‘ตอนเที่ยงไปกินข้าวที่หลัง ม. กัน’
‘เที่ยงมีนัดทำพรีเซนต์กับเพื่อน’
‘บ่ายม่านว่างมั้ย’
‘บ่ายต้องทำงานร้านลุงเอก’
‘คิดถึงงงงง’
ม่านเบะปากให้กับข้อความในโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาจากแฟนหนุ่ม ตอนนี้ทั้งคู่เป็นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ ซึ่งอีกแค่เพียงปีเดียวทั้งสองคนก็จะเรียนจบแล้ว ตลอดระยะเวลาสามปีที่คบกันมา เราทั้งคู่ต่างเว้นช่องว่างให้กันและกันเสมอ ม่านหยี่ไม่ถามซอกแซกเื่ครอบครัวของรามสูร และรามเองก็เข้าใจอย่างที่ม่านอยากให้เข้าใจว่าเขาเป็เพียงเด็กกำพร้าที่มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ไร้ญาติขาดมิตร ่หลังมานี้รามแอบเปรย ๆ ถึงเื่งานแต่งงาน การใช้ชีวิตคู่ของเราสองคน กระทั่งว่าจะพาม่านไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก รามบอกว่าอยากใช้ชีวิตคู่กับม่านแบบนี้ตลอดไป
ซึ่งนั่นอาจถือเป็เื่ดี...อย่างนั้นใช่ไหมนะ
ความสัมพันธ์ในแบบของคนรักระหว่างเรามันดีมาก ดีเสียจนเรียกได้ว่าเกินความฝันไปมากโข รามเป็คนดี ใจดี ใจเย็นและให้เกียรติ ความดีเหล่านี้ของรามสูรไม่เพียงแต่ม่านหยี่เท่านั้นที่ได้รับ ทุกคนที่อยู่ใกล้ไม่ว่าจะเพื่อนฝูงหรือลุงเอกชายแก่เ้าของร้านไอศกรีมก็ได้รับของฝากจากความใจดีของรามสูรอยู่เรื่อยมา รามไม่เคยโมโหร้าย ไม่เคยเลยสักครั้ง ระหว่างเขาและรามสูรไม่ค่อยทะเลาะกันจนเป็เื่ใหญ่โต เราสองคนอยู่ด้วยการใช้ความเข้าใจในตัวของอีกฝ่าย ม่านมักจะเข้าใจทุก ๆ การกระทำของรามสูร และเช่นเดียวกันนั้นรามก็เข้าใจเขาเช่นกัน ยิ่งเื่มือที่สามยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ ก็เพราะรามน่ะ...
“โทษนะคะ มีแฟนรึยัง”
“ยังครับ”
“ถ้าอย่างนั้น-”
“แต่มีผัวแล้ว ผัวไปซื้อน้ำ”
‘นั่นล่ะคำพูดคำจาของรามสูร’
ม่านไม่ค่อยได้มีโอกาสหึงหวงในตัวรามสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าแฟนของเขานั้นจะฮอตแสนฮอต เท่แสนเท่ในสายตาใครอื่น ก็เป็เพราะรามสูรไม่มองใครอื่นเลยนอกจากม่านหยี่ เื่นี้เลยทำให้เขาสบายใจไปได้มาก และเพื่อน ๆ ก็อิจฉาม่านมาก ๆ เหมือนกัน
“อย่าทำหน้าอย่างนั้น ลูกค้าเขามาซื้อไอติม ก็แค่คุยด้วย”
แต่กับรามแล้วนั้นไม่ใช่
รามมักจะหึงม่านหยี่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะกับลูกค้าผู้ชายหรือผู้หญิงที่เข้ามาซื้อไอศกรีม หึงเด็กที่ม่านหยี่อุ้ม หึงกระทั่งหมาที่ม่านหยี่ลูบหัว รามหึงไปหมด แต่ก็นั่นแหละ เพราะรามคือราม และม่านก็เข้าใจในตัวรามดีกว่าใคร ดังนั้นเขาก็เลยปล่อยให้เด็กชายรามสูรหึงไป เพราะรามน่ะง้อไม่ยากหรอก หึงเองหายเองนักเลงพอ...
