หลินลั่วหรานนั้นเคยพบเห็นฟันที่แหลมคมของเหล่าหนูใต้ดินมาก่อนแล้วในเมื่อตอนนี้เธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเธอจะปล่อยให้พวกมันเข้ามาใกล้ตัวของเธอได้อย่างไร เธอตวัดดาบเจาเจี้ยนออกไปก่อนที่มันจะตัดผ่านแหใหญ่ที่ปกคลุมอยู่บนตัวของพวกเธอออก
เ้าหนูตัวใหญ่ที่มีหนวดสีขาวเริ่มโมโหขึ้นมามันสั่งให้พวกหนูทั้งหลายพากันพุ่งเข้ามาโจมตีที่หลินลั่วหรานสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากตอนที่พวกกองทัพแมงป่องเข้าโจมตีหลินลั่วหรานมากนักแต่ว่าเธอไม่ได้ถูกจำกัดให้อยู่ในขอบเขตเล็กๆ แบบนั้นอีกแล้ว อีกทั้งนอกเสียจากฟันที่แหลมคมพวกมันก็ไม่ได้สามารถปล่อยพิษออกมาได้อย่างพวกแมงป่อง เมื่อหลินลั่วหรานฟันดาบลงไปพวกหนูใต้ดินทั้งหลายที่พุ่งเข้ามาต่างก็พากันตายลงในทันที
เมื่อเหล่าหนูใต้ดินเห็นเืเนื้อของพวกเดียวกันพวกมันก็บ้าคลั่งขึ้นและรวมกลุ่มเข้าโจมตีที่หลินลั่วหรานโดยไม่คิดชีวิตเ้าจิ้งจอกตัวน้อยใเสียจนต้องเอาหน้าซุกลงไปยังอ้อมแขนของหลินลั่วหรานรอบตัวของเธอปรากฏกำแพงไฟขึ้นเหล่าพวกหนูใต้ดินที่อยู่ภายในขอบเขตของกำแพงไฟต่างก็ถูกเธอฆ่าตายลงด้วยความรวดเร็วส่วนที่อยู่ภายนอกและถูกกำแพงไฟขวางกั้นเอาไว้ ก็หยุดการโจมตีเข้ามาชั่วขณะลำแสงสีแดงรวมกันเข้าที่บริเวณมือของหลินลั่วหราน ก่อนที่จะก่อเป็รูปร่างของ ‘เวทธนูไฟ’ ขึ้น
จะจับอะไรก็ให้จับตัวาาก่อนดังนั้นเธอจึงจำเป็ที่จะต้องยิงเข้าไปเพื่อฆ่าหนูตัวใหญ่ที่เป็หัวหน้าถึงจะสามารถจัดการปัญหานี้ลงได้อย่างรวดเร็วที่สุด
ธนูไฟสีแดงปรากฏขึ้นบริเวณที่ว่างด้านหน้าของเธอ พลังของธนูแหลมคมนั้นเหล่าลูกสมุนของหนูั์ต่างก็สามารถััได้ในตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับหลินลั่วหรานเ้าหนูตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามีอายุมากแค่ไหนก็ตอบรับอยู่เพียงเวลาสั้นๆ
เปลวไฟร้อนแรงปรากฏขึ้น ทิ้งรอยดำไหม้ไปทั่วทั้งตัวถ้ำเ้าหนูั์นั้นรู้จักที่จะวางแผนจับจิ้งจอกแบบนี้แล้วมันจะไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้ได้อย่างไร? มันพาตัวเองหายเข้าไปในหลุมก่อนที่จะไม่เหลือแม้แต่เงาไม่นานนักฝูงหนูก็พากันกระจัดกระจายกลับเข้าไปในหลุมกลมราวกับสายน้ำเหมือนกับตอนที่ปรากฏตัวออกมา
