิอวี่ไม่อยากใช้กระดาษอักขระสีเขียวกับหมึกเฉพาะเพราะมันเปลือง
เฮยจีเอียงหัวมองไปบนกระดาษ แล้วพูดว่า “ไม่เลวเลยนี่นา ร่างได้เป็รูปเป็ร่างดี ดูท่าเ้าตั้งใจไม่น้อยเลยนะ”
ในสายตาของเฮยจี ิอวี่น่าจะฝึกตลอดทั้งสามวัน อีกไม่นาน ก็ควรจะซื้อกระดาษอักขระสีแดงมาลองร่างดูได้แล้ว
แต่ิอวี่ก็ไม่ได้เสแสร้ง เขาใช้เวลาถึงสามวันถึงใช้กระดาษอักขระสีเขียวร่างไข่มุกอักขระขึ้นมาสิบเอ็ดเม็ดได้ เขาก็ตั้งใจลงทุนลงแรงไปมากจริงๆ เลยพูดว่า “อือ ตั้งใจมากจริงๆ นั่นแหละ ทำอะไรต้องฝึก ต้องตั้งใจแน่วแน่ทุกวัน ข้าจะพยายามแล้วกลายเป็นักร่างอักขระที่สมบูรณ์แบบให้ได้”
“ข้าจะรอดู”
เฮยจีหันไปกะพริบตามองิอวี่ แล้วพูดว่า “เวลาที่ข้าออกมาสูดอากาศแบบนี้ค่อนข้างจะจำกัด เอาอย่างนี้ ข้าจะสอนกระบวนท่าที่สองของคาถาค่ายกลกันไฟให้กับเ้าแล้วกันนะ”
พูดจบนางก็ยกนิ้วชี้ขึ้น ดีดไปที่หว่างคิ้วของิอวี่ ข้อมูลกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้าไปในหัวของิอวี่ มันคือกระบวนท่าที่สองของคาถาค่ายกลกันไฟ นั่นคือ ค่ายกลระฆังทอง!
ค่ายกลระฆังทองเป็ลายเส้นอักขระป้องกันระดับกลางที่แข็งแกร่งมากค่ายกลหนึ่ง สามารถสร้างค่ายกลระฆังทองออกมาตรงหน้าได้ สามารถต้านพลังการโจมตีของผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เจ็ดได้ ในเวลาคับขัน หากสามารถต้านการโจมตีกับศัตรูได้ ก็สามารถพลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้ทันทีด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ
คาถาค่ายกลกันไฟมีทั้งหมดด้วยกันสามกระบวนท่า แค่กระบวนท่าแรกอย่างค่ายกละเิไฟกับกระบวนท่าที่สองอย่างค่ายกลระฆังทองรวมกัน ผลลัพธ์มันก็แข็งแกร่งมากแล้ว
ิอวี่พยายามจำจุดเคลื่อนที่ลายเส้นของค่ายกลระฆังทอง จากนั้นก็เปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่ หยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเริ่มลงมือร่าง ิอวี่พบว่า ค่ายกลระฆังทองนั้นซับซ้อนมากกว่าค่ายกละเิเพลิงเสียอีก
ค่ายกละเิเพลิงนั้นมีเส้นโค้งเส้นหักค่อนข้างมาก แต่ค่ายกลระฆังทอง เส้นโค้งเส้นหักไม่มาก แต่มันมีระดับในการย้อนตัวกลับสูง
ดังนั้น ตอนที่ิอวี่เริ่มร่างจึงมีลายเส้นที่ทับซ้อนกันค่อนข้างเยอะ เลยต้องใช้เวลาประมาณหนึ่ง จนในที่สุดก็เริ่มชินกับการเปลี่ยนวิถีของเส้น จากนั้นก็กำลังเตรียมที่จะลงมือร่างต่อ แต่เฮยจีที่เดินเล่นไปมาในห้องหลายรอบแล้ว กลับพบว่าิอวี่ยังร่างได้ไม่ถึงหนึ่งในห้าส่วนของค่ายกลระฆังทองเลย