“ก็มันส่งตาหวานให้ม่าน”
“เรียกเขาดี ๆ”
“ก็ไอ้-”
“ราม”
“ครับ ไม่พูดแล้วจะนั่งเฉย ๆ”
เด็กชายรามสูรตัวน้อยตอบรับแค่นั้นก่อนที่จะนั่งจ้วงไอศกรีมรสวานิลลาของตัวเองเข้าปาก ่บ่ายถึงเย็นม่านมีทำงานพิเศษที่ร้านไอศกรีมของลุงเอกชายแก่ซึ่งเขาและรามรู้จักมาสามปีแล้ว ลุงเอกเป็ชายแก่ใจดีที่มีร้านไอศกรีมตั้งอยู่หน้ามหาวิทยาลัย ร้านไอศกรีมเล็ก ๆ แห่งนี้เป็พื้นที่บรรจุความทรงจำของม่านหยี่และรามสูรเอาไว้จนล้นปรี่ ครั้งแรกที่เขาและรามมาร้านแห่งนี้ด้วยกันเหตุผลคือรามสูรลากเขาออกมาจากห้องเรียนเพราะกลัวว่าเขาจะรู้สึกไม่ดีกับเื่ที่ว่าเขามาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ม่านจับพลัดจับผลูได้งานพิเศษทำที่นี่ หลังจากนั้นเราก็มาที่ร้านของลุงเอกบ่อยขึ้น ไม่ว่าจะมากับเพื่อนฝูงหรือมาด้วยกันสองคน แม้กระทั่งว่าเวลาที่รามงอนม่านหนัก ๆ ก็แอบหนีมากินไอศกรีมรอม่านที่ร้านของลุงเอก ก็นั่นแหละนะเด็กชายรามสูร
“ลุง ๆ เดี๋ยวม่านทำเอง” ม่านหยี่รีบปรี่เข้าไปคว้าเอาถ้วยไอศกรีมขนาดใหญ่ออกจากมือของชายแก่ ในขณะที่ตนเองนั้นพึ่งเอาของไปเสิร์ฟที่โต๊ะสาม วันนี้ที่ร้านคนเยอะทั้งนักศึกษาเองและที่ไม่ใช่นักศึกษาก็ด้วย คงเพราะวันนี้เป็วันเปิดเรียนวันแรกของเทอมสองหลังจากมหาวิทยาลัยปิดเทอมสั้น ๆ ไปประมาณยี่สิบวัน ทั้งนักศึกษาและผู้ปกครองที่มาส่งนักศึกษาคงทนความร้อนแรงของอากาศเมืองไทยไม่ไหวจึงหาร้านขนมนั่งทานเพื่อหลบแดดและไอร้อน ใน่ปิดเทอมรามกับม่านต้องแยกกัน เพราะคนรักของเขานั้นโดนเรียกตัวกะทันหันโดยมารดาให้กลับบ้าน ม่านแอบเห็นว่าเกิดการทะเลาะกันทางโทรศัพท์ไปหนึ่งยกก่อนที่ฝ่ายพ่ายแพ้ซึ่งก็คือรามสูรจะเดินหน้างอคอตกกลับมาซบเขาพร้อมกับบอกว่าต้องเก็บกระเป๋าแล้วไปสนามบิน แต่ถึงอย่างนั้นในตอนดึกของทุกวันรามก็จะแอบโทรกลับมาหาเขาอยู่ดี รู้สึกเหมือนเราเป็เด็กวัยมัธยมที่กำลังแอบคบกันอย่างไรอย่างนั้น
“รามช่วยเอาอันนี้ไปเสิร์ฟที่โต๊ะนั้นหน่อย” พอรามกลับมาก็กลายเป็ลูกจ้างจำเป็ประจำร้านไอติม เวลาที่ยุ่งมาก ๆ ก็จะประมาณนี้ รามสูรจะคอยเป็ลูกมือหรือเบ๊ที่ทำงานรองมือรองเท้าทั้งเขาและลุงเอก ทำงานหนักเสมือนว่าได้ค่าจ้างแต่แท้จริงแล้วไม่ได้สักบาท ถึงแม้ว่าพอเวลาปิดร้านลุงเอกจะพยายามยัดเงินใส่มือให้เป็ค่าจ้างอย่างไรรามก็ไม่รับ อย่างนั้นชายแก่เลยเปลี่ยนเป็การให้รามทานไอศกรีมที่ร้านฟรีไปเลยเท่าที่ใจอยาก
“โต๊ะไหนครับ”
“โต๊ะสองตรงนู้น”
“โอเคได้” รามรับเอาถ้วยไอศกรีมหนัก ๆ มาถือไว้ แล้วหมุนตัวเดินออกไปอีกทาง ปล่อยให้ม่านจัดการกับออร์เดอร์ของโต๊ะสามซึ่งมีลูกค้าทั้งเด็กและผู้ใหญ่กำลังคุยกันเสียงดัง
“ได้แล้วครับ ออร์เดอร์ของคุณลูกค้า”
“อุ้ยยย ขอบคุณนะครับ”
“ครับ” รามยิ้มพิมพ์ใจให้รุ่นน้องชายหญิงสามคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ พวกเธอดูตื่นตาตื่นใจในขณะที่เห็นเขาเอาไอศกรีมมาเสิร์ฟ ส่วนตัวรามคิดว่าสิ่งที่ทำให้น้อง ๆ สามคนนี้ตื่นเต้นคงไม่ใช่เพราะไอติมหลากรสในถ้วย หากแต่เป็...