และก็ไม่รู้ว่าเ้าอุโมงค์หลุมกลมๆ เ่าั้จะตรงไปที่ไหนหลินลั่วหรานไม่ได้มีความโกรธแค้นอะไรกับพวกมันเธอจึงไม่ได้คิดจะตามไปฆ่าพวกมันทิ้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีพวกหนูใต้ดินโผล่ออกมาแล้วเธอก็จัดการวางจิ้งจอกทั้งสองลง
จิ้งจอกขาวยังคงนอนอยู่ที่พื้นในสภาพกึ่งเป็กึ่งตายเ้าจิ้งจอกตัวน้อยแสดงท่าทางอ้อนวอนออกมา หลินลั่วหรานนั่งลงก่อนที่จะตรวจสอบสภาพร่างกายของเ้าจิ้งจอกขาวเืลมในร่างกายของมันเหือดแห้งไปหมด เกรงว่านี่จะไม่ใช่เพราะอาการาเ็แต่เป็เพราะถึงอายุขัยของมันแล้ว หรือก็สามารถพูดได้ว่า ไม่มียาหรือหินวิเศษใดๆจะสามารถช่วยเ้าจิ้งจอกขาวตัวนี้ได้อีก
แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเ้าจิ้งจอกตัวน้อยแล้วหลินลั่วหรานก็รวบรวมพลังธาตุไม้ส่งเข้าไปยังร่างกายของจิ้งจอกขาวแม้ว่ามันจะไม่สามารถช่วยอะไรมันได้ แต่ก็พอที่จะยืดเวลาชีวิตออกไปได้อีก
จิ้งจอกขาวฟื้นตื่นขึ้นมา เ้าจิ้งจอกตัวน้อยดีใจเสียจนร้องไห้น้ำตาของมันไหลรินไปทั่วดวงตากลมโต ช่างดูน่าสงสารและน่ารักไปในขณะเดียวกันมันไม่รู้ว่าจิ้งจอกขาวนั้นมีชีวิตต่อได้เพียงแค่เพราะพลังธาตุไม้ที่หลินลั่วหรานส่งเข้าไปช่วยมันจึงคิดว่าจิ้งจอกขาวอาการดีขึ้นมาแล้ว แล้วทำไมมันถึงจะไม่ดีใจกันล่ะ
เมื่อจิ้งจอกขาวมองเห็นจิ้งจอกตัวน้อยอยู่ที่ด้านหน้าของมันมันก็ใขึ้นมามันไม่ได้คิดว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยจะมีความสามารถพอที่จะเข้ามาช่วยมันได้ดังนั้นเ้าจิ้งจอกตัวน้อยจึงถูกจับไปด้วยและจิ้งจอกทั้งสองก็ถูกพวกหนูั์จับตัวไว้! จนเมื่อมันหันมาเจอหลินลั่วหรานมันมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวง ดูเหมือนว่ามันยังคงกลัวพวกหนูเ่าั้อยู่
ด้วยนิสัยของจิ้งจอกนั้นเต็มไปด้วยความขี้สงสัยท่าทางการตอบสนองของจิ้งจอกขาวนั้นเป็ไปอย่างที่หลินลั่วหรานคาดการณ์เอาไว้เธอจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรจนเมื่อเ้าจิ้งจอกตัวน้อยใช้ภาษาที่หลินลั่วหรานฟังไม่เข้าใจอธิบายให้จิ้งจอกขาวฟังเรียบร้อยแล้วแม้ว่าสายตาที่จิ้งจอกขาวใช้มองมาที่หลินลั่วหรานจะยังคงมีความหวาดระแวงอยู่แต่ว่ามันก็ดูอ่อนลงมากทีเดียว
หลินลั่วหรานหันไปมองมัน “พวกเธอรีบออกไปจากที่นี่จะดีกว่า...” เธอยังต้องไปตามหาเป่าเจียและพวกเหวินกวนจิ่งอีกดังนั้นจึงไม่สามารถจะยื้อเวลาต่อไปได้แล้ว แม้ว่าจิ้งจอกทั้งสองตัวนี้จะมองดูน่าสงสารแต่ว่าเธอก็คงไม่สามารถจะคอยดูแลพวกมันได้ตลอดไปได้หรอกใช่ไหม?
