โจวเฉิงรู้ดี ในสองวันนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานจะต้องมาหาเขาอย่างแน่นอน
ตั๋วรถเที่ยววันที่ 28 พักผ่อนหนึ่งคืน วันที่ 29 คงพาครอบครัวไปเที่ยวรอบปักกิ่ง วันที่ 1 กันยายนเปิดเรียน ดังนั้นไม่วันที่ 30 ก็เป็วันที่ 31 หนึ่งในสองวันนี้มีวันที่เธอจะมาหาเขา
เช้าตรู่วันที่ 30 โจวเฉิงก็จัดการตนเองจนสะอาดสะอ้าน
โจวเฉิงในวัย 21 ปีค่อนข้างเจนโลก เข้าสู่การทำงานเร็ว ผ่านการทดสอบชี้เป็ชี้ตาย เนื้อแท้ของจิตใจเป็ผู้ใหญ่กว่าคนอายุเท่ากัน
ทว่าอายุทางสรีรวิทยาของเขาเพิ่งเป็ผู้ใหญ่เต็มตัวเท่านั้น
หนุ่มน้อยวัย 21 ปีเป็เช่นไรน่ะหรือ? ผิวเนื้อเนียนเรียบ ไม่ง่วงหงาวหาวนอนแม้จะนอนดึก นอนหลับพักผ่อนสองวันรอยคล้ำใต้ตาก็หายไปแล้ว กระทั่งหนวดเคราที่งอกออกมายังไม่หยาบกระด้างเลย... ไม่ว่าอย่างไร โจวเฉิงยังคงดูแลตนเองให้สะอาดอย่างพิถีพิถันอยู่ดี โกนตอเคราอ่อนๆ ที่เพิ่งงอกออกมาอยู่หน้ากระจก เดิมทีผมเป็ทรงเกรียน ใช้ผ้าขนหนูเปียกแตะสบู่ถูนิดหน่อยก็สดชื่นแล้ว
การสะบั้นไมตรีอันน้อยนิดกับฟางซื่อจงและเกาเฟยอย่างเปิดเผยก็มีข้อดีเหมือนกัน คนน่ารำคาญพวกนั้นไม่วนเวียนอยู่หน้าโจวเฉิงอีกต่อไป
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดจาระคายหูเสียขนาดนั้น หากเกาเฟยยังกล้าเข้าใกล้โจวเฉิงอีก เกาเฟยได้จมฝอยน้ำลายของผู้คนในหน่วยงานตายแน่ ฟางซื่อจงก็ต้องทำให้ภรรยาตนอยู่ห่างจากโจวเฉิงเช่นกัน ปัจจุบันสองสามีภรรยาลงมติเป็เอกฉันท์โยนปมปัญหาให้โจวเฉิงและเซี่ยเสี่ยวหลานแทน มิเช่นนั้นจะทะเลาะกันในเื่นี้เสียเอง
ไม่อยากคบค้าสมาคม แต่หน่วยงานก็มีขนาดเพียงเท่านี้ อีกทั้งห้องพักของฟางซื่อจงก็อยู่ในตึกเดียวกับโจวเฉิง อยู่ชั้นเดียวกัน แค่ห่างกันไม่กี่ประตูห้องเท่านั้น
โจวเฉิง ‘แต่งตัว’ ั้แ่เช้าตรู่ ในขณะที่ฟางซื่อจงบ้วนฟองจากการแปรงฟันลงในรางน้ำเสียงดัง และบ่นพึมพำกับตัวเอง “อย่างกับพวกผู้หญิง!”