“เดี๋ยวก่อนครับ คือ...พี่รามใช่มั้ย”
“ครับ มีอะไรรึเปล่า”
“คือว่าพวกเราปลื้มพี่มากเลย ขอเอ่อ...ขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยครับ” ผู้ชายในกลุ่มเป็ตัวแทนขอเพื่อนคนอื่น ๆ เอ่ยปากขอเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อ้อ ได้สิครับ” ร่างสูงพยักหน้าก่อนที่จะวางถาดไอศกรีมเอาไว้ที่โต๊ะข้าง ๆ แล้วหันไปยิ้มแป้นให้กับกล้องถ่ายรูปของโทรศัพท์มือถือราคาแพง รูปภาพชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาสวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้าหม่นถูกโพสต์ลงไปยังโซเชียลมีเดียทันที และไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนเข้ามากดไลก์และกดแชร์รูปภาพของรามสูรกันอย่างล้นหลามโดยที่เ้าตัวไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ ร่างสูงหันกลับมาเก็บขยะที่โต๊ะก่อนที่จะเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์
“ยิ้มแป้นเชียวนะ” ม่านแกล้งทำเป็พูดแซว
“ทำไม หึงเหรอ”
“อือ นิดหน่อย ก็น้องเขาน่ารัก”
“ม่านน่ารักกว่า” แค่เพียงเท่านั้นม่านก็พูดอะไรไม่ได้อีกแล้ว ทำได้แต่อมยิ้มตลอดทั้งวันจนปิดร้าน
“ม่าน วันนี้เราไปร้านเหล้ากับพวกไอ้แชมป์นะ”
“ไปอีกแล้วเหรอ”
“อีกแล้วอะไร เราออกเทอมละครั้ง”
“ไม่ เธอออกสามวันครั้ง เก็บเงินไว้บ้างรามสูร เวลาฉุกเฉินก็มีนะ” รามสูรเป็คนที่ไม่เข้าใจคำว่าเก็บเงิน เพราะรายนั้นมีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ม่านไม่รู้ว่าบ้านรามสูรร่ำรวยขนาดไหนเพราะไม่ได้อยากจะละลาบละล้วงทำตัวเป็คนอยากรู้อยากเห็นเื่ครอบครัวหรือฐานะทางบ้านของคนรัก แต่ก็พอรู้ว่าที่รามเป็คนที่บ้านมีฐานะพอสมควร มีพี่ชายหนึ่งคนและแม่ที่เข้มงวดมาก ทุก ๆ ปิดเทอมรามต้องกลับบ้านเพื่อไปดูแลธุรกิจหรือไปช่วยแม่กับพี่ชายทำงาน และมักจะได้ของติดไม้ติดมือกลับมาทุกครั้ง ของชิ้นใหญ่ที่สุดที่รามได้คือรถสปอร์ตสุดหรูราคาหลายล้านบาทคันปัจจุบันที่รามใช้อยู่ตอนนี้ หลายครั้งม่านหยี่ก็เห็นว่ารามมีบัตรเครดิตวิสดอม ซึ่งผู้ที่จะบัตรประเภทนี้ได้ต้องมีวงเงินฝากหรือเงินลงทุนหลักสิบล้านหรือร้อยล้าน และของที่รามสูรใช้ในชีวิตประจำวันก็เป็ของแบรนด์เนมมูลค่าหลักหลายหมื่นถึงหลายแสนบาท รามสามารถจับจ่ายใช้สอยหรือฟุ่มเฟือยได้อย่างไม่ต้องกังวลเื่เงินทองซึ่งตรงกันข้ามกับเขาอย่างเห็นได้ชัด
