แค่สวี่ฮุ่ยเหยียบเข้าไปในเขตบ้านพัก เธอก็ถูกเพื่อนบ้านเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังทันที
พวกเขาอยากรู้อยากเห็นว่าสวี่เยว่น้องสาวของเธอพาคนร้ายหนีคดีมาเพื่อจะฆ่าเธอจริง ๆ หรือเปล่า
สวี่ฮุ่ยไม่คิดปกปิดให้สวี่เยว่ เธอพยักหน้า “สวี่เยว่สารภาพทุกอย่างที่สถานีตำรวจแล้ว”
ทุกคนโห่ร้อง พากันพูดว่า “ดูไม่ออกเลย สวี่เยว่ปกติเรียบร้อยเชื่อฟังที่แท้จะจิตใจชั่วร้ายขนาดนี้!”
มีคนถามสวี่ฮุ่ยว่าสวี่เยว่ทำร้ายเธอทำไม
“สวี่เยว่บอกว่าโมโหที่ฉันใส่ร้ายเธอ เลยทำแบบนั้น ฉันเคยใส่ร้ายเธอตอนไหนกัน? ฉันสงสัยว่าสวี่เยว่พูดแบบนั้นก็เพื่อปกปิดความจริงที่ว่าเธออยากสวมรอยเป็ฉันไปเรียนมหาวิทยาลัยมากกว่า”
ทุกคนต่างอุทาน
เพื่อนบ้านคนหนึ่งพูดว่า “ต่อให้สวี่เยว่พูดความจริง แต่คิดจะยืมมือคนอื่นกำจัดพี่สาวตัวเอง เพียงเพราะสวี่ฮุ่ยใส่ร้ายเธอ จิตใจโเี้เกินไปแล้ว!”
เพื่อนบ้านอีกคนถาม “กู่ซิ่วชอบพูดว่าสวี่เยว่เรียนเก่ง สอบติดมหาวิทยาลัยได้สบายไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังอยากให้สวี่เยว่แย่งที่เรียนของพี่สาวอีกล่ะ?”
เพื่อนบ้านคนหนึ่งคาดเดา “อาจจะอยากให้สวี่เยว่เรียนมหาวิทยาลัยที่ดีกว่าเดิมมั้ง คนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งในการสอบจะเรียนมหาวิทยาลัยดังไหนก็ได้นี่”
ลูกชายของคุณยายวังเป็ครูที่โรงเรียนมัธยมศึกษาหมายเลขหนึ่งประจำอำเภอ และพักอยู่ที่บ้านพักครูในอำเภอ
วังจิ้ง หลานสาวของคุณยายวังก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมศึกษาหมายเลขหนึ่งประจำอำเภอเหมือนกัน แต่เธอเพิ่งขึ้นม.5 ภาคเรียนฤดูใบไม้ร่วงนี้
ทุก ๆ ปี่ปิดเทอม วังจิ้งจะกลับมาอยู่บ้านคุณปู่คุณย่าเสมอ
วังจิ้งถือแตงโมชิ้นหนึ่งยืนกินอยู่ข้าง ๆ พลางฟังเพื่อนบ้านนินทา
พอได้ยินแบบนี้ สาวน้อยก็อดพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้ “สวี่เยว่ปีนี้สอบไม่ติดมหาวิทยาลัยนะ แม้แต่อนุปริญญาก็ยังสอบไม่ติด”
สวี่ฮุ่ยที่กำลังจะเดินกลับบ้านหยุดชะงัก
ป้าคนหนึ่งถามวังจิ้ง “หนูรู้ได้ยังไง? หนูกับสวี่เยว่ไม่ได้เรียนรุ่นเดียวกันนี่”
วังจิ้งคายเมล็ดแตงโมในปากทิ้งแล้วพูด “ถึงฉันจะไม่ได้เรียนรุ่นเดียวกับสวี่เยว่ แต่ผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้ติดอยู่บนบอร์ดประชาสัมพันธ์ในโรงเรียน ใคร ๆ ก็ดูได้ ฉันตั้งใจไปดูผลสอบของสวี่เยว่มา”
บางคนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “สวี่เยว่สอบได้กี่คะแนนเหรอ?”