หลินลั่วหรานแนะนำให้พวกมันรีบออกไปจากที่นี่แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเธอหมุนตัวออกมา เ้าจิ้งจอกตัวน้อยก็กอดขาของเธอเอาไว้ก่อนจะส่งเสียงแหลมขึ้นร้อง หลินลั่วหรานไม่รู้ว่ามัน้าจะพูดอะไรออกมา
เ้าจิ้งจอกน้อยดึงตัวของเธอให้เดินไปที่อีกด้านของตัวถ้ำหลินลั่วหรานจึงทำได้เพียงแค่ตามมันไป
เอ๋ มีกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ด้วย
จากนั้นหลินลั่วหรานก็เพิ่งได้เห็นว่า ในถ้ำของพวกหนูนั้นยังมีถ้ำเล็กที่เปิดออกกว้างอีกถ้ำหนึ่งมันปลูกพืชที่มีใบเหมือนกับพวกขิงอยู่เต็มไปหมด เพียงแค่ใช้สายตามองดูคร่าวๆเธอก็สามารถรู้ได้ทันทีว่า นี่คือใบของต้นอึ่งเจ็ง
เมื่อกวาดสายตามองดูเธอก็พบว่าที่ในถ้ำแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะปลูกอึ่งเจ็งเอาไว้กว่าร้อยต้นอายุของมันแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากก็มีอายุเกินกว่าร้อยปีขึ้นไปทั้งนั้นไม่เพียงเท่านั้น บริเวณรอบๆ ยังมีร่องรอยเพิ่งถูกขุดใหม่ๆ อยู่ด้วยเื่ของดินโคลนนั้นยังไม่ต้องพูดถึงเพียงแค่ร่องรอยการเสียหายของใบไม้จำนวนไม่น้อยก็สามารถรู้ได้แล้ว
หรือว่าอึ่งเจ็งที่เ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้นำมาขอความช่วยเหลือจากเธอความจริงแล้วก็ขโมยมาจากพวกหนูเหล่านี้ถ้าแบบนั้นก็คงไม่แปลกที่พวกหนูจะจับจิ้งจอกขาวเอาไว้...ไม่สิเมื่อเธอลองเรียงลำดับทุกอย่างขึ้นมาใหม่ หลินลั่วหรานก็เริ่มสงสัยขึ้นมาว่าตัวเองนั้นทำเื่ร้ายๆ ลงไปด้วยความหวังดีหรือเปล่าเธอจึงถามออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉยว่า
“อึ่งเจ็งที่เธอนำมาก่อนหน้านี้ ขุดมาจากที่นี่หรือเปล่า?” หลินลั่วหรานก้มหน้าลงถามเธอหวังเอาไว้ว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยจะตอบกลับมาว่า ไม่ใช่ป่าอึ่งเจ็งที่ถูกปลูกเอาไว้อย่างมีลำดับขั้นตอนแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็ของที่เหล่าหนูพวกนั้นปลูกเอาไว้
แม้ว่าเ้าจิ้งจอกน้อยจะมีมันสมองมาก และสามารถเข้าใจภาษาของมนุษย์ได้แต่ว่ามันก็ไม่สามารถแยกแยะน้ำเสียงได้แบบคนมันไม่สามารถรับรู้ได้ว่าหลินลั่วหรานเริ่มจะโมโหขึ้นมาแล้วมันจึงพยักหน้าลงด้วยความดีใจ
ในใจของหลินลั่วหรานเยือกเย็นขึ้นมา เธอกังวลว่าจะเข้าใจมันผิดเธอจึงถามต่อว่า “หรือว่าที่จิ้งจอกขาวถูกจับเอาไว้ก็เป็เพราะว่ามาขโมยอึ่งเจ็ง?”
