หลินฟู่อินเหลือบไปเห็นว่าสำรับอาหารที่ยกมาให้เริ่มเย็นชืด “ท่านลุกขึ้นล้างหน้าล้างตาแล้วมากินมื้อเช้าก่อนเถิด ข้าจะแวะไปดูร้านค้าสักหน่อย แล้วจะกลับมาหาท่านอีกครั้งพรุ่งนี้”
นึกได้ว่าหวงฝู่จินเองก็ทำถั่วปากอ้าและถั่วงอกขายที่เป่ยหรงเช่นกัน นางจึงกล่าวทิ้งท้ายก่อนไป “ตอนข้าเริ่มขายจริงจัง เราสองคนสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับถั่วปากอ้าและถั่วงอกได้ ข้ามีความคิดดีๆ ให้ท่าน”
เด็กสาวหายตัวไปทันทีที่พูดจบ หวงฝู่จินนึกถึงคำพูดของนางเมื่อครู่แล้วก็รู้สึกว่าใจของนางยังคงเป็ห่วงเป็ใยและนึกถึงเขาอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่คิดบอกวิธีหาเงินให้เขาเป็แน่
คิดได้ดังนั้น อยู่ๆ อารมณ์ของชายหนุ่มก็ดีขี้นมาโดยไม่รู้ตัว
หลินฟู่อินมาถึงร้านค้า เห็นทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็งก็พอใจ
หลังกลับจากภัตตาคารเมื่อวานนางแบ่งขนมให้ทุกคนชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย น้ำใจเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้พวกเขามีแรงมุ่งมั่นทำงานต่อ หากสังเกตดีๆ หลินฟู่อินไม่เคยปฏิบัติต่อพวกเขาไม่ดีเลยสักครั้ง
“เ้ามาแล้ว วันนี้จะไปส่งถั่วปากอ้าที่ภัตตาคารหลิวจี้หรือไม่?” ต้ายาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หลินฟู่อินหันไปมองกองถั่วปากอ้าปอกเลือกสีขาวน่ารับประทาน
“เมื่อวานนี้ปอกเปลือกได้เยอะหรือไม่?” หลินฟู่อินไม่ตอบคำถามต้ายา
ต้ายาเดินไปถามมารดาของนาง “ท่านแม่ เราแกะเปลือกถั่วกันไปได้เท่าไรแล้วนะเมื่อวานนี้?”
มารดาของต้ายามองค้อนก่อนบ่นอุบ “เหตุใดเ้าไม่หัดจำเองบ้าง? ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าแกะไปแล้วสามร้อยยี่สิบหกจิน”
หลินฟู่อินเริ่มคำนวณในใจ หากเมื่อวานแกะเปลือกถั่วได้มากกว่าสามร้อยจิน เป็ไปไม่ได้ที่คนสามสี่คนจะแกะกันได้มากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหากหักโหมเกินไปจะเจ็บมือกันเปล่าๆ นางต้องหาคนมาช่วยเพิ่มขึ้นอีก
ตอนนี้ทุกคนช่วยเหลือกันหลังจากเสร็จหน้าที่ของตัวเอง หลินฟู่อินจึงยินดีตอบแทนพวกเขาอย่างดี
นางปรบมือให้ทุกคนได้ยินก่อนพูดเสียงดัง “คนที่แกะถั่วปากอ้าเสร็จเมื่อวานนี้ รวมถึงคนที่มาช่วยแกะกันอีกแรง มารับเงินเพิ่มอีกคนละสามอีแปะ คนที่ช่วยแยกถั่วออกจากกันด้วยเช่นกัน”
กล่าวคือทุกคนที่ทำงานล่วงเวลาย่อมได้รับเงินตอบแทน
หลังได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน จิตใจของทุกคนก็เบิกบานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
บางคนถึงกับตั้งมั่นไว้ว่าพวกเขาจะไม่ี้เีอีกต่อไป และจะทุ่มเทให้กับงานมากขึ้น
หลินฟู่อินให้กำลังใจทุกคน ก่อนจะหันมาถามต้ายา “เ้าจะออกไปส่งของกับข้าหรือไม่?”