“435 คะแนน ไม่ถึงคะแนนรับขั้นต่ำของระดับอนุปริญญาด้วยซ้ำ”
เพื่อนบ้านคนหนึ่งพูดอย่างดูถูก “สวี่เยว่ก็งั้น ๆ แหละ เรียนซ้ำชั้นสองปียังสอบไม่ติดอนุปริญญาเลย กู่ซิ่วยังอวดอยู่นั่นแหละว่าลูกสาวเรียนเก่ง เก่งบ้าอะไร!”
สวี่ฮุ่ยฟังเพื่อนบ้านนินทาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยกลับบ้านตัวเอง
เที่ยงแล้ว ไม่รู้ว่าสวี่ต้าซานกับคนอื่น ๆ จะกลับมาเมื่อไหร่
สวี่ฮุ่ยต้มบะหมี่มะเขือเทศกินเอง
เธอต้มบะหมี่เสร็จ เพิ่งจะตักบะหมี่ใส่ชาม วางบนโต๊ะอาหาร ยังไม่ทันได้กิน สวี่ต้าซานกับกู่ซิ่วก็กลับมาพอดี
สีหน้าทั้งคู่ดูแทบไม่ได้ ด้านหลังยังมีสวี่เยว่เดินตามมาด้วยท่าทางหวาดกลัว
สวี่ฮุ่ยงุนงงเล็กน้อย ทำไมสวี่เยว่ถึงกลับมาด้วย? เธอน่าจะติดคุกไม่ใช่เหรอ?
กู่ซิ่วเห็นสวี่ฮุ่ยต้มบะหมี่กินเองก็โกรธจนแทบคลั่ง
เธอกระโจนเข้ามาคว้าชามบะหมี่ร้อนจัดที่เพิ่งต้มเสร็จสาดใส่ใบหน้างดงามของสวี่ฮุ่ย
พลางโวยวาย “แกเกือบทำน้องแกตาย ยังมีหน้ามาต้มบะหมี่กินเองอีกเหรอ แกยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างไหม!”
สวี่ต้าซานเห็นแบบนั้นก็รีบเอื้อมมือไปดึงกู่ซิ่วแล้วะโเรียกชื่อเต็มเธอด้วยความโกรธ “กู่ซิ่ว เธอเป็บ้าไปแล้วหรือไง!”
ั้แ่กู่ซิ่วก้าวเข้ามาในบ้าน สวี่ฮุ่ยก็อยู่ในสภาพพร้อมรับมือแล้ว
ตอนที่กู่ซิ่วเงื้อชามบะหมี่สาดเธอ เธอหลบไปด้านข้าง ทำให้เธอรอดจากอันตรายครั้งนี้ไปได้ทัน
สวี่ต้าซานเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก แล้วตวัดมือตบหน้ากู่ซิ่วเสียงดัง “เธอใจร้ายเกินไปแล้ว! ไม่รู้หรือไงว่าสาดบะหมี่ร้อน ๆ ใส่หน้าฮุ่ยฮุ่ยจะทำให้เธอเสียโฉมน่ะ!”
สวี่ฮุ่ยยุแยงใส่ไฟเพิ่ม “แม่ก็อยากให้เป็แบบนั้นนั่นแหละ”
กู่ซิ่วเอามือกุมแก้มข้างที่โดนตบ จ้องมองสวี่ต้าซานอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่คุณตบฉัน? คุณกล้าตบฉันเหรอ?”
สวี่ต้าซานเดินไปกันสวี่ฮุ่ยไว้ด้านหลัง แล้วพูดด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวว่า “ใครทำร้ายลูกของฉัน ฉันจะจัดการคนนั้น!”
กู่ซิ่วชี้ไปที่สวี่ฮุ่ย พูดอย่างโกรธแค้น “แล้วที่มันทำร้ายเยว่เยว่ เกือบจะฆ่าเยว่เยว่ ทำไมคุณไม่จัดการมัน? เยว่เยว่ไม่ใช่ลูกของคุณเหรอ?”
สวี่ต้าซานโกรธจนเส้นเืบนหน้าผากปูดโปน “ใครทำร้ายใครกันแน่ ถึงตอนนี้เธอยังจะพูดจาเหลวไหลอีกเหรอ?”
สวี่เยว่พูดน้ำตานองหน้า “พ่อ แม่ อย่าทะเลาะกันเลย ทั้งหมดเป็ความผิดของหนูเอง หนู…”
เธอยังพูดไม่จบก็เอามือจับหน้าอก ค่อย ๆ ล้มลงไปกองที่พื้น
กู่ซิ่วใ รีบประคองสวี่เยว่แล้วะโใส่สวี่ต้าซานด้วยความร้อนใจ “ไปหยิบยาเร็ว! เร็วสิ!”