“โถ่ม่าน นี่มันพึ่งเปิดเทอม รามอยากไปเจอเพื่อนบ้าง”
“ทำอย่างกับว่าตอนเรียนจะไม่ได้เจอกันอย่างนั้นล่ะ”
“ก็เจอ แต่ว่าก็อยากไปเจอที่ร้านด้วยอย่างตอนนี้ไง”
“เราห้ามยังไงก็จะไม่ฟังใช่มั้ย”
“กำลังจะโกรธรามเหรอ”
“อืม” สองคนเงียบใส่กันอยู่ครู่ใหญ่ รามสูรมองดวงหน้าสวยของคนรักที่งอง้ำลง ปกติแล้วม่านมักจะไม่ค่อยห้ามเขายกเว้นในเื่การกระทำที่เกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ ม่านหยี่ระมัดระวังเื่การใช้เงินอยู่เสมอ ขนาดที่ว่าออกมาเช่าหออยู่ด้วยกันราคาหอพักต้องไม่เกินห้าพันบาทด้วยเพราะเขาสองคนต้องหารค่าหอช่วยกัน ถึงแม้รามบอกว่าเขาอยากเช่าคอนโดและอาสาจะจ่ายค่าคอนโดเพียงคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นม่านหยี่ก็ไม่ยอม พร้อมทั้งขู่ว่าถ้าไม่ให้หารม่านก็จะไม่ออกมาอยู่ด้วย จะยังคงอยู่หอพักในกำกับของมหาวิทยาลัยต่อไป อย่างนั้นเขาเลยต้องยอมอยู่หอพักราคาห้าพันบาทไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ
“แต่เราอยากไปจริง ๆ นะม่าน ม่านให้รามไปนะ...นะครับ”
“ม่านเคยห้ามรามได้เหรอ”
“แต่ม่านจะโกรธถ้ารามไป”
“รามก็ไปอยู่ดี” ม่านหยี่ถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะพยักพเยิดหน้าอนุญาตให้คนรักไปหาเพื่อนที่ร้านเหล้าได้ในคืนนี้
“ถ้าเมามากก็เรียกแท็กซี่นะเข้าใจมั้ย ถ้าจะค้างข้างนอกบอกม่านด้วย”
“ครับ ม่านคือ...” รามสูรสังเกตมาสักพักแล้วว่าคนรักมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ั้แ่วันที่เขากลับมาจากภูเก็ตม่านก็แสดงท่าทีแปลก ๆ เหมือนกังวลกับอะไรบางอย่าง ม่านมีการคุยโทรศัพท์กับเพื่อนบ่อยขึ้น ซึ่งม่านหยี่ไม่ใช่คนที่มีเพื่อนฝูงเยอะแยะสักเท่าไหร่ ที่คบกันอยู่ทุกวันนี้ก็มีแค่ออยและเนยซึ่งสองคนนั้นก็ไม่ค่อยโทรติดต่อกันทางโทรศัพท์เหมือนอย่างที่ม่านอ้าง เขาไม่ได้กำลังกล่าวหาว่าม่านเปลี่ยนไปหรืออย่างไร มันเป็แค่ทฤษฎีจากการลอบสังเกตและการเก็บเล็กผสมน้อยเพียงเท่านั้น ม่านไม่ได้มีใครนั่นคือเื่ที่เขารู้ แต่ที่เขาไม่รู้คือม่านกำลังมีปัญหาอะไรอยู่ ปัญหาที่ม่านหยี่ไม่บอกเขา
“อะไร?”