“ไปสิ ไป!” ต้ายาร่าเริงเมื่อรู้ว่าหลินฟู่อินจะพานางไปด้วยอีกครั้ง
เด็กสาวยิ้มกว้างก่อนเรียกหลินฟางให้ตามไปด้วย
ทั้งสามคนนำถั่วปากอ้าที่แกะเมื่อวานใส่กระสอบใหญ่แล้ววางไว้บนรถเข็น
หลินฟู่อินรู้สึกว่าถั่วปากอ้าที่แกะข้ามคืนไม่สดใหม่เหมือนถั่วปากอ้าที่ใช้เวลาแกะครึ่งวันที่ทั้งสีสันและรสชาติดีกว่ามาก ครั้งหน้าคงดีกว่าหากนางไม่นำถั่วปากอ้าแกะค้างคืนมาขาย
ทางออกที่ดีที่สุดคือแกะถั่วขายวันนั้นเลยทันที
“ต้ายา หากพวกเ้าคิดทำงานข้ามคืน ให้นำถั่วที่แกะเปลือกแล้วใส่ถุงผ้าเก็บเอาไว้ในถังใหญ่ในสวนตอนกลางคืน อย่าวางตากพวกมันไว้ในบ้านเฉยๆ” หลินฟู่อินกำชับต้ายา
“เพราะเหตุใด” ต้ายาถามอย่างสงสัย “เช่นนั้นจะไม่มีหนูมาแทะกินเล่นหรือ? แล้วอากาศที่หนาวเย็นลงตอนกลางคืนอาจทำให้ถั่วแข็งชืดไปหมดใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ข้าให้เก็บเอาไว้เช่นนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ถั่วของเราถูกขโมยไป หาอะไรมาคลุมเอาไว้ก็ได้ ถั่วปากอ้าทนต่ออากาศหนาวได้พอสมควร มันจะแข็งก็ต่อเมื่อถูกแช่แช็งเท่านั้น”
ไม่มีทางเป็ไปได้อยู่แล้ว สมัยนี้ยังไม่มีตู้เย็นแช่แข็ง หากมีตู้เย็นพวกถั่วถึงจะถูกแช่แข็งในนั้น
โชคดีที่หมู่บ้านหูลู่ไม่มีหิมะตกหนักขนาดนั้นแม้เริ่มย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วง ด้วยเหตุนี้จึงราวกับหลินฟู่อินมีตู้เย็นธรรมชาติส่วนตัว
หลินฟู่อินบอกเคล็ดลับการถนอมถั่วปากอ้านี้แก่เถ้าแก่หลิวไปแล้ว พวกเขาจะได้ยืดอายุการเก็บรักษาถั่วได้นานยิ่งขึ้น
พวกนางช่วยกันเข็นรถไปยังภัตตาคารหลิวจี้โดยเดินผ่านภัตตาคารเยว่เค่อ
ทันทีที่เสี่ยวเอ้อร์ของภัตตาคารเยว่เค่อเห็นพวกนางก็รีบะโเรียกหัวหน้าของเขาทันที
“เอ้าเร่เข้ามา! หลินฟู่อินจากหมู่บ้านป่าเขามาเยือนแล้วเ้าข้าเอ๊ย!”
หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายทำตัวไร้เหตุผล ดวงตาเฉี่ยวหรี่ลงขณะจ้องเด็กหนุ่มกลับอย่างเ็า
“มองอะไรมิทราบ? ข้าไม่รู้จักพวกเ้าด้วยซ้ำ เป็เพียงสาวชาวบ้านหาเงินเหม็นๆ กันงกๆ ข้าควรทำตัวเช่นไรดี?” เด็กหนุ่มมองหลินฟู่อินหัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “โอ้ เสื้อผ้าดูดีขึ้นกว่าครั้งก่อนมาก หาเงินได้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย?“
หลินฟู่อินยังไม่คิดตอบโต้ ต่างจากต้ายาที่อดกลั้นไว้ไม่ได้
เด็กสาวปล่อยรถเข็นในมือพร้อมหมุนข้อมือทั้งสองของนางไปมา จากนั้นจึงออกแรงปล่อยหมัดเข้าที่สันกรามเด็กปากมากตรงหน้าอย่างจัง
“โอ๊ย!” เด็กหนุ่มอุทานลั่นก่อนล้มก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้น
“ดูเ้าสิ กล้าดีอย่างไรมาดูถูกบ้านเกิดของข้า ปากของเ้าสิเหม็น!” แม้จะบันดาลโทสะออกไปด้วยหมัด แต่อารมณ์ของต้ายายังคุกรุ่นไปด้วยความเกลียดชัง นางเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งโอดครวญอยู่บนพื้น
ผู้คนที่สัญจรผ่านไปมาหยุดมุงดู เมื่อมีคนสนใจหลินฟางก็รีบใส่ไฟเล่าว่าคนของภัตตาคารเยว่เค่อดูถูกว่าพวกนางเป็คนบ้านนอก เมื่อรู้ที่มาที่ไปของเหตุชุลมุนที่เกิดขึ้น ทุกคนจึงพร้อมใจกันยกย่องว่าเด็กสาวทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ต่างจากเสี่ยวเอ้อร์ที่ได้รับสายตาดูถูกกลับมาแทน ด้วยเหตุนี้กิจการของภัตตาคารเยว่เค่อคงไม่ดีขึ้นไปมากกว่านี้นัก
ด้านผู้ดูแลฮวาคิดจะออกมารับมือกับเหตุวุ่นวายในตอนแรกก็เปลี่ยนใจ หลังจากเห็นเสี่ยวเอ้อร์ถูกเด็กสาวด่าท่อกลับจนนั่งหงอยอยู่ที่พื้น อีกอย่างเสี่ยวเอ้อร์ทำให้เขาขายขี้หน้า ทางเดียวที่เขาทำได้คือต้องไล่ลูกน้องคนนี้ออกไป
ผู้ดูแลฮวาคิดจะก้าวออกมาตอนที่เด็กสาวกำลังทุบตีคนของเขา จะได้เอ่ยปากโยนความผิดให้หลินฟู่อินและพรรคพวกพอดี แต่เมื่อกระแสตีกลับเข้าภัตตาคารเยว่เค่อเช่นนี้ เขาจึงต้องออกมาจัดการกับมันทันที
“ทุกท่าน! ทุกท่าน! โปรดอย่าเพิ่งพูดอะไรกันเลย” ผู้ดูแลฮวายกมือห้ามเสียงอื้ออึงของผู้คนที่มุงเป็วงกว้าง ทุกคนนิ่งเงียบเมื่อเห็นผู้ดูแลใหญ่ของภัตตาคารออกมาจัดการด้วยตัวเอง พร้อมรอฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด
เมื่อเห็นทุกคนนิ่งเงียบเมื่อตนปรากฏตัว ผู้ดูแลฮวาก็ยกคิ้วอย่างถือตัวว่าเขาเองคงดูน่าเชื่อถือไม่น้อย ชายชราหันไปมองหลินฟู่อินแล้วถามอย่างจงใจว่า “แม่นางหลิน เจอกันอีกแล้ว ข้าไม่เข้าใจว่าเสี่ยวเอ้อร์คนนี้ไปทำร้ายคนของท่านได้อย่างไร เหตุใดจึงถูกทุบตีอย่างโหดร้ายเช่นนี้?”
หลินฟู่อินยิ้มบาง “เหมือนว่าเสี่ยวเอ้อร์ของท่านจะไม่เข้าใจว่าความสงบสุขคือหัวใจสำคัญของการทำกิจการ ทุกคนในที่นี้ได้ยินว่าเขาเอ่ยปากดูถูกพวกเราว่าเป็สาวบ้านนอกก่อน ทั้งยังกล่าวว่าเงินที่พวกข้าหามาได้นั้นเหม็นสาบคนจน พี่สาวของข้าจึงเข้าไปทุบตีเขาเพราะทนไม่ไหว แต่ท่าทางเขาจะไม่อาจเอาชนะได้แม้กระทั่งสตรี…”
หลินฟู่อินเมินใบหน้าน่ารังเกียจของผู้ดูแลฮวาแล้วกล่าวต่อ “ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี”
ขณะนั้นต้ายาที่เลิกใช้กำลังก็ลุกขึ้นแล้วพูดอย่างมีน้ำโห “หากยังกล้าปากสุนัขกับพวกข้าอีกหลังจากนี้ ข้าจะหักฟันเหม็นๆ ของเ้าให้หมดปาก!”