สวี่ต้าซานวิ่งไปที่ห้องของสวี่เยว่โดยไม่หยุดคิด ส่วนสวี่ฮุ่ยวิ่งนำเข้าไปในห้องของสวี่เยว่ก่อนแล้ว
ดวงตาของสวี่ต้าซานร้อนผ่าว ช่างเป็เด็กดีจริง ๆ สวี่เยว่อยากฆ่าเธอ แต่เธอกลับกลัวสวี่เยว่จะอาการกำเริบจนเป็อะไรไป
ทันทีที่พ่อลูกเข้าไปในห้อง ก็มองไปที่โต๊ะเขียนหนังสือของสวี่เยว่พร้อมกัน
ปกติสวี่เยว่จะวางยาไว้ตรงจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนบนโต๊ะ เพื่อให้คนในครอบครัวหาเจอได้ง่าย ๆ เวลาเธออาการกำเริบ
แต่สองพ่อลูกกลับไม่เห็นยาแก้หัวใจวายเฉียบพลันที่กินแล้วเห็นผลชะงัดของสวี่เยว่
ทั้งคู่รีบเปิดลิ้นชักหา สวี่ต้าซานคลำเจอยาแก้หัวใจวายที่อยู่ในสุดของลิ้นชัก
สวี่ฮุ่ยพูดอย่างแปลกใจ “ทำไมสวี่เยว่ต้องซ่อนยาด้วย? หนูนึกว่าเธอลืมเอายากลับมาจนเกือบตายเหมือนคราวก่อนซะอีก”
สวี่ต้าซานที่กำลังจะถือยาเดินออกไปได้ยินเข้าก็นึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น
ลูกชายจะไปตกปลาไหลกับสวี่ฮุ่ย จังหวะเดียวกับที่สวี่เยว่โรคหัวใจกำเริบพอดี
เพราะเธอไม่ได้เอายากลับมา ลูกชายจึงวิ่งไปที่สถานีอนามัยประจำตำบล เคาะประตูอยู่นานกว่าจะเปิด
สุดท้ายที่สถานีอนามัยไม่มียารักษาโรคหัวใจ เลยกลับมามือเปล่า แต่โรคหัวใจของลูกสาวก็กลับหายไปเอง
หรือว่า…ตอนนั้นสวี่เยว่ไม่ได้ป่วย แต่แกล้งป่วยเพื่อรั้งพี่ชายเธอไว้ ไม่ให้ไปตกปลาไหลกับพี่สาว…สวี่ฮุ่ย?
สวี่ต้าซานกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหวกเหวกของกู่ซิ่วดังมาจากห้องนั่งเล่น “เยว่เยว่ ตื่นสิลูก อย่าทำให้แม่ใสิ! ”
สองพ่อลูกวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นสวี่เยว่นอนหมดสติอยู่
ทุกคนช่วยกันป้อนยาให้เธอ แต่เธอกัดฟันแน่น ป้อนยาไม่ได้เลย
สวี่ต้าซานพูดกับกู่ซิ่ว “ฉันจะไปขอยืมรถที่โรงงาน”
พอสวี่ต้าซานออกไป กู่ซิ่วก็ตวาดใส่สวี่ฮุ่ย “ตอนนี้พอใจแกแล้วใช่ไหม?”
ดวงตาของสวี่ฮุ่ยเปล่งประกายเย้ยหยัน
เธอเหลือบมองเพื่อนบ้านหลายคนที่กำลังวิ่งมาบ้านเธอ แล้วลดเสียงต่ำพูดอย่างชั่วร้าย “ใช่ หนูพอใจมาก ส่วนแม่คงจะโมโหแทบตายแล้วมั้ง! ”
“แก!” กู่ซิ่วโกรธจนหน้ามืดตามัว ตวัดมือตบหน้าสวี่ฮุ่ย “พอใจนักเหรอ ฉันจะตบให้แกตายซะ!”
สวี่ฮุ่ยออกมือเร็วกว่าเ ธอตบหน้ากู่ซิ่วดังลั่นแล้วร้องไห้โวยวายพลางปิดหน้าตัวเอง “น้องโรคกำเริบจนหมดสติ มันเกี่ยวอะไรกับหนู ทำไมแม่ถึงตบหนู? หนูไม่ได้ทำให้น้องป่วยสักหน่อย!”