เฮยจีส่ายหน้า ยิ้มมุมปากอย่างเ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “เฮ้อ ช้าจังเลย ไปเอากระดาษอักขระมาใหม่สิ เดี๋ยวพี่สาวจะสอนเ้าเอง”
ิอวี่เบะปาก แล้วก็ไปเอากระดาษอักขระสีเขียวมาใหม่ กำลังคิดจะลุกขึ้นให้เฮยจีมาร่างแบบ คิดไม่ถึงเลยว่ามือเย็นๆ ข้างหนึ่งกลับจับมาที่หลังมือของเขา ส่วนมือซ้ายอีกข้างก็กดลงบนมือซ้ายของิอวี่ที่กำลังจับกระดาษอยู่
ิอวี่กำลังคิดจะหันหลัง แก้มของเขาก็ััไปยังใบหน้าที่ขาวเนียนนุ่มของเฮยจี จากนั้น ิอวี่ก็รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังของเขานั้นเหมือนมีอะไรอุ่นๆ นุ่มๆ แนบชิดเข้ามา
ิอวี่เหมือนจะขนลุกซู่
“อย่าขยับ ดูที่ข้าร่างให้ดี ตั้งใจเรียนรู้” เฮยจีพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
ระหว่างที่พูด เฮยจีก็เริ่มขยับพามือของิอวี่ลากไป พร้อมกับปรับท่าทางอย่างต่อเนื่อง ใช้ลายเส้นที่สมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อหาจังหวะการสอน แผ่นหลังของิอวี่เกิดความััที่ไม่คุ้นเคย หูของเขาถูกเส้นผมของเฮยจีถูจนจั๊กจี้ไปหมด ปลายจมูกของเขาได้กลิ่นหอมจากบนตัวของเฮยจีโดยไม่ได้ตั้งใจ
ิอวี่รู้สึกกระสับกระส่ายไปทั่วร่างกายโดยไม่รู้ตัว เขามองไปที่ภาพร่างที่อยู่ตรงหน้า แต่ในหัวกลับมีความคิดแปลกประหลาดเกิดขึ้นมามากมาย ...
รีบๆ เสร็จสักทีได้ไหม ขืนเป็แบบนี้ต่อไปข้าจะทนไหวได้อย่างไรกัน ... ิอวี่แอบภาวนาในใจ
เฮยจีจับมือของิอวี่ ค่อยๆ ร่างอย่างละเอียดไปทีละเส้น นางตั้งใจผ่อนความเร็วให้ช้าลง ให้แต่ละเส้นหักเส้นโค้งตรงตำแหน่งอย่างละเอียดถูกต้องที่สุด เหมือนกับกลัวว่าิอวี่จะเริ่มใช้เคล็ดลับในการร่างในจุดนั้น
“ทำไมมือของเ้ามันแข็งขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ล่ะ? อย่าเกร็งมือขนาดนั้น ผ่อนคลายหน่อย ข้อมือจะต้องพลิ้วไหวนะ เวลาตวัดลายเส้นมันจะได้ดูเป็ธรรมชาติ” เฮยจีชี้แนะอย่างตั้งใจ
“ ... ได้”
เื่เป็ไปแบบนั้นประมาณหนึ่งนาทีได้ เฮยจีก็เก็บลายเส้นสุดท้ายจนเสร็จ อักขระค่ายกลระฆังทองก็เปล่งแสงสว่างและลอยขึ้นมา จากนั้นก็มุดเข้าไปในไข่มุกอักขระ
จวบจนเฮยจีเอามือออกจากหลังมือ ิอวี่ถึงได้รู้สึกโล่งใจ แต่ว่าปลายจมูกของเขาก็มีความร้อนพุ่งพล่านอยู่ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเฮยจี
“หือ?”
ิอวี่ถึงได้รู้ว่า เมื่อครู่เขาทนไม่ไหวถึงขนาดมีเืกำเดาไหลออกมา เืกำเดานี้เผยให้เห็นถึงความคิดแปลกประหลาดในใจของิอวี่จนหมด ...
“อุ้ย ...”