เสี่ยวเอ้อร์ทำได้เพียงกลอกตา เด็กหนุ่มยังนั่งอยู่บนพื้นราวกับโดนโคลนดูด ยิ่งตอกย้ำว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย
สีหน้าของผู้ดูแลฮวาหมองลง เขาขมวดคิ้วแน่นขณะจ้องหน้าหลินฟู่อินเขม็ง “เป็สาวเป็นางพูดจาหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร? เสี่ยวเอ้อร์ของข้ายอมให้เพราะเห็นว่าเป็สตรีเท่านั้น ถามพระโพธิสัตว์ยังยากเลยที่พวกเ้าจะล้มพวกข้าได้”
เมื่อเห็นผู้ดูแลฮวาเริ่มตัวสั่น ต้ายาเลยพูดตอกหน้ากลับไปว่า “เช่นนั้นท่านก็เรียกให้เขาลุกขึ้นมาสู้กับข้าอีกหน หากข้าอัดหน้าให้ฟันของเขาหลุดหมดปากอย่างว่าไม่ได้ ข้ายอมกล่าวยกย่องสกุลของพวกท่าน” ต้ายาหัวเราะยั่วยุอีกฝ่าย “หากข้าล้มเ้าหน้าหงายได้ ข้าต้องเรียกสกุลเ้าว่าอย่างไร?”
ผู้ดูแลฮวาโกรธจนแทบกระอักเื
หลินฟู่อินหัวเราะทันทีที่ได้ยินคำพูดของต้ายา นางเชื่อว่าพละกำลังของต้ายาสามารถล้มเสี่ยวเอ้อร์ลงได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเสี่ยวเอ้อร์สั่นกลัวขนาดคลานเข่ามากอดขาผู้ดูแลฮวาแล้วะโลั่นเหมือนหมูะโร้องขอชีวิต “ไม่! ผู้ดูแลฮวา ไม่เอาขอรับ! สตรีผู้นี้แกร่งเกินไป ข้าสู้นางไม่ได้ ฟันข้าต้องหมดปากเป็แน่”
ฝูงชนหัวเราะลั่น สีหน้าของผู้ดูแลฮวามืดครึ้มจนแทบกลายเป็ถ่านสีดำ
หากเข้าไปเกี่ยวข้องมากกว่านี้ ภัตตาคารเยว่เค่อเป็ต้องอับอาย ผู้ดูแลฮวาะโเข้าไปในร้าน “เอาตัวน่าขายขี้หน้านี่ไปเก็บ!”
เสร็จแล้วชายชราก็ปรับสีหน้าให้เป็มิตรยิ่งขึ้น “เสี่ยวเอ้อร์ของข้าบังอาจทำร้ายแม่นางหลินให้เจ็บช้ำน้ำใจ ข้ามาเพื่อขออภัยแทนเสี่ยวเอ้อร์ โปรดให้เกียรติข้าได้เลี้ยงน้ำชาสักหน่อยเถิด”
แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ หลินฟู่อินรู้จักผู้ดูแลปลิ้นปล้อนคนนี้เป็อย่างดี
นางฉีกยิ้มขณะจ้องหน้าชายชรา “ดูเหมือนว่าท่านมีธุระต้องจัดการกับเด็กหนุ่มคนนั้น ส่วนข้าเองก็มีธุระของข้าเช่นเดียวกัน ไม่ขอรบกวนผู้ดูแลฮวาดีกว่า ข้าขอตัว”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินฟู่อินผู้ชมที่มุงอยู่ก็เริ่มคิดในใจ โอ้ เด็กสาวสามคนนี้มีเื่กับภัตตาคารเยว่เค่อ โชคดีที่เ้าของภัตตาคารมีน้ำใจออกมาถามถึงสาเหตุเสียก่อน หญิงสาวใช้กำลังกับผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลจริงหรือ?
แต่หากไม่ถูกยั่วโมโหจนทนไม่ไหวพวกนางจะกล้าลงมือเช่นนี้หรือ?