“เปล่า รามจะไม่เมา รามจะกลับมานอนห้องนะ”
“อืม”
“เฮ้ย เป็ไรวะหน้าเครียด ๆ” แชมป์ตบหลังเพื่อนเสียงดังจนร่างสูงที่นั่งนิ่งผินหน้ามามองเขาอย่างเอาเื่ รามสูรถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนที่จะพูดสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกมา
“กูว่าม่านกำลังปิดบังอะไรกูอยู่”
“อะไรวะ”
“ไม่รู้สิ ่นี้ม่านแปลกไป แปลกมากเลย มึงได้ถามออยมั้ยว่าโทรหาม่านทำไม”
“ไม่นี่ ออยไม่ได้โทร วัน ๆ มันติดเกมจะตาย เอาเวลาไหนไปโทร กูหายไปออยมันยังไม่ตามเลย” แชมป์บ่นแฟนสาวให้เพื่อนฟัง เขาคบกับออยหลังจากที่รามคบกับม่านหยี่ได้สามเดือน กลายเป็คู่รักสองคู่ในกลุ่ม ติดที่ว่าคู่เขาไม่หวานเหมือนคู่ไอ้รามก็เท่านั้น แฟนสาวของเขาไม่สนใจไยดีอะไรไอ้แชมป์คนนี้เลย เธอติดเกมแข่งเกมจนกลายเป็ตัวแทนของคณะส่งเข้าไปแข่งระดับมหาวิทยาลัยและระดับประเทศ ส่วนเขาก็กลายเป็หมาหัวเน่าคอยส่งข้าวส่งน้ำและรอคอยความรักที่หลงเหลือจากเกมเผื่อแผ่มาถึงบ้างบางครั้ง
“เหรอวะ”
“ใช่ไง คนของมึงเองแล้วล่ะที่แปลก ไม่เกี่ยวกับคนของกูด้วย”
“ไม่รู้ว่ะ” เขาก็แค่คิดว่าความสัมพันธ์สามปีนี้มันมั่นคงพอที่จะให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นในตัวเขา เขาคงเป็ที่รัก เป็ที่ไว้ใจ และเป็ที่พักให้ม่านหยี่ได้ในเวลาที่ม่านหยี่้าที่พึ่งพิงไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ ม่านคงไม่ได้มีใครอื่นนอกจากเขา ม่านไม่ใช่คนนิสัยอย่างนั้น มันคงเป็เื่อื่นที่ทำให้ม่านหยี่บอกเขาไม่ได้และทำให้เขาต้องสงสัยในตัวเองว่าเหตุใดแล้วการเป็คนรักกันถึงเล่าปัญหาทุกข์ใจให้อีกฝ่ายฟังไม่ได้
“ทำไมวะ ม่านแปลกไปยังไง”
“ก็ม่านชอบแอบไปคุยโทรศัพท์บางครั้งตอนเช้าตรู่ กูตื่นมาก็เห็นม่านทำลับ ๆ ล่อ ๆ แอบคุยกับใครไม่รู้ ม่านทำหน้าอมทุกข์ เหมือนมีเื่ให้ต้องคิดตลอดเวลา พอกูถามม่านก็บอกว่าไม่มีอะไร”
“มึงต้องคอยถามเขาให้มากกว่านี้รึเปล่า”
“ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่ากูเป็แฟนที่แย่เพราะเื่ที่แฟนไม่สบายใจกูก็ไม่รู้ ม่านไม่บอกให้กูรับรู้ กูคง...ไม่ใช่คนที่ม่านอยู่ด้วยแล้วสบายใจ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ลองตะล่อมถามอีกรอบหรือไม่ก็เค้นถาม บางทีมันอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้”
“อืม” มือแกร่งยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจรดปากก่อนที่จะกรอกมันลงคอไป รามกวาดสายตาไปทั่วทั้งผับขนาดใหญ่ที่ซึ่งผู้คนหลายร้อยกำลังวาดลวดลายโยกย้ายส่ายสะโพก ลำแสงของไฟหลากสีสาดส่องมาจากเพดานสูงและหน้าเวทีที่ซึ่งมีวงดนตรีกำลังเล่นเพลงอยู่ มีสาว ๆ รวมทั้งหนุ่ม ๆ หลายคนที่พยายามจะส่งสายตาให้เขาทั้งผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไปจากเขา หรือผู้ชายร่างบางตัวเล็กที่สวมเสื้อเชิ้ตแหวกอกที่ดูเหมือนอยากเดินเข้ามาทำความรู้จักกับเขา แต่ถึงอย่างนั้นรามสูรก็ยังไม่ได้ชายตามองคนเ่าั้ ด้วยเพราะเขามีม่านหยี่และมีเื่ให้ต้องคิดเกี่ยวกับม่านหยี่ ความรู้สึกขุ่นมัวที่ถูกกวนอยู่ในอกมันยังไม่หายไปไหน และเขาก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่จะรักใครชอบใครง่าย ๆ ได้ไปทั่วมั่วไปหมด ต่อให้มีโอกาสมากมายถึงอย่างไรม่านหยี่ก็เป็คนเดียวในใจของรามสูร
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นใน่เวลาตีสองของวันใหม่ ถึงมันจะล่วงเลยมาสองชั่วโมงแล้วหากแต่ม่านก็ไม่มีทีท่าว่าจะง่วงนอนแต่อย่างใด ยังคงรอคอยคนที่ออกไปเที่ยวกลับมา...