มีผู้ชายคนไหนบ้างที่สนว่าหน้าตาจะเป็อย่างไร ต่างจากโจวเฉิงที่มีหน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งรักการดูแลสุขอนามัย
สุขอนามัยในวัยเด็กของฟางซื่อนั้นจงไม่ดี ตอนปฏิบัติภารกิจเคยนอนกลางดินกินกลางทรายด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงยิ่งไม่พิถีพิถันเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะหลังแต่งงานมีเกาเฟยคอยดูแล เขาคงไม่แม้แต่พยายามแปรงฟันทุกวัน
ตอนนี้ก็พยายามไม่ไหว ถ้าเกาเฟยไม่มาพักที่หน่วยด้วย ฟางซื่อจงจะแอบอู้ไม่แปรงฟัน
เช้าวันนี้เหล่าฟางแปรงฟันด้วยตนเอง ก็เพราะว่าเมื่อคืนเกาเฟยค้างแรมในหน่วยงาน ่นี้เกาเฟยมักมาที่หน่วยงานของพวกเขา การฝึกงานในโรงพยาบาลสิ้นสุดแล้ว ทว่าการบรรจุงานอย่างเป็ทางการยังคงต้องรออีกครึ่งเดือน เธอย่อมว่างมากมิใช่หรือ ฟางซื่อจงไม่กล้าไม่แปรงฟัน ถ้าไม่แปรงฟันเกาเฟยจะไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ นอกจากแปรงฟันยังต้องล้างก้นด้วย มิเช่นนั้นจะแตะต้องภรรยาไม่ได้—ฟางซื่อจงเพิ่งแต่งภรรยาตอนเข้าสู่วัยสามสิบ เพิ่งรู้จักความบันเทิงระหว่างชายหญิง ่นี้จึงเชื่อฟังเกาเฟยเสียเหลือเกิน
เขากลับไปเล่าให้เกาเฟยฟัง โจวเฉิงทำตัวเหมือนหญิงสาวขนาดไหน ใช้สบู่หอมล้างหน้า ล้างหน้าเสร็จแล้วยังทาบางอย่างบนใบหน้าอีก
เกาเฟยร่วมโจมตีโจวเฉิงพร้อมกับสามีตนเพียงลมปาก แต่ในใจคิดว่าอย่างไรเสียฟางซื่อจงก็มาจากชนบท ทั้งสองมีทัศนคติด้านความเคยชินในการใช้ชีวิตและสุขอนามัยต่างกัน สิ่งที่เธอต้องสอนนั้นมีมากมายก่ายกอง โจวเฉิงมีสุขนิสัยที่ดี แต่น่าเสียดายที่โจวเฉิงไม่รับกิ่งมะกอก [1] ของเธอ!
ทว่าแม้โจวเฉิงจะรักความสะอาดเพียงใด ปกติก็ไม่ได้พิถีพิถันขนาดนี้
พอเกาเฟยคำนวณวัน ใกล้รายงานตัวเข้ามหาวิทยาลัยแล้วไม่ใช่หรือ?
“วันนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจะมา”
“เธอรู้ได้อย่างไร?”
“เฮอะ คุณแค่รอดูเถอะ!”
เกาเฟยคาดการณ์ได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทายถูกเผงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะมา แต่คาดไม่ถึงว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้มาแค่คนเดียว
สรวลเสเฮฮากันเชียว เห็นหน่วยเป็คณะละครสัตว์รึ?
ขณะเซี่ยเสี่ยวหลานกำลังเดินมามา ด้านหลังก็มีคนเดินตามอย่างขันแข็ง ต่างคนต่างพากันเรียกพี่สะใภ้ หามตะกร้าไม้ไผ่ใบใหญ่สามใบ ด้านในคือแตงโมผลโตทั้งหมด และมีคนหอบลังกระดาษขนาดใหญ่อีกสองลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าด้านในใส่อะไรไว้ ปิดผนึกแ่ามาก
แตงโมปีนี้ราคาหนึ่งเหมาห้าเฟินต่อชั่ง เมื่อเดือนก่อนนำเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก ตลอดทั้งฤดูร้อน เกาเฟยกินมากพอแล้ว และเธอก็หิ้วให้ฟางซื่อจงหนึ่งลูกทุกครั้งที่มาเหมือนกัน
แม้เธอยังไม่ได้เริ่มงานอย่างเป็ทางการ ทว่าเงินเดือนของฟางซื่อจงก็ถูกมอบให้เธอแล้ว
เงินเดือนเดือนหนึ่งหลักร้อยหยวน หากแตงโมราคา 0.15 หยวนยังไม่มีปัญญาจะกิน เธอจะแต่งงานกับฟางซื่อจงเพื่ออะไรเล่า!
