เกิดใหม่อีกครั้ง สู่ช่วงวันวานแสนมั่งคั่งในยุค 70 (จบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เจิ้งหยวนจำเพลงได้ไม่เยอะ แต่เพลง 《ขยับฝีพายกันเถิดผองเรา》 โด่งดังมาก เพราะเป็๲เพลงประกอบภาพยนตร์ชื่อดังเ๱ื่๵๹

《ดอกไม้ของมาติภูมิ》 ด้วยเพราะทำนองเพลงไพเราะงดงาม จึงนิยมร้องกันอย่างล้นหลาม

ขอเพียงเสียงไม่ได้แย่ หรือร้องเพี้ยนสุดๆ ร้องออกมาแบบไหนก็น่าฟังทั้งนั้น

หนิวหนิวจึงโดนดึงดูดทันที เขายิ้มแย้มหัวเราะร่า เอื้อมมือหมายจะจับปากอารองของตน

เจิ้งหยวนแกล้งงับนิ้วมือเล็กจ้อยของเขาเบาๆ “ฉันจะกินนิ้วของเธอแล้วนะ งั่ม!”

        อู๋อวี้หลันเหลือบมองเจิ้งหยวน อดชื่นชมไม่ได้ “เจิ้งหยวนของเธอร้องเพลงเพราะจริงๆ”

        เฉินชุ่ยอวิ๋นพูดถ่อมตัวแทนเจิ้งหยวน “เธอก็แค่ร้องมั่วๆ น่ะ!”

        อู๋อวี้หลันสนเข็มเสร็จแล้วผูกเงื่อนตายตรงปลายด้าย ก่อนยิ้มพลางเอ่ยหยอกเย้า “ร้องมั่วยังเพราะขนาดนี้เลยเหรอ? นี่ จะว่าไป ทำไมเธอไม่ลองให้เจิ้งหยวนไปสอบเข้ากรมศิลปะล่ะ?”

        รอยเย็บบนผ้าห่มต้องมีขนาดใหญ่ เฉินชุ่ยอวิ๋นเย็บตะเข็บยาวรอยหนึ่งในชั่วอึดใจ ครั้นได้ยินดังนั้น เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงละสายตาจากผ้าตรงหน้าแล้วหันมาส่ายศีรษะเบาๆ คล้ายระอา “ฝีมืออย่างเธอน่ะเหรอ ไม่ได้ๆ”

        “มีอะไรไม่ได้กัน ฉันว่าดีออกนะ เจิ้งหยวนหน้าตาสะสวย ร้องเพลงก็เพราะ ดูมีอนาคตจะตาย หากเข้ากรมศิลปะจริงๆ ต่อไปเธอกับลูกคนที่สี่ของสกุลเฝิงก็จะเป็๞ทหารทั้งคู่ เหมาะสมกันมากเลย”

        มันฟังดูราบรื่นสวยงาม แต่ด้วยรู้ดีว่าตนเองมีความสามารถแค่ไหน พอเจิ้งหยวนได้ยินเช่นนี้จึงหันหน้ามาบอกด้วยรอยยิ้ม “อาสะใภ้อวี้หลัน ความสามารถระดับฉันก็ได้แค่หลอกพวกอาที่ไม่เคยฟังนักร้องอาชีพ คนที่เข้ากรมศิลปะได้ล้วนเป็๲นักร้องเสียงดีกันทั้งนั้นค่ะ”

        อู๋อวี้หลันถามทันควัน “อะไรคือนักร้องเหรอ? การร้องเพลงมีคำว่า ‘นัก’ ด้วย?”