ผู้ดูแลฮวานึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้หลินฟู่อินเดินทางไปยังภัตตาคารหลิวจี้ หลังจากนั้นภัตตาคารแห่งนั้นก็เปิดตัวรายการอาหารจานใหม่ที่ปรุงจากถั่วปากอ้าสด ทำให้เขารู้สึกอิจฉายิ่งนัก
เป็เพราะรายการถั่วปากอ้านั้นได้รับความนิยมมาก ลูกค้าจึงแห่ไปเข้าภัตตาคารคู่แข่งกันหมด หากปล่อยให้เป็เช่นนี้ต่อไป ภัตตาคารเยว่เค่อคงตามไม่ทันเป็แน่
เื่นี้ติดอยู่ในใจเขาเป็อย่างมาก ผู้ดูแลฮวาตั้งใจไว้ว่าหากเจอหลินฟู่อินเดินผ่านไปเขาก็จะหยุดนางเอาไว้
เพราะเสี่ยวเอ้อร์เป็ญาติของตระกูลและรู้จักหลินฟู่อิน เขาจึงส่งเสี่ยวเอ้อร์ไปดักรอหลินฟู่อินก่อนหน้านี้ แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดเื่น่าอับอายเช่นนี้
สายเกินกว่าที่ชายชราจะมานั่งเสียใจภายหลัง เขาเพียงอยากขอแบ่งซื้อถั่วปากอ้าสดจากหลินฟู่อินมาขายเพื่อเรียกลูกค้าให้ภัตตาคารของตนบ้าง
แสร้งทำเป็ไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กสาวพูด เขาพูดกับหลินฟู่อินอย่างฉะฉาน “ข้าน้อยฮวารู้ดีว่าแม่นางหลินเฉลียวฉลาดขนาดคิดค้นวิธีทำถั่วปากอ้าสดขึ้นมาได้ ไหนๆ แม่นางหลินก็เคยเผยวิธีทำไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนให้ข้าแล้ว คราวนี้แม่นางจะขายถั่วปากอ้าสดให้ภัตตาคารเยว่เค่อสักหน่อยได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินฟังคำพูดหน้าไม่อายของอีกฝ่าย ก็พูดเย้ยหยันอยู่ในใจ หน้าด้านหน้าทนไม่ใช่เื่แปลกของคนทำธุรกิจ ตราบใดที่ยังทำเงินได้ พวกเขาย่อมยอมทำทุกสิ่งอย่างนอบน้อม หากแต่คนสกุลฮวาที่รวมหัวกับพวกเจียงซานหลางน่ารังเกียจเช่นนี้ นางไม่ขอร่วมทำมาค้าขายด้วยเด็ดขาด
“ขออภัย การค้าขายถั่วปากอ้าของข้าอยู่ตัวดีแล้ว และข้าตั้งใจจะขายให้แค่ภัตตาคารหลิวจี้เท่านั้น” หลินฟู่อินคิดว่าผู้ดูแลฮวาพอจะเดาออกว่านางเป็คนขายถั่วปากอ้าให้กับภัตตาคารหลิวจี้ นางเองก็ไม่ปฏิเสธ แต่ขอไม่ขายให้เขาเท่านั้น
ผู้ดูแลฮวาได้ยินหลินฟู่อินปฏิเสธซ้ำอีกครั้ง ใบหน้าของชายชราก็เต็มไปด้วยความกังวลและความไม่พอใจ
“แม่นางหลิน หลักในการค้าขายที่ดีคือต้องไม่ผูกมัดอยู่กับผู้ค้าเ้าเดียว ไม่เช่นนั้นในอนาคตท่านอาจไม่มีลู่ทางขยับขยายกิจการไปค้าขายกับชาวตะวันตกได้”
เด็กสาวสายหัวอย่างมั่นใจ “นี่คือหลักการเฉพาะของตัวข้าเอง ตราบใดที่คู่ค้าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ข้าก็ยินดีจะค้าขายกับคู่ค้านั้นตลอดไปอย่างไม่ลังเล ผู้ดูแลฮวา ข้ามีธุระต้องจัดการ ข้าขอตัว”
หลังพูดจบหลินฟู่อินก็ไม่สนใจไยดีชายชราอีกต่อไป นางส่งสัญญาณให้ต้ายาและหลินฟางเดินทางกันต่อ
ด้านผู้ดูแลฮวามองตามหลังหลินฟู่อินไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
สตรีหน้าไม่อาย! เสียดายนักที่ไม่ทำลายให้นางป่นปี้ั้แ่คราวที่แล้ว ไม่เช่นนั้นทุกอย่างของเขาคงไม่พังทลายมากมายเช่นนี้!