ดวงตาของเฮยจียิ้มหวานจนเป็รูปทรงพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว นางรู้สึกว่าท่าทางอยากจะกินแต่ไม่ได้กินของิอวี่มันน่ารักเกินไปแล้ว
“...” เห็นเฮยจีแสดงท่าทาง “แผนสกปรก” ของนางสำเร็จลุล่วงแล้ว ิอวี่ถึงได้เข้าใจ ท่าทางที่จริงจังของเฮยจีเมื่อครู่มันเป็การแสดงทั้งหมด เป้าหมายที่แท้จริงของนางก็คือหาโอกาสแกล้งเขานี่เอง
ก่อนหน้านี้เฮยจีแกล้งเขาไปแล้วถึงสองครั้ง เพียงแต่ตอนนั้นนางแกล้งแบบตรงๆ เลย เพียงแต่ตอนนี้กลับใช้แผนการอันแยบยลมาแกล้งเขาแทน ...
ิอวี่ยังจำได้ดีว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยสาบานเอาไว้อย่างมั่นใจว่าเขาจะไม่หลงกลนางอีก แต่พออยู่ต่อหน้าเฮยจี เขากลับไม่เอาอ่าวเลย ...
“เ้าจะเกินไปแล้วนะ” ิอวี่เช็ดเืที่จมูกแล้วบ่น
“นั่นสินะ” เฮยจีขยับเข้ามาที่ข้างหูของิอวี่ แล้วเป่าลมเบาๆ แล้วพูดหยอกไปว่า “ถ้างั้นเ้าก็กัดข้าสิ?”
การยั่วยวนแบบไม่เกรงกลัวอะไรเลยแบบนี้ มันทำให้ิอวี่ควบคุมร่างกายของเขาไม่ได้เลย พอกำลังเริ่มมีอารมณ์ เฮยจีกลับยิ้มอย่างเ้าเล่ห์แล้วพูดว่า “อือ ... ง่วงแล้ว ข้าไปนอนก่อนนะ เ้าศึกษาค่ายกลระฆังทองให้ละเอียดล่ะ”
พูดจบนางก็กลายร่างเป็แสงแล้วมุดกลับเข้าไปในหยกโบราณที่อยู่บริเวณหน้าอกของิอวี่ทันที ทิ้งิอวี่ให้นั่งงงๆ กับตัวเองอยู่ที่เดิมอย่างนั้น ...
“... บ้าจริง!”
ิอวี่ถูกภูตตัวหนึ่งปั่นหัวจนไม่มีชิ้นดี เขาลุกขึ้นแล้วรีบไปที่ห้องน้ำ จากนั้นก็ตักน้ำเย็นในถังมาราดหน้าของตัวเอง แล้วก็ส่องกระจก เขาพูดกับตัวเองในกระจกอย่างหัวเสียว่า “ิอวี่ ดูเ้าสภาพเ้าสิ แค่ผีผู้หญิงตัวเดียวเล่นเอาเืพุ่งพล่านขนาดนี้เลยหรือ ...”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ิอวี่ก็กลับมาที่โต๊ะไม้อีกครั้ง เขายังจำได้ว่าเมื่อครู่เฮยจีบอกให้เขาศึกษาค่ายกลระฆังทองอย่างละเอียด
อือ ที่นางพูดมานั้นไม่ผิดเลย ข้าควรจะศึกษาค่ายกลระฆังทองอย่างละเอียด ... แต่ข้าจะยังศึกษาเข้าใจอะไรได้อย่างไรกันล่ะตอนนี้? นางตั้งใจทำให้ข้าคลั่งชัดๆ เลย!
ิอวี่ถึงกับปวดหัว เขาหยิบกระดาษอักขระสีเขียวออกมา แล้วทบทวนการร่างค่ายกละเิเพลิงอยู่หลายครั้ง จนสร้างมันขึ้นมาสำเร็จ
ใน่เวลาคับขัน นอกจากผลาญโลหิตแล้ว ก็มีค่ายกละเิเพลิงนี่แหละที่จะเป็ไพ่ไม้ตายที่แข็งแกร่งในการรักษาชีวิตได้!
หลังจากร่างค่ายกละเิเพลิงเสร็จแล้ว ิอวี่ก็ไม่มีอารมณ์จะร่างอะไรต่อไปอีก เขาลุกออกจากห้อง หยิบเอากระบี่เฟิงโหวออกมา แล้วเดินไปฝึกกระบี่ที่สวนแทน!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้