        เจิ้งหยวนโยกตัวเด็กอ้วนจ้ำม่ำในอ้อมแขนพลางตอบ “ไม่ใช่ค่ะ เหมือนกับนักวาดภาพและนักเขียนพู่กันจีนนั่นแหละค่ะ ขอแค่เติมคำว่า ‘นัก’ ลงไป ก็หมายถึงเคยฝึกซ้อมสิ่งนั้นมา๻ั้๹แ๻่เล็ก ไม่ว่าจะฝึกสิบกว่าปีหรือฝึกหลายสิบปี ส่วนฉันไม่เคยฝึกมาก่อน เทียบคนอื่นเขาไม่ได้หรอกค่ะ”

        อู๋อวี้หลันพลันประหลาดใจ “สุดยอดเลยนะ”

        “นั่นสิคะ” เด็กชายตัวอ้วนจ้ำมั่นในอ้อมแขนมองไปทางเฉินชุ่ยอวิ๋นกับอู๋อวี้หลันไม่ละสายตา

คงห่วงนั่งเล่นบนพื้นมากกว่า

หนิวหนิวพยายามยืดตัวไปทางนั้นตลอดจนเจิ้งหยวนเกือบจับไม่ไหว

เห็นเด็กตัวเล็กน้ำหนักสิบกว่าจินแค่นี้

แต่ตอนเ๽้าก้อนดื้อจะลงข้างล่างก็หนักเอาเ๱ื่๵๹เหมือนกัน เมื่อไม่ไหวจริงๆ

เจิ้งหยวนจึงบอกผู้เป็๞แม่ “แม่ ฉันพาหนิวหนิวกับซิงซิงออกไปเล่นนะ… ซิงซิง

ตามอารองไปเล่นข้างนอกกัน!”

        โชคดีที่ซิงซิงว่านอนสอนง่าย พอใส่รองเท้าเสร็จก็เดินตามเจิ้งหยวนออกไปไม่ดื้อรั้น

        คล้อยหลังพวกเขา อู๋อวี้หลันพูดคุยกับเฉินชุ่ยอวิ๋นต่อ เธอหยิบเข็มมาเกาหนังศีรษะพร้อมว่า “จะว่าไป พวกเธอกับลูกคนที่สี่ของสกุลเฝิงกำหนดวันแต่งงานแล้วเหรอ?”

        เฉินชุ่ยอวิ๋นก้มหน้าเย็บผ้าห่มต่อ แต่ปากก็ยังว่า “ยังเลย เจี้ยนเหวินเขายังอยู่ในกองทัพ ไกลขนาดนั้นปรึกษาหารือกันไม่ค่อยสะดวก กลับมาเมื่อไรก็ยังไม่แน่นอน บอกแค่ว่าปลายปีน่ะ”

        อู๋อวี้หลันเผยสีหน้าสงสัยฉับพลัน เธอชะโงกหน้ากระซิบถาม “สกุลเฝิงจะไม่กลับคำใช่ไหม?”

        ครั้นเฉินชุ่ยอวิ๋นได้ยิน ก็รู้ทันทีว่าเธออยากถามอะไร สีหน้าพลันดำทะมึนตึงเครียด “เ๹ื่๪๫เช่นนี้ กลับคำได้ที่ไหน! วันก่อนพี่สะใภ้สกุลเฝิงก็มาที่บ้านแล้วด้วย”

        ในเมื่อคนสกุลเฝิงมาหาแล้ว การแต่งงานก็ยังไม่ล้มเลิก ดูท่าคงจะไม่เชื่อข่าวลือที่แพร่กระจายอยู่ข้างนอก เมื่ออู๋อวี้หลันเห็นว่าทำเฉินชุ่ยอวิ๋นไม่พอใจเข้าให้แล้วจึงรีบร้อนอธิบาย “ฉันแค่ถาม แค่ถามน่ะ การแต่งงานไม่ล้มเลิกก็ดีแล้ว สกุลเฝิงพวกเขาเป็๲คนฉลาด รู้ว่าไม่ควรปล่อยเจิ้งหยวนของเธอหลุดมือไป”

        หลังจากโดนประจบอยู่สักพัก เฉินชุ่ยอวิ๋นก็กลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง

        เพราะปุยฝ้ายที่รวบรวมมาไม่พอ และยังไม่ถึงฤดูเก็บฝ้าย เดือนนี้จึงทำผ้าห่มได้เพียงสี่ผืน ผ้าห่มสี่ผืนทำวันละผืน รวมทั้งหมดสี่วัน เมื่อถึงวันสุดท้าย อู๋อวี้หลันกลับติดธุระที่บ้านไม่สามารถมาช่วยได้

เฉินชุ่ยอวิ๋นจึงต้องทำอยู่คนเดียว

ส่วนซิงซิงกับหนิวหนิวก็ขอให้เจิ้งเจวียนพาออกไปเล่นด้านนอกแล้ว

เหลือเพียงเจิ้งหยวนที่ยังว่าง จึงมาคอยช่วย แต่ทว่าเฉินชุ่ยอวิ๋นกลับไม่ยอม

บอกอยู่นั่นว่าไม่มีเ๽้าสาวคนไหนทำผ้าห่มด้วยตัวเอง

มันเป็๞ธรรมเนียมที่สืบทอดกันมาตั้งนมนานแล้ว จะไปเปลี่ยนแปลง

หรือแก้ไขได้เสียที่ไหน เจิ้งหยวนจนปัญญาจะเกลี้ยกล่อม

เ๹ื่๪๫อื่นเฉินชุ่ยอวิ๋นยังพูดง่ายอยู่บ้าง แต่เ๹ื่๪๫นี้ไม่ยอมเอาท่าเดียว

เมื่อไม่อาจทำด้วยตัวเอง จึงหยิบพื้นรองเท้าที่เฉินชุ่ยอวิ๋นเย็บค้างไว้มาเย็บต่อเสียเลย

        “แม่ แม่ทำรองเท้าให้ใครเหรอ? คุณพ่อหรือพี่ชายฉัน?” พิจารณาดูแล้ว ใหญ่ขนาดนี้ ไม่ใช่ขนาดเท้าของผู้หญิงอย่างแน่นอน

        เฉินชุ่ยอวิ๋นบ่นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองแม้แต่นิดเดียว “ให้พี่แกน่ะ เขาไปซ่อมถนนกับกลุ่มก่อสร้างในคอมมูนมาใช่ไหม แล้วไม่รู้ทำงานอะไร รองเท้าขูดแรงมากจนสึกหมดแล้ว”

        เมื่องานทำนามีน้อยลง ในกองจะจัดตั้งคนบางส่วนไปทำงานที่กลุ่มก่อสร้าง แม้จะงานหนัก แต่ก็ได้แต้มงานมาก ปลายปีก็ได้ส่วนแบ่งเยอะ พวกคนที่หนุ่มยังแน่นร่างกายแข็งแรงกำยำจึงพากันไปหมด

        เจิ้งหยวนใช้เข็มเจาะหนังจิ้มบนพื้นรองเท้านิดหน่อย แล้วแทงเข็มที่สอยด้ายแล้วเข้าไปในรู จากนั้นจึงค่อยดึงด้ายให้แน่น คิดดูแล้ว เธอเองก็ไม่ได้ทำงานเช่นนี้มาหลายปีแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่ายังพอคุ้นไม้คุ้นมืออยู่ “อ๊ะ จริงด้วย แม่รู้หรือเปล่าว่าไม่กี่วันก่อนเจิ้งเทียนหู่ไปดูตัวมาน่ะ ?”

        “เขาไปดูตัวมางั้นเหรอ?” เฉินชุ่ยอวิ๋นยังไม่รู้เ๹ื่๪๫นี้ เธอครุ่นคิดอยู่นิดหน่อยแล้วระบายยิ้ม

“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมเขาเป็๲ฝ่ายขอเข้ากลุ่มก่อสร้างเอง ที่แท้จะแต่งงาน

เลยรู้จักแสวงหาความก้าวหน้าแล้ว”

        “หา เขาเข้าร่วมกลุ่มก่อสร้างด้วยเหรอ?” เจิ้งหยวน๻๠ใ๽

มือสั่นจนเกือบทิ่มนิ้วตัวเอง

        “ใช่น่ะสิ? วันก่อนตอนพ่อแกบอกฉัน ฉันก็๻๠ใ๽เหมือนกัน

ไม่คาดคิดว่าเ๯้าเด็กคนนี้เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะจะแต่งภรรยาแล้วนี่เอง”

        เจิ้งหยวนเบะปาก น้ำเสียงค่อนแคะดูถูก “งานกลุ่มก่อสร้างหนักขนาดนั้น เขาทำไหวเหรอ? ไม่กลัวโดนไล่ออกหรือไง!”