ยิ่งคิดถึงคำพูดของเ้าของภัตตาคารในจดหมาย ผู้ดูแลฮวายิ่งรู้สึกหดหู่ลงเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเขียนจดหมายแจ้งเ้าของภัตตาคารไปว่าเขาเพิ่งได้สูตรไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนมา ทำให้เ้าของภัตตาคารตั้งตารอคอยอย่างมาก!
แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้สูตรมา ขนาดส่งคนแอบตามเด็กสาวเพื่อแอบลักลอบจดสูตรมาโดยพลการก็ยังล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
ช่างน่าโมโหเสียจริง!
จดหมายครั้งล่าสุดของเ้าของภัตตาคารแจ้งให้เขาส่งไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนร่วมร้อยฟองไปให้เหล่าขุนนางชิมดู ปรากฏว่าขุนนางเอ่ยปากชมไม่ขาดสาย จนเ้าของภัตตาคารตบรางวัลให้ผู้ดูแลฮวาอย่างงาม
แน่นอนว่าเขาได้รับคำสั่งให้ไปหาสูตรให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งยอดขายของภัตตาคารตกลงเรื่อยๆ ใน่สองเดือนที่ผ่านมา เขาก็อยากทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็เหมือนเดิมให้เร็วที่สุด แต่ว่า…
ยิ่งคิดมากเท่าไร ผู้ดูแลฮวาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลินฟู่อินคือคนที่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ เขาต้องเริ่มหาวิธีฉกฉวยโอกาสทั้งหมดมาจากมือของเด็กสาวแล้วทำลายนางให้ล่มจมเสีย!
“ผู้ดูแลฮวา เราจะทำเช่นไรต่อไป?” หลังจากเสี่ยวเอ้อร์แบกหน้ากลับมายังภัตตาคารเยว่เค่อ เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ใบหน้าบูดบึ้ง
ชายชราะโกลับไปอย่างหัวเสียงว่า “จะให้ข้าทำเช่นไร? หากเ้าฉลาดกว่านี้ หากเ้ามีวิธีที่ดีกว่านี้ เด็กสาวแซ่หลินคนนั้นคงมอบสูตรถั่วปากอ้าให้ข้าแล้ว! หากเ้าทำสำเร็จข้าก็จะเลื่อนขั้นให้เ้าเป็หัวหน้าผู้ดูแลภัตตาคารเยว่เค่อแห่งชิงหยาง!”
แววตาของเสี่ยวเอ้อร์สดใสและมีความหวังขึ้นมาทันตาเห็น “ผู้ดูแลฮวา ท่านพูดจริงหรือขอรับ?!”
“หากเ้าทำสิ่งที่ข้าพูดสำเร็จ คำพูดของข้าก็จะเป็จริงตามนั้น!” ผู้ดูแลฮวาสังเกตเห็นประกายความหวังในแววตาของเสี่ยวเอ้อร์
เด็กหนุ่มยืดอกตอบรับอย่างตื่นเต้น “ผู้ดูแลฮวา เชื่อมือข้าได้เลย!”