แต่จะให้เกาเฟยเอาอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน ทุกครั้งที่มาเยือนหน่วยงานก็ซื้อข้าวของมากมายแจกจ่ายไปทั่ว เงินเดือนของฟางซื่อจงจะพอซื้อกี่ครั้งกันเชียว?
“เธอช่างเก่งเสียเหลือเกินนะ!”
เกาเฟยปิดหน้าต่างดังปัง
“หัวหน้าแตงโมนี่...”
“ขนไปที่ห้องฉันก่อน อีกเดี๋ยวเรียกทุกคนมารวมตัวกันแบ่งแตงโม!”
“เฮ้!”
“กินแตงโมล่ะ วันนี้มีแตงโมกิน”
หลายคนยิ้มแย้มหัวเราะพร้อมออกวิ่ง โจวเฉิงเรียกพวกเขาไว้ “รอเดี๋ยว ขนลังกระดาษสองลังไป แตงโมไม่ต้องเอาไว้ในห้องฉันแล้ว เอาเชือกมัดกับตะกร้าให้แน่นหน่อย แขวนแช่เย็นในบ่อน้ำเสีย ตอนจะกินค่อยดึงตะกร้าขึ้นมา!”
หน่วยงานตั้งอยู่บนชานเมือง มีระบบน้ำประปา และมีบ่อน้ำเป็ของตัวเอง
แตงโมที่ผ่านการแช่ในบ่อน้ำจะเย็นชื่นใจอร่อยยิ่งขึ้น
“คุณน้าหลิว คุณป้า พวกคุณก็มาด้วยหรือ ไปเถอะครับ ขึ้นไปนั่งบนห้องผมดีกว่า!”
ผู้ใหญ่ทั้งสองมาเยี่ยมเขา โจวเฉิงไม่มีทางไม่รู้จักมารยาทตามความเหมาะสม เพียงแต่เดิมทีสามารถจับมือถือแขนหรือโอบกอดหอมแก้มกับภรรยาของเขาได้ ตอนนี้ทำได้เพียงอดทนไว้
หลิวจื่อเทารีบวิ่งมากอดขาของโจวเฉิง “พี่เขย ยังมีผมนะ มีผมด้วย!”
โจวเฉิงยกตัวหลิวจื่อเทาขึ้น “ไม่ได้ลืมเธอนะ เดี๋ยวจะพาเธอไปยิงปืน”
ถือโอกาสที่หลิวจื่อเทาก่อกวน ในที่สุดโจวเฉิงก็แอบจับมือของภรรยาเขาได้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็ต้องสะบัดมือออกด้วยซ้ำ โจวเฉิงชักกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยตนเอง
“ในลังมีพวกอาหารกระป๋อง เธอเก็บไว้ค่อยๆ กินนะ ถ้ามันมากเกินไปก็แบ่งให้คนอื่นเขาบ้าง”
โจวเฉิงพยักหน้าส่งๆ ไป ทั้งสองพบกันตอนวันที่ 24 กรกฎาคมซึ่งเป็วันเกิดของเสี่ยวหลาน จากกันครั้งหนึ่งผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เขามองภรรยาที่รักอย่างไรก็ไม่หน่าย จู่ๆ โจวเฉิงก็นึกถึงมือของเซี่ยเสี่ยวหลานขึ้นมา “ข้อมือของเธอยังเจ็บอยู่หรือไม่?”