กู่ซิ่วเห็นสวี่ฮุ่ยกล้าตบหน้าเธอกลับ แถมยังแกล้งทำเป็ร้องไห้ใส่ร้ายป้ายสี เธอก็โกรธจนแทบะเิ จะตบหน้าสวี่ฮุ่ยอีกฉาด “ยอกย้อนนักนะ!”
คนที่วิ่งมาบ้านสกุลสวี่คือเพื่อนบ้านที่สวี่ต้าซานขอร้องให้มาดูแลกู่ซิ่วกับลูกสาวทั้งสอง
สวี่ต้าซานรู้ว่ากู่ซิ่วไม่ชอบสวี่ฮุ่ย กลัวว่าพอออกไปแล้ว กู่ซิ่วจะระบายอารมณ์ใส่สวี่ฮุ่ย
และยังกลัวว่าลูกสาวคนเล็กหมดสติจะทำให้กู่ซิ่วอกสั่นขวัญหาย
จึงขอร้องให้พวกเพื่อนบ้านมาดูแลกู่ซิ่วกับลูกสาว
เพื่อนบ้านเห็นกู่ซิ่วตาแดงก่ำจะตบหน้าสวี่ฮุ่ย ศีลธรรมในใจก็ถูกกระตุ้น
พวกเขารีบวิ่งเข้าไปปกป้องสวี่ฮุ่ย
กู่ซิ่วตบไปที่หลังของเพื่อนบ้านคนหนึ่งจนเธอเจ็บแปลบ จึงโพล่งออกมาว่า “กู่ซิ่ว เธอมีเหตุผลหน่อยได้ไหม? ฮุ่ยฮุ่ยเกือบจะถูกสวี่เยว่ฆ่าตาย เธอยังตบเธออีกเหรอ? นี่เธอไม่รู้สึกผิดบ้างหรือไง!”
ขณะพูด เพื่อนบ้านคนนั้นก็มองไปทางสวี่เยว่ที่นอนอยู่บนโซฟาเหมือนหมาตาย ค่อนขอดในใจว่ากู่ซิ่วควรจะตบสวี่เยว่ต่างหาก
แต่เพื่อนบ้านคนนั้นไม่ได้พูดออกมา เพราะสวี่เยว่เป็โรคหัวใจ เธอไม่อยากยุยงให้กู่ซิ่วตบลูก
กู่ซิ่วรีบอธิบาย “เปล่านะ ฉันไม่ได้ตบสวี่ฮุ่ย เป็สวี่ฮุ่ยต่างหากที่ตบฉัน!”
เพื่อนบ้านหลายคนแย่งกันพูด “กู่ซิ่ว พวกเราเห็นกับตา อย่าใส่ร้ายฮุ่ยฮุ่ยเลย!”
กู่ซิ่วร้อนใจจนหน้าแดงก่ำ เธอชี้แก้มข้างที่โดนตบเมื่อกี้ “ฉันไม่ได้โกหก พวกคุณดูแก้มข้างนี้ฉันสิ ยังแดงอยู่เลย ยัยเด็กเวรนี่เป็คนตบฉันเอง!”
เพื่อนบ้านมองหน้ากู่ซิ่วอย่างละเอียด “หน้าคุณแดงไปหมด ไม่มีร่องรอยโดนตบเลย!”
กู่ซิ่วเห็นสายตาดูถูกของทุกคน ก็รู้ว่าต่อให้ะโลงแม่น้ำเหลืองคงล้างมลทินไม่ได้
เธอลอบกัดฟันกรอด ความคับข้องที่ได้รับในวันนี้ เธอต้องเอาคืนจากยัยเด็กเวรให้ได้!
สวี่ฮุ่ยปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกว่าเธอไม่เป็ไร ถึงจะโดนกู่ซิ่วตบตายก็ไม่ถือว่า ขอแค่สวี่เยว่ปลอดภัยก็พอ
แต่ในใจกลับไม่มีความรู้สึกผิดที่ตบแม่เลยสักนิด มีแค่ความสะใจอย่างที่ไม่เคยััมาก่อน
เพื่อนบ้านต่างผลัดกันชื่นชมสวี่ฮุ่ย บอกว่าเธอเป็เด็กดี ไม่จองเวรใคร
กู่ซิ่วโกรธจนแทบคลั่ง