ด้านหลินฟู่อินไม่คาคดิดว่าผู้ดูแลฮวาจะคิดแผนชั่วร้ายหวังกำจัดนางเช่นนี้
รอบนี้นางนำถั่วปากอ้าสดมาส่งยังภัตตาคารหลิวจี้รวมสามร้อยกว่าจินด้วยกัน หลังจากตรวจสอบคุณภาพของวัตถุดิบดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว เถ้าแก่หลิวก็พูดขึ้นมาว่า “นับดูแล้วได้สามร้อยยี่สิบหกจิน รวมๆ แล้วคือสามร้อยยี่สิบเจ็ดจิน หนึ่งจินมีมูลค่าเท่ากับสามสิบอีแปะ รวมแล้วเป็เก้าพันเจ็ดร้อยแปดสิบอีแปะ หรือเก้าสิบเจ็ดตำลึงเงินกับอีกแปดสิบอีแปะ”
เป็ผลลัพธ์ที่น่าเศร้าสำหรับหลินฟู่อิน
“ถูกแล้วใช่หรือไม่ฟู่อิน? เ้าอยากให้คำนวณใหม่อีกรอบหรือไม่?” เถ้าแก่หลิวยิ้มขณะถามหลินฟู่อินอย่างมีความสุข ั้แ่ภัตตาคารของเขาเริ่มปล่อยขายอาหารจานใหม่เมื่อวานนี้ นอกจากลูกค้าหน้าเก่าจะกลับมาอุดหนุน ภัตตาคารหลิวจี้ยังดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ได้อีกเพียบ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเ้าของภัตตาคารดังในเมืองถึงขั้นเดินทางมาขอซื้อถั่วปากอ้าสดจากเขาโดยไม่เกี่ยงราคาแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าเ้าของภัตตาคารส่วนใหญ่เคยติดต่อพูดคุยกับบุตรชายคนโตของเขา แต่เมื่อวานนี้เขาได้รับถั่วปากอ้าสดมาจากหลินฟู่อินเพียงสี่สิบสามจินเท่านั้น เขาจึงลังเลที่จะแบ่งขายให้กับเ้าอื่น ทว่าวันนี้แตกต่างออกไปเพราะเด็กสาวขนถั่วปากอ้าสดมาให้มากกว่าสามร้อยจินด้วยกัน!
แน่นอนว่าภัตตาคารของเขาไม่มีทางนำมาใช้ได้หมดอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นแล้วนำไปแบ่งขายทำกำไรและเชื่อมสัมพันธ์ให้บุตรชายของเขาย่อมเป็การดี
หลินฟู่อินมองลูกคิดในมืออีกฝ่ายแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ถูกต้องแล้วเ้าค่ะลุงหลิว แต่ข้าไม่อาจเอาเปรียบท่าน ข้าคิดเพียงเก้าสิบสองตำลึงเงินก็พอแล้ว”
เห็นนางใจกว้างมีเมตตาเช่นนี้ เถ้าแก่หลิวตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะพูดอย่างกังวลใจ “เ้าเอาเปรียบข้าเช่นไร? ลองคิดดูว่าข้าเคยทำสิ่งดีๆ ให้เ้าบ้างหรือไม่? กลับเป็ลุงหลิวคนนี้เองที่เอาเปรียบเ้า ถูกหรือไม่?”
หลินฟู่อินยังดึงดันตามเดิมจนเถ้าแก่หลิวต้องตามใจ ชายชราตั้งใจว่าจะอุดหนุนหลินฟู่อินให้มากขึ้นในอนาคต
“พี่หลิวฉินยังไม่กลับมาอีกหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินถามหลังการตกลงค้าขายเสร็จสิ้น
เถ้าแก่หลิวขมวดคิ้วพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นไปเจอเื่เป็ตายร้ายดีที่ใดหรือไม่ เขายังไม่กลับมาเลย”
ชายชราเป็ห่วงไม่ต่างกัน แม้จะถูกภรรยาบ่นจนหูแทบชา แต่เขาก็คิดว่าเป็เื่ถูกต้องแล้วที่ปล่อยให้บุตรชายออกไปใช้ชีวิตตาม้า เพราะเด็กคนนั้นมีความทะเยอทะยานกล้าหาญ แน่นอนว่าเขามีปากเสียงกับภรรยาอยู่พักใหญ่ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่ห่วงบุตรชายแท้ๆ ของตัวเอง
หลินฟู่อินไม่รู้ว่าหลินฉินทำอะไรในชิงเหลียนนานขนาดนี้ อาจเป็เพราะนางไม่ได้บอกหลิวฉินว่ากลับมาก่อนแล้ว นางจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก
เด็กสาวเอ่ยถามอีกครั้ง “ลุงหลิว ท่านได้คุยกับพี่หลิวฉินบ้างหรือไม่”
เถ้าแก่หลิวหัวเราะกลบเกลื่อน “ข้าไม่ได้ส่งจดหมายให้เขา แต่เขาส่งจดหมายมาให้ข้า”
หลินฟู่อินแสร้งทำเป็เข้าใจ…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้