เ้าจิ้งจอกตัวน้อยพยักหน้าลง ก่อนจะส่ายหน้าไปมามันยังคงไม่เข้าใจอะไรและรีบร้อน แต่หลินลั่วหรานกลับได้รับคำตอบที่เธอ้าแล้ว
ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอจะทำดีเสียเปล่าเสียแล้ว...เธอได้แต่เอาสิ่งแรกที่ตัวเองรับรู้ตั้งเป็หลักว่าพวกหนูเ่าั้โหดร้าย ถึงได้คิดว่าจิ้งจอกทั้งสองเป็ผู้ถูกกระทำอีกทั้งยังฆ่าหนูพวกนั้นไปมากมาย แต่ตอนนี้เมื่อมองกลับไปแล้ว ดูเหมือนว่าเ้าจิ้งจอกทั้งสองจะไปขโมยอึ่งเจ็งของพวกเขามาก่อน
เ้าจิ้งจอกน้อยยังคงพยายามให้หลินลั่วหรานเก็บอึ่งเจ็งไปในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ เธอจึงหมุนตัว ก่อนจะเดินออกมา
เหลือเอาไว้เพียงเ้าจิ้งจอกตัวน้อยที่ได้แต่มองไปรอบด้าน โดยไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดสุดท้ายมันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจลากยาวของจิ้งจอกขาวดังขึ้นเ้าจิ้งจอกตัวน้อยรู้สึกผิดขึ้นมา มันจึงพุ่งเข้าไปยังอ้อมกอดของจิ้งจอกขาว
จิ้งจอกขาวตบลงบนหลังของมันเบาๆ เหมือนกับการกระทำของคนที่แสดงออกถึงความรักและความเสียใจ
เ้าจิ้งจอกตัวน้อยออดอ้อนเป็เด็กอยู่สักพักก่อนที่จิตใต้สำนึกของมันจะบอกว่า พวกมันไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่ต่อไปนานนักมันจึงวิ่งออกไปถอนอึ่งเจ็งออกมาหนึ่งต้นก่อนที่จะพยุงให้จิ้งจอกขาวออกมาจากที่อยู่ของพวกหนู
ดูเหมือนว่าพวกหนูจะเริ่มมีท่าทางผิดปกติขึ้นมาอีกครั้งตัวของหลินลั่วหรานก็ปรากฏขึ้นบนอากาศสายตาเยือกเย็นของเธอตวัดมองลงไปยังหลุมกลมมากมายก่อนที่ท่าทางพวกนั้นจะสงบลงทันที
ดูจากท่าทางแล้ว ‘เกราะเล็ก’ เมื่อรวมเข้ากับ ‘เวทควบคุมลมหายใจ’ และนำมาใช้ในการซ่อนตัว จะได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจทีเดียวเพียงสิ่งเดียวที่เป็ปัญหาก็คือเพียงแค่เธอขยับตัวเล็กน้อยเวทควบคุมลมหายใจก็จะล้มเหลว และได้แต่อาศัยเพียง ‘เกราะเล็ก’ ในการซ่อนตัวต่อไปเท่านั้นแต่ไม่สามารถที่จะซ่อนกลิ่นอายของตัวเองได้อีกต่อไป
ไม่รู้ว่า ‘เวทควบคุมลมหายใจ’ นี้จะสามารถพัฒนาต่อไปได้ไหม...ความคิดนี้ถูกหลินลั่วหรานพักเอาไว้ก่อนพร้อมกับเดินตามพวกมันออกไปห่างๆ
ทำไมถึงต้องตามจิ้งจอกที่หลอกเธอไปเหรอ?