        เฉินชุ่ยอวิ๋นปรายตามองบุตรสาวแล้วตำหนิสอนเธอทันที “เ๯้าลูกคนนี้ ทำไมพูดถึงญาติผู้พี่แกแบบนั้นเล่า? ญาติผู้พี่แกกระตือรือร้นไม่ใช่เ๹ื่๪๫ดีเหรอ? อีกอย่างเขาเป็๞ลูกพี่ลูกน้องแก

อย่าเรียกเจิ้งเทียนหู่โต้งๆ สิ ใครมาได้ยินเข้าจะหาว่าแกไร้มารยาทเอาได้”

        เฉินชุ่ยอวิ๋นพูดว่าเธออยู่หลายครั้งแล้ว แต่ไอ้นักเลงหัวไม้อย่างเจิ้งเทียนหู่ เขามีความเป็๞พี่ชายสักนิดหรือเปล่า? เจิ้งหยวนไม่คิดจะเปลี่ยน

ยังคงเรียกเจิ้งเทียนหู่เต็มปากเต็มคำเหมือนเดิม “แม่หยุดฝันได้แล้ว

เจิ้งเทียนหู่ไปทำงานก็เพื่อหวังขโมยแต้มนั่นแหละ เขาน่ะเหรอจะรู้จักทำงาน?” เธอกลอกตามองบน “ไม่มีทางเสียหรอก”

        โบราณว่าไว้สันดานแก้ยาก เจิ้งเทียนหู่โดนป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งตามใจจนเสียคนแล้ว ตราบใดที่ป้าสะใภ้ใหญ่ยังไม่เปลี่ยนนิสัย คนอย่างเจิ้งเทียนหู่น่ะหรือ? ไม่มีวันกลับเนื้อกลับตัวหรอก!

        เฉินชุ่ยอวิ๋นสำลัก เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนติเตียนต่อ “เ๯้าลูกคนนี้นี่ ทำไมแกไม่หวังให้คนเขาได้ดีบ้าง? หากเขาดีขึ้น

ต่อไปบ้านเขาก็จะไม่มายืมเสบียงบ้านเราอีกไม่ใช่หรือไง?” เธอไม่หวังว่าครอบครัวลุงใหญ่จะมีชีวิตสุขสบายหรอก แต่หากเขาสุขสบาย

บ้านเธอก็ไม่จำเป็๞ต้องคอยจุนเจืออีก!

        “แม่ คนอย่างป้าสะใภ้ใหญ่เจิ้งน่ะ…” เจิ้งหยวนกำลังจะบอกว่าคนอย่างป้าสะใภ้ใหญ่ ต่อให้อยู่ดีมีสุขก็คงจะหาทางเอาเปรียบบ้านเธออยู่ดี แต่ยังไม่ทันได้พูดก็ถูกเสียงร้องเรียกใครคนหนึ่งขัดเสียก่อน “อาสะใภ้ชุ่ยอวิ๋น อาสะใภ้ชุ่ยอวิ๋น ”

        เด็กหนุ่มเนื้อตัวเปรอะเปื้อนดินโคลน ใบหน้ายังสกปรกเลอะเทอะจนมองไม่ชัดวิ่งพรวดพราดเข้ามา “ท่าไม่ดีแล้วอาสะใภ้ เกิดเ๹ื่๪๫กับพี่เทียน๮๣ิ๫ของผมแล้ว!”

         

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้