“ม่าน!”
“มาแล้ว ๆ ๆ” ร่างบางะโลงจากเตียงนอน ใช้ประโยชน์จากขายาว ๆ ของตนเองก้าวสับเพียงไม่กี่ครั้งก็ถึงประตูห้องพักแล้ว ม่านเปิดประตูออกมาก็ต้องพบกับคนรักที่สภาพดูไม่ดีเอาเสียเลย
“เมาหนักขนาดนี้เลยเหรอแชมป์”
“เออ ยกเอา ๆ เกือบโดนโต๊ะข้าง ๆ ลากไปแล้ว ดีนะที่ไปเจอนี่เลยลากกลับหอมาก่อน”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม”
ม่านสอดตัวเข้าไปหิ้วปีกรามแทนแชมป์ที่สภาพดูดีกว่าคนรักของตนเองอยู่นิดหน่อย รามกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่เรียกได้ว่าไม่มีสติแบบเต็มขั้น ไปเที่ยวแล้วมีสภาพเมามาแบบนี้ทีหลังเขาคงต้องกักตัวรามไว้ไม่ให้ไปไหนได้เลย
“แชมป์จะกลับเลยเหรอ ขับรถไหวเหรอ”
“ฮึ ไม่ไหวอะ เดี๋ยวเรียกแท็กซี่”
“โอเค ให้เรียกให้มั้ย”
“ไม่ต้อง ๆ ดูมันเถอะ” แชมป์โบกมือลาพร้อมกันกับที่แฟนตัวดีของเขาพยายามเลื้อยมือขึ้นมาโอบคอของม่าน
“เดี๋ยวเถอะราม! เมาขนาดนี้ได้ยังไง ไหนบอกว่าจะไม่เมา” ปลายเล็บแอบหยิกลงไปเบา ๆ ที่สีข้างของคนเมา ม่านทั้งโกรธทั้งหมั่นไส้ ทั้งห่วงเื่ที่แชมป์บอกว่ารามเกือบถูกลากไปนั้นมันอันตรายมาก เขาไม่เข้าใจ ทำไมรามถึงกินให้เมาและไม่มีสติได้ขนาดนี้!
“ราม ม่านโกรธรามนะ ทำไมถึงเมาขนาดนี้ ไหนทีแรกบอกจะไม่เมาไง”
“อืออออ ไม่เมา”
“ไม่ต้องมาพูดเลย พรุ่งนี้เห็นดีกันแน่!” เขาไม่รู้ว่าโกรธรามสูรขนาดไหน แต่ที่แน่ ๆ คงโกรธอีกฝ่ายจนหน้าแดง ม่านอดไม่ได้หยิกก้อนซิกแพคที่หน้าท้องของรามสูรไปอีกรอบก่อนที่จะเดินไปหาผ้ามาเช็ดตัวให้คนเมา ม่านหยี่จัดการถอดเสื้อผ้าคนเมาออกจนเหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์สีเทาเข้ม จากนั้นก็ลงมือเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนไร้สติพร้อมทั้งบ่นยาวเป็หางว่าวไปด้วย เขารู้ว่ารามสูรไม่รับรู้หรอกแต่ถึงอย่างไรก็ยังอยากบ่นให้ได้ยินอยู่ดี
“บ่น ม่านขี้บ่น”
“ก็เธอเป็แบบนี้ใครเขาจะไม่บ่น กินเมาแล้วไม่ได้สติ”
“ม่าน”
“...”