หลินลั่วหรานเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ชัดเจนนัก สุดท้ายเธอก็เพียงแค่ใจอ่อนกลัวว่าเมื่อพวกหนูเหล่านี้เห็นว่าเธอหายไปแล้ว ก็จะเข้ามาโจมตีพวกมันอีกครั้ง
ช่างเถอะ อย่างไรก็เสียเวลาไปแล้ว ถือซะว่าเป็การทำดีสักวันก็แล้วกัน
หลินลั่วหรานมองตามพวกมันจากระยะไกลพร้อมกับเดินตามจิ้งจอกทั้งสองข้ามผ่านอุโมงค์ซับซ้อนเหล่านี้ไปเรื่อยๆ อึ่งเจ็งที่บรรจุพลังเอาไว้ไม่น้อยถูกใช้เป็แสงนำทางจากระยะไกลได้เป็อย่างดี
บางทีอาจจะเป็เพราะร่างกายของจิ้งจอกขาวไม่ดีนักทำให้จิ้งจอกตัวน้อยต้องคอยพยุงมันมาตลอดทางและนั่นก็ทำให้พวกมันไม่ได้เดินเร็วนัก เมื่อผ่านไปประมาณสองชั่วโมงพวกมันก็เดินข้ามผ่านรูหินที่ดูราวกับประตูทรงพระจันทร์เข้าไปก่อนที่จะหายไปต่อหน้าของหลินลั่วหราน
คลื่นที่ปรากฏอยู่้านั้น ดูเหมือนกับบาเรียเลย!
หลินลั่วหรานไม่ได้เข้าไปในนั้นทันที แต่กลับหยุดอยู่ที่ข้างประตูก่อนที่จะมองเข้าไป ด้านในเป็ถ้ำทรงกลมที่มีขนาดประมาณสิบถึงยี่สิบฟุตด้านในถูกปูไปด้วยหญ้าอ่อนนุ่ม สมุนไพรกระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นเมื่อมองดูแล้วต่างก็เป็ของดีทั้งนั้น อีกทั้งยังมีดอกไม้ที่กำลังผลิดอกอยู่พวกมันส่องแสงให้ความสว่างเหมือนกับด้านในของอุโมงค์ดูเหมือนว่ามันจะเป็สิ่งมีชีวิตพิเศษของใต้ดินแห่งนี้หลินลั่วหรานจึงไม่รู้จักพวกมัน
ตามหลักการแล้วการที่หลินลั่วหรานคอยแอบปกป้องจนพวกมันกลับมาถึงบ้านแบบนี้ก็นับได้ว่าทำดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้แล้วตอนนี้เธอก็ควรที่จะกลับไปสนใจตามหาพวกเป่าเจียเสียทีแต่ว่าเมื่อเธอมาถึงหน้าทางเข้าบ้านของจิ้งจอกทั้งสองและได้เห็นการมีอยู่ของบาเรียแบบนี้ มันก็ดูแปลกประหลาดจนเกินไปเธอเคยตรวจสอบด้านในร่างกายของเ้าจิ้งจอกตัวน้อยมาก่อนและในร่างหายของเ้าจิ้งจอกขาวเอง ก็มีพลังเือยู่เพียงเล็กน้อยทั้งสองนั้นต่างก็ซ่อนอยู่ในส่วนลึก ไม่ปรากฏตัวออกมา หรือว่าความจริงแล้วพวกมันจะเป็สัตว์ที่สามารถฝึกศาสตร์ได้สำเร็จกัน?
เธอไม่น่าจะมองข้ามไปได้นี่...เธอรู้สึกคอแห้งขึ้นมาหรือว่ามันจะเป็กลลวงของพวกจิ้งจอกจริงๆและพวกมันก็ตั้งใจวางแผนหลอกเธอมาั้แ่แรกแล้ว?
หลินลั่วหรานมองเข้าไปที่ด้านในเธอเห็นเพียงแค่เ้าจิ้งจอกตัวน้อยกำลังนำเอาอึ่งเจ็งที่มันนำกลับมา ไปผสมปนกันกับสมุนไพรอันอื่นตอนที่พวกมนุษย์ทำยายังต้องอาศัยความระมัดระวังมากดังนั้นอย่าได้พูดถึงพวกจิ้งจอกเลย แม้ว่าจะเป็เพียงการทำยาธรรมดาแต่พวกมันก็ไม่สามารถจะทำอะไรไปตามใจชอบได้มันจำเป็ที่จะต้องคำนวณถึงปริมาณของตัวยาด้วย
หรือว่าที่ไปขโมยสมุนไพรพวกนั้น ก็เพื่อที่จะต่ออายุให้กับจิ้งจอกขาว?