คราวนี้เขาจับมาดูอย่างเปิดเผยได้แล้ว อีกทั้งบีบเบาๆ สีหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่แสดงความผิดปกติแต่อย่างใด โจวเฉิงจึงรู้ว่าอาการกระดูกร้าวของเธอใกล้หายสนิทแล้ว
“ไม่เจ็บ...”
“ไม่เจ็บก็ต้องดูแลเป็อย่างดีนะ ฉันได้ยินมาว่าพวกนักศึกษาซักผ้าเองกันหมด ห้ามเธอโดนน้ำเย็นล่ะ ถ้าเสื้อผ้าสกปรก... เอามาที่หน่วยอาทิตย์ละครั้ง ฉันจะซักให้เธอเอง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานจ้องเขา “ถ้าอย่างนั้นมันไม่เหม็นแย่รึ?”
หลิวเฟินกับหลี่เฟิ่งเหมยเดินอยู่ข้างหน้า เมื่อได้ยินว่าโจวเฉิงจะซักผ้าให้เซี่ยเสี่ยวหลาน หลิวเฟินก็อยากแย้งขึ้นมา หลี่เฟิ่งเหมยจึงดึงแขนเสื้อเธออย่างเอาเป็เอาตาย
ผู้หญิงทำงานบ้านคือเื่ปกติ หายากยิ่งที่จะเจอใครสักคนยอมซักเสื้อผ้าแทนผู้หญิง ทำไมต้องค้านเล่า? ตอนนี้ความรักของเด็กสองคนนั้นยังเบ่งบาน ในอนาคตจะซักผ้าหรือไม่ค่อยว่ากันอีกที คว้าเื่ดีๆ ในปัจจุบันไว้ก่อน! หลี่เฟิ่งเหมยหัวใสกว่าหลิวเฟิน หลิวเฟินจึงไม่ปริปากแล้ว
ห้องของโจวเฉิงถูกเก็บกวาดเป็ระเบียบเรียบร้อยมาก
พอหลิวเฟินกับหลี่เฟิ่งเหมยมาถึง ผู้บังคับบัญชาก็มาเยี่ยมเยือนด้วย โจวเฉิงแนะนำทันทีว่าเป็แม่ยายและป้าสะใภ้
ผู้บังคับบัญชาตบบ่าของโจวเฉิง “ต้อนรับขับสู้ดีๆ ล่ะ... ว่าแต่ เกิดอะไรขึ้นกับแตงโมที่คนในกองของเธอถืออยู่กัน?”
แตงโมถูกส่งให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละท่านกับเพื่อนร่วมงานแล้ว คนที่ไม่ได้รับคือฟางซื่อจงและคนในหน่วยของเขา โจวเฉิงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อพวกเขากินเนื้อแพะที่ภรรยาผมส่งมาให้แล้วยังไปรายงาน เช่นนั้นแตงโมพวกนี้ผมก็เก็บไว้กินเองดีกว่าครับ”
เหลือแตงโม 30 กว่าลูก ให้ลูกน้องของโจวเฉิงกินยังได้รับส่วนแบ่งกันถ้วนหน้าทุกคน ทำไมต้องให้คนอื่นกินเล่า กินแล้วยังโดนรายงานอีก?
ผู้บังคับบัญชาหมดคำโต้แย้งทันที
การรายงานพฤติกรรมครั้งก่อนคือการรายงานแบบ ‘ไม่ระบุนาม’ ทว่าใครรายงานนั้นทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจดี โจวเฉิงไม่ได้คิดอาฆาตแค้น เขาแค่ไม่เอาของที่ใช้เงินตนซื้อไปเลี้ยงสุนัข!
เชิงอรรถ
[1]橄榄枝 กิ่งมะกอก ปกติกิ่งมะกอกเป็สัญลักษณ์ของสันติภาพ ในที่นี้หมายความว่า เกาเฟยหยิบยื่นไมตรีให้โจวเฉิง แต่โจวเฉิงไม่รับ