“ม่านหยี่”
“...”
“ม่านหยี่ครับ”
“อะไรรามสูร”
“มีอะไรรึเปล่า มีอะไรในใจที่ไม่ได้บอกรามมั้ย”
“...”
“อึก...ม่านบอกรามได้เสมอเลยนะ ทุกเื่เลย”
มือเรียวชะงักงัน ั์ตาดุหม่นแสงลงเมื่อเห็นใบหน้าเ็ปของรามสูร ที่เขาว่ากันว่าคนเมามักจะพูดอะไรออกจากใจจริง อย่างนั้นรามสูรคงเป็อย่างที่เขาว่า ใบหน้าหล่อเหลาง้ำงอ เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่น เืฝาดวิ่งพล่านไปทั่วทั้งดวงหน้าคมถึงแม้ในยามที่สับสนรามสูรก็ยังดูหล่อเหลาเสมือนพระเ้าปั้นเองกับมือ ม่านหยี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ไม่มีหรอก คิดมาก”
“ม่านมี ม่านมีปัญหา บอกรามได้นะ เราเป็คนรักกันนี่ใช่มั้ย”
“ใช่ แต่ม่านไม่มี” เพราะถึงมีอย่างไรก็บอกไม่ได้
“รามนอนเถอะ พรุ่งนี้มีเรียนนะ”
“ไม่เอา ม่านบอกรามก่อน”
“ไม่มี”
“เนี่ย...เนี่ย...เนี่ย” แล้วรามสูรขี้เมาก็สิ้นฤทธิ์หลับปุ๋ยคอพับคออ่อนไป ม่านถอนหายใจอีกครั้งก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิลงข้าง ๆ คนรัก ม่านนั่งนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น จ้องมองรามสูรที่พลาดเท้าก้าวเข้ามาเป็ส่วนหนึ่งในชีวิตแสนโชคร้ายของเขา ตลอดระยะเวลาสี่ปีมานี้มันดีเกินฝัน ม่านบอกตัวเองอย่างนั้นเสมอมา และขึ้นชื่อว่าความฝันสักวันเราทั้งคู่ก็ต้องตื่นขึ้นมาและเผชิญหน้ากับโลกแห่งความจริง ความจริงที่ว่ารามสูรมีชีวิต มีฐานะ ความเป็อยู่ที่แตกต่างจากม่านหยี่ราวฟ้ากับเหว รามใช้เงินได้โดยไม่ต้องคิด ในขณะที่เงินทุกบาททุกสตางค์ของม่านหยี่ต้องผ่านการคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนที่มันจะถูกใช้จ่ายไป ม่านต้องทำงานพิเศษไม่เพียงแค่งานพาร์ทไทม์นอกมหาวิทยาลัยแต่ยังรวมไปถึงงานทุนในมหาวิทยาลัยอีกด้วย ถึงแม้หลายต่อหลายครั้งรามจะเสนอให้ม่านหยิบยืมจากเขาแต่ก็นั่นล่ะเื่เงินกับเื่ความรักมันคนละอย่างกัน เรารักกัน แต่สถานะของความสัมพันธ์ที่เป็แค่แฟนกันนี้ทำให้เราต้องระมัดระวังและไม่ละลาบละล้วงในเื่เงินของอีกฝ่าย ม่านจึงต้องระวังเป็ที่สุด ไม่เพียงเท่านั้นความจริงอีกข้อที่ตั้งตนเป็หนามแหลมรอทิ่มแทงหัวใจม่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั่นคือเื่ที่เขาโกหกรามสูรและโกหกทุกคนว่าตนนั้นมาจากบ้านเด็กกำพร้า ถึงแม้ว่าชีวิตม่านหยี่จะไม่ต่างจากเด็กกำพร้าสักเท่าไหร่ แต่ความจริงที่ว่าเขามีพ่อมีแม่นั้นยังคงรอวันเปิดเผยอยู่เสมอ และที่ร้ายแรงที่สุดในตอนนี้นั้นคือม่านหยี่ยังไม่มีค่าเทอมที่จำเป็ต้องจ่ายสำหรับเทอมนี้ อีกแค่ไม่กี่วันก็จะหมดเวลาจ่ายค่าเทอมแล้ว และเขาก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรดี คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เงินที่ได้มาจากการทำงานพิเศษก็ไม่พอ หากว่าเขาจะหยิบยืมมาจากตรงนั้นเขาก็จะไม่มีเงินจ่ายค่าหอพักที่หารกันกับราม และรามก็จะรู้ เขาจะให้รามสูรรู้เื่นี้ไม่ได้ ม่านหยี่จะกลายเป็ตัวถ่วง เป็เด็กชายม่านหยี่ที่คนรักต้องรับผิดชอบทุกเื่ตลอดไปอย่างนี้ไม่ได้!