ถ้าหากว่าเป็แบบนั้น มันก็พอที่จะมีเหตุผลอยู่หลินลั่วหรานอดที่จะพยักหน้าลงเบาๆ ไม่ได้ตัวเธอเองนั้นก็ให้ความสำคัญกับพ่อแม่และคนในครอบครัวมากเมื่อเห็นว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ เองก็มีความรู้สึกแบบนี้ ความโกรธของตัวเธอ ก็ลดลงไปไม่น้อย
แต่ว่าสมุนไพรที่มันเลือกมานั้นทำไมถึงเป็พวกบำรุงเืหรือสร้างพลังทั้งนั้นเลย พวกมันทำผิดหรือเปล่า? หลินลั่วหรานเคยทำยาด้วยตัวเองมาก่อนอีกทั้งยังเคยศึกษาเื่ยามาั้แ่เด็กเมื่อเห็นการเลือกสมุนไพรของเ้าจิ้งจอกตัวน้อย เธอก็รู้ได้ทันทีว่ามันดูไม่เหมือนว่ากำลังจะทำยาให้กับจิ้งจอกขาวเลยแม้แต่น้อย
เธอจึงรู้สึกประหลาดใจและไม่เข้าใจขึ้นมา หลินลั่วหรานนั้นมองต่อไปโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย
หลังจากการเลือกอยู่นาน ในที่สุดมันก็นำยาผสมรวมเข้าด้วยกันก่อนจะทำให้มันกลายเป็วัตถุสีเขียวเข้มขุ่นๆ ขึ้นมาแต่มันกลับไม่ได้นำไปให้จิ้งจอกขาวใช้ในทันที มันนำตัวยามาวางไว้ที่อีกด้านหนึ่งก่อนที่จะดึงเอาหญ้ารกที่ปกคลุมอยู่บริเวณมุมหนึ่งของถ้ำออก
เมื่อเห็นมุมปลายผ้าปรากฏออกมา หลินลั่วหรานก็อดที่จะใขึ้นมาไม่ได้
เ้าจิ้งจอกตัวน้อยดึงร่างของใครคนหนึ่งออกมาจากกอหญ้าคนที่ไม่ไหวติงคนนั้น และเสื้อผ้าที่ดูคุ้นตา ทำให้หลินลั่วหรานมั่นใจว่าตัวเธอไม่อาจจะมองผิดไปได้แน่
เมื่อเห็นว่าเ้าจิ้งจอกน้อยกำลังพยายามให้ยากับคนคนนั้นหลินลั่วหรานก็หยิกลงที่ต้นขาของตัวเอง นั่นมันไม่ใช่เหวินกวนจิ่งที่พลัดหลงกันไปหรอกเหรอ?!
เ้าจิ้งจอกทั้งสองนี้ขโมยยามาเพื่อที่จะช่วยคน?
ในตอนนั้นหลินลั่วหรานรู้สึกละอายขึ้นมาทันทีเธอคิดว่าด้วยนิสัยของจิ้งจอกแล้ว ชอบหลอกลวงคนอื่นเธอจึงนำความคิดแบบนี้ไปตัดสินพวกจิ้งจอก แล้วเป็อย่างไรล่ะ? เมื่อเห็นว่าเื่เป็แบบนี้แล้วหลินลั่วหรานจึงไม่สามารถจะหลบซ่อนตัวต่อไปได้อีก เธอจึงลองก้าวผ่านบาเรียไปและพบว่ามันไม่ได้มีอันตรายอะไร เธอจึงเดินตรงเข้าไปต่อ
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วหรานปรากฏตัวขึ้นมาใบหน้าของจิ้งจอกขาวนั้นไร้ซึ่งความใ ราวกับว่ามันรู้อยู่แล้วว่าเธออยู่ตรงนั้นั้แ่แรกในขณะที่เ้าจิ้งจอกตัวน้อยๆ ใะโขึ้นมาพร้อมกับแสดงท่าทางใและดีใจไปพร้อมๆ กันราวกับพวกคน!