“เมาเป็หมา”
“อือ ปวดหัว”
“ไม่ต้องมาอ้างว่าปวดหัว เมื่อคืนเราบ่นเธอไปแล้วตอนนี้ก็จะบ่นอีก อยากอ้วกมั้ย”
“ไม่ครับ แค่ปวดหัว”
“รามสูร เธอนี่มันจริง ๆ เลยนะ ไหนบอกจะไม่กินหนัก จะไม่เมา-...” พอถึงตอนเช้าคนเมาก็ได้สติและลุกขึ้นมานั่งโงนเงนทำหน้าตาสะโหลสะเหล โดยที่มีม่านหยี่กำลังเปิดปากเล็ก ๆ บ่นเขาให้
“ม่าน...”
“แล้วนี่นะกว่าจะกลับ กลับก็ดึก แชมป์มาส่ง รายนั้นก็เมา-...”
“อือออ ม่านหยี่ครับ”
“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้น ปล่อยมือจากเอวเรา”
“ครับ”
“แชมป์บอกว่าเมื่อคืนเกือบโดนลากไปแล้วรู้ตัวมั้ย”
“ไม่ครับ” จริง ๆ เขารู้ นั่นคือครั้งสุดท้ายก่อนที่สติเขาจะหายไปเพราะความเมา รู้ตัวอีกทีก็มาตื่นเอาตอนนี้และมีม่านหยี่บ่นให้ฟังจนรู้สึกว่าหูกำลังจะชา
“ม่านครับ ม่านหยี่ เราไปเที่ยวกันมั้ย”
“เที่ยวอะไร มันพึ่งเปิดเทอมเองนะ ปีสามเทอมสองเรียนก็หนักไหนจะสอบอีก”
“ไปเที่ยวกัน ไปเที่ยวทะเลกันนะ”
“ไม่ไปหรอก”
“ทำไมล่ะ”
ม่านอยากบอกว่าไม่มีตังค์แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะรามสูรคงจะเห็นว่านั่นไม่ใช่เื่ใหญ่ถึงแม้ว่าเหตุผลนั้นจะเป็เื่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของม่านหยี่ในตอนนี้
“เนี่ยพวกไอ้แชมป์มันชวน มันบอกว่าจะไปเที่ยวทะเลกันอาทิตย์หน้า ที่พักสวยมากเลยนะ มีทริปไปนู่นนั่นนี่ด้วย วางแผนกันไว้แล้ว เราเลย-...”
“ไปไม่ได้ ต้องทำงาน”
“ค่อยลาลุงเอก แกไม่ว่าหรอกแกใจดี”
“ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้อะม่าน ม่านบอกรามที! รู้มั้ยตอนนี้รามรู้สึกเหมือนเป็ตัวอะไรไม่รู้ในสายตาม่าน! เราเป็แฟนกันแต่ม่านไม่เล่าไม่บอกอะไรให้รามฟังซักอย่าง! บางทีก็แอบไปคุยโทรศัพท์ลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่ได้คุยกับออยด้วยเพราะเมื่อคืนรามพึ่งถามแชมป์มา!”
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”
“แล้วคือยังไงวะ! รามไม่เข้าใจ”
“เรา...เราบอกไม่ได้”
“เห็นมั้ย ม่านก็เป็ซะอย่างนี้! มีอะไรไม่เคยบอก นี่เรารักกันจริงมั้ยวะ หรือแค่รามที่รักม่านห่วงม่านและก็เป็บ้าไปเองคนเดียวแบบนี้!”